บทที่ 300 การโต้กลับที่รวดเร็ว
บทที่ 300 การโต้กลับที่รวดเร็ว
เครือฮ่าวหรานเริ่มโต้กลับพร้อมกับบริษัทชิวเฮิงซึ่งให้ความช่วยเหลือในทุกด้าน
ทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทขนาดใหญ่ยักษ์ ดังนั้นเมื่อร่วมมือกัน สถานการณ์ต่าง ๆ จึงพลิกกลับอย่างรวดเร็วรวมไปถึงข่าวลือต่าง ๆ ก็ถูกลบหายไปราวกับว่าไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น!
เวลาเก้าโมงเช้า หลี่อิงไห่ถูกปลุกให้ตื่นโดยโทรศัพท์ขณะที่เขายังหลับอยู่
“ย…แย่แล้ว…ท่านประธานหลี่! พวกเราแย่แล้ว!”
ทันทีที่รับสายโทรศัพท์ ปลายสายก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกทันที!
“เป็นบ้าอะไรถึงโทรมาร้องโหยหวนใส่ฉันตั้งแต่เช้าแบบนี้!”
หลี่อิงไห่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอีกฝ่าย และรู้สึกไม่พอใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้ในทันที
“แกรีบอธิบายมาให้ไวเลยว่าทำไมถึงโทรมาตะโกนใส่ฉันตั้งแต่เช้า ถ้าหากแกไม่มีเหตุผลที่ดีพอละก็….วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่แกทำงานให้ฉัน!”
เขาดื่มน้ำเย็นก่อนที่จะตัดสินใจไล่พนักงานคนนี้ออก
อย่างไรก็ตาม คำพูดถัดไปของอีกฝ่าย มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า!
“ท…ท่านประธาน! เครือฮ่าวหราน…เมื่อคืนที่ผ่านมาพวกเขาโต้กลับอย่างรุนแรง! แถมมีบริษัทใหญ่เข้าร่วมด้วย! เราสู้พวกเขาไม่ได้เลย!”
“อะไรนะ!!”
หลี่อิงไห่ที่กำลังโกรธอยู่อึ้งไปในทันที!
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาได้สติ ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ
“แกอธิบายมาให้ชัดเจน! เครือฮ่าวหรานเริ่มโต้กลับแล้วเหรอ?”
“ใช่แล้วท่านประธาน! พวกเขาเริ่มโต้กลับเราเมื่อคืนนี้อย่างฉับพลัน จนเราไม่มีแม้แต่เวลาจะได้ตั้งตัว และตอนนี้สถานการณ์ทางฝั่งของเรากำลังย่ำแย่อย่างหนัก!”
เสียงของปลายสายเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าบริษัทอิงเหมากำลังประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก
หลังจากที่ได้ยินคำยืนยันนี้ หลี่อิงไห่ที่เงียบไปอยู่นานเพราะความตกตะลึง
ก่อนหน้านี้เขาได้วางแผนกับแก๊งฉลามคลั่งและแก๊งวาฬยักษ์มาเป็นอย่างดีแล้ว แถมอีกฝ่ายสัญญาว่าจะกักตัวพวกผู้บริหารของเครือฮ่าวหรานเอาไว้อย่างน้อยสองเดือนเพื่อให้ตัวเขามีเวลาเพียงพอในการกวาดซื้อหุ้นและผนวกเครือฮ่าวหราน
แต่นี่น้อยกว่าวัน!!
แถมเป็นเขาเองที่กำลังจะย่อยยับ!
“ไม่…เป็นไปไม่ได้! เป็นไปได้ยังไง! แบบนี้ฉันจบเห่แน่!!”
เมื่อคิดเช่นนี้ ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน
แค่อิทธิพลและความใหญ่โตของเครือฮ่าวหราน ก็สามารถบดขยี้บริษัทของเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กลับมีอีกบริษัทใหญ่ช่วยเครือฮ่าวหรานรุมยำเขาอีก ต่อให้จะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทขนาดเล็กหลายบริษัทของแก๊งฉลามคลั่ง มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
“มันจบแล้ว! คราวนี้ฉันจบแล้ว!”
เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถทำได้อีก หลี่อิงไห่ก็วางสายและพึมพำอย่างสิ้นหวัง
เพื่อให้ได้ผลประโยชน์มากขึ้นจากโอกาสครั้งนี้ เขาได้ใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัททั้งหมดไปแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อถูกโต้กลับ เขาจึงไม่สามารถดิ้นรนอะไรต่อได้เลย!
ไม่มีทางรอด!
ในเวลาเดียวกัน
หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานส่งถวนถวนเข้าเรียนเปียโนไปแล้ว ระหว่างทางไปบริษัท ชายหนุ่มโทรออกหาโจวเฟยหู่
“น้องอวี้! โทรมาหาฉันแต่เช้าเลย มีอะไรงั้นเหรอ?”
เสียงที่เบิกบานของอีกฝ่ายดังขึ้นทันที
“ใช่ ฉันมีเรื่องนิดหน่อย”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุผลที่ชายหนุ่มโทรหาอีกฝ่ายเป็นเพราะหลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน เขาเริ่มคิดที่จะจัดการกับแก๊งวาฬยักษ์ให้เด็ดขาด
ถึงแม้ว่าครั้งนี้หลังจากที่ถูกลักพาตัว พวกผู้บริหารระดับสูงของเครือฮ่าวหรานจะยังคงภักดีและยินดีที่จะสู้ต่อเพื่อบริษัท
แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง…หรือครั้งที่สามล่ะ?
ต่อให้เขาจะสามารถช่วยชีวิตคนเหล่านั้นได้ทุกครั้ง แต่ใครจะอยากทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องเสี่ยงภัยในทุก ๆ วัน?
เห็นได้ชัดว่า หลิ่วอวี้จิงไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยวางเรื่องความแค้นได้ง่าย ๆ หลังจากที่รู้ว่าแผนของตัวเองล้มเหลว คนของเขาอาจถูกลักพาตัวอีกครั้ง!
แก๊งวาฬยักษ์ต้องถูกกำจัด!
มิฉะนั้น เครือฮ่าวหรานอาจไม่สามารถพัฒนาได้อย่างสงบสุข
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงบอกการตัดสินใจของตัวเอง
“ตอนนี้ฉันต้องการให้แก๊งพยัคฆ์เวหาของนายจัดการกับแก๊งวาฬยักษ์ ทันที หรือไม่อย่างน้อย ๆ ก็โจมตีบางพื้นที่ของอีกฝ่าย เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกนั้นมาที่นายอย่างเต็มที่”
ประโยคนี้ดูเหมือนจะทำให้โจวเฟยหู่ตกใจพอสมควร เพราะเงียบไปหลายวินาทีก่อนที่จะถามกลับอย่างไม่แน่ใจ
“น้องอวี้ นายกำลังจะบอกว่าเราควรเริ่มโจมตีกลุ่มวาฬตอนนี้เลยงั้นเหรอ?”
“อืม!”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าตอบโดยไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นด้วย
เพราะเขาเดาได้ถึงลักษณะนิสัยของอีกฝ่าย
“นี่…นี่มันเยี่ยมไปเลย!! ฮ่า ๆๆ น้องอวี้ ไม่ต้องกังวล ฉันเองก็อยากจะสั่งสอนไอ้แก๊งวาฬยักษ์นั่นมานานแล้ว! ฉันแค่รอสัญญาณจากนายเท่านั้นเอง!”
น้ำเสียงที่ปลายสายของโทรศัพท์ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
ตามที่อวี้ฮ่าวหรานคาดไว้ โจวเฟยหู่ตั้งตารอสัญญาณจากเขาจริง ๆ ดังนั้นไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายจะหัวเราะด้วยความปีติยินดีเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“ดีมาก คืนนี้ฉันอยากได้ยินข่าวว่าแก๊งพยัคฆ์เวหามีชัยในทุกพื้นที่”
“ไม่มีปัญหา! น้องอวี้! การยึดพื้นที่ไม่ใช่เรื่องยาก ฉันจะแจ้งข่าวให้นายรู้ทันทีเมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วง!”
ถ้ดมา หลังจากที่ทั้งสองคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกันอีกเล็กน้อย โทรศัพท์ก็ถูกวางสาย
หลังจากวางสายไปได้เพียงครู่เดียว อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถถึงเครือฮ่าวหราน
วันนี้ต่างจากบรรยากาศที่ตื่นตระหนกของเมื่อวาน ทุกสิ่งทุกอย่างในบริษัทดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง…
เมื่อชายหนุ่มเข้ามาถึงในออฟฟิศ ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานนั่งลง ผู้จัดการหวังก็เคาะประตูและเดินเข้าไปพร้อมกับเอกสารปึกใหญ่
“ท่านประธานอวี้ เมื่อวานพวกเราทำงานหนักกันทั้งคืน เราได้ร่วมมือกับบริษัทชิวเฮิงเพื่อตอบโต้”
“อืม คุณและคนอื่น ๆ ทำได้ดีมาก”
อวี้ฮ่าวหรานมองเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของผู้จัดการหวังซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม
“ขอบคุณครับท่านประธาน สำหรับคำชม แต่เช้านี้ สิ่งต่าง ๆ คืบหน้ามากกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก”
“บอกรายละเอียดมาให้ผมฟังที”
“หลังจากทำงานหนักมาทั้งคืน ทันทีที่ตลาดหุ้นเปิดในเช้าวันนี้ ราคาหุ้นของบริษัทอิงเหมาดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ เราได้ร่วมมือกับบริษัทชิวเฮิง เพื่อซื้อหุ้นของอีกฝ่ายเป็นจำนวนมหาศาล”
ผู้จัดการหวังเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ยิ่งไปกว่านั้น พวกผู้บริหารและพวกผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทอิงเหมาที่รู้ว่าเรือใกล้จะล่มแล้วต่างก็รีบเสนอขายหุ้นของพวกเขาให้กับเราเพื่อเอาตัวรอด”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอีกครั้งพร้อมกับยิ้มอย่างสะใจ นี่เป็นข่าวดีจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม จริง ๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ บริษัทของหลี่อิงไห่จะสามารถต่อสู้กับเครือฮ่าวหรานและบริษัทชิวเฮิงได้ยังไงจริงไหม?
…
ไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยง
ในขณะนี้ในอาคารสำนักงานของบริษัทอิงเหมา
“จบแล้ว…ทุกอย่างมันจบแล้ว…ฉันไม่น่าเอาตัวไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย!”
หลี่อิงไห่เอนหลังพิงเก้าอี้ผู้บริหารและมองเพดานอย่างสิ้นหวัง
เขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งในเวลานี้ ไม่คิดเลยว่าพวกแก๊งใหญ่จะเชื่อถือไม่ได้ขนาดนี้
พวกมันบอกว่าจะยื้อเอาไว้ได้สองหรือสามเดือน แต่นี่มันแค่วันเดียวเอง! แค่วันเดียว…เครือฮ่าวหราน ร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่อีกแห่งโต้กลับอย่างบ้าคลั่ง!!
ถึงแม้ว่าบริษัทของเขาจะไม่ใช่บริษัทไก่กา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสองยักษ์ใหญ่ เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย!
บทที่ 312 แผนการที่ถูกวางเอาไว้แล้ว
บทที่ 312 แผนการที่ถูกวางเอาไว้แล้ว
“ถ…ถึงแม้ว่า…พวกพี่น้องของเราจะไม่ตายโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้ แต่…แต่หัวหน้าอย่าเพิ่งทำอะไรโดยใช้แต่อารมณ์อย่างเดียว สำหรับหลิ่วอวี้จิ่ง ตอนนี้เรายังไม่สามารถจัดการกับมันได้ชั่วคราว”
สีหน้าของหวังเหยียนเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของโจวเฟยหู่
เขาเข้าใจดีถึงความแข็งแกร่งของโจวเฟยหู่ว่ามีขนาดไหน หัวหน้าแก๊งของตัวเองเพิ่งบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์กำลังภายในมาไม่นานนี้เอง ดังนั้นโจวเฟยหู่จึงยังไม่สามารถที่จะไปจัดการกับหลิ่วอวี้จิงได้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงรีบปรามอีกฝ่ายทันที
หวังเหยียนไม่ได้นับรวมความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหราน เข้ามาอยู่ในความแข็งแกร่งของแก๊งพยัคฆ์เวหา เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณแก๊งพยัคฆ์เวหาอะไรทั้งนั้น…
อันที่จริงตั้งแต่แรก แก๊งพยัคฆ์เวหาเป็นเพียงฝ่ายเดียวที่ติดหนี้บุญคุณ อวี้ฮ่าวหราน
ทว่าในขณะเดียวกันนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็เริ่มพูดแทรก
“ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าในอนาคตมีเรื่องอะไรก็แค่บอก ฉันจะไปช่วยในทันที”
เขาให้สัญญากับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง
“น…น้องอวี้ นายยินดีจะช่วยพวกฉันจริง ๆ งั้นเหรอ?”
โจวเฟยหู่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้อีกฝ่ายถึงลงทุนทำเช่นนี้เพื่อพวกเขา
ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา เขาพอจะสังเกตเห็นว่า อวี้ฮ่าวหรานเป็นคนที่ไม่ค่อยยี่หระกับอะไร และห่วงใยแค่ครอบครัวของตัวเองเท่านั้น
“ไม่ต้องถามมาก แค่รู้ว่าฉันจะไปช่วยก็พอ”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้อธิบายมาก
การที่เขาตัดสินใจจะช่วยแบบนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะหวังเหยียน แต่ส่วนหลักเป็นเพราะชายหนุ่มรู้สึกรำคาญกับความเลวทรามของพวกแก๊งวาฬยักษ์ที่แสดงออกมาตอนเหตุการณ์ในบ่อน
อวี้ฮ่าวหรานไม่ต้องการให้แก๊งที่ชั่วช้าแบบนี้เดินร่อนไปมาอยู่ในเมืองเดียวกับที่ครอบครัวของตัวเองอยู่ เขารู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่!
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็เดินออกจากวอร์ดไป
…
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง
ตรู๊ดด ตรู๊ดดด ตรู๊ดดดด…
เวลาตีสาม หลิ่วอวี้จิงเพิ่งผล็อยหลับไปบนโซฟา แต่จู่ ๆ ก็ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์รัวถี่ ๆ!
จริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจจะหลับ แต่เขาแค่รอสายนี้มานานเกินไปจนเผลอผล็อยหลับ
“ห…หัวหน้า! มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!!”
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขารับโทรศัพท์ เสียงตื่นตระหนกก็ดังมาจากอีกฝั่งสาย
สีหน้าของหลิ่วอวี้จิงเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เมื่อได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่าย และเดาถึงเรื่องที่กำลังจะได้ยินถัดมา
“จิ่นเฟิง…ทำพลาดจนหวังเหยียนหนีไปได้ใช่ไหม?”
“ไม่…ไม่…ผมเพิ่งมาถึงที่บ่อน! พวกของเรา…พวกของเราตายกันหมดเลยหัวหน้า!!”
เมื่อพูดประโยคนี้เสียงของปลายสายยิ่งตื่นตระหนกมากกว่าเดิม ราวกับว่าเห็นบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
“อะไรนะ!?”
หลิ่วอวี้จิงเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และเขาตกใจจนดีดตัวยืนขึ้น! !
“แกอธิบายมาดี ๆ เลยนะ! ถ้าแกล้อฉันเล่นฉันฆ่าแกแน่!!”
ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าลูกน้องของเขาไม่มีทางล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ แต่ด้วยความโกรธจัด หลิ่วอวี้จิงจึงตะโกนขู่ออกโดยไม่รู้ตัว
หรือบางทีเขาอาจกลัวจนไม่อยากจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
เสียงลมหายใจที่ปลายสายสั่นเทิ้ม และต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อปรับอารมณ์และอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ในสิ่งที่ตัวเองเห็น
“ค…คือผมรอสายโทรศัพท์จากหัวหน้าสาขาจิ่นนานมาก จนเริ่มสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่โทรหาผมสักที ผมก็เลยเริ่มโทรไปแต่ก็ไม่มีใครรับสาย จากนั้นด้วยความกังวลผมก็เลยขับรถมาที่บ่อนเพื่อดู…แต่แล้ว…แต่แล้ว…สิ่งที่ผมเห็นก็คือ…ทุกคนตายหมดแล้ว หัวหน้าสาขาจิ่นรวมไปถึงหัวหน้าสาขาอีกสามคนก็ตายทั้งหมดด้วย…”
ขณะที่พูด เสียงของปลายสายสั่นกลัวมาก
หลังจากที่ฟังจนจบ หลิ่วอวี้จิงก็รู้สึกเหมือนมีใครเอาท่อนเหล็กมาตีที่หัวของตัวเองอย่างจังจนมึนงงไปหมด และมือไม้ของเขาก็อ่อนจนโทรศัพท์ในมือร่วงตกไปที่พื้น
“ทั้งหมด…ตายทั้งหมด … ”
หัวหน้าสาขาสี่คนที่เป็นปรมาจารย์กำลังภายในตายหมดเลย! เพื่อแผนการสังหารหวังเหยียน เขาจึงได้สั่งการเสาหลักของแก๊งเกือบทั้งหมด แต่ตอนนี้ทุกคนที่เขาส่งไปกลับตายหมดแล้ว!
แม้ว่าตัวเองจะตัดสินใจเข้าร่วมแก๊งฉลามคลั่ง แต่ความแข็งแกร่งของลูกน้องของเขาก็นับได้ว่าเป็นตัวกำหนดตำแหน่งในอนาคตของเขาต่อ กงซุนซา!
หากความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายเท่ากัน ตำแหน่งของเขาจะไม่ด้อยกว่าอีกฝ่าย
แต่ในเวลานี้เขาไม่เหลือความแข็งแกร่งอะไรไปต่อรองตำแหน่งเลย!
“นี่…มันเข้าทางของตาเฒ่ากงซุนอย่างถึงที่สุดเลยใช่ไหม? ตาแก่นั่นคงเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้?”
เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง และรู้สึกสยดสยองกับแผนการของกงซุนซา
ด้วยวิธีนี้ ตาแก่นั่นคงยิ่งยึดครองโลกใต้ดินของเมืองฮ่วยอันได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น!
ในมุมมองของหลิ่วอวี้จิง ต่อให้อวี้ฮ่าวหรานจะแข็งแกร่งมากเพียงไหน เขาก็มองว่าไม่ได้อันตรายสักเท่าไหร่ เพราะอวี้ฮ่าวหรานดูไม่ใช่คนที่ชอบใช้แผนเจ้าเล่ห์ แต่กับกงซุนซา…ชายแก่คนนี้อันตรายมากว่ามาก ๆ!
“เฮ้อ…ช่างเถอะ…ลืมมันซะ ให้มันเป็นไปตามที่ตาแก่นั่นต้องการก็แล้วกัน ไม่ว่ายังไงฉันเองก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย”
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ ราวกับว่ายอมรับชะตากรรมของตัวเองแล้ว
ความปรารถนาในความแข็งแกร่งได้เอาชนะหน้าที่ความรับผิดชอบของแก๊งตัวเองไปจนหมดสิ้นเรียบร้อย
…
เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเสร็จสิ้นสิ่งที่ควรทำทั้งหมดแล้ว เขาจึงตรงกลับคอนโดทันที และกว่าจะกลับไปถึงก็เป็นเวลาตีสองเข้าไปแล้ว
เมื่อมองเวลาดูแล้วและเห็นว่าดึกมาก อวี้ฮ่าวหรานจึงค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าไฟในห้องนั่งเล่นยังคงเปิดอยู่!
หลี่หรง น้องภรรยาของเขากำลังนอนอยู่บนโซฟา!
แต่เธอหลับไปแล้วในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงหลังเทศกาลไหว้พระจันทร์ อากาศจะค่อนข้างหนาว หลี่หรงจึงนอนอยู่บนโซฟาในท่าขดตัว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ มุมปากของอวี้ฮ่าวหรานก็กระตุกเล็กน้อย เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
แม้ว่าอีกฝ่ายมักจะเจ้าอารมณ์ แต่อันที่จริงชายหนุ่มเข้าใจดีกว่าอีกฝ่ายรู้สึกเป็นห่วงกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของเขามากอย่างชัดเจน
เมื่อเห็นว่าอากาศมันค่อนข้างหนาวกว่าปกติ อวี้ฮ่าวหรานจึงกลัวว่าคนธรรมดาอย่างน้องภรรยาจะเป็นไข้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องของตัวเองและหยิบเอาผ้าห่มสำรองที่อยู่ในตู้มาห่มให้อีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา