บทที่ 319 บุกถึงประตู
บทที่ 319 บุกถึงประตู
เมื่อได้ยินคำถามที่เป็นกังวลของหลี่หรง อวี้ฮ่าวหรานก็หัวเราะขบขัน
“อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก”
อู๋ลั่นถูกเขาจัดการไปแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ต้องการให้หลี่หรงกังวล เขาจึงพูดตัดบทไป
แต่หลังจากที่พาถวนถวนล้างมือเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็ได้ตัดสินใจบางเรื่องอย่างเด็ดขาด
“เธอกับถวนถวนกินข้าวกันไปก่อนเลย พี่มีเรื่องต้องจัดการอีกเรื่อง แล้วเดี๋ยวดึก ๆ พี่จะกลับมา”
“หืม? มีเรื่องอะไรอีกงั้นเหรอพี่เขย? ทำไมพี่ไม่กินข้าวก่อนล่ะ?”
หลี่หรงรู้สึกงงงวยกับคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน
ความขุ่นเคืองจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“เรื่องนี้พี่ต้องจัดการในทันที ไม่อย่างนั้นพี่คงรู้สึกไม่สบายใจ”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ตอบโดยตรงว่ามันคืออะไร แต่สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้มาก
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจริงจังมาก หลี่หรงจึงทำได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น และตัดสินใจที่จะไม่หยุดอีกฝ่ายอีกต่อไป
“อืม…ถ้างั้นพี่ก็รีบไปเถอะ เอาไว้เดี๋ยวฉันจะแบ่งกับข้าวส่วนของพี่เก็บเอาไว้ให้”
“อืม”
หลังจากตกลงกันได้อย่างรวบรัดแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็หันหลังและจากไป
แต่ทันทีที่เขาปิดประตูออกจากห้อง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที!
เรื่องของอู๋ลั่นวันนี้ทำให้เขากังวลมาก
ชายวัยกลางคนนั่นบอกว่าถูกตระกูลอู๋เชิญตัวมา!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนที่บงการอยู่เบื้องหลังก็คือตระกูลอู๋!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจตัวเองได้อีกต่อไป
ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว! เดิมทีเขาก็ไม่ได้สนใจ แต่อีกฝ่ายกลับระรานครอบครัวของชายหนุ่มไม่หยุด คราวนี้เขาจึงต้องถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลังจากลงลิฟท์และขึ้นรถไป เขาก็เหยียบคันเร่งจนมิดทันที!
…
เวลาราว 1 ทุ่ม ท้องฟ้ามืดสนิท อู๋หมิ่นและภรรยาของเขากำลังกินอาหารเย็นอยู่ในบ้านหลักของตระกูล
“ฮึ่ม! การแก้แค้นครั้งนี้ต้องสำเร็จแน่! ไม่ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีทางแข็งแกร่งกว่าอู๋ลั่นได้!”
อู๋หมิ่นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสะใจ
“เฮอะ! ไอ้หมาเน่าตัวนั้นน่าจะตายไปนานแล้ว! มันกล้าดียังไงมาฆ่าลูกชายของฉัน! ฉันขอให้มันตายในสภาพศพไม่สมบูรณ์!”
หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแสดงสีหน้าเคียดแค้นในขณะพูด
“จากนี้มันยังไม่จบหรอก! แค่ฆ่ามันคนเดียวฉันยังไม่สะใจพอ! มันยังมีลูกสาวอีกคน ลูกสาวของมันต้องตายตามพ่อของมันไปด้วย!”
อู๋หมิ่นเอ่ยขึ้นเสริมอย่างอาฆาต
“ใช่! ฆ่านังเด็กนั่น! แต่เราต้องฆ่านังเด็กนั่นอย่างช้า ๆ ให้สาสมกับที่พ่อของมันฆ่าลูกของเรา!
เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ยินคำพูดของสามีตัวเอง เธอก็แสดงความร้ายกาจออกมาพลางคิดจินตนาการว่าจะใช้วิธีไหนดีเพื่อทรมานเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ที่เธอรังเกียจ
“จริงสิ ผู้หญิงของมันอีกล่ะ? เราจะปล่อยผู้หญิงของมันไปไม่ได้ น้องเมียของมันคุณต้องจับมาด้วย! ฉันจะกำจัดตัวเมียทุกคนที่เกี่ยวข้องกับมันทั้งหมด! ลูกชายของฉันตายเพราะนังนั่น!”
“แน่นอน! ถึงเธอไม่พูด ฉันก็จะทำแน่! ลูกชายของอู๋หมิ่นจะตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมได้ยังไง!”
การแสดงออกของอู๋หมิ่นเย็นชายิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“ดี! ดีมาก! ครอบครัวของมันทั้งหมดต้องตายตามลูกชายของเราไป พวกมันต้องกลายเป็นวิญญาณรับใช้ลูกของเราในยมโลก!”
หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ทั้งโหดเหี้ยมและขมขื่น
แต่ในขณะนั้น ประตูรั้วคฤหาสน์กลับกระเด็นล้มลงทั้งบาน!
โครม!
บอดี้การ์ดสองสามคนที่ยืนอยู่หลังประตูถูกทับจนเละ!
“เร็ว…วิ่ง…”
บรรดาบอดี้การ์ดต่างแตกตื่นโกลาหล พวกเขาต่างร้องตะโกนพลางวิ่งถอยกลับเข้ามาที่ตัวคฤหาสน์
ในเวลานี้ ร่างผอมบางปรากฏขึ้นที่ประตู!
อู๋หมิ่นตกใจ เขาลุกขึ้นและรีบเดินออกไปดูสถานการณ์ทันที แต่ฝุ่นที่ฟุ้งปกคลุมบริเวณประตู ทำให้เขามองไม่เห็นว่าใครเป็นผู้มาเยือน
“ไม่ทราบว่าท่านผู้แข็งแกร่งเป็นใครงั้นหรือ? ทำไมท่านถึงบุกเข้ามาในบ้านของผู้น้อยเช่นนี้?”
หลังจากที่เจอกับอู๋ลั่นมาไม่นาน มุมมองต่อโลกใบนี้ของอู๋หมิ่นก็เปลี่ยนไป เขาเข้าใจมากขึ้นว่าต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่ง เขาควรจะนอบน้อมให้มากที่สุด เพราะไม่งั้นคงไม่รู้ตัวว่าตัวเองจะตายตอนไหน
อย่างไรก็ตาม ชายที่เพิ่งถล่มประตูก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาช้า ๆ และเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เมื่อกี้แกไม่ได้เพิ่งพูดเหรอว่าจะส่งดวงวิญญาณของฉันผู้นี้ไปเป็นข้ารับใช้ลูกชายของแกในยมโลก? วันนี้ที่ฉันมามีเพียงจุดประสงค์เดียวคือส่งพวกแกทุกคนลงไปอยู่กับไอ้ขยะอู๋เส้าฮัว!”
หลังจากฝุ่นจางไป หัวใจของอู๋หมิ่นแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกเป็นใคร!
“แก! ทำไมแกถึงยังมีชีวิตอยู่! แกไม่ควร! แกไม่ควร! ทำไมแกถึงยังไม่ตาย!?”
ดวงตาของอู๋หมิ่นเบิกกว้างจนแทบจะถลนในเวลานี้ เขาก็ไม่อยากจะเชื่อสายตากับสิ่งที่กำลังเห็นอยู่
คนที่บุกเข้ามาคืออวี้ฮ่าวหราน!
ในขณะเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานก็เพิกเฉยต่อคำถามของอีกฝ่าย เขายังคงเดินต่อไปอย่างช้า ๆ และเมื่อเหลือบมองเข้าไปด้านในคฤหาสน์และเห็นโต๊ะอาหารถูกจัดวางอยู่กลางห้องโถง เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก
“ฮิฮิ ดีจังเลยนะ กำลังกินข้าวมื้อสุดท้ายกันอยู่ซะด้วย”
ในเวลานี้ หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ อู๋หมิ่นแสดงท่าทางขาดสติทันทีเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือฆาตกรฆ่าลูกชายของเธอ เธอตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้สารเลว! แกฆ่าลูกชายของฉัน! แกตายแน่! ไม่สิ ครอบครัวของแกทั้งหมดจะต้องตาย! ฉันจะทรมานแก ลูกของแก ผู้หญิงของแกทุกคนด้วยตัวของฉันเอง ฉันจะ…”
“หุบปาก!!”
อู๋หมิ่นไม่รอให้ภรรยาพูดจบและรีบตวาดให้หยุดเสียงดัง
เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมภรรยาของเขาถึงโง่เง่าอะไรได้ขนาดนี้ ไม่รู้ตัวหรือไงว่าตอนนี้เรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน!?
อีกฝ่ายหนึ่งบุกเข้ามาโดยไร้รอยขีดข่วน ส่วนอู๋ลั่นก็หายไปโดยไม่ส่งข่าวคราวกลับมาเลย สถานการณ์เช่นนี้มันหมายความได้อย่างเดียวซึ่งก็คือ อู๋ลั่นถูกจัดการไปแล้ว และพวกเขากำลังโดนจะโดนเก็บกวาด!
“อวี้ฮ่าวหราน ตระกูลอู๋ของฉันยินดียอมรับเงื่อนไขทุกอย่างที่นายต้องการ แลกกับการที่นายจะยอมปล่อยให้เราสองคนมีชีวิตรอด”
แม้ว่าเขาจะไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องจำใจต้องยอมรับความจริงที่ว่า อู๋ลั่นอาจจะตายไปแล้ว!
มิฉะนั้น อวี้ฮ่าวหรานไม่มีทางมาปรากฏกายที่นี่ได้
ตอนนี้แผนการของเขาที่คิดออกคือพยายามเจรจาให้อวี้ฮ่าวหราน กลับไปก่อน และจากนั้นเขาจะแจ้งเรื่องนี้แก่สำนักเมฆาเขียวเพื่อที่สำนักจะได้ส่งคนมาอีกครั้ง
ถึงตอนนั้นไอ้เวรนี่จะต้องตายแน่นอน!
แต่ในขณะนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็จ้องมองอู๋หมิ่นด้วยสายตาเย้ยหยัน
“ฉันรู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ฉันบอกเอาไว้เลยว่าแกไม่มีทางอยู่รอดเกินคืนนี้แน่”
น้ำเสียงของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชาสุดขั้ว
แน่นอนว่าคำพูดนี้ทำให้อู๋หมิ่นหมดหวัง
เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของอวี้ฮ่าวหราน อู๋หมิ่นก็ปลงใจแล้วว่าวันนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเขาก็ไม่รอดแน่นอน และเขาไม่สามารถซ่อนความคิดของตัวเองจากอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย
บทที่ 320 หมดโอกาสแก้ตัว
บทที่ 320 หมดโอกาสแก้ตัว
“ฉันจะให้นายทุกอย่างที่นายต้องการ! แต่ได้โปรดไว้ชีวิตฉันกับภรรยาด้วย! นายต้องเข้าใจว่าเราสูญเสียลูกชายไป เราเลยทำทุกอย่างลงไปด้วยความขาดสติ!”
ถึงแม้จะคิดว่ามันไร้ผล แต่อู๋หมิ่นก็ยังต้องขอลองพูดโน้มน้าวอีกสักรอบ
“ไว้ชีวิตพวกแกงั้นเหรอ? ฮ่า ๆ”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะอย่างขบขัน
“ถ้าแกแข็งแกร่งกว่าฉัน แกจะไว้ชีวิตฉันไหม? หรือถ้าฉันตายไปแล้ว แกจะไว้ชีวิตลูกสาวของฉันหรือเปล่า?”
“ฉัน…แน่นอนฉันจะ…”
เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด อู๋หมิ่นตอบกลับอย่างรวดเร็วทันที ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบที่เขาเอ่ยออกมามันไม่ได้เป็นความจริงเลยสักนิด
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็หายตัวไปราวกับปีศาจ และปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าอู๋หมิ่นพร้อมกับกุมคออีกฝ่าย!
“แกคิดว่าฉันอายุ 3 ขวบงั้นเหรอ?”
น้ำเสียงของอวี้ฮ่าวหราน ทำให้อู๋หมิ่นรู้สึกราวกับมีใครเอาน้ำเย็นมาสาดใส่
“ด…เดี๋ยว…นายใจเย็น ๆ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น หากคราวนี้นายปล่อยพวกเราไป ฉันสาบานว่าจะไม่รังควานนายอีกแล้ว!”
ในเวลานี้เขารู้สึกกลัวสุดขีด เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าลูกชายของเขาไปกินอะไรมา ถึงกล้ายั่วยุสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวขนาดนี้!
ดวงตาของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชา เขาจ้องมองอู๋หมิ่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจ
“เฮ้อ…เสียใจด้วย…โอกาสของแกมันหมดไปแล้ว”
กร๊อบ!!
เสียงหักของกระดูกดังลั่นชัดเจน คอของอู๋หมิ่นถูกหักอย่างสมบูรณ์!
ดวงตาของอู๋หมิ่นเบิกกว้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความไม่เต็มใจ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ค่อย ๆ สิ้นลมหายใจ
พลั่ก
อวี้ฮ่าวหรานโยนร่างของอู๋หมิ่นออกไปข้าง ๆ ราวกับโยนขยะทิ้ง
หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ เพิ่งได้สติ เมื่อได้ยินเสียงร่างของสามีตัวเองหล่นกระทบพื้น
“กรี๊ดดดด!!! ไอ้ระยำ! ไอ้สารเลว! ไอ้ชั่ว! แกฆ่าผู้ชายของฉัน!! ฉันขอสาปแช่งแกให้แกกับโคตรเหง้าของแกตายโหงทั้งครอบครัว! ฉันสาบานว่าฉันจะฉีกลูกแกเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือของฉัน แกตาย!!! กรี๊ดดดด!!”
เมื่อเห็นสามีของตัวเองถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา เธอก็กลายเป็นคนเสียสติอย่างสมบูรณ์ เธอกระโจนเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานอย่างไม่กลัวตายอีกแล้ว!
บรึ้ม!!!
อวี้ฮ่าวหรานหันไปมองหญิงวัยกลางคนด้วยสีหน้าเยาะเย้ยก่อนที่เขาจะโคจรพลังวิญญาณและโบกมือปล่อยคลื่นกระแทกเขเข้าใส่อย่างไม่แยแส!
ต้องรู้ว่าคลื่นพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหราน ทรงพลังมากจนแม้แต่ผู้บ่มเพาะก็ยังบาดเจ็บหากโดนเข้า ดังนั้นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงเท่าไหร่อย่างหญิงวัยกลางคนจะทนได้ยังไง?
ทันทีที่โดนคลื่นกระแทก ร่างของหญิงวัยกลางคนก็ลอยละลิ่วกระเด็นไปไกลหลายเมตรก่อนที่จะร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างไม่เต็มใจ และเธอก็ค่อย ๆ หมดลมหายใจไปในที่สุด
ตอนนี้ คนสำคัญของตระกูลอู๋ตายไปแล้วสาม!
จากนั้นบรรดาบอดี้การ์ดที่จงรักภักดีต่ออู๋หมิ่น บางคนก็กรูกันเข้าหาอวี้ฮ่าวหราน!
ฆ่า!
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ คนที่กล้ากระโจนเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานทั้งหมดก็กลายเป็นศพ เหลือแต่พวกคนที่ฉลาดรีบหนีไปซ่อนตัว ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้ทำอะไรพวกนั้นและออกจากบ้านหลักตระกูลอู๋ไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานจากไปแล้ว บ้านหลักตระกูลอู๋ก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที!
เมื่อครอบครัวของผู้นำตระกูลและบรรดาคนสนิทตายทั้งหมด พวกคนตระกูลอู๋ที่ยังเหลือรอด นอกจากจะโกรธแค้นแล้ว ความโลภในใจของพวกเขาก็ถูกกระตุ้นขึ้น
ต้องรู้ว่าทรัพย์สินของตระกูลอู๋ ส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยอู๋หมิ่นมาตลอด ดังนั้นเมื่อเจ้าตัวตายไปแล้วตอนนี้ พวกผู้คนที่หวังในทรัพย์สมบัติต่างก็เริ่มแย่งชิงกันในทันที
ในการแย่งชิงทรัพย์สมบัติจึงมีผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นอีกมากมาย!
อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจกับเรื่องราวในตระกูลอู่ที่จะเกิดขึ้นต่อ เป้าหมายการมาที่ตระกูลอู๋ของเขาวันนี้มีแค่อย่างเดียวคือ ฆ่าคนที่ตามจองล้างครอบครัวของเขาเท่านั้น!
5 ทุ่มเศษ อวี้ฮ่าวหรานก็กลับถึงคอนโด
ในห้องนั่งเล่น หลี่หรงยังนอนอยู่บนโซฟาและยังไม่ได้หลับไป เธอรีบหันมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
“พี่เขย พี่กลับมาแล้วเหรอ? มีอาหารอยู่ในครัว พี่รีบเข้าไปกินสิ ตอนนี้มันดึกแล้ว หลังจากกินเสร็จก็รีบไปอาบน้ำและเข้านอน”
“หืม? ทำไมยังไม่นอนอีก?”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่น้องภรรยาของเขาที่ดูง่วงนอน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขากลับดึก อีกฝ่ายก็มักจะคอยดูแลเขาเสมอโดยการเก็บกับข้าวรอให้เขากลับมากิน
“หืม? พี่เขยยืนงงอะไรอยู่? รีบไปกินซะสิ”
เมื่อเห็นว่าพี่เขยของเธอมองหน้าเธอจนไม่ยอมเดินไปในครัว หลี่หรงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง…
“ช่างเถอะ ๆ เดี๋ยวฉันไปอุ่นให้ก่อนก็ได้ พี่คงเหนื่อยจนขี้เกียจจะไปอุ่นเองใช่ไหมล่ะ”
หลังจากพูดจบเธอก็เดินเข้าไปในครัวเพียงลำพัง และหลังจากหลายนาทีผ่านไป หลี่หรงก็นำอาหารสองสามจานมาวางที่โต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“วันนี้ตระกูลอู๋ลงมือกับพี่และถวนถวน”
เมื่อเห็นความใส่ใจของหลี่หรงที่มีต่อเขา อวี้ฮ่าวหรานจึงอดไม่ได้ที่จะบอกความจริงต่ออีกฝ่าย เขารู้สึกไม่สบายใจที่ปิดบังเรื่องหลายอย่างต่อคนที่จริงใจกับเขาเช่นนี้
“เอ๊ะ?”
หลี่หรงอึ้งไปในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ฮ่าวหราน แต่เมื่อเธอเห็นว่าถวนถวนและอวี้ฮ่าวหรานกลับมาโดยไร้ขีดข่วน เธอก็ผ่อนคลายลง
“แล้ว…ถ้างั้น…นับจากนี้เราต้องทำยังไงดี ถ้าพวกเขากลับมาอีก…”
“วันนี้พี่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เมื่อครู่ที่พี่ออกไป พี่ออกไปจัดการกับตระกูลอู๋ พวกเขาไม่มีโอกาสจะมารังควานเราได้อีกแล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและพูดสรุปทุกอย่าง หลี่หรงเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเธอก็ได้สติ
“พี่เขย ไม่เป็นไร ฉันสนับสนุนในสิ่งที่พี่ทำลงไปทุกอย่าง!”
คำพูดนี้ของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ
…
ตอนเที่ยงวันถัดมา ที่เครือฮ่าวหราน อวี้ฮ่าวหรานก็ได้รับโทรศัพท์จากหลี่ชงซาน
“ฮ่าวหราน วันนี้พ่ออยากชวนลูกกับหรงเอ๋อร์มากินข้าวกับพ่อที่บ้านหลัก อันที่จริงพ่อมีเรื่องอยากจะคุยด้วยนิดหน่อย ลูกว่างไหม?”
“ได้ ผมจะไป”
อวี้ฮ่าวหรานตอบอย่างไม่ลังเลเลย จากนั้นชายหนุ่มก็พาถวนถวนขึ้นรถและขับไปที่บ้านหลักตระกูลหลี่ทันที
ในอีกด้านหนึ่ง หลี่หรงก็รีบออกจากบริษัทและขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านหลักตระกูลหลี่เช่นกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ที่บ้านหลักตระกูลหลี่
“น้องสาวของพี่สวยวันสวยคืนดีจริง ๆ!”
ทันทีที่ก้านพ้นประตูเข้าไปในบ้าน เสียงของหลี่จิงเทียนก็ดังขึ้นทันที
เพียงแต่ว่าเสียงนี้ต่างจากเมื่อก่อนมาก คราวนี้หลี่จิงเทียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ประจบประแจงสุดฤทธิ์
ทางด้านของหลี่หรง เมื่อได้ยินพี่ชายของเธอชมอย่างประจบประแจง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เธอไม่อยากจะเจอหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไหร่
หญิงสาวต่างจากหลี่เม่ย เธอไม่ได้ชอบหลี่จิงเทียนมากถึงขนาดให้อภัยได้ทุกอย่าง!
“ฮ่าวหราน มานี่สิ มานั่งใกล้ ๆ พ่อนี่มา วันนี้พ่อสั่งให้พ่อครัวทำอาหารดี ๆ เอาไว้เยอะแยะเลย!”
ทันทีที่หลี่ชงซานเห็นอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามา ก็ทักทายอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางเป็นกันเองราวกับอวี้ฮ่าวหรานเป็นลูกแท้ ๆ ของเขา
“อ…เอ่อ…พี่เขย ช่วงนี้พี่หล่อขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะครับพี่!”
สิ่งที่น่าแปลกใจคือหลี่จิงเทียนก็หันหน้ามายกยออวี้ฮ่าวหรานพยายามเอาอกเอาใจอีกคน