บทที่ 300 การโต้กลับที่รวดเร็ว
บทที่ 300 การโต้กลับที่รวดเร็ว
เครือฮ่าวหรานเริ่มโต้กลับพร้อมกับบริษัทชิวเฮิงซึ่งให้ความช่วยเหลือในทุกด้าน
ทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทขนาดใหญ่ยักษ์ ดังนั้นเมื่อร่วมมือกัน สถานการณ์ต่าง ๆ จึงพลิกกลับอย่างรวดเร็วรวมไปถึงข่าวลือต่าง ๆ ก็ถูกลบหายไปราวกับว่าไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น!
เวลาเก้าโมงเช้า หลี่อิงไห่ถูกปลุกให้ตื่นโดยโทรศัพท์ขณะที่เขายังหลับอยู่
“ย…แย่แล้ว…ท่านประธานหลี่! พวกเราแย่แล้ว!”
ทันทีที่รับสายโทรศัพท์ ปลายสายก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกทันที!
“เป็นบ้าอะไรถึงโทรมาร้องโหยหวนใส่ฉันตั้งแต่เช้าแบบนี้!”
หลี่อิงไห่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอีกฝ่าย และรู้สึกไม่พอใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้ในทันที
“แกรีบอธิบายมาให้ไวเลยว่าทำไมถึงโทรมาตะโกนใส่ฉันตั้งแต่เช้า ถ้าหากแกไม่มีเหตุผลที่ดีพอละก็….วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่แกทำงานให้ฉัน!”
เขาดื่มน้ำเย็นก่อนที่จะตัดสินใจไล่พนักงานคนนี้ออก
อย่างไรก็ตาม คำพูดถัดไปของอีกฝ่าย มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า!
“ท…ท่านประธาน! เครือฮ่าวหราน…เมื่อคืนที่ผ่านมาพวกเขาโต้กลับอย่างรุนแรง! แถมมีบริษัทใหญ่เข้าร่วมด้วย! เราสู้พวกเขาไม่ได้เลย!”
“อะไรนะ!!”
หลี่อิงไห่ที่กำลังโกรธอยู่อึ้งไปในทันที!
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาได้สติ ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ
“แกอธิบายมาให้ชัดเจน! เครือฮ่าวหรานเริ่มโต้กลับแล้วเหรอ?”
“ใช่แล้วท่านประธาน! พวกเขาเริ่มโต้กลับเราเมื่อคืนนี้อย่างฉับพลัน จนเราไม่มีแม้แต่เวลาจะได้ตั้งตัว และตอนนี้สถานการณ์ทางฝั่งของเรากำลังย่ำแย่อย่างหนัก!”
เสียงของปลายสายเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าบริษัทอิงเหมากำลังประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก
หลังจากที่ได้ยินคำยืนยันนี้ หลี่อิงไห่ที่เงียบไปอยู่นานเพราะความตกตะลึง
ก่อนหน้านี้เขาได้วางแผนกับแก๊งฉลามคลั่งและแก๊งวาฬยักษ์มาเป็นอย่างดีแล้ว แถมอีกฝ่ายสัญญาว่าจะกักตัวพวกผู้บริหารของเครือฮ่าวหรานเอาไว้อย่างน้อยสองเดือนเพื่อให้ตัวเขามีเวลาเพียงพอในการกวาดซื้อหุ้นและผนวกเครือฮ่าวหราน
แต่นี่น้อยกว่าวัน!!
แถมเป็นเขาเองที่กำลังจะย่อยยับ!
“ไม่…เป็นไปไม่ได้! เป็นไปได้ยังไง! แบบนี้ฉันจบเห่แน่!!”
เมื่อคิดเช่นนี้ ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน
แค่อิทธิพลและความใหญ่โตของเครือฮ่าวหราน ก็สามารถบดขยี้บริษัทของเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กลับมีอีกบริษัทใหญ่ช่วยเครือฮ่าวหรานรุมยำเขาอีก ต่อให้จะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทขนาดเล็กหลายบริษัทของแก๊งฉลามคลั่ง มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
“มันจบแล้ว! คราวนี้ฉันจบแล้ว!”
เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถทำได้อีก หลี่อิงไห่ก็วางสายและพึมพำอย่างสิ้นหวัง
เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากขึ้นจากโอกาสครั้งนี้ เขาได้ใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัททั้งหมดไปแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อถูกโต้กลับ เขาจึงไม่สามารถดิ้นรนอะไรต่อได้เลย!
ไม่มีทางรอด!
ในเวลาเดียวกัน
หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานส่งถวนถวนเข้าเรียนเปียโนไปแล้ว ระหว่างทางไปบริษัท ชายหนุ่มโทรออกหาโจวเฟยหู่
“น้องอวี้! โทรมาหาฉันแต่เช้าเลย มีอะไรงั้นเหรอ?”
เสียงที่เบิกบานของอีกฝ่ายดังขึ้นทันที
“ใช่ ฉันมีเรื่องนิดหน่อย”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุผลที่ชายหนุ่มโทรหาอีกฝ่ายเป็นเพราะหลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน เขาเริ่มคิดที่จะจัดการกับแก๊งวาฬยักษ์ให้เด็ดขาด
ถึงแม้ว่าครั้งนี้หลังจากที่ถูกลักพาตัว พวกผู้บริหารระดับสูงของเครือฮ่าวหรานจะยังคงภักดีและยินดีที่จะสู้ต่อเพื่อบริษัท
แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง…หรือครั้งที่สามล่ะ?
ต่อให้เขาจะสามารถช่วยชีวิตคนเหล่านั้นได้ทุกครั้ง แต่ใครจะอยากทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องเสี่ยงภัยในทุก ๆ วัน?
เห็นได้ชัดว่า หลิ่วอวี้จิงไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยวางเรื่องความแค้นได้ง่าย ๆ หลังจากที่รู้ว่าแผนของตัวเองล้มเหลว คนของเขาอาจถูกลักพาตัวอีกครั้ง!
แก๊งวาฬยักษ์ต้องถูกกำจัด!
มิฉะนั้น เครือฮ่าวหรานอาจไม่สามารถพัฒนาได้อย่างสงบสุข
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงบอกการตัดสินใจของตัวเอง
“ตอนนี้ฉันต้องการให้แก๊งพยัคฆ์เวหาของนายจัดการกับแก๊งวาฬยักษ์ ทันที หรือไม่อย่างน้อย ๆ ก็โจมตีบางพื้นที่ของอีกฝ่าย เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกนั้นมาที่นายอย่างเต็มที่”
ประโยคนี้ดูเหมือนจะทำให้โจวเฟยหู่ตกใจพอสมควร เพราะเงียบไปหลายวินาทีก่อนที่จะถามกลับอย่างไม่แน่ใจ
“น้องอวี้ นายกำลังจะบอกว่าเราควรเริ่มโจมตีกลุ่มวาฬตอนนี้เลยงั้นเหรอ?”
“อืม!”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าตอบโดยไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นด้วย
เพราะเขาเดาได้ถึงลักษณะนิสัยของอีกฝ่าย
“นี่…นี่มันเยี่ยมไปเลย!! ฮ่า ๆๆ น้องอวี้ ไม่ต้องกังวล ฉันเองก็อยากจะสั่งสอนไอ้แก๊งวาฬยักษ์นั่นมานานแล้ว! ฉันแค่รอสัญญาณจากนายเท่านั้นเอง!”
น้ำเสียงที่ปลายสายของโทรศัพท์ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
ตามที่อวี้ฮ่าวหรานคาดไว้ โจวเฟยหู่ตั้งตารอสัญญาณจากเขาจริง ๆ ดังนั้นไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายจะหัวเราะด้วยความปีติยินดีเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“ดีมาก คืนนี้ฉันอยากได้ยินข่าวว่าแก๊งพยัคฆ์เวหามีชัยในทุกพื้นที่”
“ไม่มีปัญหา! น้องอวี้! การยึดพื้นที่ไม่ใช่เรื่องยาก ฉันจะแจ้งข่าวให้นายรู้ทันทีเมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วง!”
ถ้ดมา หลังจากที่ทั้งสองคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกันอีกเล็กน้อย โทรศัพท์ก็ถูกวางสาย
หลังจากวางสายไปได้เพียงครู่เดียว อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถถึงเครือฮ่าวหราน
วันนี้ต่างจากบรรยากาศที่ตื่นตระหนกของเมื่อวาน ทุกสิ่งทุกอย่างในบริษัทดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง…
เมื่อชายหนุ่มเข้ามาถึงในออฟฟิศ ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานนั่งลง ผู้จัดการหวังก็เคาะประตูและเดินเข้าไปพร้อมกับเอกสารปึกใหญ่
“ท่านประธานอวี้ เมื่อวานพวกเราทำงานหนักกันทั้งคืน เราได้ร่วมมือกับบริษัทชิวเฮิงเพื่อตอบโต้”
“อืม คุณและคนอื่น ๆ ทำได้ดีมาก”
อวี้ฮ่าวหรานมองเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของผู้จัดการหวังซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม
“ขอบคุณครับท่านประธาน สำหรับคำชม แต่เช้านี้ สิ่งต่าง ๆ คืบหน้ามากกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก”
“บอกรายละเอียดมาให้ผมฟังที”
“หลังจากทำงานหนักมาทั้งคืน ทันทีที่ตลาดหุ้นเปิดในเช้าวันนี้ ราคาหุ้นของบริษัทอิงเหมาดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ เราได้ร่วมมือกับบริษัทชิวเฮิง เพื่อซื้อหุ้นของอีกฝ่ายเป็นจำนวนมหาศาล”
ผู้จัดการหวังเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ยิ่งไปกว่านั้น พวกผู้บริหารและพวกผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทอิงเหมาที่รู้ว่าเรือใกล้จะล่มแล้วต่างก็รีบเสนอขายหุ้นของพวกเขาให้กับเราเพื่อเอาตัวรอด”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอีกครั้งพร้อมกับยิ้มอย่างสะใจ นี่เป็นข่าวดีจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม จริง ๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ บริษัทของหลี่อิงไห่จะสามารถต่อสู้กับเครือฮ่าวหรานและบริษัทชิวเฮิงได้ยังไงจริงไหม?
…
ไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยง
ในขณะนี้ในอาคารสำนักงานของบริษัทอิงเหมา
“จบแล้ว…ทุกอย่างมันจบแล้ว…ฉันไม่น่าเอาตัวไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย!”
หลี่อิงไห่เอนหลังพิงเก้าอี้ผู้บริหารและมองเพดานอย่างสิ้นหวัง
เขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งในเวลานี้ ไม่คิดเลยว่าพวกแก๊งใหญ่จะเชื่อถือไม่ได้ขนาดนี้
พวกมันบอกว่าจะยื้อเอาไว้ได้สองหรือสามเดือน แต่นี่มันแค่วันเดียวเอง! แค่วันเดียว…เครือฮ่าวหราน ร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่อีกแห่งโต้กลับอย่างบ้าคลั่ง!!
ถึงแม้ว่าบริษัทของเขาจะไม่ใช่บริษัทไก่กา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสองยักษ์ใหญ่ เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย!
บทที่ 299 เตรียมการตอบโต้
บทที่ 299 เตรียมการตอบโต้
หลังจากได้รับการช่วยเหลือ แทนที่ผู้บริหารทุกคนจะลาหยุดเพื่อปรับสภาพจิตใจ พวกเขาทั้งหลายกลับแสดงความทุ่มเทให้กับบริษัทโดยการกลับมาทำงานกันทุกคนทันที และเรื่องแรก ๆ ที่พวกเขาทำคือพยายามหาว่าใครกำลังเล่นงานเครือฮ่าวหรานอยู่
ในห้องประชุม
“หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดผ่านทุกช่องทาง ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าใครกำลังฉวยโอกาสกว้านซื้อหุ้นบริษัทของเราตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา”
ผู้จัดการหวังเอ่ยขึ้นกลางห้องประชุม
“ตลอดทั้งช่วงเช้า คนที่ฉวยโอกาสเล่นงานบริษัทของเราคือบริษัทอิงเหมา ซึ่งประธานบริษัทก็คือหลี่อิงไห่ คน ๆ นี้ผมคิดว่าประธานอวี้น่าจะรู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้ว”
ขณะนี้ ผู้จัดการหวังปรับสภาพจิตใจได้มากแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเคย เขาเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่อวี้ฮ่าวหราน
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อถูกมองและส่งสัญญาณให้พูดต่อ
อันที่จริง เขาประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของหลี่อิงไห่ ชายหนุ่มคิดไม่ถึงเช่นกันว่าชายแก่คนนั้นจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย
บริษัทของหลี่อิงไห่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่บริษัทเล็ก แต่มันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร มันใหญ่ไม่เท่ากับบริษัทชงซานก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยหากเอามาเทียบกับเครือฮ่าวหราน
ตาแก่นั่นไม่มีทางทำเรื่องนี้คนเดียวแน่นอน อวี้ฮ่าวหรานค่อนข้างมั่นใจในเรื่องนี้…
การที่บริษัทอิงเหมาต้องการจะฮุบเครือฮ่าวหรานที่ใหญ่กว่าหลายเท่านั้นมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน หากไม่มีความช่วยเหลือจากคนอื่นเข้าเสริม
จากนั้นคำพูดถัดมาของผู้จัดการหวังก็ยืนยันความคิดของอวี้ฮ่าวหราน
“หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดอีกหลายรอบ ท้ายที่สุดเราได้พบว่ามีบริษัทเล็ก ๆ อีกหลายบริษัทที่เข้าร่วมแผนการโจมตีบริษัทของเราด้วย ซึ่งบริษัทเหล่านั้นถึงแม้จะเล็ก แต่กลับมีเงินทุนที่หนามาก จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ผมพบว่าบริษัทเล็ก ๆ เหล่านั้นทั้งหมดเชื่อมโยงกับแก๊งใต้ดินแก๊งหนึ่งที่ชื่อว่า…แก๊งฉลามคลั่ง”
หลังจากพูดจบ ผู้จัดการหวังส่งต่อเอกสารข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการสืบสวนให้กับผู้บริหารทุกคนในห้องประชุมรวมไปถึงอวี้ฮ่าวหราน
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกพึงพอใจในตัวลูกน้องของตัวเองคนนี้มาก
แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ลูกน้องของเขาคนนี้ก็สามารถสืบเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นอาจจะต้องใช้เวลาเป็นวันเลยก็ว่าได้
ถัดมา…
เมื่อทุกคนรู้แล้วว่าศัตรูเป็นใคร บรรดาพวกผู้บริหารจึงเริ่มถกกันว่าจะตอบโต้อีกฝ่ายอย่างไรดี
อย่างไรก็ตาม ด้วยความซับซ้อนของปัญหา กว่าที่ทุกคนจะร่างแผนการตอบโต้ได้เวลาก็ล่วงเลยไปถึงสี่โมงเย็น…
เมื่อถึงเวลาสี่โมงเย็น อวี้ฮ่าวหรานออกจากบริษัททันที
ไม่ว่าปัญหาของบริษัทมันจะรุมเร้าแค่ไหน แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่เคยมองว่ามันสำคัญมากกว่าลูกสาวของเขาเอง
เกือบสี่โมงครึ่ง อวี้ฮ่าวหรานไปถึงโรงเรียนสอนเปียโน แต่ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจะพาลูกสาวกลับบ้าน เขาก็ได้พบว่าชายวัยกลางคนที่เคยมีปัญหากับเขาก่อนหน้านี้กำลังรอเขาอยู่ที่ทางออก
ชายวัยกลางคนคราวนี้มาพร้อมกับกล่องของเล่นชิ้นใหญ่ เขาถือมันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และพยายามยื่นมันให้ถวนถวนเพื่อเอาใจ
แต่ในทางกลับกัน ถวนถวนเพียงเหลือบมองชายวัยกลางคนแค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น จากนั้นเด็กน้อยก็เบือนหน้าหนีไปซุกอกอวี้ฮ่าวหรานแทน
การกระทำเช่นนี้ของถวนถวน ทำให้ชายวัยกลางคนถึงกับสลด
เมื่อเห็นว่าเอาใจเด็กน้อยไม่สำเร็จ เขาจึงเบนสายตาไปหาอวี้ฮ่าวหราน และพูดขึ้นด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“ค…คุณอวี้ ผ…ผมกำลังรอคุณอยู่เลย…”
ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนไม่หลงเหลือท่าทีที่หยิ่งผยองอีกต่อไป เขาพยายามแสดงสีหน้านอบน้อมอย่างเห็นได้ชัด
“ผ…ผมขอโทษคุณจริง ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด! ตอนนั้นผมมันตาบอด ผมมันเป็นตัวเดรัจฉาน ผมล่วงเกินคนที่ผมไม่อาจล่วงเกินได้ ผมสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดคุณอวี้อภัยให้ผมได้ไหม ละเว้นบริษัทของผมเถอะ ผมขอร้อง!”
“ผมสาบาน หากคุณอวี้ให้อภัยผม ไม่ว่าคุณอวี้จะต้องการให้ผมทำอะไรผมยอมหมดเลย!”
น้ำเสียงของชายวัยกลางคนสั่นเครือ ราวกับว่าเขาสามารถร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย อันที่จริงเขาไม่มองหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขาเดินผ่านไปราวกับอีกฝ่ายเป็นแค่ธาตุอากาศ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเปิดประตูออกไป อวี้ฮ่าวหรานก็หยุดฝีเท้าลงและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“อย่าให้ฉันเห็นแกที่นี่อีกต่อไป ไม่งั้นฉันจะทำให้แกตกต่ำมากกว่านี้!”
ในขณะที่ขู่ อวี้ฮ่าวหรานไม่หันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแม้แต่น้อย
“ผม….”
ชายวัยกลางคนรู้สึกหวาดกลัวกับคำขู่ของอวี้ฮ่าวหรานมากจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
เขาคือคนที่อยู่ในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองฮ่วยอันเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าคนที่รวยมาก ๆ กว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง
“ถ้าแกยังโผล่หน้ามาให้ลูกของฉันเห็นอีก ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าความกลัวมันเป็นยังไง!”
อวี้ฮ่าวหรานขู่ขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมาด้วย ซึ่งมันส่งผลให้ชายวัยกลางคนกลัวจนเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปที่พื้นทันที!
ชายวัยกลางคนหน้าซีด หน้าผากของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ และดวงตาแสดงออกว่ากลัวอย่างรุนแรง
หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายกลัวจนจำฝังใจแล้วแน่นอน อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนเดินจากไป
“พ่อจ๋า ลุงคนนั้นน่ารำคาญมากเลย! ก่อนพ่อจะมา เขาพยายามเข้ามาคุยกับหนูด้วยแหละ!”
ในรถ ถวนถวนบ่นขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่ต้องกังวล หลังจากนี้เขาจะไม่มาอีกแล้วแน่นอน”
อวี้ฮ่าวหรานรีบเอ่ยขึ้นให้ความมั่นใจลูกสาวของเขาทันที พร้อมกับตัดสินใจว่า ถ้าหากอีกฝ่ายยังคงดื้อรั้นไม่เชื่อคำขู่ของเขา เขาจะจัดการอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาด!
เมื่อกลับไปถึงห้อง อวี้ฮ่าวหรานก็พบว่าหลี่หรงกลับมาจากที่ทำงานแล้วเช่นกัน
“วันนี้ที่บริษัทเธอเรียบร้อยดีไหม?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยทักทายหลี่หรงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แน่นอนว่าต้องเรียบร้อยอยู่แล้ว! ด้วยความช่วยเหลือของพี่ พวกพนักงานในบริษัทของฉันตอนนี้ทำงานดีมากกว่าเดิมอีก จนฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย!”
หญิงสาวตอบกลับพลางเอนตัวราบไปกับโซฟาอย่างเกียจคร้าน
“ว่าแต่พี่เขย เมื่อเช้าฉันเห็นข่าวเกี่ยวกับบริษัทของพี่ในทีวีด้วย พวกผู้บริหารของพี่พากันลาออกพร้อมกันหมดเลยงั้นเหรอ? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“อย่าไปเชื่อข่าวพวกนั้น มันเป็นแค่ข่าวลวง”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับอย่างสบาย ๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่
ในขณะเดียวกันนี้ ถวนถวนวิ่งไปหาหลี่หรงและพูดขึ้นแทรก
“แม่หรง! วันนี้ที่โรงเรียนพ่อจ๋าไล่คนเลวไปด้วยแหละ!”
“จริงเหรอ? ไหนเล่าให้แม่หรงฟังสิว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
หลี่หรงยิ้มที่มุมปากพร้อมกับดึงตัวเด็กน้อยมานั่งตักด้วยความเอ็นดู
“ได้หนูจะเล่าให้ฟัง! วันนี้มีลุงน่ารำคาญคนหนึ่งมาหาหนูตอนเลิกเรียนและพ่อจ๋า…”
เด็กน้อยเล่าเรื่องทั้งหมดด้วยสีหน้าเบิกบานซึ่งถัดมาไม่นานนักท้องฟ้าก็มืดลง
แตกต่างจากความสุขสงบในคอนโดของอวี้ฮ่าวหราน
เครือฮ่าวหรานขณะนี้กำลังเริ่มการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่