ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – บทที่ 339 สมองมด

บทที่ 339 สมองมด

บทที่ 339 สมองมด
บทที่ 339 สมองมด

แน่นอนว่าเมื่อคนธรรมดาเห็นเหตุการณ์ที่โหดร้ายที่เกิดขึ้นด้านนอก พวกเขาทุกคนจึงพร้อมใจวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เขาได้ปล่อยให้พวกคนธรรมดาเหล่านี้หนีไป เพราะคนธรรมดาพวกนี้ไม่ใช่เป้าหมายของเขา หลังจากเข้าไปในห้องโถง เขาก็เลือกที่จะวิ่งด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ขึ้นไปทางบันไดแทนที่จะใช้ลิฟท์

ด้วยความเร็วของเขาที่เร็วมากกว่าการใช้ลิฟท์ แค่เพียงไม่ถึงสามสิบวินาทีเขาก็วิ่งขึ้นไปถึงชั้นดาดฟ้า!

บนดาดฟ้า!

“ฮิฮิ แกนี่ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่แกจะต้องตายที่นี่!”

เมื่ออสรพิษเงินเห็นว่าอีกฝ่ายมาถึงในที่สุด เขาก็เยาะเย้ยอย่างไร้กังวล

เขาคาดคะเนว่าอวี้ฮ่าวหรานน่าจะอยู่ในขั้นจุดสูงสุดของขอบเขตพลังภายใน ซึ่งเขาเองก็อยู่ในระดับนี้ด้วยเช่นกัน แต่ด้วยอายุของเขาที่มากกว่า ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าประสบการณ์การต่อสู้ของเขาจะช่วยให้เขากำชัยได้อย่างไม่ยากเย็น

ต้องรู้ว่าเขาอยู่ในจุดสูงสุดของพลังภายในมามานานกว่าสิบปีแล้ว!

ไม่มีใครในขอบเขตเดียวกับเขาสามารถเอาชนะเขาได้!

“อ้อ ฉันเพิ่งได้รับข้อมูลมาว่าแกมีลูกสาวตัวเล็ก ๆ อยู่คนหนึ่งด้วยใช่ไหม? ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าใบหน้าที่ไร้เดียงสานั่นจะเป็นแบบไหนเมื่อถูกฉันจับกรอกยาพิษ!”

อสรพิษเงินชอบใช้วิธีการยั่วยุศัตรูของเขาให้ปั่นป่วนใจมากที่สุด ซึ่งหลังจากที่ศัตรูของเขาถูกความโกรธเข้าครอบงำ เขาก็จะยิ่งสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ง่ายมากขึ้น

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อได้ยินประโยคนี้เขาก็หัวเราะเสียงดังลั่นและเอ่ยถามกลับ

“ฮ่าฮ่าฮ่า แกรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงรู้สึกตลก”

“ฮิฮิ ใครจะไปรู้ มันอาจเป็นเพราะว่าแกหมดหวังจนเสียสติไปแล้วก็ได้จริงไหม?”

อสรพิษเงินไม่ได้กังวลใจอะไรเลย ในทางกลับกัน เขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าตลกเช่นกันที่วันนี้อีกฝ่ายมาให้เขาฆ่าถึงที่นี่อย่างว่าง่ายราวกับคนโง่

“ไม่ใช่เลย มันเป็นเพราะว่าฉันตลกที่คนจะตายแล้วอย่างแกยังเปลืองสมองคิดถึงเรื่องในอนาคตอยู่อีกต่างหาก!”

เสียงของอวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง

ประโยคนี้มาพร้อมกับเจตนาฆ่าซึ่งทำให้ทุกคนที่อยู่รอบบริเวณถึงกับใจสั่น!

อสรพิษเงินขมวดคิ้วแน่น แต่ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เขาไม่คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่คู่ต่อสู้จะเอาชนะเขาได้

“ถุย! เลิกหลงตัวเองได้แล้วโว้ย! แกมันก็แค่คนที่น่าจะอยู่ในขั้นจุดสูงสุดของปรมาจารย์พลังภายในก็แค่นั้น ก่อนหน้านี้องค์กรของฉันไม่ทำอะไรแกเพราะพวกเราไม่อยากเปลืองแรง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว การที่ฉันมาที่นี่มันหมายความว่าไม่ว่ายังไงแกก็ต้องตายในท้ายที่สุด!”

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินประโยคนี้ รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของเขาทันที

“โอ้? แกเดาเกือบถูกแน่ะ แต่ฉันอยู่ในขั้นสูงต่างหาก”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อย

“ฮ่าฮ่า! ถ้าแกอยู่แค่ขั้นสูง งั้นแกเตรียมรอรับความตายได้เลย ฉันเชือดแกได้อย่างไม่ยากเย็นแน่! ”

เมื่อได้ยิน อวี้ฮ่าวหรานก็ยอมรับความแข็งแกร่งของตัวเอง ซึ่งมันต่ำกว่าที่เขาคาดไว้ อสรพิษเงินก็หัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน

อีกฝ่ายตอกตะปูฝาโลงตัวเองแท้ ๆ ที่เผยระดับการบ่มเพาะของตัวเองแบบนี้!

แต่ในขณะเดียวกันนี้ที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน เฉิงชิวอวี้ก็ตื่นขึ้น!

แต่เมื่อเธอรู้สึกได้ว่าทั้งตัวของเธอถูกมัดอย่างแน่นหนาจนไม่สามารถดิ้นหลุดได้ เธอก็ตะโกนไปหาอวี้ฮ่าวหรานที่อยู่ไม่ไกลทันที

“ฮ่าวหราน หนีไปซะ! คนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดา! แถมทั้งหมดนี้เป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างพ่อของฉันกับคนเหล่านี้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย คุณอย่าเอาตัวมาเสี่ยง หนีไปซะ!”

ก่อนที่เธอจะถูกทำให้หลับไปตอนที่อยู่ในบริษัท เธอพอจะเดาได้คร่าว ๆ ว่าคนพวกนี้ต้องเป็นศัตรูเก่าของพ่อเธอแน่นอน

ดังนั้น เธอจึงไม่อยากให้คนที่เธอรักต้องมาเดือดร้อนด้วยกับเรื่องส่วนตัวของพ่อเธอแบบนี้

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำพูดของเฉิงชิวอวี้ เขาก็หัวเราะเบา ๆ อย่างไร้กังวล

“อย่ากังวล สำหรับผมเรื่องนี้มันเรื่องเล็กน้อย”

คำพูดนี้ทำให้อสรพิษเงินที่อยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย

“ฮ่าฮ่าฮ่า น่าตลกชิบหายเลย! แกคิดว่าปรมาจารย์พลังภายในขั้นสูงอย่างแกจะสู้ฉันได้งั้นเหรอ?”

จากนั้นทันทีที่พูดจบ มือผอมบางของเขาก็สะบัดอย่างรวดเร็ว ส่งมีดสั้นสามเล่มสีดำทะมึนพุ่งเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยความรวดเร็ว!

‘ฟิ้ว ฟิ้ว!’

ภายใต้การระเบิดกำลังของกล้ามเนื้อปรมาจารย์พลังภายในขั้นสูงสุด มีดทั้งสามเล่มจึงพุ่งเร็วจนเป็นภาพติดตาและทำให้มองดูคล้ายลำแสงสามเส้นกำลังพุ่งเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหราน!

มีดสามเล่มนี้ถูกอาบยาพิษร้ายแรงมาอย่างประณีต แม้แต่ปรมาจารย์พลังภายในขั้นสูงสุด หากแค่เพียงโดนคมมีดของมันสะกิดกับผิวหนังเพียงนิดเดียวก็อาจจะสิ้นลมหายใจได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที!

แต่ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้เกรงกลัวของเล่นแบบนี้เลย เขามองไปที่อสรพิษเงินด้วยความเหยียดหยาม

“ไอ้สมองมด! ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าฉันอยู่ในขอบเขตพลังภายใน?”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็โบกมือเบา ๆ และส่งคลื่นพลังวิญญาณเข้าสกัดมีดทั้งสามเล่นที่พุ่งเข้าหา ปัดมีดทั้งสามเปลี่ยนทิศทางไปอย่างง่ายดายราวกับว่าพวกมันเป็นแค่ขนนกที่แค่เป่านิดหน่อยก็พริ้วไปตามแรงลมปาก!

‘เคร้ง ๆ ๆ ๆ…’

หลังจากมีดทั้งสามถูกปัดจนปลิวไปตกที่พื้น เจ้าตำหนักอีกสองคนซึ่งมากับอสรพิษเงินก็ลงมือเช่นกัน พวกเขาทั้งสองเป็นปรมาจารย์พลังภายในขั้นสูง พวกเขามั่นใจว่าถ้าหากพวกเขาร่วมมือกัน พวกเขาควรจะรับมือกับอวี้ฮ่าวหรานได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

“เหอะ! ไร้สาระ!”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา

“เป็นแค่มด กล้าดียังไงมาแยกเขี้ยวใส่ฉัน!”

ทันทีที่พูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็โคจรพลังวิญญาณอย่างเต็มที่และชกหมัดออกไปเต็มแรงใส่เจ้าตำหนักองค์กรอสรพิษทั้งสองคนที่พุ่งเข้ามาหาเขา!

“ปัง!!”

หลังจากการปะทะ เจ้าตำหนักทั้งสองก็ลอยละลิ่วกระเด็นกลับไปราวกับว่าวสายป่านขาดโดยไร้ลมหายใจ!

ฆ่าสองด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!

อสรพิษเงินที่กำลังจะลงมือโจมตีเช่นกัน เมื่อเห็นฉากนี้เขาพลันชะงักทันทีด้วยความตกตะลึง!

“ก…แกไม่ใช่ปรมาจารย์พลังภายในขั้นสูงนี่นา! น…นี่แกเป็นใครกันแน่! คนที่อยู่ในขอบเขตพลังภายในไม่สามารถทำแบบนี้ได้แน่!”

อสรพิษเงินขนลุกชูชันด้วยความหวาดกลัว แม้แต่เจ้าตำหนักคุมกฎที่แข็งแกร่งกว่าเขาเองก็ไม่แข็งแกร่งถึงขนาดฆ่าปรมาจารย์พลังภายในขั้นสูงได้ภายในการโจมตีครั้งเดียวแบบนี้ และนี่ยังไม่นับเรื่องที่อวี้ฮ่าวหรานโจมตีครั้งเดียว แต่ฆ่าได้สองคนอีกต่างหาก!

มีคนเดียวที่เขาพอจะนึกออกได้ว่าน่าจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ก็มีแค่คนเดียวซึ่งก็คือผู้นำองค์กรที่สุดแสนลึกลับของพวกเขาเท่านั้น!

อย่างไรก็ตาม แต่คนผู้นั้นมีความแข็งแกร่งที่เหนือมนุษย์ไปแล้ว

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเห็นอีกฝ่ายกำลังกลัวจนขนหัวลุก เขาก็หัวเราะเบา ๆ

“หึหึ รู้มั้ยว่าทำไมสัตว์เลื้อยคลานถึงไม่กลัวเมื่อเห็นเท้ามนุษย์กำลังจะมาเหยียบมัน”

ดวงตาของเขาแสดงความเยาะเย้ยในขณะที่เขาพูด

“มันเพราะว่าสัตว์เลื้อยคลานนั้นสมองน้อยจนไม่รู้ว่ามนุษย์มีอำนาจขนาดไหน!”

ทันทีที่พูดจบ ร่างของอวี้ฮ่าวหรานก็หายวับไปกับตา!

ระยะห่างเกือบสิบเมตร แต่อวี้ฮ่าวหรานกลับเคลื่อนที่ได้ภายในเศษเสี้ยววินาที!

‘ปัง!’

อสรพิษเงินที่เพิ่งรู้ตัวว่าอีกฝ่ายเข้ามาประชิดแล้ว ก็รีบยกแขนขึ้นป้องกันตามสัญชาตญาณทันที!

อย่างไรก็ตาม พลังของอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถต่อกรได้!

‘อั่ก!’

ภายใต้อิทธิพลของพลังวิญญาณอันรุนแรง เกราะพลังภายในที่ถูกสร้างขึ้นของอสรพิษเงินได้พังทลายลงราวกับกำแพงทรายโดนคลื่นซัด!

อสรพิษเงินถูกชกอย่างรุนแรงจนลอยละลิ่วบินกลับหัวไปเกือบ 20 เมตร และตกลงที่มุมดาดฟ้า

เขารีบยันตัวลุกขึ้นและปาดเลือดออกจากปาก มองดูชายหนุ่มด้วยความกลัว!

“แกแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่! มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!”

เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่เพียงการโจมตีเดียว เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดนี้!

มันเป็นจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด ถ้าเทียบกันแล้วความแข็งแกร่งของเขาไม่ต่างอะไรกับมดเมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มผู้นี้!

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันอยู่ในขั้นสูง”

อวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าหาคู่ต่อสู้ช้า ๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการล้อเล่น

“เป็นไปไม่ได้! ขอบเขตพลังภายในขั้นสูงไม่มีวันแข็งแกร่งขนาดนี้!”

อสรพิษเงินไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้เขาไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งอีกต่อไปแล้ว

“เห็นไหม แกมันเป็นแค่สัตว์เลื้อยคลานที่ตาบอดแถมยังสมองน้อย ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าฉันอยู่ในขอบเขตพลังภายใน? ความแข็งแกร่งของฉันอยู่ในขอบเขตก่อรากฐานต่างหาก!”

หลังจากหยอกล้อกับอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็หายตัวไปอีกครั้ง!

‘ผลั่ก!’

เขาโผล่ยืนค้ำหัวอสรพิษเงินและย่ำเท้าลงไปที่ท้องอีกฝ่ายอย่างแรง!

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตอนนี้อสรพิษเงินจะสติหลุดไปเรียบร้อยแล้ว เขาไม่ร้องออกมาสักแอะ เขาจึงเอาแต่พึมพำด้วยสีหน้าว่างเปล่า

“ก่อรากฐานระดับสูง…ก่อรากฐานระดับสูง…”

เขารู้สึกว่าเขาดูเหมือนจะเคยได้ยินคำนี้ที่ไหนสักแห่ง ดูเหมือนว่ามันเป็นขอบเขตที่หลุดพ้นความเป็นมนุษย์ไปแล้วใช่ไหม?

บทที่ 304 ซื้อรถใหม่
บทที่ 304 ซื้อรถใหม่

หลิ่วอวี้จิงครุ่นคิดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดในขณะนี้

ทว่าเมื่อตัวเองนึกถึงความแข็งแกร่งของกงซุนซา เขาก็ยิ่งต้องการที่จะทะลวงผ่านไปยังขอบเขตถัดไปมากกว่าจึงยอมแลกได้ทุกอย่าง

“ตกลงพี่กงซุน! ฉันจะสั่งให้แก๊งวาฬยักษ์ออกไปสู้เดี๋ยวนี้!”

หลังจากชั่งน้ำหนักทุกอย่างในใจแล้ว ในที่สุดเขาก็ตกลงตามข้อเสนอของอีกฝ่าย!

คืนนั้น แก๊งวาฬยักษ์เริ่มโต้กลับอย่างเต็มรูปแบบ!

ด้วยสถานการณ์นี้ สองในสามแก๊งใหญ่ในเมืองฮ่วยอัน จึงเริ่มสงครามเต็มรูปแบบระหว่างกัน!

แน่นอนว่าคนธรรมดาทั่วไปแทบจะไม่รับรู้เลยว่าโลกใต้ดินของเมืองฮ่วยอันกำลังเกิดศึกนองเลือด เพราะถึงแม้ว่าพวกอันธพาลจะรวมกลุ่มกัน แต่พวกเขาลอบฆ่าในที่ลับตาคน เนื่องจากยังคงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง

บ่ายวันถัดมา…

อวี้ฮ่าวหรานต้องการซื้อรถ และเมื่อชายหนุ่มเดินทางเกือบจะถึงโชว์รูม เขาก็โทรศัพท์ไปหาหลิวเทียนอี้

หลิวเทียนอี้รู้สึกปลื้มปริ่มทันที เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานโทรมาหาตัวเองก่อน

“สวัสดีครับคุณอวี้! ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ ถึงได้โทรมาหาผมก่อนเช่นนี้…”

น้ำเสียงของเขายังคงเต็มไปด้วยการประจบประแจง ซึ่งทำให้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกขยะแขยง

“ตอนนี้นายยังอยู่ในโชว์รูมรถหรือเปล่า?”

อวี้ฮ่าวหรานขี้เกียจเกินกว่าจะพูดไร้สาระกับอีกฝ่าย เขาจึงถามเข้าตรงประเด็นทันที…

“ผมเหรอ? ผมเพิ่งออกมาข้างนอกเมื่อครู่นี้เอง…คุณอวี้จะมาเพื่อซื้อรถใช่ไหม? ไม่ต้องห่วง! ผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้!!”

หลิวเทียนอี้พอจะเดาได้ถึงจุดประสงค์ของอวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันทำให้เขาตื่นเต้น

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเลือกซื้อของฉันเอง เอาไว้ตอนเย็นฉันจะพาถวนถวนไปบ้านนายเพื่อดูพวกลูกหมา”

“ม…ไม่ได้หรอกคุณอวี้! คนพิเศษอย่างคุณหากต้องการจะซื้อรถ ผมต้องดูแลคุณด้วยตัวผมเองให้ดีที่สุด และอีกอย่างผมอยากจะ…”

‘…’

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเริ่มเพ้อเจ้อ อวี้ฮ่าวหรานก็วางสายอย่างไม่อดทนและเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง

ไม่ว่าชายหนุ่มจะคุยกับหลิวเทียนอี้มาแล้วกี่รอบ แต่น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้เสมอ

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายไม่อยู่ในโชว์รูมรถ เขารีบเร่งเครื่องรถของตัวเองเพื่อไปให้ถึงเร็วที่สุดทันที ก่อนที่ไอ้อ้วนที่น่ารำคาญนั่นจะกลับมา

โชว์รูมขายรถ ‘4S’

เนื่องจากเป็นบ่ายวันจันทร์ ลูกค้าในโชว์รูมจึงมีไม่มาก

ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไปในโชว์รูม เขาก็ได้ยินเสียงแหลมที่น่ารำคาญหูดังขึ้น

“ฉันบอกแกแล้วไง! ถ้าแกไม่มีสองล้าน ฉันไม่มีทางยกลูกสาวของฉันให้แกแน่! แกคิดว่าฉันจะสงสารคนจน ๆ อย่างแกงั้นเหรอ? และอย่ามาพูดเรื่องความรักบ้าบอให้ฉันได้ยินเชียวนะ ฉันไม่สน! ความรักมันกินไม่ได้จำใส่กะโหลกแกไว้ ถ้าแกไม่มีเงิน แกอย่าหวังว่าจะได้แต่งงานกับลูกสาวของฉัน ฉันยอมให้ลูกสาวของฉันเป็นโสดตายไปดีกว่าให้แต่งงานกับคนจน ๆ อย่างแก!!!”

หลังจากมองไปยังต้นเสียง อวี้ฮ่าวหรานก็พบว่าเป็นหญิงวัยกลางคนที่แต่งหน้าหนาเตอะและเธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่

“ถ้าแกไม่มีเงิน แกก็ไสหัวออกไปจากชีวิตลูกสาวของฉันซะ! เออ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แค่นี้แหละ ฉันมีลูกค้า!”

เมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามา หญิงวัยกลางคนก็วางสายทันทีและทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น

“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ?”

เห็นได้ว่าหญิงวัยกลางคนปากร้ายคนนี้ยังคงมีความเป็นมืออาชีพอยู่บ้าง แม้ว่าเธอจะอารมณ์ไม่ดีกับการคุยกับคนในโทรศัพท์ แต่หลังจากที่วางสาย เธอก็ยังสามารถทักทายอวี้ฮ่าวหรานด้วยรอยยิ้มได้

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจมากนักกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่น และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม่บางคนมองลูกสาวของตัวเองเป็นเหมือนสินค้า

“ช่วยฉันเลือกรถที”

หลังจากได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน หญิงวัยกลางคนสำรวจอวี้ฮ่าวหรานตั้งแต่หัวจรดเท้าทันทีเพื่อประเมิน

จากนั้นเมื่อเธอพบว่าเสื้อผ้าของอีกฝ่ายดูธรรมดามาก เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยในใจ

นี่ฉันต้องเสียเวลาขายรถให้กับคนจน ๆ อีกแล้วงั้นเหรอ?

ตามประสบการณ์ที่เธอเจอมา คนธรรมดาแทบทั้งหมดมักจะชั่งใจครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนที่จะซื้อรถสักคันซึ่งมันเสียเวลามาก และท้ายที่สุดพวกคนธรรมดาก็มักจะลงเอยด้วยการซื้อรถที่มีราคาไม่เกิน 100,000 หยวน

ด้วยราคารถที่ถูกแค่นั้น มันทำให้เธอรู้สึกว่าได้รับค่าคอมมิชชั่นน้อยมากหากเทียบกับความพยายามที่เธอต้องดูแลลูกค้า

ดังนั้นสีหน้าของเธอจึงผิดหวังเล็กน้อยในทันที จากนั้นหญิงวัยกลางคนก็หันไปตะโกนบอกหญิงสาวอายุราวยี่สิบต้น ๆ อีกคน

“อาลี่! เธอมาดูแลลูกค้าคนนี้ที ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ!”

หลังจากพูดจบ หญิงวัยกลางคนก็ไม่สนใจอวี้ฮ่าวหรานอีกเลย และหันหลังเดินจากไป

อย่างไรก็ตาม ผ่านไปครึ่งทาง หญิงวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเบา ๆ กับตัวเองอย่างหงุดหงิด

“เฮอะ! พวกบ้านจนอีกตัว! คนพวกนี้นี่มันน่ารำคาญจริง ๆ! ทำไมคนพวกนี้ถึงไม่รู้จักประมาณตัว และไปซื้อแค่มอเตอร์ไซค์ขับก็พอ!”

ลูกค้าที่เธอต้องการคือประธานบริษัทที่ร่ำรวยและมีอำนาจ หรือพวกนายน้อยรุ่นที่สองที่ร่ำรวย ส่วนพวกคนธรรมดาทั้งหลายนั้นเธอไม่คิดจะต้อนรับด้วยตัวเองแน่นอน

แต่เนื่องจากกฎของบริษัท เธอจึงทำได้เพียงบ่นอย่างแผ่วเบาซึ่งคนอื่น ๆ ไม่มีทางได้ยินเธอ

แต่น่าเสียดายที่คำบ่นเบา ๆ ของเธอหนีไม่พ้นการได้ยินของอวี้ฮ่าวหราน

เมื่อได้ยินคำบ่นของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน ๆ คนส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ชอบคนจนและรักคนรวย

ในขณะเดียวกัน หญิงสาวที่ถูกเรียกว่า ‘อาลี่’ ก็รีบเดินเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว

เธอดูเหมือนจะเป็นพนักงานใหม่ และเมื่อเธอได้พบกับอวี้ฮ่าวหราน การแสดงออกของเธอก็กระสับกระส่ายเล็กน้อย

“อ…เอ่อ…คุณลูกค้าต้องการดูรถราคาประมาณเท่าไหร่เหรอคะ?”

หญิงสาวที่ชื่ออาลี่พยายามสงบสติอารมณ์ในระหว่างที่ถาม

แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับความเป็นมือใหม่ของอีกฝ่าย เขาแค่มาซื้อรถ ไม่ได้มาจับผิดพนักงานขาย

“รถคันไหนที่แพงที่สุดของคุณ ผมต้องการดูพวกมัน”

“หา?”

อาลี่ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวดูธรรมดาแบบนี้จะมาถามถึงรถที่แพงที่สุด

“ถ…ถ้าเป็นรถที่แพงที่สุดของเรา…ราคาเต็มของมันคือประมาณ 8 ล้าน คุณลูกค้าอาจจะ…”

เธอพูดอย่างลังเล และสงสัยจริงๆ ว่าอีกฝ่ายมีเงินหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หญิงสาวรู้ตัวเองได้อย่างรวดเร็วว่า ตอนนี้เธอกำลังแสดงทัศนคติไม่สุภาพอยู่แน่นอน ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง และเธอรีบเอ่ยขึ้นเสริมในทันที

“เอ่อ…คุณลูกค้าคะ…อย่าเพิ่งเข้าใจดิฉันผิด…ด…เดี๋ยวดิฉัน…จะพาคุณไปดูเดี๋ยวนี้!”

หลังจากพูดจบ เธอรีบเดินนำอวี้ฮ่าวหรานไปยังรถที่จัดแสดงอยู่ตรงกลางห้องโถงทันที

“โรลส์-รอยซ์ แฟนธอม ราคาของรถคันนี้อยู่ที่ 8.5 ล้านหยวน ด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหรา…”

ในขณะเดียวกันนี้ หญิงวัยกลางคนที่ก้าวออกไปแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะจากระยะไกล

“ดูนั่นสิ ฉันสามารถบอกได้เลยว่าไอ้ลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่คนนั้นไม่ใช่คนที่จะมีปัญญาซื้อรถแน่นอน พวกคนแบบนี้เข้ามาในโชว์รูมของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันล่ะเหนื่อยใจจริง ๆ แล้วดูสิตอนนี้มันเดินไปดูโรลส์รอยซ์เข้าให้แล้วไง มันคงอยากจำภาพรถเอาไปฝันในคืนนี้แน่ ๆ!”

“พี่โจว ฉันล่ะสงสารอาลี่ จริง ๆ สงสัยวันนี้คงขายรถไม่ได้อีกแล้วล่ะนะ”

ผู้หญิงอีกคนข้าง ๆ เธอพูด

“น้องใหม่ก็แบบนี้แหละ ไม่มีประสบการณ์บอกปัดลูกค้าไม่เป็น ทำตัวเองให้ยุ่งยากโดยเปล่าประโยชน์ แต่ก็อย่างว่าคนมาจากชนบทอย่างอาลี่ก็ได้อยู่แค่นี้แหละ ไม่มีสมองมากสักเท่าไหร่ ไม่มีวันเจริญในหน้าที่การงานหรอก”

หญิงวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่า ‘พี่โจว’ พูดขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก

อย่างไรก็ตาม พวกเธอไม่รู้เลยว่าอวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำพูดของพวกเธอทั้งหมด

ประสาทการได้ยินของเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมาก

หลังจากที่อาลี่แนะนำเกี่ยวกับรถโรลส์-รอยซ์เสร็จ เธอก็แนะนำอวี้ฮ่าวหรานดูรถสปอร์ตสีเหลืองสดใสที่อยู่ข้าง ๆ ต่อ

“ราคาของรถคันนี้อยู่ที่ 8 ล้านหยวน เป็นแบรนด์ชั้นนำของต่างประเทศ แลมโบกินี…”

หลังจากฟังการแนะนำของอีกฝ่ายแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ชายหนุ่มพอใจมากกับรถสปอร์ตสีเหลืองคันนี้

ความเร็วของรถคันนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เพราะประสาทสัมผัสการตอบสนองที่เหนือมนุษย์ของตัวชายหนุ่มเอง มันก็ทำให้เขาสามารถควบคุมรถคันใดก็ได้ในโลกไม่ว่ามันจะเร็วสักแค่ไหนก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานมั่นใจว่าตัวเองสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกสถานการณ์

และสำหรับเขา เงิน 8 ล้านหยวนเป็นเพียงเงินจำนวนเล็กน้อย

“ผมเอาคันนี้ คุณไม่จำเป็นต้องให้ส่วนลด แค่ถ่ายโอนกรรมสิทธิ์มาให้ผมโดยเร็วที่สุดก็พอ”

“เอ๊ะ?”

อาลี่ที่กำลังจะแนะนำรถคันถัดไปถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดตกลงซื้ออย่างสบาย ๆ ของอวี้ฮ่าวหราน

เธอไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีปัญญาซื้อรถราคาแพงแบบนี้ได้!

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

Status: Ongoing
ในที่สุด… มหาจักรพรรดิแห่งมวลเทพ ‘อวี้ฮ่าวหราน’ ก็สามารถกลับมาที่โลกได้สำเร็จ.. ! 3 หมื่นปี เขาต้องติดอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้านานถึง 3 หมื่นปีหลักจากตกหน้าผาและเกิดใหม่ในดินแดนเหนือจินตนาการ !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท