ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – บทที่ 321 ประจบประแจงจนผิดสังเกต

บทที่ 321 ประจบประแจงจนผิดสังเกต

บทที่ 321 ประจบประแจงจนผิดสังเกต
บทที่ 321 ประจบประแจงจนผิดสังเกต

อวี้ฮ่าวหรานถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นอาการประจบประแจงของหลี่จิงเทียน

ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเขาจะทุบตีไอ้นายน้อยรุ่นที่สองของตระกูลหลี่ผู้นี้สักเท่าไหร่ มันก็ไม่เคยเลยที่จะสำนึกผิด หรืออย่างมากที่สุดมันก็แค่แสดงสีหน้ากลัวเมื่อเจอเขาเท่านั้น

แต่วันนี้ไหงถึงมาทำหน้าประจบประแจงเอาใจเขาแบบนี้ได้?

“สมองของนายมีปัญหาหรือเปล่าวันนี้?”

อวี้ฮ่าวหรานหันศีรษะไปถามด้วยความสนใจ เขาเดาว่าหลี่จิงเทียนมีจุดประสงค์บางอย่างถึงปฏิบัติตัวเปลี่ยนไปขนาดนี้

“เปล่า…ไม่มีอะไร ผม…ผมแค่คิดว่าพี่เขยดู…ยอดเยี่ยมมากเลยก็เท่านั้นเอง!”

เมื่อถูกถามแบบจับผิด หลี่จิงเทียนก็ตอบกลับแบบติดอ่างเล็กน้อย

หลังจากผ่านเหตุการณ์มามากมาย สิ่งที่เขากลัวที่สุดในตอนนี้ก็คือพี่เขยของตัวเอง

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีอะไร! อย่ามาทำตัวให้พวกเราตายใจจะดีกว่า!”

หลี่หรงหรี่ตามองพี่ชายของเธออย่างสงสัย

“แค่ก ๆ…หรงหรง น้องนั่งลงก่อนสิ ดูสิ บนโต๊ะมีอาหารที่น้องชอบเยอะแยะเลย”

หลี่จิงเทียนรู้ตัวดีว่าการกระทำของเขาตอนนี้มันดูแปลกไปมาก ดังนั้นเมื่อโดนจับผิด สีหน้าของเขาจึงดูอับอายอย่างมากในทันที

ในขณะเดียวกัน สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม พร้อมกับยกมือขึ้นปรามอีกฝ่ายทันที

“ก่อนที่นายจะทำอะไรต่อไป ฉันขอบอกเอาไว้ก่อนว่าตระกูลอู๋เพิ่งถูกฉันจัดการไป และอู๋เส้าฮัวก็ตายไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่านายกำลังจะมีแผนอะไรต่อ นายอย่าทำให้ฉันโกรธจะดีกว่า!”

อวี้ฮ่าวหรานพยายามใช้บารมีสามส่วน และการคุกคามอีกสามส่วนเพื่อเตือนอีกฝ่าย

แม้ว่าน้องภรรยาของเขาคนนี้จะโง่เง่า และไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ชายหนุ่มมากนัก แต่ก็ควรขู่อีกฝ่ายเอาไว้ก่อน

แน่นอนว่าเมื่อหลี่จิงเทียนได้ยินประโยคนี้ เขาก็ตกใจในทันที

“อู๋…อู๋เส้าฮัวตายแล้วเหรอ?”

เขาจ้องมองอวี้ฮ่าวหรานอย่างไม่เชื่อ ไม่นึกเลยว่าตระกูลที่เก่าแก่อย่างตระกูลอู๋จะถูกทำลายลงไปด้วยน้ำมือของพี่เขยของเขาแบบนี้!

ใบหน้าของหลี่จิงเทียนขาวซีดอย่างฉับพลัน

“นายควรจะรู้ว่าถ้านายไม่ใช่คนของตระกูลหลี่ ป่านนี้นายคงจะตายไปแล้วเช่นกัน”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยหลังจากพูดจบ ชายหนุ่มอยากให้อีกฝ่ายรู้เรื่องนี้เอาไว้ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ระงับความคิดชั่วได้มากกว่าเดิม

เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่ชงซานจึงอดไม่ได้ที่จะพูดแทรก

“เอาน่า ๆ พวกเราครอบครัวเดียวกันทังนั้น อย่าทะเลาะกันเลย แม้ว่าฉันจะเกลียดลูกชายอกตัญญูคนนี้ แต่ท้ายที่สุด เขาก็เป็นลูกชายของฉัน และอันที่จริงการที่เขาเป็นแบบนี้มันเป็นเพราะฉันด้วยที่ดูแลเขาได้ไม่ดี”

หลี่ชงซานพยายามแสดงสีหน้ายิ้มกระอักกระอ่วนกลบเกลื่อนฉาก

“พ่อ! ทำไมพ่อถึงปกป้องเขาตลอดเลย! พ่อจำไม่ได้หรือไงว่าเขาเคยทำอะไรกับพ่อบ้าง!”

“พิษนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เขย…”

หลี่หรงรู้สึกไม่มีความสุขเลยเมื่อเห็นพ่อของเธอยังคงปกป้องพี่ชายของเธอเองอย่างหน้ามืดตามัว โดยเฉพาะเมื่อเธอนึกถึงวีรกรรมที่ผ่านมาของอีกฝ่ายจนเธออดไม่ได้ที่จะพูดอย่างหุนหันพลันแล่น

อวี้ฮ่าวหรานโบกมือหยุดหญิงสาวทันทีไม่ให้พูดต่อ

“มานั่งทานอาหารเย็นกันเถอะ หลี่จิงเทียน นายก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้วมาเริ่มกินอาหารกันดีกว่า”

หลี่หรงพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ และนั่งลงโดยไม่พูดอะไรอีก

หลี่จิงเทียนเต็มไปด้วยความกลัวและกลับไปนั่งที่ที่นั่งของเขา

หลี่ชงซานที่เห็นฉากนี้ก็ค่อนข้างเบาใจลง

ถึงแม้ว่าลูก ๆ ของเขาจะไม่ลงรอยกันสักเท่าไหร่ แต่ยังโชคดีที่ลูกเขยของเขามีอิทธิพลมากจนสามารถระงับความขัดแย้งได้อย่างง่ายดาย ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน

“ใช่ ๆ ทุกคนกินข้าวกันก่อนเถอะ วันนี้ฉันให้พ่อครัวเตรียมอาหารดี ๆ เอาไว้เยอะมากเลย”

หลี่ชงซานเอ่ยขึ้นเปลี่ยนเรื่องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“หลานสาวของปู่ก็หิวแล้วเหมือนกันใช่ไหม? ดูสิ ปู่ให้พ่อครัวทำเสี่ยวหลงเปาเอาไว้ให้หลานโดยเฉพาะเลย”

หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว หลี่ชงซานก็เริ่มคีบอาหารใส่จานตรงหน้าถวนถวน

ด้วยเหตุผลบางอย่างเด็กน้อยดูเหมือนจะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษเมื่อมาที่บ้านหลักตระกูลหลี่

“ขอบคุณ…ขอบคุณค่ะ…คุณ…”

ถวนถวนลังเลอยู่นานและไม่รู้ว่าจะเรียกหลี่ชงซานว่าอะไร

เมื่อก่อนตอนที่พ่อของเธอไม่อยู่ เธอแทบไม่มีโอกาสได้มาบ้านหลักตระกูลหลี่เลย ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการทานอาหารที่โต๊ะแบบนี้

เมื่อเห็นลูกสาวของตัวเองแสดงสีหน้าลังเล อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ถวนถวน ลูกเรียกคุณตาสิลูก ไม่ต้องกลัว”

“ค…คุณตา”

เด็กน้อยลังเลอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน จากนั้นเธอก็พูดสองคำนี้ออกมาด้วยสีหน้าแปลก ๆ

“ฮ่า ๆ ดีมาก! หลานรักของตา น่ารักจริง ๆ”

หลี่ชงซานหลังจากได้ยินคำพูดของหลานตัวเอง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

อันที่จริงเขาชอบหลานสาวของตัวเองมาตั้งนานแล้ว แต่ทั้งตระกูลหลี่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของอวี้ฮ่าวหรานและหลี่เม่ย ดังนั้นในฐานะหัวหน้าตระกูล เขาจึงไม่สามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้อย่างโจ่งแจ้ง

โชคดีที่ลูกเขยของเขามีความสามารถ จนตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลกับอะไรอีก

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลี่ชงซานก็ยิ่งชอบใจลูกเขยของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

ลูกสาวของฉันนี่ช่างตาแหลมจริง ๆ!

นอกจากนี้เขายังได้รู้ข่าวการล่มสลายของตระกูลอู๋มาบ้างแล้ว สมาชิกในตระกูลอู๋ที่เหลือกำลังต่อสู้เพื่อแก่งแย่งทรัพย์สินของตระกูลอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้อิทธิพลของตระกูลอู๋บั่นทอนลงไปอย่างมาก หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ตระกูลอู๋จะไม่มีทางเทียบได้กับตระกูลหลี่ได้อีก

เรื่องนี้ทำให้ชายชราถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ต้องรู้ว่าที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของตระกูลอู๋นั้นเหนือกว่าตระกูลหลี่มาโดยตลอด และอู๋หมิ่นก็ต้องการฮุบกิจการของตระกูลหลี่เรื่อยมา ซึ่งไม่มีใครเลยที่สามารถหยุดอีกฝ่ายได้

แต่ในตอนนี้สถานการณ์ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

“ดี ๆ!”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่ชงซานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นเสียงดัง

หลี่หรงรู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ พ่อของเธอถึงมีความสุขนัก

ไม่นานหลังจากทานอาหารเย็นไปครึ่งทาง หลี่ชงซานก็ค่อย ๆ เอ่ยถึงประเด็นที่เขาต้องการจะพูดคุยในวันนี้

“ฮ่าวหราน ที่พ่อเรียกลูกมาเจอพ่อในวันนี้ เพราะพ่อมีเรื่องบางอย่างที่ยังวางใจไม่ได้อยากจะคุยกับลูก”

“อืม…บอกมา”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรตั้งแต่แรก เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องจะพูด

เขารู้ไส้รู้พุงของชายชราคนนี้ชัดเจนอย่างมาก

“อะแฮ่ม จริง ๆ แล้วมันเกี่ยวกับหลี่จิงเทียน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันแย่ลงเรื่อย ๆ และลูกชายไม่เอาถ่านคนนี้ของฉันก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรับตำแหน่งผู้นำตระกูลหลี่แน่นอน ดังนั้น…”

หลี่ชงซานกระแอมเบา ๆ แต่เมื่อพูดไปได้ครึ่งทางเขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนพูดต่อไม่ได้

เขารู้สึกหนักใจกับวีรกรรมที่ผ่านมาของหลี่จิงเทียนที่ทำเอาไว้กับอวี้ฮ่าวหราน ซึ่งมันทำให้คำขอของตัวเองดูมากเกินไป

บทที่ 324 งานประมูลใหญ่
บทที่ 324 งานประมูลใหญ่

ในไม่ช้าเรื่องนี้ก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง คนของแก๊งวาฬยักษ์ทั้งหมดก็รวมตัวกัน และเปลี่ยนชื่อเป็นแก๊งทะเลฉลาม

อีกด้านหนึ่ง…

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลี่จิงเทียนมาที่บริษัทแต่เช้าและนั่งบนเก้าอี้ราคาแพงอันแสนสบายของตัวเองอีกครั้งด้วยสีหน้าเบิกบานสุดขีด

หลี่อิงไห่ถูกโค่น หวังเจวียตายแล้ว อู๋เส้าฮัวก็ตายเช่นกัน แม้แต่เผิงอิงอิงที่เคยสมรู้ร่วมคิดกับเขาก่อนหน้านี้ก็ต้องไปนอนในคุก แต่ตอนนี้เขากลับยังสามารถนั่งสบายอยู่ที่นี่ได้

นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาฉลาดกว่าคนพวกนั้นหรอกเหรอ?

หลี่จิงเทียนคิดอย่างภาคภูมิใจ

“ฮึ คนเหล่านั้นมันก็แค่พวกโง่เง่า พวกมันคิดว่าพวกมันฉลาดมาก แต่ฉันต่างหากที่ฉลาดมากกว่าพวกมัน!”

ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่ามากกว่าเดิม

แต่แน่นอนว่าถึงแม้ในตอนนี้เขาจะยังละทิ้งนิสัยหลงตัวเองไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวอยู่เหนือกว่าพี่เขยของตัวเองอีกแล้ว เขาเข้าใจดีว่าจากทัศนคติของพี่เขย นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ตัวเองจะได้รับการให้อภัย หลังจากนี้หากเขาสร้างเรื่องอีก เขาอาจจะได้ไปนอนตัวเย็นอยู่ใต้ต้นไม้แถบชานเมืองแทน

ชั้นบนสุดของอาคารสำนักงาน

“วันนี้หลี่จิงเทียนมาที่บริษัทหรือเปล่า?”

หลังจากฟังรายงานตามปกติแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็ถามด้วยความสนใจ

“เขามาครับท่านประธาน แต่หลังจากที่เขาเข้าไปในออฟฟิศของตัวเอง เขาก็ไม่ออกมาเลย”

ผู้จัดการหวังจับตาดูความเคลื่อนไหวของหลี่จิงเทียนอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบได้อย่างรวดเร็ว

“อืม ดีแล้วที่มันไม่ออกมาเดินเพ่นพ่าน ถึงแม้ว่าผมจะให้ตำแหน่งรองประธานกับเขา แต่เขาจะไม่มีสิทธิไม่มีเสียงใด ๆ ทั้งนั้นในบริษัท เอาไว้เดี๋ยวผมจะจัดการประชุมกับผู้บริหารทุกคนเพื่ออธิบายเรื่องนี้กับทุกคนให้รู้เอาไว้ด้วย”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและอธิบายแผนของเขาอย่างชัดเจน

ชายหนุ่มไม่ได้คิดอะไรมากกับการให้เงินเดือนหลี่จิงเทียนแบบเปล่า ๆ แต่สิ่งที่กังวลก็คือ เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมายุ่มย่ามกับกิจการในบริษัท

หลี่จิงเทียนนั้นค่อนข้างโง่ และเป็นพวกไร้สมอง คนแบบนี้ต่อให้ไม่คิดร้ายต่อบริษัท แต่หากเข้ามามีอำนาจตัดสินใจในบริษัทมากเกินไปมันก็รังแต่จะทำให้บริษัทวุ่นวาย

ผู้จัดการหวังไม่ได้ถามอะไรต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุด นี่คือเรื่องในครอบครัวของเจ้านายของเขา ดังนั้นจึงไม่ควรออกความเห็นมากเกินไป

แต่ในขณะเดียวกันนี้ จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของอวี้ฮ่าวหรานก็ดังขึ้น

“คุณออกไปก่อน”

เมื่อเห็นมีสายเข้า อวี้ฮ่าวหรานโบกมือให้ผู้จัดการหวังออกไปและรับโทรศัพท์

“ฮ่า ๆๆ! น้องอวี้ ช่วงนี้นายเป็นไงบ้างสบายดีไหม? ไม่เห็นนายติดต่อมาบ้างเลย หรือว่าเดี๋ยวนี้นายไม่สนใจพวกวัตถุโบราณแล้ว?”

น้ำเสียงที่ร่าเริงของหลินป๋อดังมาจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง

“อืม ก่อนหน้านี้ผมยุ่งนิดหน่อย แต่วันนี้ผมว่างอยู่”

“ฮ่า ๆ ถ้างั้นก็เยี่ยมเลย! วันนี้ฉันจะไปงานประมูลระดับสูง ในงานมีโบราณวัตถุล้ำค่ามากมายที่จะถูกนำขึ้นประมูลแยกกัน และงานประมูลนี้ก็เชิญแขกไม่มาก อีกทั้งคนนอกไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร่วม แต่ถ้านายว่างวันนี้ตอนเที่ยงนายมาหาฉันได้เลย!”

คำพูดของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของอวี้ฮ่าวหรานเต้นรัวทันที

“โอเค บอกสถานที่มาได้เลย ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

เขาตกลงโดยไม่ลังเล

ถึงเวลาที่เขาควรจะเร่งเพิ่มระดับการบ่มเพาะ

การปรากฏตัวของผู้บ่มเพาะขอบเขตก่อรากฐานทำให้เขาตระหนักว่านับจากนี้เขาจะต้องเจอกับพวกผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งในโลกนี้แล้ว ซึ่งถ้าหากต้องการใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นต่อไป ชายหนุ่มก็จำเป็นต้องบ่มเพาะให้เร็วขึ้นเท่านั้น

“ตกลง! สถานที่จัดงานประมูลคือห้องจัดเลี้ยงที่ชั้นบนสุดของโรงแรมเคมปินสกี้ ตอนนี้ฉันเองก็อยู่ในระหว่างเดินทางไป เอาไว้เราเจอกันที่นั่นก็แล้วกันนะน้องอวี้!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าแล้วก็วางสาย

ช่วงก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ซื้อโบราณวัตถุมาพักใหญ่ ๆ แล้ว

หลังจากกลับจากการทริปไปเที่ยว มันก็มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ชายหนุ่มยุ่งจนไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่น

จากนั้นเขาก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการจัดการเอกสารตอนเช้า และขับรถตรงไปยังโรงแรมเคมปินสกี้

หลังจากผ่านไปกว่ายี่สิบนาที อวี้ฮ่าวหรานก็มาถึงล็อบบี้ของโรงแรม และแจ้งชื่อของตัวเองกับพนักงานโรงแรม

ดูเหมือนว่าหลินป๋อจัดการทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว พวกพนักงานโรงแรมจึงนำทางเขาตรงไปยังลิฟท์อย่างนอบน้อม

ระหว่างทางนั้นมีพวกบอดี้การ์ดชุดดำจำนวนมากยืนประจำจุดตามรายทางทุก ๆ สิบเมตร ที่เอวของบอดี้การ์ดเหล่านี้โปนเล็กน้อยซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าคนเหล่านี้ล้วนติดอาวุธกันทุกคน

เห็นได้ชัดว่าการประมูลครั้งนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่

ในไม่ช้า ภายใต้การนำของพนักงาน เขาก็เข้าไปในห้องจัดเลี้ยงชั้นบนสุด

ห้องจัดเลี้ยงแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งหลังของห้องเต็มไปด้วยอาหารและของขบเคี้ยวต่าง ๆ เหมือนงานเลี้ยงทั่วไป

ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมีโต๊ะที่ดูหรูหราวางอยู่บนเวที และที่ด้านล่างเวทีก็มีเก้าอี้ที่แต่ละตัวดูราคาแพงจำนวนมากวางเรียวแถวอยู่หลายสิบตัว เห็นได้ชัดว่าส่วนนี้ใช้สำหรับจัดงานประมูล

ในเวลานี้ห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยพวกผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ ในเมืองฮ่วยอันมากมาย

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงของซูหว่านเอ๋อ

“ฉัน…ฉัน…ไปได้แล้วหรือยัง?”

น้ำเสียงของซูหว่านเอ๋อเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก ซึ่งมันทำให้อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะเดินไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น

หลังจากเดินผ่านผู้คน

อวี้ฮ่าวหรานเห็นกลุ่มชายสามคนยืนล้อมรอบซูหว่านเอ๋ออยู่ตรงกลาง

“โธ่ จะรีบไปไหนกันล่ะหว่านเอ๋อ? รู้ไหมว่าผมชอบคุณมานานแล้ว ตอนนี้สัญญาการแต่งงานของคุณก็ถูกยกเลิก คุณแต่งงานกับผมได้ไหม? คุณก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอว่าผมไม่ได้ด้อยกว่าหลี่จิงเทียนมากเท่าไหร่หรอก”

“หว่านเอ๋อ ผมเองก็ชอบคุณเช่นกันนะ! ถ้าเป็นเรื่องเงิน ผมเองก็มีเงินเหมือนกับหลี่จิงเทียน!”

“อย่าไปฟังไอ้สองคนนี้ หว่านเอ๋อ ผมเองก็ชอบคุณเช่นกัน ถ้าคุณตกลงกับผม ผมจะให้พ่อผมไปคุยกับพ่อคุณทันทีวันนี้เลย!”

ในเวลาเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานได้ยินทุกคำพูดของชายทั้งสามคนจากประสาทการฟังอันเหนือมนุษย์

ซูหว่านเอ๋อดูสับสนในเวลานี้ และเนื่องจากเธอพูดไม่เก่ง จึงไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร

เมื่อเห็นสิ่งนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเหนื่อยใจ แม้กระทั่งหลังจากเหตุการณ์นั้น สาวน้อยคนนี้ก็ยังพูดกับคนอื่นไม่เก่งอยู่ดี

ถ้าเปลี่ยนเป็นเฉิงชิวอวี้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ป่านนี้ไอ้สามหนุ่มนั่นคงโดนตบไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ชายหนุ่มก็รีบเดินออกไป ในฐานะที่เขาและเธอเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นตามปกติแล้วจึงไม่สามารถมองดูอีกฝ่ายถูกรังแกได้

“แต่… ฉันไม่ต้องการ…ฉันไม่ต้องการที่จะแต่งงาน…”

ซูหว่านเอ๋อเริ่มตื่นตระหนกและสับสนจากการถูกชายทั้งสามคุกคามที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอไม่สามารถพูดโต้แย้งได้อย่างเหมาะสมเพราะความหัวอ่อนของเธอ

แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้ชายทั้งสามได้ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ฮ่า ๆ ไม่เป็นเรา งั้นเรายังไม่ต้องแต่งงานกันก็ได้ พวกเรามาทดลองอยู่ด้วยกันก่อน แต่ฉันมั่นใจว่าเมื่อไหร่ที่ฉันทำให้เธอขึ้นสวร…”

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ฮึ่ม! พวกแกไม่เห็นหรือไงว่าผู้หญิงกำลังไม่พอใจ?”

อวี้ฮ่าวหรานเดินมาหยุดที่ด้านหลังและมองดูชายทั้งสามคนอย่างดูถูก

ทั้งสามคนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ แต่พวกเขาก็หัวเราะทันทีเมื่อเห็นว่าผู้พูดเป็นแค่ชายที่สวมเสื้อผ้าธรรมดามาก

“ฮ่า ๆ ฉันก็นึกว่าเป็นใครใหญ่โตที่ไหนมาพูดจาอวดเบ่ง นี่คนจน ๆ อย่างแกเข้ามาในงานนี้ได้ไงเนี่ย? ไปเลย รีบไสหัวไปให้ไกล ๆ อย่ามารบกวนเวลาของฉันกับหว่านเอ๋อ ไม่งั้นฉันจะเรียกยามให้มาลากแกออกไป!”

ผู้พูดขณะนี้คือชายหนุ่มร่างอ้วนที่แต่งตัวดี แต่สีหน้าของเขาแสดงอาการดูถูกอย่างชัดเจน

“ฮ…ฮ่าวหราน!”

ซูหว่านเอ๋อไม่คิดเลยว่าเธอจะได้พบกับอวี้ฮ่าวหรานที่นี่ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ใบหน้าซีดเผือดของเธอจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด

ชายร่างอ้วนประหลาดใจกับอาการแสดงออกของซูหว่านเอ๋อ เขามองทั้งสองอย่างสับสน

“บัดซบ! นี่มันบ้าอะไรกัน? ซูหว่านเอ๋อ ฉันไม่คิดเลยนะว่าผู้หญิงที่อยู่ในสังคมชั้นเดียวกับเราจะลดตัวลงไปคบกับคนจน ๆ แบบนี้ด้วย!”

เขาอดไม่ได้ที่จะติเตียนด้วยความอิจฉาในใจ

บทที่ 320 หมดโอกาสแก้ตัว
บทที่ 320 หมดโอกาสแก้ตัว

“ฉันจะให้นายทุกอย่างที่นายต้องการ! แต่ได้โปรดไว้ชีวิตฉันกับภรรยาด้วย! นายต้องเข้าใจว่าเราสูญเสียลูกชายไป เราเลยทำทุกอย่างลงไปด้วยความขาดสติ!”

ถึงแม้จะคิดว่ามันไร้ผล แต่อู๋หมิ่นก็ยังต้องขอลองพูดโน้มน้าวอีกสักรอบ

“ไว้ชีวิตพวกแกงั้นเหรอ? ฮ่า ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะอย่างขบขัน

“ถ้าแกแข็งแกร่งกว่าฉัน แกจะไว้ชีวิตฉันไหม? หรือถ้าฉันตายไปแล้ว แกจะไว้ชีวิตลูกสาวของฉันหรือเปล่า?”

“ฉัน…แน่นอนฉันจะ…”

เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด อู๋หมิ่นตอบกลับอย่างรวดเร็วทันที ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบที่เขาเอ่ยออกมามันไม่ได้เป็นความจริงเลยสักนิด

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็หายตัวไปราวกับปีศาจ และปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าอู๋หมิ่นพร้อมกับกุมคออีกฝ่าย!

“แกคิดว่าฉันอายุ 3 ขวบงั้นเหรอ?”

น้ำเสียงของอวี้ฮ่าวหราน ทำให้อู๋หมิ่นรู้สึกราวกับมีใครเอาน้ำเย็นมาสาดใส่

“ด…เดี๋ยว…นายใจเย็น ๆ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น หากคราวนี้นายปล่อยพวกเราไป ฉันสาบานว่าจะไม่รังควานนายอีกแล้ว!”

ในเวลานี้เขารู้สึกกลัวสุดขีด เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าลูกชายของเขาไปกินอะไรมา ถึงกล้ายั่วยุสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวขนาดนี้!

ดวงตาของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชา เขาจ้องมองอู๋หมิ่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจ

“เฮ้อ…เสียใจด้วย…โอกาสของแกมันหมดไปแล้ว”

กร๊อบ!!

เสียงหักของกระดูกดังลั่นชัดเจน คอของอู๋หมิ่นถูกหักอย่างสมบูรณ์!

ดวงตาของอู๋หมิ่นเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความไม่เต็มใจ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ค่อย ๆ สิ้นลมหายใจ

พลั่ก

อวี้ฮ่าวหรานโยนร่างของอู๋หมิ่นออกไปข้าง ๆ ราวกับโยนขยะทิ้ง

หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ เพิ่งได้สติ เมื่อได้ยินเสียงร่างของสามีตัวเองหล่นกระทบพื้น

“กรี๊ดดดด!!! ไอ้ระยำ! ไอ้สารเลว! ไอ้ชั่ว! แกฆ่าผู้ชายของฉัน!! ฉันขอสาปแช่งแกให้แกกับโคตรเหง้าของแกตายโหงทั้งครอบครัว! ฉันสาบานว่าฉันจะฉีกลูกแกเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือของฉัน แกตาย!!! กรี๊ดดดด!!”

เมื่อเห็นสามีของตัวเองถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา เธอก็กลายเป็นคนเสียสติอย่างสมบูรณ์ เธอกระโจนเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานอย่างไม่กลัวตายอีกแล้ว!

บรึ้ม!!!

อวี้ฮ่าวหรานหันไปมองหญิงวัยกลางคนด้วยสีหน้าเยาะเย้ยก่อนที่เขาจะโคจรพลังวิญญาณและโบกมือปล่อยคลื่นกระแทกเขเข้าใส่อย่างไม่แยแส!

ต้องรู้ว่าคลื่นพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหราน ทรงพลังมากจนแม้แต่ผู้บ่มเพาะก็ยังบาดเจ็บหากโดนเข้า ดังนั้นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงเท่าไหร่อย่างหญิงวัยกลางคนจะทนได้ยังไง?

ทันทีที่โดนคลื่นกระแทก ร่างของหญิงวัยกลางคนก็ลอยละลิ่วกระเด็นไปไกลหลายเมตรก่อนที่จะร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างไม่เต็มใจ และเธอก็ค่อย ๆ หมดลมหายใจไปในที่สุด

ตอนนี้ คนสำคัญของตระกูลอู๋ตายไปแล้วสาม!

จากนั้นบรรดาบอดี้การ์ดที่จงรักภักดีต่ออู๋หมิ่น บางคนก็กรูกันเข้าหาอวี้ฮ่าวหราน!

ฆ่า!

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ คนที่กล้ากระโจนเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานทั้งหมดก็กลายเป็นศพ เหลือแต่พวกคนที่ฉลาดรีบหนีไปซ่อนตัว ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้ทำอะไรพวกนั้นและออกจากบ้านหลักตระกูลอู๋ไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานจากไปแล้ว บ้านหลักตระกูลอู๋ก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที!

เมื่อครอบครัวของผู้นำตระกูลและบรรดาคนสนิทตายทั้งหมด พวกคนตระกูลอู๋ที่ยังเหลือรอด นอกจากจะโกรธแค้นแล้ว ความโลภในใจของพวกเขาก็ถูกกระตุ้นขึ้น

ต้องรู้ว่าทรัพย์สินของตระกูลอู๋ ส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยอู๋หมิ่นมาตลอด ดังนั้นเมื่อเจ้าตัวตายไปแล้วตอนนี้ พวกผู้คนที่หวังในทรัพย์สมบัติต่างก็เริ่มแย่งชิงกันในทันที

ในการแย่งชิงทรัพย์สมบัติจึงมีผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นอีกมากมาย!

อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจกับเรื่องราวในตระกูลอู่ที่จะเกิดขึ้นต่อ เป้าหมายการมาที่ตระกูลอู๋ของเขาวันนี้มีแค่อย่างเดียวคือ ฆ่าคนที่ตามจองล้างครอบครัวของเขาเท่านั้น!

5 ทุ่มเศษ อวี้ฮ่าวหรานก็กลับถึงคอนโด

ในห้องนั่งเล่น หลี่หรงยังนอนอยู่บนโซฟาและยังไม่ได้หลับไป เธอรีบหันมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

“พี่เขย พี่กลับมาแล้วเหรอ? มีอาหารอยู่ในครัว พี่รีบเข้าไปกินสิ ตอนนี้มันดึกแล้ว หลังจากกินเสร็จก็รีบไปอาบน้ำและเข้านอน”

“หืม? ทำไมยังไม่นอนอีก?”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่น้องภรรยาของเขาที่ดูง่วงนอน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขากลับดึก อีกฝ่ายก็มักจะคอยดูแลเขาเสมอโดยการเก็บกับข้าวรอให้เขากลับมากิน

“หืม? พี่เขยยืนงงอะไรอยู่? รีบไปกินซะสิ”

เมื่อเห็นว่าพี่เขยของเธอมองหน้าเธอจนไม่ยอมเดินไปในครัว หลี่หรงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง…

“ช่างเถอะ ๆ เดี๋ยวฉันไปอุ่นให้ก่อนก็ได้ พี่คงเหนื่อยจนขี้เกียจจะไปอุ่นเองใช่ไหมล่ะ”

หลังจากพูดจบเธอก็เดินเข้าไปในครัวเพียงลำพัง และหลังจากหลายนาทีผ่านไป หลี่หรงก็นำอาหารสองสามจานมาวางที่โต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“วันนี้ตระกูลอู๋ลงมือกับพี่และถวนถวน”

เมื่อเห็นความใส่ใจของหลี่หรงที่มีต่อเขา อวี้ฮ่าวหรานจึงอดไม่ได้ที่จะบอกความจริงต่ออีกฝ่าย เขารู้สึกไม่สบายใจที่ปิดบังเรื่องหลายอย่างต่อคนที่จริงใจกับเขาเช่นนี้

“เอ๊ะ?”

หลี่หรงอึ้งไปในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ฮ่าวหราน แต่เมื่อเธอเห็นว่าถวนถวนและอวี้ฮ่าวหรานกลับมาโดยไร้ขีดข่วน เธอก็ผ่อนคลายลง

“แล้ว…ถ้างั้น…นับจากนี้เราต้องทำยังไงดี ถ้าพวกเขากลับมาอีก…”

“วันนี้พี่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เมื่อครู่ที่พี่ออกไป พี่ออกไปจัดการกับตระกูลอู๋ พวกเขาไม่มีโอกาสจะมารังควานเราได้อีกแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและพูดสรุปทุกอย่าง หลี่หรงเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเธอก็ได้สติ

“พี่เขย ไม่เป็นไร ฉันสนับสนุนในสิ่งที่พี่ทำลงไปทุกอย่าง!”

คำพูดนี้ของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ

ตอนเที่ยงวันถัดมา ที่เครือฮ่าวหราน อวี้ฮ่าวหรานก็ได้รับโทรศัพท์จากหลี่ชงซาน

“ฮ่าวหราน วันนี้พ่ออยากชวนลูกกับหรงเอ๋อร์มากินข้าวกับพ่อที่บ้านหลัก อันที่จริงพ่อมีเรื่องอยากจะคุยด้วยนิดหน่อย ลูกว่างไหม?”

“ได้ ผมจะไป”

อวี้ฮ่าวหรานตอบอย่างไม่ลังเลเลย จากนั้นชายหนุ่มก็พาถวนถวนขึ้นรถและขับไปที่บ้านหลักตระกูลหลี่ทันที

ในอีกด้านหนึ่ง หลี่หรงก็รีบออกจากบริษัทและขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหลักตระกูลหลี่เช่นกัน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ที่บ้านหลักตระกูลหลี่

“น้องสาวของพี่สวยวันสวยคืนดีจริง ๆ!”

ทันทีที่ก้านพ้นประตูเข้าไปในบ้าน เสียงของหลี่จิงเทียนก็ดังขึ้นทันที

เพียงแต่ว่าเสียงนี้ต่างจากเมื่อก่อนมาก คราวนี้หลี่จิงเทียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ประจบประแจงสุดฤทธิ์

ทางด้านของหลี่หรง เมื่อได้ยินพี่ชายของเธอชมอย่างประจบประแจง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เธอไม่อยากจะเจอหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไหร่

หญิงสาวต่างจากหลี่เม่ย เธอไม่ได้ชอบหลี่จิงเทียนมากถึงขนาดให้อภัยได้ทุกอย่าง!

“ฮ่าวหราน มานี่สิ มานั่งใกล้ ๆ พ่อนี่มา วันนี้พ่อสั่งให้พ่อครัวทำอาหารดี ๆ เอาไว้เยอะแยะเลย!”

ทันทีที่หลี่ชงซานเห็นอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามา ก็ทักทายอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางเป็นกันเองราวกับอวี้ฮ่าวหรานเป็นลูกแท้ ๆ ของเขา

“อ…เอ่อ…พี่เขย ช่วงนี้พี่หล่อขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะครับพี่!”

สิ่งที่น่าแปลกใจคือหลี่จิงเทียนก็หันหน้ามายกยออวี้ฮ่าวหรานพยายามเอาอกเอาใจอีกคน

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

Status: Ongoing
ในที่สุด… มหาจักรพรรดิแห่งมวลเทพ ‘อวี้ฮ่าวหราน’ ก็สามารถกลับมาที่โลกได้สำเร็จ.. ! 3 หมื่นปี เขาต้องติดอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้านานถึง 3 หมื่นปีหลักจากตกหน้าผาและเกิดใหม่ในดินแดนเหนือจินตนาการ !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท