ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – บทที่ 298 ตำแหน่งผู้นำตระกูล

บทที่ 298 ตำแหน่งผู้นำตระกูล

บทที่ 298 ตำแหน่งผู้นำตระกูล
บทที่ 298 ตำแหน่งผู้นำตระกูล

“หืม? แกเป็นใครวะ??”

“บัดซบ! แกนั่นแหละที่จะพบกับจุดจบ!”

นักเลงหลายคนเมื่อได้สติ พวกเขาจึงสบถใส่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าเดือดดาล ซึ่งทางด้านของชายหนุ่มเองก็ค่อย ๆ เดินเข้าหาพวกเขาอย่างสบาย ๆ ราวกับว่ากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ

“โอ้? พวกแกมีกันแค่นี้เองงั้นเหรอ?”

ที่นี่มีคนเฝ้าอยู่แค่ห้าคนเท่านั้น ซึ่งมันน้อยกว่าที่แรกมาก

“แล้วไงวะ! แค่พวกฉันคนเดียวก็หักคอละอ่อนอย่างแกได้สบาย ๆ แล้ว!”

หนึ่งในกลุ่มนักเลงตะโกนด้วยสีหน้าดูถูก เขาไม่คิดว่าคนร่างผอมอย่าง อวี้ฮ่าวหรานจะเป็นภัยต่อพวกเขา

“ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงกับการฆ่าพวกแก!”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปในพริบตาจากจุดที่ยืน และจากนั้นเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นภายในโกดังร้าง!

ที่ด้านนอก อาโกวยังคงยืนรออยู่ที่รถราวกับเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากด้านในโกดัง ตัวของเขาก็สั่นราวกับโดนน้ำเย็นสาด

เขาไม่อยากจะนึกภาพตามเลยว่าพวกคนข้างในกำลังเผชิญกับชะตากรรมแบบใดอยู่ถึงได้ร้องโหยหวนดังได้ขนาดนี้

หลังจากผ่านไปสักพัก อวี้ฮ่าวหรานก็เดินกลับออกมาจากโกดังพร้อมกับผู้บริหารอีกสองคนของเขา

เมื่อเห็นว่าอาโกวยังคงไม่จากไป อวี้ฮ่าวหรานก็หัวเราะเบา ๆ และเอ่ยว่า

“ฮ่า ๆ แกนี่รู้มากดีจริง ๆ ที่ยังไม่หนีไปไหน”

หากเป็นคนอื่นคงหนีไปแล้ว ตั้งแต่ที่เห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไปข้างในโกดัง

จริง ๆ ไม่ใช่ว่าอาโกวไม่อยากหนี แต่เขากลัวจนวิ่งไม่ไหวต่างหาก!

เขาได้เห็นเต็มสองตามาแล้วว่าอวี้ฮ่าวหรานแข็งแกร่งผิดมนุษย์มนา ดังนั้น ใครจะรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ถูกตามเจอหากหนีไป?

จากนั้น ด้วยการบอกทางของอาโกว อวี้ฮ่าวหรานขับรถตระเวนไปตามสถานที่ต่าง ๆ อีกหลายที่ซึ่งคนของเขาถูกจับขังเอาไว้ และช่วยเหลือออกมาได้ทั้งหมด

อีกด้านหนึ่ง

ในบ้านหลักตระกูลหลี่

“หลี่อิงไห่! แกกล้าทำแบบนี้กับลูกเขยฉันได้ยังไง! แกไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีบ้างเลยงั้นเหรอ!!”

ขณะนี้ หลี่ชงซานยืนชี้หน้าด่าหลี่อิงไห่กลางห้องโถงด้วยสีหน้าเดือดดาลสุดขีด

ผู้นำตระกูลคนนี้โมโหจนไม่สนใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะมีอายุมากกว่าตัวเอง เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายตรง ๆ โดยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

ทว่า ในทางกลับกัน หลี่อิงไห่กลับนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ได้แสดงสีหน้าเดือดร้อนอะไรเลยถึงแม้ว่าจะถูกด่า

“หึหึ ทำไมฉันจะไม่กล้า? ผู้นำตระกูลที่อ่อนแออย่างแกไม่มีสิทธิ์บ่นอะไรทั้งนั้นหรอก! และยิ่งไปกว่านั้น ฉันผิดตรงไหน? ฉันแค่พยายามเอาบริษัทที่เป็นของตระกูลหลี่กลับมาจากคนนอกก็เท่านั้น!”

หลี่อิงไห่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับว่าเขากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง

“ก…แก!!”

หลี่ชงซานพูดไม่ออกไปสักพักเนื่องจากโกรธสุดขีด

“แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าบริษัทชงซานได้ถูกขายให้กับตระกูลอู๋ไปแล้ว และเมื่อ ฮ่าวหราน เป็นคนซื้อมันกลับมา บริษัทชงซานก็ควรเป็นของฮ่าวหราน ไม่ใช่ของตระกูลเราอีกต่อไป!”

“ก็ที่มันเป็นแบบนั้นเป็นเพราะแกอ่อนแอและโง่เง่า!”

หลี่อิงไห่ตวาดกลับโต้แย้งคำพูดของหลี่ชงซาน

“แกปล่อยให้ลูกชายขยะของแกบ่อนทำลายตระกูลไม่พอ แต่นี่แกกลับยกบริษัทที่เป็นเสาหลักของตระกูลให้กับคนนอกอีกต่างหาก แกไม่รู้สึกละอายบ้างหรือไงชงซาน?!”

“ตอนนี้แกควรลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูลได้แล้ว และส่งต่อมันมาให้ฉัน ฉันคนนี้ที่สามารถจัดการกับเครือฮ่าวหรานที่ใหญ่โตได้ย่อมมีความสามารถมากกว่าแกในทุก ๆ ด้าน!”

“ฮ่าวหรานไม่ใช่คนนอก!”

หลี่ชงซานอดไม่ได้ที่จะเถียงกลับในประเด็นนี้ อวี้ฮ่าวหรานช่วยเหลือตระกูลของเขาเอาไว้หลายรอบ ดังนั้นเขาจึงถือว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นสมาชิกในตระกูลคนหนึ่งโดยสมบูรณ์และมีสิทธิ์ทุกอย่างในตระกูล

“ฮึ่ม! แกบอกว่าลูกเขยของฉันเป็นคนนอก แล้วแกล่ะเป็นอะไร? ไอ้พวกแก๊งฉลามคลั่งเป็นคนสายเลือดเดียวกับแกหรือไง แกถึงได้ไปติดต่อกับพวกมัน?!”

เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้ หลี่ชงซานจึงเผยว่าตัวเองได้รู้เรื่องบางส่วนเช่นกัน

หลี่อิงไห่อึ้งไปพักหนึ่งเมื่อได้ยินประโยคนี้

“น..นี่ แกรู้ด้วยงั้นเหรอ?”

เขานึกไม่ถึงเลยว่า คนที่แทบจะไม่ได้เหยียบออกจากบ้านเลยอย่างหลี่ชงซานจะรู้เรื่องข้างนอกมากขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่แผนการทั้งหมดเพิ่งเริ่มเมื่อเช้า

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้สติ หลี่อิงไห่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น

“ฮ่า ๆๆ ชงซาน ดูเหมือนว่าฉันประเมินแกต่ำไปหน่อย แต่แล้วยังไงล่ะ? ต่อให้แกรู้มันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ท้ายที่สุดฉันก็คือผู้ชนะอยู่ดี!”

“ถึงแม้ว่าฉันจะพอรู้ความคิดของแก แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทำไมแกถึงอยากได้ตำแหน่งผู้นำตระกูลนักหนาจนถึงขนาดสร้างความร้าวฉานในตระกูล? แกไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าพวกเราทั้งหมดมีสายเลือดเดียวกัน!”

หลี่ชงซานรู้สึกเจ็บปวดใจในระหว่างพูดประโยคนี้ เขาไม่คิดเลยว่าคนตระกูลเดียวกันจะหักหลังกันได้ขนาดนี้กับแค่เพียงตำแหน่งผู้นำตระกูล?

“ช่างเถอะ ๆ ฉันขี้เกียจเปลืองน้ำลายกับแกแล้วเพราะต่อให้ฉันอธิบายอะไรไป คนโง่อย่างแกก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เอาเป็นว่าหลังจากฉันยึดเครือฮ่าวหรานได้เมื่อไหร่ ต่อให้แกจะไม่ลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูล สมาชิกทุกคนในตระกูลก็บังคับให้แกลงอยู่ดี เอาไว้เราค่อยเจอกันใหม่อีกทีตอนนั้นก็แล้วกัน!”

หลังจากพูดจบ หลี่อิงไห่ก็เดินออกจากห้องโถงไปในทันทีส่งผลให้บรรยากาศในห้องโถงเงียบสงัด

หลี่จิงเทียนซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของเขาตลอด หลังจากได้สติจากอาการตกตะลึงเขาสะกิดพ่อของตัวเองทันที

“พ…พ่อ พวกเราจะทำยังไงกันต่อดี?”

เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น

อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้รับคำตอบใด ๆ เพราะตอนนี้หลี่ชงซาน เองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง

เมื่อเช้านี้หลังจากได้รับข่าวเกี่ยวกับเครือฮ่าวหราน ด้วยความไม่เชื่อเขาจึงถามข่าวนี้จากใครหลายคนและท้ายที่สุดเมื่อโทรไปถามหลี่อิงไห่ อีกฝ่ายกลับยอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแบบตรง ๆ ซึ่งมันทำให้เขาช็อกมาก

“เฮ้อ…คราวนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับฮ่าวหรานแล้วว่าจะแก้ไขปัญหานี้ยังไง”

หลี่ชงซานถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนที่จะเอนพิงเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง

ปัญหานี้มันยากเกินกว่าที่เขาจะทำอะไรได้

ในขณะเดียวกัน ด้วยความช่วยเหลือจากแก๊งฉลามคลั่ง หลี่อิงไห่จึงกวาดซื้อหุ้นของเครือฮ่าวหรานได้อย่างบ้าคลั่ง ซึ่งเครือฮ่าวหรานในตอนนี้นั้นเหมือนชายร่างกำยำที่ไร้มือและแขน ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ต่าง ๆ มันกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในเร็ว ๆ นี้!

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานช่วยเหลือทุกคนเสร็จและกลับไปถึงบริษัท เขากลับผมว่าบรรดาผู้บริหารที่เพิ่งถูกลักพาตัวไปไม่มีใครลาหยุดเลยสักคน พวกเขาต่างกลับมาทำงานเพื่อผลักดันให้สถานการณ์วิกฤตของบริษัทกลับไปเป็นปกติเช่นเดิม!

บทที่ 342 ปีศาจ
บทที่ 342 ปีศาจ

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่คนที่โง่เขลาเหล่านี้อย่างขบขัน

“นี่พวกแกยังนึกไม่ออกอีกเหรอไงว่าฉันเป็นใคร? พวกแกไล่กัดฉันเหมือนหมาบ้ามาหลายรอบแล้ว และล่าสุดพวกแกก็ส่งไอ้อสรพิษเงินนั่นมาให้ฉันกระทืบตาย คราวนี้พวกแกนึกออกแล้วหรือยัง?”

“ก…แกคืออวี้ฮ่าวหราน!!”

ในที่สุด เมื่อได้ยินชื่อรองเจ้าตำหนัก นักฆ่าชุดดำที่อยู่ในขอบเขตพลังภายในขั้นสูงก็ตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง!

เขาคือคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในระดับสูงของตำหนักคุมกฎ ดังนั้นจึงรู้ข้อมูลว่ารองเจ้าตำหนักออกไปทำภารกิจสังหารใครเมื่อล่าสุดนี้

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้รองเจ้าตำหนักอสรพิษเงินไม่ได้กลับมา แต่อีกฝ่ายกลับโผล่มาแทน…

นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?!

“แกฆ่ารองเจ้าตำหนักของเราไปแล้วเหรอ!?”

ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อการคาดเดาของตัวเองนัก

ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขาอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ เท่านั้นเอง

เป็นไปได้อย่างไรที่ชายหนุ่มอายุแค่นี้สามารถฆ่ารองเจ้าตำหนักอสรพิษเงินที่อยู่ในขอบเขตพลังภายในขั้นสูงสุดได้?

“นี่แกเป็นเฒ่าปีศาจอายุร้อยปีที่เอาหนังมนุษย์มาสวมหรือไง!?”

เขามองที่ใบหน้าของอวี้ฮ่าวหรานอย่างสับสน ทั้งความแข็งแกร่งและอารมณ์ที่ไม่สั่นไหวของชายหนุ่มนั้นไม่สอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอกที่อายุน้อยเป็นอย่างมาก

“ฉีกหนังมนุษย์ที่แกสวมออกซะ! ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าแกเป็นปีศาจเฒ่าแบบไหนที่มาจัดการกับพวกเรา!”

อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

ปีศาจเฒ่า??

แม้ว่าตัวเองจะอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเทพมานานกว่าสามหมื่นปี แต่เขาก็มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้นในโลกมนุษย์ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับเรียกเขาว่าปีศาจเฒ่าเนี่ยนะ?

แต่ถ้ามองในมุมที่เอาอายุของทั้งสองโลกมารวมกัน ชายหนุ่มก็คงเป็นปีศาจเฒ่าจริง ๆ ซึ่งเรื่องนี้เขาคงเถียงไม่ได้…

“หยุดไร้สาระสักที รีบไปเรียกเจ้าตำหนักของแกออกมาได้แล้ว ฉันไม่อยากไล่ฆ่าพวกแกทีละคนให้เสียเวลา มันน่าเบื่อ!”

วันนี้สิ่งที่เรียกว่าตำหนักคุมกฎ เขาจะต้องทำลายมันให้หมดอย่างแน่นอน!

“ฮึ่ม! ถึงแม้ว่าแกจะแข็งแกร่ง แต่อย่าคิดว่าพวกเราจะกลัวแก! พวกเราโจมตี!”

เมื่อเห็นว่าคงไม่สามารถเจรจาอะไรกันได้อีก นักฆ่าชุดดำก็พ่นลมหายใจ ก่อนที่จะโบกมือสั่งคนของตัวเองทั้งหมดให้รุมอวี้ฮ่าวหราน ทันที

ด้วยคำสั่ง นักฆ่าขอบเขตพลังภายในมากกว่าหนึ่งโหลที่ล้อมรอบอวี้ฮ่าวหรานอยู่ต่างพึมพำคาถาบางอย่างและโบกมือไปมาอย่างพร้อมเพรียง!

แค่เวลาเพียงเสี้ยวพริบตาในขณะที่พวกนักฆ่าท่องคาถา หมอกพิษสีเขียวอ่อนค่อย ๆ แพร่กระจายออกจากแขนเสื้อของพวกเขา!

เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกถึงความแปลกประหลาดของหมอกพิษนี้

“หืม? หมอกพิษนี้สามารถกัดกร่อนพลังวิญญาณของฉันได้ด้วย? ของดีนี่นา!”

เขาสัมผัสได้ถึงพลังกัดกร่อนของหมอกพิษนี้ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มแปลกใจนิดหน่อย

อย่างไรก็ตาม คำพูดนี้กลับเป็นเหมือนการดูถูกอย่างสุดแสนต่อพวกนักฆ่าองค์กรอสรพิษ!

“ไอ้เฒ่าปีศาจ แกอย่าปากดีให้มากนัก! ถึงแม้ว่าแกจะแข็งแกร่ง แต่ตราบใดที่อยู่ในขอบเขตพลังภายใน แกก็ไม่มีทางรอดจากสุดยอดพิษของพวกเราได้แน่!”

แววตาของนักฆ่าชุดดำที่เป็นผู้นำนั้นดูถูกเหยียดหยามอย่างยิ่ง เขาไม่รู้ว่าพลังวิญญาณคืออะไร เขาคิดแค่ว่ามันน่าจะเป็นอีกชื่อหนึ่งของพลังภายใน

ในไม่ช้า หมอกพิษที่ล่องลอยอยู่ก็ค่อย ๆ ควบแน่น และในที่สุดมันก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นงูพิษสีเขียวอ่อนตัวขนาดมหึมาลอยอยู่

มันดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก…

แต่ขนาดค่ายกลที่นับได้ว่ายอดเยี่ยมในโลกนี้ของอู๋หลั่น อวี้ฮ่าวหรานยังสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นค่ายกลแบบนี้ที่อ่อนแอกว่าอย่างชัดเจนจะทำอะไรอวี้ฮ่าวหรานได้?

“ภายนอกดูดี แต่น่าเสียดายที่แก่นแท้ของมันกลับกลวงโบ๋!”

อวี้ฮ่าวหรานไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เนตรเทวะเพ่งหาจุดอ่อนด้วยซ้ำ เขาโคจรพลังวิญญาณและโบกมือซัดคลื่นพลังวิญญาณมหาศาลถาโถมเข้าหางูพิษยักษ์โดยตรง!

วินาทีถัดมา เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ทำให้พวกนักฆ่าต่างตะลึงพรึงเพริด

เงาพิษยักษ์ที่เกิดจากหมอกพิษที่ควบแน่น แทนที่จะกลืนพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหรานเข้าไป มันกลับถูกบดขยี้ด้วยคลื่นพลังวิญญาณอันมหาศาลซะเอง!

“น…นี่มันบ้าอะไรกัน!!”

“มันเป็นไปได้ยังไง!?”

เมื่อเห็นฉากที่น่าทึ่งนี้ นักฆ่าทุกคนก็ตกตะลึง!

แต่คลื่นพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น คลื่นพลังยังคงแผ่กระจายกวาดล้างต่อไปอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง!

บรึ้ม!

บรรดานักฆ่าชุดดำต่างโคจรพลังของตัวเองเพื่อสร้างเกราะป้องกันทันทีอย่างเร่งรีบ เมื่อพวกเขารู้สึกได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังถาโถมเข้าหา!

นี่ไม่ใช่พลังที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตพลังภายในควรจะมีเลย!

ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของเขา ก่อนที่ร่างของพวกนักฆ่าทั้งหมดจะถูกกระแทกจนปลิวไปราวกับว่าวสายป่านขาด!

วินาทีถัดมา ค่ายกลงูพิษยักษ์ก็แตกสลายไปจนหมดสิ้น!

แค่การระเบิดคลื่นพลังวิญญาณเพียงครั้งเดียว อวี้ฮ่าวหรานก็สามารถสังหารเหล่านักฆ่าชุดดำที่เพิ่งช่วยกันประสานค่ายกลจนหมด!

ในท้ายที่สุดก็เหลือเพียงผู้ที่เป็นผู้นำกลุ่มเท่านั้น

“เจ้าตำหนักของแกอยู่ที่ไหน?”

อวี้ฮ่าวหรานพุ่งเข้าไปประชิดตัวและกุมคออีกฝ่ายอย่างง่ายดาย

“ฉัน…ฉันไม่รู้”

ดวงตาของผู้นำกลุ่มนักฆ่าเต็มไปด้วยความสยดสยอง เขาไม่เคยเห็นใครที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน มันเหมือนกับว่าอีกฝ่ายเป็นเทพสวรรค์ที่เสด็จลงมายังโลก และทำลายค่ายกลของพวกเขาตามความประสงค์

ในเวลานี้เองที่เขาเพิ่งเข้าใจว่าองค์กรอสรพิษของเขาได้ยั่วยุตัวตนที่พวกเขาไม่อาจต่อกรได้เข้าให้แล้ว!

ไม่น่าแปลกใจที่รองเจ้าตำหนักอสรพิษเงินจะตายไปอย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะตกใจกลัวมากขนาดไหน เขาถามขึ้นอีกรอบอย่างเย็นชา

“แกแน่ใจนะว่าแกไม่รู้?”

“ฉัน…อ๊ากกก! ไม่…”

นักฆ่าต้องการจะปฏิเสธ แต่จู่ ๆ แขนของเขาก็ถูกบีบจนกระดูกแหลก แล้วก็กรีดร้องทันที

“แกฆ่าฉัน แกฆ่าฉันซะเลยสิ!!”

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ใบหน้าของเขาซีดเซียวและมีเหงื่อออกทั่วหน้าผากของเขา!

กร๊อบ!

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้เชื่อคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย และค่อย ๆ ไล่บีบแขนของอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ ราวกับว่าจะบดกระดูกแขนทั้งแขนให้แหลกเละทุกตารางนิ้ว

“แกสามารถเลี่ยงความเจ็บปวดได้ ถ้าแกยอมพูดความจริง”

ตราบใดที่อวี้ฮ่าวหรานจ้องมองอย่างตั้งใจ เขาก็สามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกหรือไม่

“ฉัน…ฉันยอมบอกแล้ว!”

ในที่สุดนักฆ่าก็ทนไม่ไหว และพูดออกมาอย่างสั่นสะท้าน

“เจ้าตำหนักของเรากำลังฝึกอยู่ในห้องใต้ดิน ใต้คฤหาสน์กลาง”

“ยอมบอกมาตั้งแต่แรกก็จบแล้ว ทนทรมานให้ฉันเสียเวลาไปทำไม?”

อวี้ฮ่าวหรานมองอีกฝ่ายอย่างดูถูก คนบางคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!

เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการมาเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ไม่อยากพูดไร้สาระกับอีกฝ่ายอีก อวี้ฮ่าวหรานจัดการหักคออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และโยนศพทิ้งไปอย่างไม่แยแส

สำหรับคนเหล่านี้เขาไม่จำเป็นต้องให้เกียรติ

องค์กรนักฆ่าได้สังหารผู้บริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วน

คนในองค์กรนี้ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปอีก

หลังจากรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของเจ้าตำหนักคุมกฎ อวี้ฮ่าวหรานก็วิ่งรีบไปที่คฤหาสน์กลางอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทาง หากมีพวกนักฆ่าคนไหนเข้ามาขวางทาง เขาก็จะฆ่าพวกมันจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!

โครม!

ด้วยการซัดพลังวิญญาณเข้าใส่ ประตูของคฤหาสน์ก็พังทลายลงทันที!

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาก้าวเข้าไป ลูกศรพิษจากหน้าไม้อันเขื่องหลายสิบลูกก็พุ่งเข้ามาแทบจะพร้อมกัน!

ลูกศรหน้าไม้พวกนี้หากถูกยิงจากระยะไม่ไกล ความเร็วของพวกมันจะเร็วกว่าลูกปืนธรรมดาซะอีก หากเป็นคนธรรมดาคงโดนยิงจนพรุนโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนอะไรเข้าไปและตายโดยที่ไม่มีโอกาสตอบโต้เลย

แต่สำหรับอวี้ฮ่าวหราน ความเร็วของลูกศรพิษจากหน้าไม้เหล่านี้ไม่ใช่ภัยคุกคามเลย!

เขาโบกมืออย่างรวดเร็วซัดคลื่นพลังวิญญาณให้กระจายไปทั่วด้านหน้า!

ลูกศรพิษที่พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีเมื่อสัมผัสกับคลื่นพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหราน!

“นี่! นี่มันเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่า!?”

“ไม่…เป็นไปไม่ได้!”

ถึงแม้ว่านักฆ่าพวกนี้จะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเมื่อได้เห็นฉากที่น่ากลัวเช่นนี้

“การโจมตีของพวกแกจบแล้วเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่เหล่านักฆ่าที่ถือหน้าไม้อยู่อย่างเยาะเย้ย และเจตนาฆ่าก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา!

“ถ้างั้นก็ตาฉันบ้างละนะ!”

บทที่ 300 การโต้กลับที่รวดเร็ว
บทที่ 300 การโต้กลับที่รวดเร็ว

เครือฮ่าวหรานเริ่มโต้กลับพร้อมกับบริษัทชิวเฮิงซึ่งให้ความช่วยเหลือในทุกด้าน

ทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทขนาดใหญ่ยักษ์ ดังนั้นเมื่อร่วมมือกัน สถานการณ์ต่าง ๆ จึงพลิกกลับอย่างรวดเร็วรวมไปถึงข่าวลือต่าง ๆ ก็ถูกลบหายไปราวกับว่าไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น!

เวลาเก้าโมงเช้า หลี่อิงไห่ถูกปลุกให้ตื่นโดยโทรศัพท์ขณะที่เขายังหลับอยู่

“ย…แย่แล้ว…ท่านประธานหลี่! พวกเราแย่แล้ว!”

ทันทีที่รับสายโทรศัพท์ ปลายสายก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกทันที!

“เป็นบ้าอะไรถึงโทรมาร้องโหยหวนใส่ฉันตั้งแต่เช้าแบบนี้!”

หลี่อิงไห่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอีกฝ่าย และรู้สึกไม่พอใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้ในทันที

“แกรีบอธิบายมาให้ไวเลยว่าทำไมถึงโทรมาตะโกนใส่ฉันตั้งแต่เช้า ถ้าหากแกไม่มีเหตุผลที่ดีพอละก็….วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่แกทำงานให้ฉัน!”

เขาดื่มน้ำเย็นก่อนที่จะตัดสินใจไล่พนักงานคนนี้ออก

อย่างไรก็ตาม คำพูดถัดไปของอีกฝ่าย มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า!

“ท…ท่านประธาน! เครือฮ่าวหราน…เมื่อคืนที่ผ่านมาพวกเขาโต้กลับอย่างรุนแรง! แถมมีบริษัทใหญ่เข้าร่วมด้วย! เราสู้พวกเขาไม่ได้เลย!”

“อะไรนะ!!”

หลี่อิงไห่ที่กำลังโกรธอยู่อึ้งไปในทันที!

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาได้สติ ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ

“แกอธิบายมาให้ชัดเจน! เครือฮ่าวหรานเริ่มโต้กลับแล้วเหรอ?”

“ใช่แล้วท่านประธาน! พวกเขาเริ่มโต้กลับเราเมื่อคืนนี้อย่างฉับพลัน จนเราไม่มีแม้แต่เวลาจะได้ตั้งตัว และตอนนี้สถานการณ์ทางฝั่งของเรากำลังย่ำแย่อย่างหนัก!”

เสียงของปลายสายเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าบริษัทอิงเหมากำลังประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก

หลังจากที่ได้ยินคำยืนยันนี้ หลี่อิงไห่ที่เงียบไปอยู่นานเพราะความตกตะลึง

ก่อนหน้านี้เขาได้วางแผนกับแก๊งฉลามคลั่งและแก๊งวาฬยักษ์มาเป็นอย่างดีแล้ว แถมอีกฝ่ายสัญญาว่าจะกักตัวพวกผู้บริหารของเครือฮ่าวหรานเอาไว้อย่างน้อยสองเดือนเพื่อให้ตัวเขามีเวลาเพียงพอในการกวาดซื้อหุ้นและผนวกเครือฮ่าวหราน

แต่นี่น้อยกว่าวัน!!

แถมเป็นเขาเองที่กำลังจะย่อยยับ!

“ไม่…เป็นไปไม่ได้! เป็นไปได้ยังไง! แบบนี้ฉันจบเห่แน่!!”

เมื่อคิดเช่นนี้ ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน

แค่อิทธิพลและความใหญ่โตของเครือฮ่าวหราน ก็สามารถบดขยี้บริษัทของเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กลับมีอีกบริษัทใหญ่ช่วยเครือฮ่าวหรานรุมยำเขาอีก ต่อให้จะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทขนาดเล็กหลายบริษัทของแก๊งฉลามคลั่ง มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

“มันจบแล้ว! คราวนี้ฉันจบแล้ว!”

เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถทำได้อีก หลี่อิงไห่ก็วางสายและพึมพำอย่างสิ้นหวัง

เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากขึ้นจากโอกาสครั้งนี้ เขาได้ใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัททั้งหมดไปแล้ว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อถูกโต้กลับ เขาจึงไม่สามารถดิ้นรนอะไรต่อได้เลย!

ไม่มีทางรอด!

ในเวลาเดียวกัน

หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานส่งถวนถวนเข้าเรียนเปียโนไปแล้ว ระหว่างทางไปบริษัท ชายหนุ่มโทรออกหาโจวเฟยหู่

“น้องอวี้! โทรมาหาฉันแต่เช้าเลย มีอะไรงั้นเหรอ?”

เสียงที่เบิกบานของอีกฝ่ายดังขึ้นทันที

“ใช่ ฉันมีเรื่องนิดหน่อย”

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุผลที่ชายหนุ่มโทรหาอีกฝ่ายเป็นเพราะหลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน เขาเริ่มคิดที่จะจัดการกับแก๊งวาฬยักษ์ให้เด็ดขาด

ถึงแม้ว่าครั้งนี้หลังจากที่ถูกลักพาตัว พวกผู้บริหารระดับสูงของเครือฮ่าวหรานจะยังคงภักดีและยินดีที่จะสู้ต่อเพื่อบริษัท

แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง…หรือครั้งที่สามล่ะ?

ต่อให้เขาจะสามารถช่วยชีวิตคนเหล่านั้นได้ทุกครั้ง แต่ใครจะอยากทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องเสี่ยงภัยในทุก ๆ วัน?

เห็นได้ชัดว่า หลิ่วอวี้จิงไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยวางเรื่องความแค้นได้ง่าย ๆ หลังจากที่รู้ว่าแผนของตัวเองล้มเหลว คนของเขาอาจถูกลักพาตัวอีกครั้ง!

แก๊งวาฬยักษ์ต้องถูกกำจัด!

มิฉะนั้น เครือฮ่าวหรานอาจไม่สามารถพัฒนาได้อย่างสงบสุข

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงบอกการตัดสินใจของตัวเอง

“ตอนนี้ฉันต้องการให้แก๊งพยัคฆ์เวหาของนายจัดการกับแก๊งวาฬยักษ์ ทันที หรือไม่อย่างน้อย ๆ ก็โจมตีบางพื้นที่ของอีกฝ่าย เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกนั้นมาที่นายอย่างเต็มที่”

ประโยคนี้ดูเหมือนจะทำให้โจวเฟยหู่ตกใจพอสมควร เพราะเงียบไปหลายวินาทีก่อนที่จะถามกลับอย่างไม่แน่ใจ

“น้องอวี้ นายกำลังจะบอกว่าเราควรเริ่มโจมตีกลุ่มวาฬตอนนี้เลยงั้นเหรอ?”

“อืม!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าตอบโดยไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นด้วย

เพราะเขาเดาได้ถึงลักษณะนิสัยของอีกฝ่าย

“นี่…นี่มันเยี่ยมไปเลย!! ฮ่า ๆๆ น้องอวี้ ไม่ต้องกังวล ฉันเองก็อยากจะสั่งสอนไอ้แก๊งวาฬยักษ์นั่นมานานแล้ว! ฉันแค่รอสัญญาณจากนายเท่านั้นเอง!”

น้ำเสียงที่ปลายสายของโทรศัพท์ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด

ตามที่อวี้ฮ่าวหรานคาดไว้ โจวเฟยหู่ตั้งตารอสัญญาณจากเขาจริง ๆ ดังนั้นไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายจะหัวเราะด้วยความปีติยินดีเมื่อได้ยินเรื่องนี้

“ดีมาก คืนนี้ฉันอยากได้ยินข่าวว่าแก๊งพยัคฆ์เวหามีชัยในทุกพื้นที่”

“ไม่มีปัญหา! น้องอวี้! การยึดพื้นที่ไม่ใช่เรื่องยาก ฉันจะแจ้งข่าวให้นายรู้ทันทีเมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วง!”

ถ้ดมา หลังจากที่ทั้งสองคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกันอีกเล็กน้อย โทรศัพท์ก็ถูกวางสาย

หลังจากวางสายไปได้เพียงครู่เดียว อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถถึงเครือฮ่าวหราน

วันนี้ต่างจากบรรยากาศที่ตื่นตระหนกของเมื่อวาน ทุกสิ่งทุกอย่างในบริษัทดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง…

เมื่อชายหนุ่มเข้ามาถึงในออฟฟิศ ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานนั่งลง ผู้จัดการหวังก็เคาะประตูและเดินเข้าไปพร้อมกับเอกสารปึกใหญ่

“ท่านประธานอวี้ เมื่อวานพวกเราทำงานหนักกันทั้งคืน เราได้ร่วมมือกับบริษัทชิวเฮิงเพื่อตอบโต้”

“อืม คุณและคนอื่น ๆ ทำได้ดีมาก”

อวี้ฮ่าวหรานมองเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของผู้จัดการหวังซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม

“ขอบคุณครับท่านประธาน สำหรับคำชม แต่เช้านี้ สิ่งต่าง ๆ คืบหน้ามากกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก”

“บอกรายละเอียดมาให้ผมฟังที”

“หลังจากทำงานหนักมาทั้งคืน ทันทีที่ตลาดหุ้นเปิดในเช้าวันนี้ ราคาหุ้นของบริษัทอิงเหมาดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ เราได้ร่วมมือกับบริษัทชิวเฮิง เพื่อซื้อหุ้นของอีกฝ่ายเป็นจำนวนมหาศาล”

ผู้จัดการหวังเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น

“ยิ่งไปกว่านั้น พวกผู้บริหารและพวกผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทอิงเหมาที่รู้ว่าเรือใกล้จะล่มแล้วต่างก็รีบเสนอขายหุ้นของพวกเขาให้กับเราเพื่อเอาตัวรอด”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอีกครั้งพร้อมกับยิ้มอย่างสะใจ นี่เป็นข่าวดีจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม จริง ๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ บริษัทของหลี่อิงไห่จะสามารถต่อสู้กับเครือฮ่าวหรานและบริษัทชิวเฮิงได้ยังไงจริงไหม?

ไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยง

ในขณะนี้ในอาคารสำนักงานของบริษัทอิงเหมา

“จบแล้ว…ทุกอย่างมันจบแล้ว…ฉันไม่น่าเอาตัวไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย!”

หลี่อิงไห่เอนหลังพิงเก้าอี้ผู้บริหารและมองเพดานอย่างสิ้นหวัง

เขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งในเวลานี้ ไม่คิดเลยว่าพวกแก๊งใหญ่จะเชื่อถือไม่ได้ขนาดนี้

พวกมันบอกว่าจะยื้อเอาไว้ได้สองหรือสามเดือน แต่นี่มันแค่วันเดียวเอง! แค่วันเดียว…เครือฮ่าวหราน ร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่อีกแห่งโต้กลับอย่างบ้าคลั่ง!!

ถึงแม้ว่าบริษัทของเขาจะไม่ใช่บริษัทไก่กา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสองยักษ์ใหญ่ เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย!

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

Status: Ongoing
ในที่สุด… มหาจักรพรรดิแห่งมวลเทพ ‘อวี้ฮ่าวหราน’ ก็สามารถกลับมาที่โลกได้สำเร็จ.. ! 3 หมื่นปี เขาต้องติดอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้านานถึง 3 หมื่นปีหลักจากตกหน้าผาและเกิดใหม่ในดินแดนเหนือจินตนาการ !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท