บทที่ 310 ฆ่าด้วยมือเดียว!
บทที่ 310 ฆ่าด้วยมือเดียว!
หลังจากตัดหัวหนึ่งในลูกน้องของหวังเหยียนที่ยังรอดอยู่ไปแล้ว จิ่นเฟิง ก็ลากลูกน้องของหวังเหยียนอีกคนมานั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา
“หึหึ ดูลูกน้องของแกคนนี้สิ! ขาหักขนาดนี้คงเดินไม่ได้เหมือนเดิมอีกตลอดชีวิต เฮ้อ…แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะช่วยให้มันไม่ต้องเป็นคนพิการโดยการจบชีวิตมันทิ้งให้!”
จิ่นเฟิงพูดติดตลกพร้อมกับทาบมีดไปที่คอของชายคนนั้น และมองขึ้นไปยังหวังเหยียนด้วยแววตาหยอกล้อ
แต่แล้วก่อนที่เขาจะทันได้ลงมีด!
เสียงคำรามของรถสปอร์ตดังจากที่ไกล ๆ และเริ่มเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ หลังจากเสียงเบรกอันรุนแรง รถสปอร์ตก็หยุดที่หน้าทางเข้าบ่อน!
“ห่าอะไรวะ! นี่แกเป็นใคร…”
“บัดซบ แกกำลังหาเรื่อง…”
พลั่ก ๆ! โครม!
ก่อนที่ลูกน้องของจิ่นเฟิงที่เฝ้าหน้าประตูอยู่สองคนข้างนอกจะทันได้พูดจบ คำพูดของเขาก็หายไปกลางคันก่อนที่จะมีเสียงโครมครามดังลั่นตามมา!
วินาทีถัดมา พวกเขาสองคนก็ถูกโจมตีจากด้านนอก ก่อนจะลอยเข้ามาในห้องโถงของบ่อน!
เสียงดังลั่นขนาดนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้องโถงทันที!
ที่ประตู ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้น แต่ก่อนที่จะมองเห็นได้ชัดเจน สมาชิกของแก๊งวาฬยักษ์ก็ตะโกนสาปแช่งซะก่อน
“บัดซบ! ไอ้เวรนี่มันเป็นใคร!!”
“แม่งเอ๊ย! กล้าทำร้ายคนของพวกเราแบบนี้วันนี้แกตายแน่!”
“…”
ทว่าทันใดนั้นชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา!
“วันนี้พวกแกทุกคนจะไม่มีใครรอดไปจากที่นี่!”
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมา สมาชิกของแก๊งวาฬยักษ์ต่างก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง พวกทุกคนต่างรู้สึกขนลุก!
ชายหนุ่มคนที่เดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้า ๆ นั้นดูคล้ายกับสัตว์ร้ายที่จ้องจะขย้ำพวกเขาได้ทุกเวลา แค่ประโยคเดียว ทุกคนของแก๊งวาฬยักษ์ก็อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว!
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างโง่งมและหยุดสาปแช่ง
“บัดซบ! พวกแกเป็นบ้าอะไรกัน? พวกแกกลัวคน ๆ เดียวแบบนี้ได้ไงวะ!?”
ในขณะเดียวกัน จิ่นเฟิงก็ตะโกนด่าคนของตัวเองเสียงดังลั่น เขาอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งลูกน้องของตัวเองเมื่อเห็นเช่นนี้
แต่จริง ๆ แล้วตัวเขาเองก็ยังตื่นตระหนกกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามา ด้วยเหตุผลที่ตัวเองก็อธิบายไม่ได้ มันเหมือนกับว่าเขาได้เห็นยักษ์จากนรกที่แสนเหี้ยมโหดกำลังเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจความคิดของคนเหล่านี้ เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องโถงอย่างช้า ๆ พร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารให้ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องโถง!
กลิ่นอายสังหารที่หนาแน่นขนาดนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างตกอยู่ในความกลัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อคนของแก๊งวาฬยักษ์ทุกคนมองเห็นรูปร่างของชายที่เดินเข้ามาได้อย่างชัดเจน ความกลัวของพวกเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็ว และอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเยาะเย้ย!
มันเป็นเพียงชายหนุ่มร่างผอมเท่านั้นเอง!
พวกเขาไม่รู้จักอวี้ฮ่าวหราน ในวันนั้นตอนที่หลิ่วอวี้จิงพาคนไปล้อมบริษัทชิวเฮิง หลิ่วอวี้จิงไม่ได้เรียกคนของตัวเองไปทั้งหมด ซึ่งในวันนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ไปด้วย
“ถุย! ฉันหลงคิดไปได้ยังไงว่ามันเป็นสัตว์ประหลาด! แม่งก็แค่ไอ้ละอ่อนที่เบื่อชีวิตก็แค่นั้นเอง!”
“เฮอะ! ผอมแห้งขนาดนั้น แค่ฉันดีดหัวมันทีเดียวกะโหลกมันก็ยุบแล้วมั้ง!”
“แม่งเอ๊ย! กล้าขู่ให้พ่อคนนี้กลัวงั้นเหรอ วันนี้แกตายแน่!”
“…”
หลังจากที่ทุกคนเห็นว่าคนที่เพิ่งเข้ามาเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดา พวกเขาก็เริ่มด่าทอกันในทันที
แม้แต่จิ่นเฟิงก็ยังเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก
“ฮ่า ๆ แกน่ะเหรอ คนที่หวังเหยียนโทรหา?”
เขายิ้มเยาะเย้ย
“แกมาที่นี่เพื่อมาตายกับสหายของแกงั้นเหรอ?”
ขณะที่พูด จิ่นเฟิงก็ผลักลูกน้องของหวังเหยียนที่เขากำลังจะฆ่าให้กระเด็นออกไปก่อน จากนั้นก็เดินเข้าไปหาชายหนุ่มปริศนาพร้อมกับควงมีดในมือไปด้วยแบบสบาย ๆ
เมื่อเห็นการกระทำของเหล่านี้ อวี้ฮ่าวหรานก็พ่นลมหายใจก่อนที่จะแสดงสีหน้าดูถูก
“พวกฝูงมดนี่มันไร้สาระเหมือน ๆ กันหมด!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ฮ่าวหราน จิ่นเฟิงกลับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ!
“ฮ่า ๆ! หวังเหยียน ไหนแกลองบอกมาหน่อยสิว่าแกไปรู้จักกับไอ้เพี้ยนนี่มาจากไหน? ฝูงมด?? ฮ่า ๆๆ! คนที่แกเรียกมานี่แม่งโคตรตลกเลย!”
จิ่นเฟิงเอ่ยขึ้นพลางหันไปมองหวังเหยียนที่ลุกขึ้นมานั่งเอาหลังพิงกำแพงได้แล้วอย่างเยาะเย้ย
น่าเสียดายที่จิ่นเฟิงไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นที่มุมปากของ หวังเหยียนในเวลานี้!
จิ่นเฟิงเยาะเย้ยหวังเหยียนแค่เพียงประโยค จากนั้นก็หันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาอีกครั้ง
“แกนี่ตลกดีวะ ว่าแต่แกเป็นใครกันวะ ถึงได้กล้าเรียกพวกฉันว่ามด?”
จิ่นเฟิงยังคงเยาะเย้ยอย่างไม่กลัวตาย
“เอาแบบนี้ดีกว่า เห็นแก่ที่แกแม่งโคตรตลกเลย ฉันจะให้โอกาสแก ถ้าแกคุกเข่าลงและคลานลอดหว่างขาของฉัน ฉันอาจจะปล่อยให้แกรอดจากที่นี่ไปโดยที่หักขาแกแค่สองข้างพอ!”
อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้สาระแบบนี้
มนุษย์ธรรมดาสั่งให้เขาคลานลอดหว่างขาน่ะเหรอ?
“ฉันควรขอบคุณแกด้วยไหมที่คิดเมตตาฉันขนาดนี้?”
สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนไปเป็นเหี้ยมโหดอย่างฉับพลัน!
แต่แล้วก่อนที่จิ่นเฟิงจะทันได้เยาะเย้ยต่อไป ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ!
ร่างของไอ้หนุ่มนั่นทำไมมันถึงค่อย ๆ หายไปแบบนั้น!
อะไรวะน่ะ?
เสี้ยววินาทีถัดมา!
ชายหนุ่มก็ปรากฏตัวตรงหน้าเขาราวกับผี!
อันที่จริงแล้ว ภาพที่จิ่นเฟิงเห็น มันคือภาพติดตาที่เกิดจากความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อของอวี้ฮ่าวหราน!
ทันทีหลังจากนั้น เขาก็รู้สึกว่าคอของตัวเองถูกบีบอย่างกะทันหัน และจู่ ๆ ก็มีคลื่นพลังอันแข็งแกร่งกวาดผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาให้กระเด็นลอยออกไปไกลจนกระแทกกับกำแพง!
‘บรึ้ม!’
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่จิ่นเฟิง ซึ่งเขากำลังกำคออยู่ด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“แกมีคุณสมบัติอะไรดีถึงกล้ามาโอ้อวดต่อหน้าข้าผู้นี้ ไอ้มดแมลง!!”
“อ่อก…อ่อก…อ่อก…”
จิ่นเฟิงรู้สึกหวาดกลัวสุดขีด เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่คอของตัวเองก็ถูกบีบแน่นจนไม่สามารถพูดอะไรได้เลย!
“อยากพูดเหรอ? น่าเสียดายที่ฉันไม่อยากจะฟัง แกไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพูดอะไรให้ฉันได้ยิน!”
อวี้ฮ่าวหรานเยาะเย้ยอย่างเย็นชา
ถ้าเป็นในดินแดนแห่งเทพ มนุษย์คนใดก็ตามที่กล้าดูหมิ่นเขาโดยการบอกให้เขาไปคลานลอดหว่างขา เขาจะฆ่าล้างตระกูลของคน ๆ นั้นให้เหี้ยนไม่เหลือแม้แต่หมูหมากาไก่ หรือถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าอื่น เขาจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกมันทั้งหมดในทันที!
ศพนับล้านจะต้องปรากฏขึ้นเพื่อชะล้างความแค้นของเขา!
ในเวลานี้ หัวใจของจิ่นเฟิงเป็นเหมือนทะเลที่บ้าคลั่ง เขาหวาดกลัว เขาหวาดกลัวจริง ๆ!
หวังเหยียนเรียกสัตว์ประหลาดแบบนี้มาได้ยังไง!
หากเขาพูดได้ในตอนนี้ ก็คงจะรีบสั่งให้คนของเขาวิ่งหนีเอาชีวิตรอดทันที!
ชายคนนี้คือตัวตนที่พวกเขาไม่อาจต้านทานได้!
“แกกลัวงั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่ใบหน้าของจิ่นเฟิง ซึ่งเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีดอย่างเยาะเย้ย
“ถ้าเมื่อกี้แกยอมคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาตั้งแต่วินาทีแรกที่ข้าผู้นี้ปรากฏตัว บางทีข้าอาจจะไว้ชีวิตแก เพียงแค่ทำให้แกพิการไปตลอดชีวิต แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว!”
“โฮ…โฮ…”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ความตื่นตระหนกในหัวใจของจิ่นเฟิงก็พุ่งขึ้นทะลุปรอท!
เขารู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าที่เข้มข้น!
กร๊อบ!
ในขณะที่จิ่นเฟิงกำลังตื่นตระหนกสุดขีด อวี้ฮ่าวหรานก็หักคอของอีกฝ่ายอย่างไร้ความปราณี!
หลังจากจบชีวิตของจิ่นเฟิงไปแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมองคนของแก๊งวาฬยักษ์ที่ยังคงอยู่ในห้องโถง!
บทที่ 309 เคียดแค้นเกินประมาณ
บทที่ 309 เคียดแค้นเกินประมาณ
สีหน้าของหวังเหยียนย่ำแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความมุ่งมั่นของเขากลับกล้าแกร่งมากกว่าเดิม ไม่ว่ายังไง วันนี้ก่อนเขาตาย เขาต้องลากไอ้พวกสารเลวพวกนี้ลงนรกไปกับเขาด้วยให้ได้!
แต่ในไม่ช้าสิ่งต่าง ๆ ก็เลวร้ายเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก ผ่านไปแค่เพียงเจ็ดหรือแปดนาที ลูกน้องของเขาแทบจะทั้งหมดก็ถูกจัดการ!
จากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา ลูกน้องคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็ถูกฆ่าจนตอนนี้เหลือแค่หวังเหยียนคนเดียวเท่านั้น!
ขณะนี้พลังภายในของเขาหมดเกลี้ยง ส่วนเรี่ยวแรงก็แทบไม่เหลือพอที่จะยืนได้อย่างมั่นคง!
สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าถึงจุดวิกฤตที่สุดแล้ว!
เมื่อเห็นเช่นนี้ จิ่นเฟิงก็ปล่อยหมัดเข้าใส่หวังเหยียนอีกครั้งอย่างรุนแรง!
ปัง!!
ทันทีที่หมัดทั้งสองสัมผัสกันเสียงปะทะดังลั่นก็ดังก้องขึ้นไปทั่วทั้งห้องโถง!
คลื่นจากแรงปะทะทำให้ซากโต๊ะและเก้าอี้กระเด็นกระดอนลอยไปทั่วทั้งห้อง!
ทว่าผลลัพธ์หลังจากที่หมัดทั้งสองปะทะกันเมื่อครู่กลับส่งผลให้จิ่นเฟิงถอยร่นไปสี่หรือห้าเมตร แต่หวังเหยียนยังไม่ถอย!
อย่างไรก็ตาม เท้าของเขาก็จมลึกลงไปในพื้นมากกว่าสิบนิ้ว ร่างของเขาสั่นไปทั้งร่างแถมสีหน้าก็ซีดขาวราวกับไข่ต้ม
อั่ก!
ในท้ายที่สุด หวังเหยียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากระอักเลือดออกมาคำโต ก่อนที่จะทรุดคุกเข่าลงไปที่พื้น
“ฮ่า ๆๆ! ฉันนับถือแกจริง ๆ! ทั้ง ๆ ที่พลังภายในของแกหมดไปนานแล้วแต่แกก็ยังยืนหยัดได้นานขนาดนี้!”
จิ่นเฟิงมองไปที่ร่างของคู่ต่อสู้ที่ทรุดลงไปที่พื้น สีหน้าของเขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าฉากนี้ทำให้สมาชิกของแก๊งวาฬยักษ์ที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ตื่นเต้นเช่นกัน!
“ฆ่าเลย! ฆ่าพวกพยัคฆ์เวหา!!”
“ฆ่าหวังเหยียน! แก๊งวาฬยักษ์ของเราแข็งแกร่งที่สุด!”
“แก๊งพยัคฆ์เวหาจะต้องถูกทำลายในวันนี้!”
“…”
คนของแก๊งวาฬยักษ์โห่ร้องอย่างมีชัย
ช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขาอยู่ในสถานะด้อยกว่าตลอด ดังนั้นเมื่อในวันนี้พวกเขากลับมาได้เปรียบ ขวัญและกำลังใจของแก๊งวาฬยักษ์จึงพุ่งขึ้นสูงหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม เสียงตะโกนเหล่านี้กลับเป็นเหมือนตัวกระตุ้นใจให้หวังเหยียนดื้อดึงไม่ยอมที่จะตาย เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ร่างกายของเขาก็อ่อนแอมากเกินไป ถึงแม้จะมีแรงแต่ร่างกายของตัวเองกลับไม่อำนวย ดังนั้นท้ายที่สุดเขาจึงไม่อาจลุกขึ้นได้เหมือนเดิม
“ฮ่า ๆ สภาพของแกตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาจรจัดที่ใกล้จะตายเลย!”
จิ่นเฟิงเยาะเย้ยอย่างสะใจพลางจ้องเขม็งไปที่หวังเหยียน!
“เอาล่ะ ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่แกจะตายด้วยน้ำมือฉัน!”
เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมีโอกาสฟื้นตัวได้อีกต่อไป
จิ่นเฟิงโคจรพลังอย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่งหมัดเข้าไปหาร่างของหวังเหยียนอีกครั้ง!
หวังเหยียนซึ่งอยู่ในสภาวะร่อแร่อยู่แล้ว เมื่อเห็นหมัดที่ใกล้เข้ามาเขาก็ทำได้แค่เพียงตั้งการ์ดและใช้แขนป้องกันอย่างสิ้นหวัง
แน่นอนว่า เมื่อไม่มีทั้งพลังภายในและร่างกายก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ผลลัพธ์ก็คือเขาไม่สามารถหยุดหมัดอันดุร้ายนี้ได้เลย!
กร๊อบ!
ทันทีที่หมัดของจิ่นเฟิงปะทะเข้ากับแขนของหวังเหยียน กระดูกแขนข้างหนึ่งของหวังเหยียนก็หักทันที!
อั่ก!
ร่างของหวังเหยียนลอยละลิ่วพร้อมกับกระอักเลือดออกมาเป็นสาย!
หลังจากกระเด็นลอยไปไกลกว่าสิบเมตร ร่างของเขาก็กระแทกเข้ากับกำแพง เสื้อสีขาวของเขาโชกไปด้วยเลือดสีแดงเต็มไปหมด!
ในเวลานี้ สมาชิกของแก๊งวาฬยักษ์รอบ ๆ ต่างพากันส่งเสียงเชียร์
“ฮ่า ๆ! แก๊งพยัคฆ์เวหานี่มันกระจอกจริง ๆ! รองหัวหน้าแก๊งของพวกมันถูกอัดเหมือนหมาเลย!”
“ตลกชิบหาย อ่อนแอขนาดนี้ยังกล้ามาสู้กับแก๊งวาฬยักษ์อันเกรียงไกรของเรา!”
“…”
สมาชิกแก๊งวาฬยักษ์ทุกคนต่างเยาะเย้ยหวังเหยียน
ในเวลานี้ สมาชิกแก๊งพยัคฆ์เวหาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังไม่ตายบนพื้นนั้น แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม!
พวกเขาเกลียดตัวเองจริง ๆ ที่ตอนนี้ไม่สามารถลุกขึ้นไปช่วยลูกพี่ของพวกเขาได้!
รองหัวหน้าแก๊งเป็นคนอัธยาศัยดีมาโดยตลอด
เขามักจะคลุกคลีกับสมาชิกแก๊งทุกคนโดยไม่ถือตัวแถมยังไม่เคยเสแสร้งเลย
ดังนั้น นอกจากโจวเฟยหู่แล้ว หวังเหยียนจึงเป็นคนที่พวกเขารวมไปถึงสมาชิกในแก๊งทุกคนเคารพมากที่สุด
ณ เวลานี้ เมื่อได้เห็นฉากแบบนี้ พวกเขาจะไม่โกรธแค้นตัวเองได้ยังไง!
“บัดซบ! ทำไมยังไม่มีใครมาอีก! ใครก็ได้ รีบมาช่วยรองหัวหน้าแก๊งของเราเร็วเข้า!”
“…”
ในเวลานี้ หวังเหยียนสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ภายใต้หมัดที่รุนแรง สติของเขาพร่ามัวจนแม้แต่บวกเลขยังบวกไม่ถูก
ในหัวของเขาตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวนั่นก็คือเขากำลังจะตาย!
จิ่นเฟิงเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็เดินเข้ามาใกล้และต่อยเข้าไปที่ท้องของหวังเหยียนอย่างรุนแรงอีกรอบ และมองดูคู่ต่อสู้ที่ทรุดลงกับพื้นอย่างไร้การต่อต้านด้วยแววตาสะใจ
“เอามีดมา!”
เขาตะโกนขึ้นก่อนที่จะรับมีดยาวหนึ่งฟุตที่คมกริบจากมือของชายที่อยู่ข้าง ๆ เขา
แต่หลังจากได้มีด เขากลับหันหลังเดินไปหาลูกน้องของหวังเหยียนที่ยังไม่ตายและยังคงนอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
“ฉันควรตัดมือหรือเท้าของลูกน้องแกก่อนดี?”
จิ่นเฟิงหันมาถามหวังเหยียน พร้อมกับโบกมีดในมือไปมาอย่างหยอกล้อ
“ฉันได้ยินมาว่าแกมักจะใจดีกับลูกน้องของแกเสมอ แกปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกันเลยถูกต้องไหม?”
หลังจากที่พูดถึงจุดนี้ จิ่นเฟิงก็เอามีดไปวางพาดที่หัวของลูกน้องหวังเหยียนก่อนที่จะพูดต่อ
“เอาล่ะ ตอนนี้ฉันจะฆ่าลูกน้องของแกทีละคนต่อหน้าของแกก่อน ฉันมั่นใจว่าฉันจะต้องสนุกมากแน่ ๆ กับสีหน้าของแกหลังจากนี้!”
“แก!”
หวังเหยียนรู้สึกโกรธสุดขีด คำพูดนี้ของอีกฝ่ายกระตุ้นหวังเหยียนให้ได้สติอีกครั้ง เขาจึงแผดเสียงเคียดแค้นดังลั่น
“แกแค้นงั้นเหรอ? ดี! แกจงโกรธแค้นไปให้มาก ๆ จนตายตาไม่หลับไปเลย! โจวเฟยหู่ฆ่าล้างแก๊งวาฬยักษ์ของฉันไปมากมายในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ ดังนั้นวันนี้ฉันขอเอาคืนบ้างก็แล้วกัน!”
จิ่นเฟิงเยาะเย้ยแล้วทักทายน้องชายคนเล็กของเขา
“ทุกคน! ลากคนของแก๊งพยัคฆ์เวหา ที่ยังมีชีวิตอยู่มาให้ฉันตรงนี้ด้วย!”
หลังจากสั่งจบ ลูกน้องของหวังเหยียนที่ยังไม่ตายอีกสองคนก็ถูกลากมานั่งคุกเข่าต่อหน้าจิ่นเฟิง
“หวังเหยียน? แกต้องการที่จะช่วยลูกน้องของแกเองล่ะสิใช่ไหม? ฮ่า ๆ เสียใจด้วยวะ ที่แกทำแบบนั้นไม่ได้หรอก!”
ขณะที่พูด จิ่นเฟิงก็ใช้ปลายมีดขีดเขี่ยไปที่คอของลูกน้องหวังเหยียนเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าเขาจะฆ่าคนพวกนี้ทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้!
“ลูก…ลูกพี่หวัง ไม่ต้องคิดมากเรื่องพวกผม…พวกผมไม่โทษพี่หรอก”
ลูกน้องของหวังเหยียนรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังจะตาย ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นและพูดปลอบหวังเหยียน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หวังเหยียนจึงยิ่งรู้สึกเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด!
ฉับ!
ทันใดนั้นแววตาของจิ่นเฟิงเปลี่ยนเป็นดุร้าย และเขาก็ฟันมีดลงไปที่คอของหนึ่งในลูกน้องของหวังเหยียนอย่างโหดเหี้ยม!
ลูกน้องของหวังเหยียนตายทันที!
เลือดสาดกระเซ็นบนใบหน้าของหวังเหยียน ทำให้เขาตกอยู่ในอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งสิ้นหวัง โกรธแค้น หดหู่ เสียใจ และเจ็บปวด
“ฮ่า ๆๆ! เป็นไงบ้างรองหัวหน้าหวังของฉัน? โกรธไหม ๆ?”
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย จิ่นเฟิงก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นทันที
“ฉันชอบสีหน้าของแกตอนนี้จริง ๆ! ยิ่งแกเจ็บปวดมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งมีความสุข! ฮ่า ๆๆ!”