บทที่ 307 ถูกวางกับดัก
บทที่ 307 ถูกวางกับดัก
อวี้ฮ่าวหรานหยิบลูกสุนัขขึ้นมาทีละตัวแล้วลูบพวกมัน เขาสัมผัสได้ว่าพวกมันได้รับการดูแลอย่างดีมาก
อย่างน้อย ๆ หลิวเทียนอี้ก็ยังมีประโยชน์อยู่!
“พ่อจ๋า ดูสิ พวกมันโตกันหมดแล้ว!”
แต่หลังจากเด็กน้อยเล่นกับพวกลูกหมาอยู่พักหนึ่ง จู่ ๆ เด็กน้อยก็แสดงสีหน้าเศร้าเล็กน้อย
“พ่อจ๋า เราพาพวกมันกลับบ้านได้ไหม? หนูอยากเห็นพวกมันอยู่ในบ้านของเรา…”
ดวงตาที่กลมโตเริ่มคลอไปด้วยน้ำตาของถวนถวนพยายามอ้อนวอนอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นลูกสุนัขเหล่านี้อีกครั้ง เธอชอบมันมากและอยากเอากลับบ้านไปให้เจ้าลูกกวาดดูด้วย
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานได้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและยังไม่เห็นด้วย
“พ่อคงอนุญาตไม่ได้ ถ้าลูกจะเอาพวกมันไปทุกตัว”
ไม่มีทาง แค่การดูแลเจ้าลูกกวาดตัวเดียวก็ยุ่งยากแล้ว ขืนถ้าเอาไปเลี้ยงมากกว่าหนึ่งโหล…
หลี่หรงคงระเบิดลง และเธอคงรับเรื่องนี้ไม่ได้แน่ ๆ
แต่เพื่อไม่ให้ลูกสาวของเขาเศร้า เขาจึงพยายามหาทางประนีประนอม
“แต่ถ้าลูกจะเลือกไปสักหนึ่งตัว พ่อคิดว่าแม่หรงของลูกน่าจะไม่มีปัญหา”
ถ้าเป็นตัวเดียว หลี่หรงน่าจะพอรับได้
“เย้! ได้ ๆ!”
เด็กน้อยก็มีเหตุผลเช่นกัน หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เด็กน้อยก็พยักหน้าเห็นด้วย
ในเวลาเดียวกันนี้ หลิวเทียนอี้ก็เอ่ยขึ้นแทรก “ถวนถวน ไม่ต้องกังวลลุงสัญญาว่าจะดูแลพวกมันให้หนูเป็นอย่างดีที่สุด!”
“อื้ม ขอบคุณค่ะ!”
เมื่อได้ยินคำสัญญา ถวนถวนจึงพยักหน้าขอบคุณอย่างมีความสุข
คำขอบคุณนี้ของเด็กน้อย ทำให้ใบหน้าของหลิวเทียนอี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เขาจะไม่ยินดีดูแลพวกมันได้ยังไง? เป็นเพราะลูกหมาพวกนี้แท้ ๆ ที่ทำให้เครือฮ่าวหรานสั่งรถกับเขาเป็นมูลค่าหลายสิบล้าน!
หากมีใครจะมาแย่งลูกหมาพวกนี้ไปดูแลล่ะก็ เขาจะยอมสู้ตายเลยทีเดียว!
ผ่านไปอีกสักพัก หลังจากครุ่นคิดอย่างหนัก ถวนถวนก็จับลูกสุนัขที่มีขนคล้ายกับสีของเจ้าลูกกวาดมากที่สุดมาอุ้ม
จากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนเดินออกไปจากบ้านของหลิวเทียนอี้
ก่อนขึ้นรถเขาก็เหลือบมองชายอ้วนและเอ่ยขึ้น
“นายต้องดูแลลูกสุนัขพวกนั้นให้ดีที่สุด เพื่อที่ถวนถวนจะได้ไม่เสียใจเมื่อมาดูพวกมันอีกรอบ ในอนาคตเมื่อไหร่ที่บริษัทของฉันจะซื้อรถใหม่ ฉันจะสั่งให้คนของฉันเลือกโชว์รูมนายเป็นที่แรก”
เมื่อหลิวเทียนอี้ได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นในทันที
“ค…ครับผม! ผมจะดูแลพวกลูกหมาให้ดีที่สุด! ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้ประธานอวี้ผิดหวัง!”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะขับรถออกไปทันที
…
ในเวลาเดียวกัน การต่อสู้เพื่อแย่งพื้นที่ระหว่างแก๊งพยัคฆ์เวหาและ แก๊งวาฬยักษ์ก็มาถึงจุดไคลแม็กซ์!
กลางดึก หวังเหยียน รองหัวหน้าแก๊งค์พยัคฆ์เวหาได้นำลูกน้องของตัวเองบุกตะลุยเข้าไปในบ่อนขนาดใหญ่ของพวกแก๊งวาฬยักษ์!
กำลังภายในอันทรงพลังของเขาถูกปลดปล่อยออกอย่างรุนแรง ปรมาจารย์ด้านกำลังภายในในบ่อนแห่งนี้จึงพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าส่วนที่เหลือจะยังต่อสู้อย่างดื้อรั้น แต่ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่บ่อนนี้จะถูกยึดโดยสมบูรณ์
หวังเหยียนกวาดสายตามองสำรวจห้องโถงของบ่อนอย่างละเอียด หลังจากจัดการกับปรมาจารย์กำลังภายในซึ่งเป็นคนดูแลบ่อนนี้ไปแล้ว เขาก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการต่อสู้ต่อไปอีก
หลังจากที่ต่อสู้กับปรมาจารย์กำลังภายในอย่างดุเดือด กำลังภายในของหวังเหยียนเองก็เกือบจะหมด
ในเวลานี้ เขาจึงต้องหยุดพักและฟื้นตัวอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างก็ไม่ง่ายขนาดนั้น ชั่วครู่ถัดมา หนึ่งในลูกน้องของเขาก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยสภาพโชกเลือด!!
“ล…ลูกพี่! พวกเราแย่แล้ว! ข้างนอกมีคนของแก๊งวาฬยักษ์อยู่เต็มไปหมดเลย! หัวหน้าสาขาของพวกมันก็มากันด้วยตั้งสี่คน! คนของเราที่อยู่ข้างนอกต้านไม่ไหวเลย!!”
“ว่าไงนะ!”
หวังเหยียน เมื่อได้ยินแบบนี้เขาก็ตกตะลึงจนแทบจะหยุดหายใจ!
นี่พวกเขาถูกวางกับดักงั้นเหรอ?
เขาเพิ่งมาถล่มที่นี่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ดังนั้นอีกฝ่ายจึงรวบรวมหัวหน้าสาขาทั้งสี่มาได้เร็วขนาดนี้ไม่ได้แน่ หากไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน!
ในขณะเดียวกันนี้ ประตูห้องโถงก็ถูกทำลายจนกระจายเป็นชิ้น ๆ!
เศษไม้กระเด็นกระจัดกระจายไปทั่ว และชายฉกรรจ์ที่ดูไม่ธรรมดาสี่คนก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ!
หลังจากนั้น บรรดาสมาชิกทั่วไปของแก๊งวาฬยักษ์ก็กรูตามเข้ามา!
เมื่อเห็นฉากนี้ หวังเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง
“ฮ่า ๆๆ! หวังเหยียน! ถึงแม้ว่าแกจะแข็งแกร่ง แต่ฉันเดาว่าตอนนี้พลังของแกคงใกล้หมดแล้วใช่ไหม?”
หนึ่งในหัวหน้าสาขาของแก๊งวาฬยักษ์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
“หึหึหึ รองหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เวหา! แกนี่มันโง่เง่าจริง ๆ แกคิดว่าแกจะเล่นงานพวกเราได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ? แกไม่รู้ซะแล้วว่าความเคลื่อนไหวของแก พวกเรารู้มันทั้งหมด!”
หวังเหยียนเมื่อกวาดสายตามองประเมินฝั่งตรงข้าม เขารู้สึกเครียดหนักขึ้นมากกว่าเดิม
ตอนนี้พลังของตัวเองใกล้หมดแล้ว และคนพวกนี้ก็แข็งแกร่งพอสมควร!
หากเป็นตอนปกติ เขาคงพอจะเอาตัวรอดได้ ทว่าด้วยความอ่อนแอของตัวเองในตอนนี้มันก็ยากเหลือเกินที่หนีสี่คนนี้พ้น และไหนจะลูกน้องของเขาอีกที่ยังคงอยู่ที่นี่ เขาจะทิ้งลูกน้องตัวเองไปไม่ได้!
“จิ่นเฟิง! เรามาเจรจากันก่อนไหม? แลกกับการที่พวกฉันจะปล่อยเชลยแก๊งของแกที่พวกฉันจับไปก่อนหน้านี้ แกก็ปล่อยพวกฉันไปครั้งนี้แกว่าไง?”
หวังเหยียนจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเคร่งขรึม เขาก็รู้จักคนที่เป็นผู้นำกลุ่มที่เพิ่งบุกเข้ามา!
ในเวลานี้ คนของแก๊งวาฬยักษ์ได้ล้อมพวกเขาเอาไว้ทุกด้านเรียบร้อยแล้ว
จำนวนคนของแก๊งพยัคฆ์เวหาขณะนี้เสียเปรียบเป็นอย่างมาก พวกเขามีคนน้อยกว่าถึงสามเท่า!
ถ้าสู้ก็ตายแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม ชายที่ถูกเรียกว่าจิ่นเฟิงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างประชดประชันทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของหวังเหยียน
“ฮ่า ๆๆ! หวังเหยียน นี่แกคิดว่าฉันเป็นเด็กอายุ 3 ขวบหรือไง? มูลค่าของไอ้พวกลิ่วล้อที่พวกแกจับไปได้มันจะเทียบได้กับรองหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เวหาอย่างแกได้ยังไงจริงไหม?”
“สรุปแล้วคือไม่เจรจาใช่ไหม?”
หวังเหยียน จ้องมองไปที่อีกฝ่ายพร้อมกับเตรียมตัวรับมือการต่อสู้เป็นตาย
“เจรจางั้นเหรอ…อืม…จริง ๆ แล้วหัวหน้าหลิ่วของฉันก็พูดเอาไว้เหมือนกันว่า ถ้าแกยอมออกจากแก๊งพยัคฆ์เวหา ทิ้งไอ้ขยะโจวเฟยหู่ และเข้าร่วมแก๊งวาฬยักษ์ของฉัน แกก็จะสามารถรอดตายได้ในวันนี้!”
จิ่นเฟิงตอบกลับพร้อมกับแสดงท่าทีใจกว้าง ยอมถอยให้กับหวังเหยียน
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินข้อเสนอนี้ หวังเหยียนก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากกว่าเดิม
อีกฝ่ายกำลังดูถูกเขาและพยายามจะบั่นทอนกำลังใจคนของฝ่ายเขาอย่างเห็นได้ชัด!
ในตอนนี้รอบ ๆ ตัวหวังเหยียนมีลูกน้องอยู่กว่าสี่สิบคน พวกเขาคงมีโอกาสรอดเล็กน้อย ถ้าเขายอมทรยศจริง ๆ
แต่หลังจากนั้น แก๊งพยัคฆ์เวหาคงจะวุ่นวายในทันที!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวัง
เขาจะทำยังไงดี? เขาจะยอมเสียสละตัวเองพร้อมกับลูกน้องอีกสี่สิบกว่าคนเพื่อไม่ทำให้แก๊งพยัคฆ์เวหาสั่นคลอนดีไหม?
แต่แล้วในขณะที่เขากำลังหมดหวัง จู่ ๆ เขานึกอะไรบางอย่างออก ซึ่งราวกับว่ามีแสงสว่างวาบขึ้นมาในใจ ใช่แล้ว ชายคนนั้นไง!
…
ขณะนี้ อวี้ฮ่าวหรานกำลังกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหารในห้องหลี่หรงจนอิ่มไปแล้ว และถวนถวนก็กินอิ่มแล้วเช่นกัน เด็กน้อยกำลังเล่นกับสุนัขสองตัวอย่างสนุกสนาน
จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“น้องอวี้! ตอนนี้นายว่างไหม? มาช่วยฉันที!”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เป็นเสียงตื่นตระหนกของหวังเหยียน
“เกิดอะไรขึ้น?”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้ว
“ฉันติดอยู่ที่บ่อนเป่ยเชิงที่อยู่ทางทิศเหนือของเมือง! น้องอวี้ หากนายไม่ได้ทำอะไรสำคัญอยู่ โปรดมาช่วยฉันที!”
“ฉันว่างอยู่”
อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับพลางหันศีรษะไปเหลือบมองน้องภรรยาที่กำลังเล่นกับถวนถวน ใช่แล้ว ตอนนี้เขาว่างอยู่
“งั้นก็มาช่วยฉันตอนนี้ที น้องอวี้! ฉันกำลังจะถูกรุมฆ่าแล้ว!”
บทที่ 308 สถานการณ์สิ้นหวัง
บทที่ 308 สถานการณ์สิ้นหวัง
หลังจากร้องขออย่างเร่งด่วน หวังเหยียนก็ตัดสายไปอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ทางฝั่งหวังเหยียนจะเริ่มขึ้นแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอพี่เขย?”
หลังจากอวี้ฮ่าวหรานวางสาย หลี่หรงก็เบนสายตามาที่เขาและถามด้วยความสงสัย
เห็นได้ชัดว่าเธอได้ยินเสียงกังวลทางโทรศัพท์เมื่อครู่นี้
“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเพื่อนของพี่ พี่คงต้องไปช่วยเขาเดี๋ยวนี้”
เพื่อหลีกเลี่ยงความกังวลของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่ได้บอกความจริงกับเธอ
หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบของอวี้ฮ่าวหราน เธอดูไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็พอจะเดาได้ว่าอวี้ฮ่าวหรานคงไม่อยากให้เธอมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็ระวังความปลอดภัยของตัวเองให้ดีด้วยล่ะ”
หลี่หรงรู้สึกจนใจ เมื่อพี่เขยของเธอไม่อยากให้เธอเข้ามาเกี่ยงข้อง สิ่งที่หญิงสาวทำได้ จึงมีเพียงการเอ่ยขึ้นเตือนด้วยความเป็นห่วง
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและออกไป
ด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลของหวังเหยียน วันนี้มือของเขาคงเปื้อนเลือดอย่างแน่นอน!
ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดที่หลี่หรงจะไม่รู้เรื่องนี้
เสียงคำรามอันทรงพลังของรถสปอร์ตสีเหลืองดังลั่นกลางถนน อวี้ฮ่าวหรานขับไปยังบ่อนที่หวังเหยียนบอกอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ขณะเดียวกันภายในบ่อน
หลังจากที่หวังเหยียนวางโทรศัพท์ลง เขาก็สามารถสงบใจได้มากขึ้นเล็กน้อย
“แกนี่มันไร้เดียงสาจริง ๆ แกคิดว่าโจวเฟยหู่จะมาช่วยแกทันก่อนที่ฉันจะฆ่าแกงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นการกกระทำของหวังเหยียน จิ่นเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
การรวบรวมคนนับร้อยนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำเสร็จได้ภายในหนึ่งชั่วโมง อย่างน้อย ๆ เลยมันก็ต้องใช้เวลาสักสองชั่วโมง ดังนั้นจิ่นเฟิงจึงมั่นใจมากว่าโจวเฟยหู่จะมาช่วยหวังเหยียนไม่ทันแน่นอน…
เวลาสองชั่วโมงมันมากเพียงพอที่เขาจะฆ่าหวังเหยียนได้เป็นสิบรอบ
กว่าโจวเฟยหู่จะมาถึง ศพของหวังเหยียนก็คงเย็นไปแล้ว!
เมื่อได้ยินการเสียดสีของอีกฝ่าย หวังเหยียนก็กัดฟันกรอดด้วยความโมโห
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว! ถ้าแกต้องการสู้ก็เข้ามา! แม้ว่าวันนี้แก๊งวาฬยักษ์จะสามารถฆ่าฉันได้ แต่ฉันรับประกันเลยว่าราคาที่พวกแกต้องจ่ายมันย่อมไม่น้อยแน่นอน!”
ในเวลานี้ เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเช่นกันว่าอวี้ฮ่าวหรานจะมาทันเวลาหรือไม่
เพราะบ่อนแห่งนี้ไม่ได้อยู่ใกล้กับที่อยู่ของอวี้ฮ่าวหราน
แต่ถึงแม้เขาจะตายที่นี่จริง ๆ อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ได้ทำให้แก๊งพยัคฆ์เวหาเสียชื่อเสียง
การที่เขาอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ จนได้เห็นว่าแก๊งพยัคฆ์เวหากลายเป็นแก๊งใหญ่ขนาดนี้ มันก็ถือว่าเขาได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้ว!
“เฮอะ! จะตายแล้วยังปากดี! ก่อนฉันจะฆ่าแก ฉันจะหักแขนขาของแกทิ้งทีละข้างก่อน ฉันจะทำให้แกต้องอ้อนวอนร้องขอความตายจากฉัน!!”
ใบหน้าของจิ่นเฟิงเย็นชาขึ้นในขณะที่พูด เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก เขาก็ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตัวเองทันที
“ฆ่าพวกมันให้หมด!!”
หลังจากเอ่ยคำสั่งออกไป ภายในห้องโถงก็เกิดความโกลาหลอย่างมโหฬารในทันที
โต๊ะและเก้าอี้บินว่อน ทั้งสองฝ่ายต่างฆ่าฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยมีดยาวและกระบองเหล็ก
แก๊งพยัคฆ์เวหามีเพียงสี่สิบคนเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงถูกล้อมอย่างแน่นหนาจึงไม่สามารถฝ่าออกไปทางไหนได้เลย
ในขณะเดียวกัน สองปรมาจารย์กำลังภายในของแก๊งวาฬยักษ์ก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย!
ความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวของทั้งสอง ทำให้สถานการณ์ทางฝั่งของหวังเหยียนยิ่งแย่มากกว่าเดิม แม้ว่าสมาชิกหลักของแก๊งพยัคฆ์เวหาจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็อ่อนแอพอ ๆ กับเด็กเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์กำลังภายใน!
อีกด้านหนึ่ง จิ่นเฟิงนำหัวหน้าสาขาอีกคนของแก๊งวาฬยักษ์เดินมุ่งเข้าไปหาหวังเหยียน
“หึหึ วันนี้ช่างเป็นวันที่น่าจดจำจริง ๆ รองหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เวหาผู้โด่งดัง วันนี้กำลังจะตาย!”
จิ่นเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
การซุ่มโจมตีในคืนนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้มานานแล้ว เพื่อจัดการกับเสาหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของแก๊งพยัคฆ์เวหา!
ในเวลานี้ หวังเหยียนมองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาลุ้นอยู่ตลอดว่า ขอให้อวี้ฮ่าวหรานมาเร็ว ๆ เขาไม่อยากให้คนของเขาทั้งหมดต้องตาย
แน่นอนว่าตัวของเขาก็ไม่อยากจะตายวันนี้เช่นกัน
“ตาย!”
ทว่าในขณะที่หวังเหยียนกำลังเสียสมาธิจากการกวาดสายตามองดูสถานการณ์รอบตัว จิ่นเฟิงก็ตะโกนขึ้นพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาอย่างดุดัน และเมื่อเข้าประชิดตัวหวังเหยียนได้สำเร็จ จิ่นเฟิงก็โคจรพลังภายในและชกใส่หน้าอกของหวังเหยียนทันที!
เมื่อเห็นการโจมตีนี้กำลังพุ่งเข้ามา หวังเหยียนจึงได้สติอย่างรวดเร็ว เขาก็รีบโคจรพลังของตัวเองไปที่ขาและดีดตัวหลบหมัดของจิ่นเฟิงได้อย่างหวุดหวิด!
โครม!!
หมัดที่พลาดไปนั้นกระแทกเข้ากับโต๊ะพนันอย่างรุนแรง จนโต๊ะพนันแยกออกเป็นสองส่วนทันที!
“ฮ่า ๆๆ! ปฏิกิริยาตอบสนองของแกนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
ถึงแม้ว่าหมัดของตัวเองจะถูกหลบได้ แต่จิ่นเฟิงกลับไม่ได้แสดงความไม่พอใจ ทว่าเขากลับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
ในขณะเดียวกันนี้ หัวหน้าสาขาอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ จิ่นเฟิงก็ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว เขาพุ่งตามเข้าไปต่อยหวังเหยียนซึ่งเพิ่งตั้งหลักได้จากการหลบหมัดของจิ่นเฟิงเมื่อครู่
เมื่อเห็นว่าตัวเองคงไม่อาจหลบหมัดนี้ที่กำลังพุ่งเข้ามาได้ หวังเหยียน จึงตัดสินใจซัดฝ่ามือสวนกลับไปทันที เขากลั้นใจใช้พลังที่เหลือน้อยนิดของตัวเองเพื่อซัดฝ่ามือนี้ออกไป
ถึงแม้ว่าพลังจะเหลือน้อย แต่ความแข็งแกร่งของหวังเหยียนนั้นแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าสาขาของวาฬยักษ์มาก ดังนั้นฝ่ามือของเขาจึงสามารถผลักคู่ต่อสู้ให้กระเด็นออกไปได้เจ็ดถึงแปดเมตร!
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้คนอื่น ๆ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหวังเหยียนนั้นแข็งแกร่งสมคำร่ำลือ!
แต่สีหน้าของพวกแก๊งวาฬยักษ์กลับไม่ได้ตื่นตระหนกเลย
พวกเขาคาดไว้นานแล้วก่อนที่พวกเขาจะมา หวังเหยียนเป็นถึงรองหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เวหา ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่หวังเหยียนจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
แต่ไม่ว่าหวังเหยียนจะแข็งแกร่งแค่ไหน ด้วยการวางแผนมาเป็นอย่างดี ดังนั้นตอนนี้หวังเหยียนจึงไม่มีทางที่จะสู้พวกเขาได้แน่นอน!
ในเวลานี้ หวังเหยียนได้หมดพลังที่จะสู้กลับแล้ว!
หลังจากใช้กำลังภายในไปสองครั้งติดต่อเมื่อครู่ ใบหน้าของหวังเหยียน ก็ยิ่งซีดมากกว่าเดิม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นผลมาจากการใช้พลังภายในมากเกินไป
“ฮ่า ๆ รับไปอีกหมัด!”
หัวหน้าสาขาที่เพิ่งถูกผลักออกไปเมื่อครู่ กระโจนเข้าไปหาหวังเหยียน อีกรอบพร้อมกับง้างหมัดอย่างสุดแรง
แน่นอนว่าหมัดนี้ไม่ได้เบาน้อยกว่าหมัดเมื่อครู่เลย!
ปัง!!
ทั้งสองประสานหมัดกันอีกครั้ง หวังเหยียนยังคงยืนนิ่งอยู่กันที่ได้อยู่ ส่วนอีกฝ่ายถูกผลักห่างออกไปอีกสองสามเมตรอีกรอบ
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามือของหวังเหยียนสั่นระรัว
ตรงจุดที่เขาเหยียบอยู่ ภายใต้แรงปะทะอันมหาศาล พื้นกระเบื้องได้แตกร้าวราวกับใยแมงมุมทุกตารางนิ้ว!
“หึหึ พลังภายในของแกหมดแล้ว ตอนนี้แกพึ่งพาตัวแรงของกล้ามเนื้ออย่างเดียวสินะ? ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าแกจะทนไปได้สักกี่น้ำ!”
แน่นอนว่าจิ่นเฟิงสังเกตเห็นความผิดปกติของหวังเหยียน ซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างประชดประชัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหวังเหยียนจะอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แต่กำลังใจของเขาก็ยังคงไม่ถดถอย
“เฮอะ! แม้ว่าพลังภายในของฉันจะหมดแล้ว แต่ฉันก็ยังมั่นใจว่าฉันสามารถฆ่าแกได้!”
บทที่ 306 ไล่ออก!
บทที่ 306 ไล่ออก!
“นังบ้า! ฉันไล่แกนั่นแหละ!!!”
หลิวเทียนอี้โกรธมากจนแทบจะระเบิด! เขาไม่คิดว่าลูกน้องของตัวเองคนนี้จะกล้าได้ขนาดนี้!!
“ยังยืนโง่อะไรอยู่อีก! ออกไปซะ ฉันไล่แกออกยังไม่เข้าใจหรือไง!!”
หลิวเทียนอี้ตะโกนอย่างโกรธจัด เมื่อเห็นว่าหญิงวัยกลางคนหน้าโง่คนนี้ยังคงยืนตกตะลึงไม่ขยับไปไหน
เธอไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมีอารมณ์รุนแรงขนาดนี้มาก่อน
“คุณ…ผู้จัดการกำลังพูดกับฉันงั้นเหรอ?”
หญิงวัยกลางคนถามกลับด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“แต่…แต่คนสร้างปัญญาคือไอ้พวกคนจนพวกนี้นะ…”
เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่โดนลงโทษจะเป็นตัวเธอเอง
“ฉันพูดถึงแกนั่นแหละ! ออกไปจากร้านของฉันเดี๋ยวนี้!”
หลิวเทียนอี้ยิ่งโมโหมากกว่าเดิมเมื่อยังได้ยินหญิงวัยกลางคนยังคงเอ่ยคำพูดดูถูกอวี้ฮ่าวหราน
นังนี่มันอยากให้ฉันตายแน่ ๆ!
“รปภ. โว้ย! รปภ. ของฉันแม่งไปตายกันหมดแล้วหรือไงวะ!! รีบมาลากตัวนังนี่ออกไปเดี๋ยวนี้เร็ว!!”
เขาตะโกนอย่างโกรธจัด
รปภ. หลายคนมองหน้ากันอย่างสับสนก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาตามคำสั่ง
“ผ…ผู้จัดการหลิว ให้เราลากเราพี่โจวออกไปจริง ๆ เหรอครับ?”
พวกรปภ. งุนงงจนอดไม่ได้ที่เอ่ยถามขึ้นให้แน่ใจอีกที หญิงวัยกลางคนทำงานที่นี่มานานแล้วจนพวกเขาเองก็รู้จัก ดังนั้นการที่จู่ ๆ จะลากอีกฝ่ายออกไปเลยทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร จึงค่อนข้างน่ากระอักกระอ่วน
“เออ! แกไม่ต้องถามมาก! รีบลากนังผู้หญิงคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้ ตอนนี้!!”
เมื่อเห็นว่าพวกรปภ. ลังเล หลิวเทียนก็ตะโกนออกไปอีกครั้ง!
รปภ. ทุกคนตกตะลึง พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมผู้จัดการถึงได้ไล่พี่โจวออกอย่างกะทันหันแบบนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเป็นคำสั่งจากผู้จัดการ พวกเขาก็ต้องเชื่อฟัง
“พ…พี่โจว พวกเราขอโทษด้วยนะ…เชิญด้านนอกครับ…”
แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะรู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่คำพูดของผู้จัดการนั้นไม่อาจขัดขืนได้
“ทำไม…ทำไม???!!”
ในเวลานี้ หญิงวัยกลางคนตะโกนด้วยความอยากรู้ เพราะเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้จัดการหลิวถึงไล่เธอออกอย่างสายฟ้าแลบแบบนี้
หลิวเทียนอี้หัวเราะแทนความโกรธ
“ฮ่า ๆๆ! ทำไมงั้นเหรอ? แกรู้ไหมว่าคนที่แกกำลังล่วงเกินอยู่เป็นใคร! เขาผู้นี้คือประธานอวี้แห่งเครือฮ่าวหราน! เขาเพิ่งจะสั่งซื้อรถระดับผู้บริหารสองชุดกับเราไป และมูลค่าของการสั่งซื้อทั้งสองนั้นไม่ใช่สิ่งที่แกจะจินตนาการได้! แกกำลังพยายามจะฆ่าฉันให้ตายใช่ไหม!!!”
“ห…หา? น…นี่…เป็นไปได้ยังไง!?”
เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ยินประโยคนี้ เธอจึงหันไปจ้องมองอวี้ฮ่าวหราน อย่างรวดเร็วด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าชายหนุ่มที่แต่งตัวธรรมดาคนนี้จะเป็นคนใหญ่คนโต!
“ผู้จัดการหลิว ฟังฉันอธิบายก่อน…ฉันไม่รู้จริงๆ ฉัน…”
หญิงวัยกลางคนตื่นตระหนกสุดขีด เธอทำงานที่นี่มาเกือบสิบปีแล้ว ฐานเงินเดือนของเธอมากกว่าค่าคอมมิชชั่นซะอีก หากเธอถูกไล่ออกไป เธอก็ต้องไปเริ่มต้นใหม่ซึ่งกว่าที่เธอจะไต่เต้าจนกลับมามีรายได้เท่าเดิมคงต้องใช้เวลาอีกนานโข แถมไม่รู้ว่างานใหม่จะสบายเหมือนที่นี่อีกหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม หลิวเทียนอี้ไม่ได้สนใจเธอเลยในเวลานี้ เขาโบกมือสั่งให้รปภ. ลากตัวหญิงวัยกลางคนออกไป ก่อนที่จะหันไปหาชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเพื่อประจบประแจง
“ป…ประธานอวี้? คุณพอใจกับการจัดการของผมไหม หรือถ้าคุณยังไม่พอใจ ผมยังมีวิธีที่จะทำให้เธอกลายเป็นขอทานในเวลาอันสั้น!”
ในระหว่างที่พูดประโยคนี้ หลิวเทียนอี้ก็แสดงท่าทางประจบแจงราวกับเป็นสุนัขที่กำลังกระดิกหางเพื่อขออาหาร
น้ำเสียงที่ประจบสอพลอขนาดนี้ ทำให้อาลี่ที่อยู่ข้าง ๆ ตกตะลึง
เธอไม่เคยเห็นผู้จัดการของเธอแสดงท่าทีประจบใครขนาดนี้มาก่อน ในมุมมองของเธอ ผู้จัดการหลิวเป็นคนที่ดุและเคร่งขรึมมาก
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้
“หึหึ ดูเหมือนว่านายยังคงอารมณ์ร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะ”
เขารู้ว่า หลิวเทียนอี้เป็นคนที่ชอบรังแกคนอื่นและชอบทำให้คนอื่นกลัวอยู่เสมอ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเย้ยหยันทันที
“อ…เอ่อ ไม่ใช่หรอก…ประธานอวี้ ไม่ใช่หรอกผมเปลี่ยนไปแล้ว…แต่ที่ผมต้องโหดร้ายเช่นนี้เป็นเพราะผมทนไม่ได้ที่เห็นนังผู้หญิงนั่นล่วงเกินคุณอย่างหยาบคายต่างหาก…”
หลิวเทียนอี้รีบตอบกลับด้วยอาการกระอักกระอ่วน และลงท้ายด้วยน้ำเสียงที่ประจบประแจงอีกครั้ง
เมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ อาลี่ก็ไม่ตกตะลึงอีกเลย
ผู้จัดการของเธอที่มีอารมณ์รุนแรง แต่กลับยอมให้กับชายหนุ่มคนนี้ได้ขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยราวกับยอมรับคำพูดของอีกฝ่าย
“เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้จบเรื่องแล้ว งั้นนายก็ไปทำงานของนายต่อเถอะ ให้พนักงานคนนี้ดูแลฉันต่อไปตามเดิม”
ขณะพูด อวี้ฮ่าวหรานมองไปยังเด็กสาวที่กำลังตกใจอยู่ข้าง ๆ และพยักหน้าให้เธอทำงานของเธอต่อ
“อ…โอ้…ได้ครับ! ได้ครับ! เดี๋ยวผมจะไปยืนรอออยู่ตรงด้านนู้นก็แล้วกัน หากท่านมีอะไรขาดเหลือก็ตะโกนเรียกผมได้เลย ผมจะได้ช่วยเหลือได้ในทันที!”
เมื่อหลิวเทียนอี้ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงถอยออกไปที่เคาน์เตอร์ฝ่ายขายและมองดูจากระยะไกลทันที เพราะเขารู้จักอารมณ์ของอีกฝ่ายว่าเป็นยังไง
เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเห็นเช่นนี้ เขาก็พ่นลมหายใจด้วยความรำคาญเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหันมาทางอาลี่ และบอกให้เธอแนะนำรถต่อไป
ถัดมา ภายใต้การแนะนำของอาลี่ ในที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็เลือก แลมโบกินีที่มีราคา 9.6 ล้าน
หลังจากจ่ายเงินทั้งหมดเรียบร้อย ขั้นตอนการทำเอกสารต่าง ๆ ก็เสร็จอย่างรวดเร็ว
“ประธานอวี้ คุณกำลังจะไปแล้วงั้นเหรอ ต้องการให้ผมรับใช้อะไรต่อหลังจากนี้อีกหรือเปล่า?”
ที่ด้านนอกร้าน หลิวเทียนอี้ถามอย่างตรงไปตรงมา
“วันนี้พอเลิกงานแล้วนายรีบกลับบ้านเร็ว ๆ หน่อยก็แล้วกัน ฉันจะพาลูกสาวไปดูพวกลูกหมา”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็ขึ้นรถคันใหม่และเร่งเครื่องจากไปทันที
หลังจากที่ Lamborghini สีเหลืองสดใสหายไปจากสายตา หลิวเทียนอี้ ค่อย ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฉากเมื่อครู่นี้เกือบจะทำให้วิญญาณของเขาหลุดออกจากร่างจริง ๆ
โชคดีจริง ๆ ที่ไม่ใช่พนักงานทุกคนที่ร่วมวงกับหญิงวัยกลางคนนั่น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาหันศีรษะมองไปยังอาลี่ที่อยู่ถัดจากเขา และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมาก
“อาลี่ วันนี้เธอทำได้ดีมาก! ช่วงทดลองงานของเธอจบแล้ว หลังจากนี้ฉันจะขึ้นฐานเงินเดือนให้เธอหนึ่งพันหยวน ขยันทำงานด้วยล่ะ!”
“เอ๊? ต…แต่ว่า…ผู้จัดการ ฉันเพิ่งทดลองงานได้แค่หนึ่งเดือนเท่านั้นเอง…”
อาลี่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“ไม่เป็นไร! ด้วยคำสั่งของฉัน ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามนั้น และอีกอย่าง ถ้าฉันบอกจะขึ้นเงินเดือนให้เธอ ฉันก็จะขึ้นเงินเดือนให้แน่นอน!”
…
มากกว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา อวี้ฮ่าวหรานจึงได้พาถวนถวนเดินทางไปที่บ้านของหลิวเทียนอี้
ทันทีที่เด็กน้อยลงจากรถ เธอก็วิ่งไปที่หน้าประตูบ้านของหลิวเทียนอี้ อย่างตื่นเต้น
ในเวลานี้ หลิวเทียนอี้กำลังรออยู่ที่ประตูแล้ว
“ยินดีต้อนรับคุณหนูถวนถวน!”
หลิวเทียนอี้เอ่ยต้อนรับทันที
“ลูกสุนัขอยู่ที่ไหน? หนูอยากดูลูกสุนัข!”
ถวนถวนมองไปรอบ ๆ ทันทีที่เขาเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มก็เดินตามเข้าไปด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
พูดตามตรง เขาไม่อยากมาเห็นหน้าไอ้อ้วนนี่หากไม่จำเป็น!
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามเอาอกเอาใจเขาสารพัด แต่ความรู้สึกด้านลบมันก็ยังคงอยู่
“ว้าว! พ่อจ๋า! พวกลูกหมาโตขึ้นมากเลย!”
ทันทีที่ถวนถวนและอวี้ฮ่าวหรานเข้าไปในห้องที่มีลูกหมามากมาย สีหน้าของชายหนุ่มก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพความเป็นอยู่ของพวกลูกหมา