ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – บทที่ 305 เทพแห่งความมั่งคั่ง

บทที่ 305 เทพแห่งความมั่งคั่ง

บทที่ 305 เทพแห่งความมั่งคั่ง
บทที่ 305 เทพแห่งความมั่งคั่ง

“น…นี่คุณ…คุณจริงจังใช่ไหม?”

อาลี่รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยในเวลานี้ ถ้าเธอสามารถขายรถยนต์คันนี้ได้จริง ๆ ค่าคอมมิชชั่นที่เธอจะได้รับมันมากเท่ากับฐานเงินเดือนของเธอหนึ่งปีเลยทีเดียว!

มันไม่ใช่จำนวนเงินเล็กน้อยเลย!

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้หญิงวัยกลางคนที่กำลังแอบดูอยู่เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอจึงรีบเดินเข้ามาใกล้ ๆ ทันที

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ ในขณะนี้

“นี่คุณคิดว่าผมกำลังล้อเล่นอยู่งั้นเหรอ? รีบไปเอาเอกสารมาเถอะ ผมจะจ่ายเงินเต็มจำนวนในทันที”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ หญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาใกล้แล้วก็เปลี่ยนไปในทันที!

การขายรถราคา 8 ล้านได้นั้นหมายถึงค่าคอมมิชชั่นก้อนโต!

หากผู้ชายคนนี้ไม่ได้ล้อเล่น เธอจะยอมปล่อยเงินก้อนโตนี้ไปได้ยังไง?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะยังมีความสงสัยอยู่ในใจ แต่ก็เต็มใจที่จะลองเดิมพันดู

หากอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเศรษฐีที่ชอบทำตัวติดดินจริง ๆ มันก็หมายความว่าเธอจะได้รับเงินที่มูลค่าเท่ากับฐานเงินเดือนของเธอครึ่งปีในคราวเดียว!!

สิ่งนี้จะไม่น่าตื่นเต้นได้อย่างไร?

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงรีบก้าวเข้ามาแทรกและเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประจบประแจง

“อาลี่! เมื่อกี้นี้ฉันมีธุระนิดหน่อยก็เลยต้องให้เธอดูแลสุภาพบุรุษท่านนี้แทนฉัน แต่ตอนนี้ฉันเสร็จธุระแล้ว ฉันไม่รบกวนเธอแล้ว ขอบคุณมาก!”

“แต่…”

อาลี่อดไม่ได้ที่จะลังเลเมื่อได้ยินคำพูดของรุ่นพี่ตัวเอง อีกฝ่ายเป็นคนบอกเองว่าให้เธอดูแลลูกค้าคนนี้ ดังนั้นโอกาสการขายนี้ควรเป็นของเธอ

แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้ใครคนอื่นมาแย่งโอกาสการขายครั้งนี้ไป เพราะนี่มันเป็นโอกาสของเธอโดยชอบธรรม

“ยังจะยืนงงอะไรอยู่อีก? เธอยังไม่มีประสบการณ์การขายมากพอ เธอดูแลการซื้อรถราคาแพงขนาดนี้ไม่ไหวหรอก”

สีหน้าของหญิงวัยกลางคนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อเห็นท่าทางของ อาลี่ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เธอยังอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ จึงยิ่งรู้สึกอยากจะกดขี่น้องใหม่ในฐานะลูกจ้างเก่า

อาลี่ผงะไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอดูไม่ค่อยเต็มใจนัก

“ฉัน…”

แต่ว่าในที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยขึ้น

“เฮ้! รีบออกไปให้ไกล ๆ เลยไป อย่ามายืนขวางหูขวางตาฉัน! ถ้าไม่ใช่น้องสาวคนนี้เป็นคนขายให้ฉัน ฉันจะไม่ซื้อรถนี่แน่นอน!”

อวี้ฮ่าวหรานตวาดขึ้นอย่างหยาบคายไปยังหญิงวัยกลางคนที่แต่งหน้าหนาเตอะ

ผู้หญิงคนนี้น่าขยะแขยงมากกว่าที่เขาคิดซะอีก!

ถึงแม้จะทาแป้งรองพื้นซะหนา แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดรอยเหี่ยวย่นเอาไว้ได้ และเนื้อตัวก็มีแต่กลิ่นน้ำหอมเหม็นฉุน ซึ่งทำให้ไม่ว่าใครก็รู้สึกอึดอัดหากอยู่ใกล้

อย่างไรก็ตาม เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน เธอก็ตวาดกลับเสียงแหลมทันที!

“นี่คุณพูดว่าอะไรนะ??”

วันนี้เธออารมณ์ไม่ดี ดังนั้นความอดทนของเธอจึงต่ำเป็นพิเศษ!

“ฉันบอกให้แกไสหัวออกไปให้พ้นหน้าของฉันซะ!”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

ตอนนี้เขารู้สึกรังเกียจหญิงวัยกลางคนผู้นี้มากกว่าเดิม

“แกกล้าดียังไงมาไล่ฉัน?? แกมีสิทธิ์อะไร!”

หญิงวัยกลางคนโกรธจัดทันที!

วันนี้เธอเพิ่งทะเลาะกับชายหนุ่มบ้านจนที่ต้องการจะมาสู่ขอลูกสาวของเธอ ดังนั้นเธอจึงอารมณ์ไม่ดีเป็นพิเศษ!

“นี่…ย…หยุดเถียงกันเถอะ…หนูยอมไปก็ได้…หนูยอมไปก็ได้…”

เมื่อเห็นฉากนี้ อาลี่ก็หน้าแดงด้วยความกังวล และพยายามเกลี้ยกล่อมรุ่นพี่ของเธอ

“ไปให้พ้น! อย่ามาแส่เรื่องของฉัน!”

อารมณ์ของหญิงวัยกลางคนตอนนี้เหมือนระเบิดที่ถูกจุดไฟ เธอผลักรุ่นน้องของตัวเองจนเซไปด้านข้าง และชี้หน้าด่าอวี้ฮ่าวหรานอย่างดุเดือด

“เฮอะ! ตอนแรกฉันก็อยากจะรู้ว่าแกรวยจริง ๆ หรือเปล่า แต่ตอนนี้ฉันคงไม่ต้องเดาแล้ว! แค่เสื้อผ้าของแกยังมีราคาไม่เท่ากับรองเท้าของฉันคู่หนึ่งเลยด้วยซ้ำ คิดจะไล่ฉันไปงั้นเหรอ? จริง ๆ แล้วแกไม่มีปัญญาซื้อแลมโบกินีหรอกใช่ไหม?”

หญิงวัยกลางคนมองอวี้ฮ่าวหรานตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกรอบ คำพูดของเธอดูถูกเหยียดหยามอย่างยิ่ง

“แกไม่อายหรือไงถึงกล้าหลอกคนอื่นว่าเป็นคนรวย! แกรวยงั้นเหรอ? เฮอะ! ถ้าคนอย่างแกรวยงั้นฉันก็เป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองนี้แล้ว!”

เธอตะคอกขึ้นด้วยสีหน้าที่เหยียดหยาม เธอรู้สึกเบื่อหน่ายกับพวกคนจนที่มักจะเดินเข้ามาที่นี่เรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน แถมก่อนหน้านี้ลูกสาวของเธอกลับไปหลงรักผู้ชายจน ๆ คนหนึ่งอีก ดังนั้นตอนนี้อารมณ์ของเธอจึงดุเดือดสุด ๆ!

อวี้ฮ่าวหรานเงียบและมองไปที่หญิงวัยกลางคนที่ตะโกน

สายตาที่เขามองอีกฝ่ายมันราวกับว่าเขากำลังมองไปที่ตัวตลก

“พูดพอหรือยัง?”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดเสร็จแล้ว เขาแค่ถามกลับสั้น ๆ

อย่างไรก็ตาม คำถามกลับสั้น ๆ นี้ทำให้หญิงวัยกลางคนโกรธมากกว่าเดิม!

“ยังกล้ายืนอยู่ที่นี่อีกงั้นเหรอ! ออกไปจากที่ทำงานของฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะเรียกรปภ. มาลากคอแกออกไป!”

ด้วยความโกรธที่ครอบงำ ตอนนี้เธอจึงปักใจเชื่อว่าชายหนุ่มไม่ใช่เศรษฐีแน่นอน มันต้องเป็นแค่พวกคนจนที่แสร้งทำตัวเป็นคนรวยเรียกร้องความสนใจแน่ ๆ

อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันนี้ หลิวเทียนอี้ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของโชว์รูมก็กลับมาถึงพอดี เขาตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้เห็นอวี้ฮ่าวหรานอย่างใจจดใจจ่อ

แต่แล้วเมื่อเขาเข้ามาด้านในโชว์รูมและได้ยินเสียงตะโกนที่ฉุนเฉียว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที!

“ไสหัวออกไปจากโชว์รูมของฉันเดี๋ยวนี้!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็รู้ทันทีว่าเป็นพนักงานคนหนึ่งของเขา และเขารู้สึกโกรธเล็กน้อย

พนักงานของเขากำลังด่าใครอยู่??

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากวาดสายตามองไปและเห็นคู่กรณี วิญญาณของหลิวเทียนอี้ก็แทบจะหลุดออกจากร่างเพราะความตื่นตระหนก!!

เพราะคนที่กำลังถูกตะคอกคือประธานอวี้ ที่เขาอยากจะเอาอกเอาใจสุดฤทธิ์!!!

“น…นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิวเทียนอี้รีบสาวเท้าเดินเข้าหาจนไขมันบนหน้าสั่นสะท้าน ก่อนที่จะตะโกนใส่พนักงานหญิงของเขาอย่างรวดเร็ว!

ยิ่งหญิงวัยกลางคนพูดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกได้ใจมากขึ้นเท่านั้น และเธอก็ยิ่งหยิ่งผยองมากขึ้นที่เห็นว่าหัวหน้าของเธอกลับมาในเวลานี้

“ผู้จัดการคะ! ไอ้ชั้นต่ำนี่มาที่โชว์รูมของเราเพื่อสร้างปัญหา! เขาไม่ไว้หน้าพวกเราเลยสักนิด! และอาลี่ เด็กใหม่คนนี้ ฉันเดาว่าพวกเขาน่าจะรู้จักกัน และกำลังร่วมมือกันเพื่อสร้างปัญหาให้กับเราที่นี่!”

หญิงวัยกลางคนเอ่ยฟ้องอย่างรวดเร็ว

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผู้จัดการหลิวนั้นค่อนข้างดี ดังนั้นตอนนี้เธอจึงถือโอกาสเป็นคนฟ้องก่อนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้เปรียบ

หากไม่มีอะไรผิดพลาด ผู้จัดการหลิวจะยืนเคียงข้างเธอและขับไล่ไอ้คนที่เธอเกลียดขี้หน้าออกไปจากโชว์รูมแน่นอน!

แน่นอนว่ารวมไปถึงอาลี่ด้วย!

งานนี้ได้ค่าตอบแทนดีมาก เธอจึงต้องการจะให้ญาติของเธอมาทำงานที่นี่แต่ตอนนี้มันกลับสายเกินไปแล้ว เพราะตำแหน่งพนักงานฝ่ายขายเต็ม ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องทำให้อาลี่ถูกไล่ออกเพื่อที่ตำแหน่งจะได้ว่าง

อันที่จริงเธอหาโอกาสที่จะเล่นงานอาลี่มานานแล้วแต่หาไม่ได้สักที ดังนั้นตอนนี้เธอจึงรีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้

อาลี่ตื่นตระหนกทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย

“ไม่…ไม่ใช่นะผู้จัดการ! เขาเป็นลูกค้า เขามาที่นี่เพื่อซื้อรถ แต่พี่โจวเธอเข้ามาแทรกและรบกวน…”

“นังนี่ แกกล้าใส่ร้ายฉันงั้นเหรอ?”

สีหน้าของหญิงวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที เธอตะคอกอาลี่อย่างโกรธจัด!

เธอไม่คิดว่าเด็กสาวที่ดูอ่อนแอคนนี้จะกล้าพูดโต้ตอบเธอ!

ในเวลานี้ หลิวเทียนอี้แสดงสีหน้าราวกับเห็นผี

นี่มันบ้าอะไรกัน? ลูกน้องของเขาด่าประธานเครือฮ่าวหรานผู้ยิ่งใหญ่ แบบนี้ได้ยังไง??

ด้วยอิทธิพลของอีกฝ่ายสามารถทำให้ชีวิตของเขาตกนรกทั้งเป็นได้แบบง่าย ๆ และยิ่งไปกว่านั้นเครือฮ่าวหรานเพิ่งสั่งรถหรูสำหรับผู้บริหารไปสองล็อตใหญ่!

ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มคนนี้เป็นดั่งเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งสำหรับเขา แต่ในตอนนี้หนึ่งในพนักงานของเขากำลังเปลี่ยนให้ชายหนุ่มคนนี้กลายเป็นเทพมรณะแทน!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เส้นเลือดบนขมับของหลิวเทียนอี้ปูดขึ้นมาในทันที!

“ไสหัวไปเดี๋ยว!! ออกไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!!!”

เขาตะโกนอย่างโกรธจัด กลั้นอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป!

นังนี่กำลังวางแผนจะฆ่าเขาใช่ไหม??

“ไงล่ะ? พวกแกสองคนได้ยินแล้วใช่ไหม ผู้จัดการของฉันไล่ให้พวกแกออกไปจากที่นี่ซะ!”

หญิงวัยกลางคนไม่คิดว่าหลิวเทียนอี้นั้นพูดกับเธอ เธอจึงหันไปหาอวี้ฮ่าวหรานและอาลี่ที่อยู่ข้าง ๆ ทันทีอย่างภาคภูมิใจ

ในที่สุดวันนี้ก็มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นบ้าง!

บทที่ 309 เคียดแค้นเกินประมาณ
บทที่ 309 เคียดแค้นเกินประมาณ

สีหน้าของหวังเหยียนย่ำแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความมุ่งมั่นของเขากลับกล้าแกร่งมากกว่าเดิม ไม่ว่ายังไง วันนี้ก่อนเขาตาย เขาต้องลากไอ้พวกสารเลวพวกนี้ลงนรกไปกับเขาด้วยให้ได้!

แต่ในไม่ช้าสิ่งต่าง ๆ ก็เลวร้ายเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก ผ่านไปแค่เพียงเจ็ดหรือแปดนาที ลูกน้องของเขาแทบจะทั้งหมดก็ถูกจัดการ!

จากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา ลูกน้องคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็ถูกฆ่าจนตอนนี้เหลือแค่หวังเหยียนคนเดียวเท่านั้น!

ขณะนี้พลังภายในของเขาหมดเกลี้ยง ส่วนเรี่ยวแรงก็แทบไม่เหลือพอที่จะยืนได้อย่างมั่นคง!

สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าถึงจุดวิกฤตที่สุดแล้ว!

เมื่อเห็นเช่นนี้ จิ่นเฟิงก็ปล่อยหมัดเข้าใส่หวังเหยียนอีกครั้งอย่างรุนแรง!

ปัง!!

ทันทีที่หมัดทั้งสองสัมผัสกันเสียงปะทะดังลั่นก็ดังก้องขึ้นไปทั่วทั้งห้องโถง!

คลื่นจากแรงปะทะทำให้ซากโต๊ะและเก้าอี้กระเด็นกระดอนลอยไปทั่วทั้งห้อง!

ทว่าผลลัพธ์หลังจากที่หมัดทั้งสองปะทะกันเมื่อครู่กลับส่งผลให้จิ่นเฟิงถอยร่นไปสี่หรือห้าเมตร แต่หวังเหยียนยังไม่ถอย!

อย่างไรก็ตาม เท้าของเขาก็จมลึกลงไปในพื้นมากกว่าสิบนิ้ว ร่างของเขาสั่นไปทั้งร่างแถมสีหน้าก็ซีดขาวราวกับไข่ต้ม

อั่ก!

ในท้ายที่สุด หวังเหยียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากระอักเลือดออกมาคำโต ก่อนที่จะทรุดคุกเข่าลงไปที่พื้น

“ฮ่า ๆๆ! ฉันนับถือแกจริง ๆ! ทั้ง ๆ ที่พลังภายในของแกหมดไปนานแล้วแต่แกก็ยังยืนหยัดได้นานขนาดนี้!”

จิ่นเฟิงมองไปที่ร่างของคู่ต่อสู้ที่ทรุดลงไปที่พื้น สีหน้าของเขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่าฉากนี้ทำให้สมาชิกของแก๊งวาฬยักษ์ที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ตื่นเต้นเช่นกัน!

“ฆ่าเลย! ฆ่าพวกพยัคฆ์เวหา!!”

“ฆ่าหวังเหยียน! แก๊งวาฬยักษ์ของเราแข็งแกร่งที่สุด!”

“แก๊งพยัคฆ์เวหาจะต้องถูกทำลายในวันนี้!”

“…”

คนของแก๊งวาฬยักษ์โห่ร้องอย่างมีชัย

ช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขาอยู่ในสถานะด้อยกว่าตลอด ดังนั้นเมื่อในวันนี้พวกเขากลับมาได้เปรียบ ขวัญและกำลังใจของแก๊งวาฬยักษ์จึงพุ่งขึ้นสูงหลายเท่า

อย่างไรก็ตาม เสียงตะโกนเหล่านี้กลับเป็นเหมือนตัวกระตุ้นใจให้หวังเหยียนดื้อดึงไม่ยอมที่จะตาย เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ร่างกายของเขาก็อ่อนแอมากเกินไป ถึงแม้จะมีแรงแต่ร่างกายของตัวเองกลับไม่อำนวย ดังนั้นท้ายที่สุดเขาจึงไม่อาจลุกขึ้นได้เหมือนเดิม

“ฮ่า ๆ สภาพของแกตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาจรจัดที่ใกล้จะตายเลย!”

จิ่นเฟิงเยาะเย้ยอย่างสะใจพลางจ้องเขม็งไปที่หวังเหยียน!

“เอาล่ะ ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่แกจะตายด้วยน้ำมือฉัน!”

เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมีโอกาสฟื้นตัวได้อีกต่อไป

จิ่นเฟิงโคจรพลังอย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่งหมัดเข้าไปหาร่างของหวังเหยียนอีกครั้ง!

หวังเหยียนซึ่งอยู่ในสภาวะร่อแร่อยู่แล้ว เมื่อเห็นหมัดที่ใกล้เข้ามาเขาก็ทำได้แค่เพียงตั้งการ์ดและใช้แขนป้องกันอย่างสิ้นหวัง

แน่นอนว่า เมื่อไม่มีทั้งพลังภายในและร่างกายก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ผลลัพธ์ก็คือเขาไม่สามารถหยุดหมัดอันดุร้ายนี้ได้เลย!

กร๊อบ!

ทันทีที่หมัดของจิ่นเฟิงปะทะเข้ากับแขนของหวังเหยียน กระดูกแขนข้างหนึ่งของหวังเหยียนก็หักทันที!

อั่ก!

ร่างของหวังเหยียนลอยละลิ่วพร้อมกับกระอักเลือดออกมาเป็นสาย!

หลังจากกระเด็นลอยไปไกลกว่าสิบเมตร ร่างของเขาก็กระแทกเข้ากับกำแพง เสื้อสีขาวของเขาโชกไปด้วยเลือดสีแดงเต็มไปหมด!

ในเวลานี้ สมาชิกของแก๊งวาฬยักษ์รอบ ๆ ต่างพากันส่งเสียงเชียร์

“ฮ่า ๆ! แก๊งพยัคฆ์เวหานี่มันกระจอกจริง ๆ! รองหัวหน้าแก๊งของพวกมันถูกอัดเหมือนหมาเลย!”

“ตลกชิบหาย อ่อนแอขนาดนี้ยังกล้ามาสู้กับแก๊งวาฬยักษ์อันเกรียงไกรของเรา!”

“…”

สมาชิกแก๊งวาฬยักษ์ทุกคนต่างเยาะเย้ยหวังเหยียน

ในเวลานี้ สมาชิกแก๊งพยัคฆ์เวหาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังไม่ตายบนพื้นนั้น แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม!

พวกเขาเกลียดตัวเองจริง ๆ ที่ตอนนี้ไม่สามารถลุกขึ้นไปช่วยลูกพี่ของพวกเขาได้!

รองหัวหน้าแก๊งเป็นคนอัธยาศัยดีมาโดยตลอด

เขามักจะคลุกคลีกับสมาชิกแก๊งทุกคนโดยไม่ถือตัวแถมยังไม่เคยเสแสร้งเลย

ดังนั้น นอกจากโจวเฟยหู่แล้ว หวังเหยียนจึงเป็นคนที่พวกเขารวมไปถึงสมาชิกในแก๊งทุกคนเคารพมากที่สุด

ณ เวลานี้ เมื่อได้เห็นฉากแบบนี้ พวกเขาจะไม่โกรธแค้นตัวเองได้ยังไง!

“บัดซบ! ทำไมยังไม่มีใครมาอีก! ใครก็ได้ รีบมาช่วยรองหัวหน้าแก๊งของเราเร็วเข้า!”

“…”

ในเวลานี้ หวังเหยียนสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ภายใต้หมัดที่รุนแรง สติของเขาพร่ามัวจนแม้แต่บวกเลขยังบวกไม่ถูก

ในหัวของเขาตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวนั่นก็คือเขากำลังจะตาย!

จิ่นเฟิงเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็เดินเข้ามาใกล้และต่อยเข้าไปที่ท้องของหวังเหยียนอย่างรุนแรงอีกรอบ และมองดูคู่ต่อสู้ที่ทรุดลงกับพื้นอย่างไร้การต่อต้านด้วยแววตาสะใจ

“เอามีดมา!”

เขาตะโกนขึ้นก่อนที่จะรับมีดยาวหนึ่งฟุตที่คมกริบจากมือของชายที่อยู่ข้าง ๆ เขา

แต่หลังจากได้มีด เขากลับหันหลังเดินไปหาลูกน้องของหวังเหยียนที่ยังไม่ตายและยังคงนอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม

“ฉันควรตัดมือหรือเท้าของลูกน้องแกก่อนดี?”

จิ่นเฟิงหันมาถามหวังเหยียน พร้อมกับโบกมีดในมือไปมาอย่างหยอกล้อ

“ฉันได้ยินมาว่าแกมักจะใจดีกับลูกน้องของแกเสมอ แกปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกันเลยถูกต้องไหม?”

หลังจากที่พูดถึงจุดนี้ จิ่นเฟิงก็เอามีดไปวางพาดที่หัวของลูกน้องหวังเหยียนก่อนที่จะพูดต่อ

“เอาล่ะ ตอนนี้ฉันจะฆ่าลูกน้องของแกทีละคนต่อหน้าของแกก่อน ฉันมั่นใจว่าฉันจะต้องสนุกมากแน่ ๆ กับสีหน้าของแกหลังจากนี้!”

“แก!”

หวังเหยียนรู้สึกโกรธสุดขีด คำพูดนี้ของอีกฝ่ายกระตุ้นหวังเหยียนให้ได้สติอีกครั้ง เขาจึงแผดเสียงเคียดแค้นดังลั่น

“แกแค้นงั้นเหรอ? ดี! แกจงโกรธแค้นไปให้มาก ๆ จนตายตาไม่หลับไปเลย! โจวเฟยหู่ฆ่าล้างแก๊งวาฬยักษ์ของฉันไปมากมายในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ ดังนั้นวันนี้ฉันขอเอาคืนบ้างก็แล้วกัน!”

จิ่นเฟิงเยาะเย้ยแล้วทักทายน้องชายคนเล็กของเขา

“ทุกคน! ลากคนของแก๊งพยัคฆ์เวหา ที่ยังมีชีวิตอยู่มาให้ฉันตรงนี้ด้วย!”

หลังจากสั่งจบ ลูกน้องของหวังเหยียนที่ยังไม่ตายอีกสองคนก็ถูกลากมานั่งคุกเข่าต่อหน้าจิ่นเฟิง

“หวังเหยียน? แกต้องการที่จะช่วยลูกน้องของแกเองล่ะสิใช่ไหม? ฮ่า ๆ เสียใจด้วยวะ ที่แกทำแบบนั้นไม่ได้หรอก!”

ขณะที่พูด จิ่นเฟิงก็ใช้ปลายมีดขีดเขี่ยไปที่คอของลูกน้องหวังเหยียนเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าเขาจะฆ่าคนพวกนี้ทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้!

“ลูก…ลูกพี่หวัง ไม่ต้องคิดมากเรื่องพวกผม…พวกผมไม่โทษพี่หรอก”

ลูกน้องของหวังเหยียนรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังจะตาย ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นและพูดปลอบหวังเหยียน

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หวังเหยียนจึงยิ่งรู้สึกเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด!

ฉับ!

ทันใดนั้นแววตาของจิ่นเฟิงเปลี่ยนเป็นดุร้าย และเขาก็ฟันมีดลงไปที่คอของหนึ่งในลูกน้องของหวังเหยียนอย่างโหดเหี้ยม!

ลูกน้องของหวังเหยียนตายทันที!

เลือดสาดกระเซ็นบนใบหน้าของหวังเหยียน ทำให้เขาตกอยู่ในอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งสิ้นหวัง โกรธแค้น หดหู่ เสียใจ และเจ็บปวด

“ฮ่า ๆๆ! เป็นไงบ้างรองหัวหน้าหวังของฉัน? โกรธไหม ๆ?”

เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย จิ่นเฟิงก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นทันที

“ฉันชอบสีหน้าของแกตอนนี้จริง ๆ! ยิ่งแกเจ็บปวดมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งมีความสุข! ฮ่า ๆๆ!”

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

Status: Ongoing
ในที่สุด… มหาจักรพรรดิแห่งมวลเทพ ‘อวี้ฮ่าวหราน’ ก็สามารถกลับมาที่โลกได้สำเร็จ.. ! 3 หมื่นปี เขาต้องติดอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้านานถึง 3 หมื่นปีหลักจากตกหน้าผาและเกิดใหม่ในดินแดนเหนือจินตนาการ !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท