ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – บทที่ 330 แก้แค้น

บทที่ 330 แก้แค้น

บทที่ 330 แก้แค้น
บทที่ 330 แก้แค้น

หลังจากได้ยินราคาสูงเสียดฟ้านี้ ทุกคนก็พยายามคาดเดา

มีชนชั้นสูงเพียงไม่กี่คนในเมืองฮ่วยอันที่สามารถควักเงินสองร้อยล้านออกมาได้อย่างง่ายดาย

แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ค่อยเข้าร่วมงานเลี้ยงต่าง ๆ ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่รู้จักเขาเลย

ในเวลานี้ เฉียนเซาตกตะลึง!

ถ้าอีกฝ่ายหยุดลงตอนที่ขานราคาหนึ่งร้อยล้าน เขาก็คงคิดแค่ว่ามันเป็นแค่การขู่ขวัญ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับขานราคาขึ้นมาเป็นสองร้อยล้าน ดังนั้นมันก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายต้องการจะซื้อของชิ้นนี้จริง ๆ

นี่อีกฝ่ายรวยขนาดนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?

จากนั้น ภาพความเป็นจริงอันโหดร้ายก็ปรากฏขึ้นแก่สายตาของเขา เมื่อเฉียนเซาเห็นคนของโรงแรมได้นำหีบห่อที่บรรจุพระพุทธรูปหยกมาให้อีกฝ่าย และอีกฝ่ายก็ยื่นบัตรเครดิตสีทองสะดุดตารูดจ่ายออกไป!

และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที พนักงานของโรงแรมก็คืนบัตรเครดิตสีทองคืนด้วยท่าทางเคารพ

แน่นอน…จ่ายไปแล้ว!

“นี่มัน…”

หลังจากตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น เฉียนเซาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ดวงตาของเขาเบิกกว้างและมองไปที่หน้าของบรรดาคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างเหลือเชื่อ

พวกลูกหลานรุ่นที่สองของตระกูลร่ำรวยต่างก็พูดไม่ออกอ้าปากค้างอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาไม่นึกเลยว่า คนที่พวกเขาคิดดูถูกมาตลอดจะกลายเป็นมหาเศรษฐีตัวจริง!

หลังจากได้รับของที่ต้องการมา อวี้ฮ่าวหรานก็ลุกขึ้นทันทีเตรียมที่จะจากไป แต่ก่อนที่จะเดินออกไปนั้น ชายหนุ่มเหลือบมองเฉียนเซาอย่างดูถูกและเอ่ยขึ้น

“ฉันจำได้ว่าแกอยากจะเรียกฉันว่า ‘พ่อ’ ใช่ไหม? อย่าฝันไปหน่อยเลย! ฉันไม่ต้องการจะมีลูกโง่ ๆ อย่างแกหรอก!”

เมื่อสมบัติอยู่ในมือแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี และต้องการเยาะเย้ยอีกฝ่ายเล็กน้อย

อุ๊บ…!

ซูหว่านเอ๋อเมื่อได้ยินประโยคนี้ เธอเกือบจะหลุดขำออกมา

เมื่อเฉียนเซาได้ยินประโยคนี้ เขาแทบอยากจะกระอักเลือดออกมาเพราะความโกรธ!

เจ็บใจ! เจ็บใจจริง ๆ!!

ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งดูถูกอีกฝ่ายว่าเป็นคนจน แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้มันย้อนคำพูดของเขาเข้ามาหาตัวเองเต็ม ๆ!

นี่ไม่ต่างอะไรกับการถูกตบหน้าในที่สาธารณะ!

ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นนี้!

“แก! แกรอฉันก่อนเถอะ!!”

หงุดหงิด โกรธ เถียงไม่ได้ เมื่อไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงต่อและบวกกับความอับอายสุดขีด เฉียนเซาจึงลุกและเดินหนีไปอย่างรวดเร็วทันที

ลูกหลานตระกูลร่ำรวยเจ็ดแปดคนที่คอยสนับสนุนเฉียนเซาอยู่ตลอด เมื่อเห็นภาพนี้พวกเขาก็รีบลุกตามไปในทันที

อวี้ฮ่าวหรานไม่มีเวลาที่จะติดตามและให้ความสนใจ ในขณะนี้การประมูลสิ้นสุดลงและการโอนต้องออกไป

“ฮ…ฮ่าวหราน คือว่า…”

“หืม?”

ขณะที่เขากำลังจะจากไป จู่ ๆ ซูหว่านเอ๋อก็คว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้

“ฉ…ฉัน…ฉันอยากชวนคุณไปทานอาหาร…”

เธอทำใจอยู่นาน และในที่สุดเธอก็สามารถรวบรวมความกล้าเพื่อพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้

ดวงตาที่เหมือนไข่มุกสีดำคู่นั้นมองที่อวี้ฮ่าวหรานอย่างคาดหวัง

“กินข้าว?”

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำพูดนี้ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อคิดว่าตัวเองก็ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเช่นกัน ดังนั้นจึงพยักหน้า

“อืมไปกันเถอะ เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวคุณเอง”

“ไม่ ครั้งนี้…ครั้งนี้ฉันอยากจ่าย!”

ซูหว่านเอ๋อดูเหมือนจะคิดเรื่องนี้เอาไว้ได้พักใหญ่แล้ว ดังนั้นแม้ว่าเธอจะประหม่าจนหน้าแดงก่ำ แต่น้ำเสียงที่เธอพูดขึ้นกลับดูแน่วแน่เป็นอย่างมาก

“อืม…ก็ได้ งั้นพวกเราไปกันเถอะ”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตอบตกลงหลังจากที่ตัวเองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

แต่ในขณะเดียวกันนี้ หลินป๋อที่เพิ่งคุยกับประธานเจ่าเสร็จก็เดินมาหา

“ฮ่า ๆ หนุ่มสาวกำลังจะไปเดทกันงั้นเหรอ? ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปช่วยพาชายชราคนนี้ไปด้วยจะได้ไหม?”

เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสอง และตั้งใจเดินเข้ามาพูดแหย่เล่นด้วยสีหน้าเบิกบาน

ซูหว่านเอ๋อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสนุกกับการหยอกล้อตัวเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากของเธอและมองหน้าอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย

“อะแฮ่ม ๆ แหม ลุงแค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ดูสิทำหน้าทำตางอนลุงซะแล้ว ฮ่า ๆ ลุงไปก็ได้”

หลินป๋อรู้สึกขบขันเล็กน้อยกับดวงตาที่เหมือนไข่มุกสีดำที่จ้องมาที่เขาอย่างขุ่นเคือง เขาโบกมืออย่างสบาย ๆ ก่อนที่จะจากไป

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นความเป็นกันเองระหว่างหลินป๋อและซูหว่านเอ๋อ

“ไปเถอะ ไปด้วยรถของผมกัน คุณแค่บอกทางไปร้านที่คุณอยากจะกินมาก็พอ”

จากนั้นคนทั้งคู่ก็พากันเดินไปที่ลานจอดรถ

อีกด้านหนึ่ง ทันทีที่เฉียนเซาออกจากโรงแรมไป เขาก็โทรเรียกบอดี้การ์ดของตัวเองทันที และพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยอีกหลายคนก็เรียกบอดี้การ์ดของพวกเขาเอง

จากนั้นไม่นานบอดี้การ์ดมากกว่ายี่สิบคนก็มารวมตัวกัน ซึ่งทำให้กลุ่มของพวกเขาดูค่อนข้างน่ากลัว

“คุณเฉียนเซา คุณคิดว่าคนเราจะจัดการกับไอ้เวรนั่นได้จริง ๆ เหรอ? ผมคิดว่าไอ้เวรนั่นไม่น่าจะใช่คนธรรมดาเช่นกัน มันไม่มีทางที่คนแบบนั้นที่สามารถจ่ายเงินได้ 200 ล้านอย่างสบาย ๆ จะมีอิทธิพลน้อยกว่าเรา!”

ในเวลานี้ หนึ่งในลูกหลานตระกูลร่ำรวยที่อยู่กลุ่มเดียวกับเฉียนเซาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

แม้ว่าครอบครัวของเขาจะรวย แต่เงินสองร้อยล้านนั้นเกือบจะเทียบเท่ากับทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวของเขา ดังนั้นจึงคิดว่าเขาไม่ควรที่จะไปยั่วยุอีกฝ่ายที่มีเงินมากกว่าครอบครัวมากขนาดนี้ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉียนเซาได้ยินคำพูดนี้ จากที่ตัวเองโมโหอยู่แล้ว เขาก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม

“โว้ย! นี่แกคิดว่าฉันจะเอาบอดี้การ์ดของพวกเราไปสู้งั้นเหรอ? ฉันไม่ประมาทขนาดนั้นหรอก คราวนี้ฉันจะเล่นให้แรงจนไอ้เวรนั่นมันจะต้องเสียใจที่ได้เกิดมาเลย!”

“ไม่ประมาท? เฉียนเซา นี่คุณกำลังจะทำอะไร…”

“ฉันรู้จักสมาชิกแก๊งวาฬยักษ์อยู่สองสามคน พวกมันใช้ประโยชน์จากฉันมาหลายรอบแล้ว ตอนนี้มันได้เวลาที่พวกมันจะต้องทำประโยชน์ให้กับฉันบ้าง!”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แววตาของเฉียนเซาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา

ในสังคมลูกคนรวยอย่างพวกเขา เมื่อไหร่ที่มีการเรียกใช้คนของแก๊งใต้ดิน มันหมายถึงว่าพวกเขาต้องการให้ศัตรูตายหรือไม่ก็พิการเป็นอย่างน้อย!

ดังนั้นเมื่อได้ยินแผนการนี้ของเฉียนเซา พวกลูกหลานคนรวยเหล่านี้จึงก้าวถอยห่างออกไปเล็กน้อย และบางคนก็กลัวจนไม่อยากที่จะเข้าร่วมการล้างแค้นนี้อีกต่อไป

ต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วคนที่โดนอวี้ฮ่าวหรานดูถูกมีแค่คนเดียวคือเฉียนเซา ส่วนพวกเขานั้นไม่ได้มีความแค้นอะไรต่ออวี้ฮ่าวหรานเลย

ถ้าเป็นไปได้พวกเขาก็ไม่อยากที่จะเอาตัวถลำลึกลงไปให้เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางโดยที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรแบบนี้

“ด…เดี๋ยว…ก่อน อย่าให้มันถึงขนาดนั้นเลยจะดีกว่าไหม?”

หนึ่งในลูกหลานคนรวยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหม่าสุดขีด

“ถ้ากลัวแกก็ไสหัวไปซะ และจากนี้ไปอย่าโผล่หน้ามาในกลุ่มของฉันอีก!”

เฉียนเซาจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มที่กำลังแสดงสีหน้าประหม่าสุดขีด เขาไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าเฉียนเซาจริงจังมากกับเรื่องนี้ คนที่เหลือไม่กี่คนก็ตกลงกับแผนการของเฉียนเซา

ตัดกลับมาทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน

หลังจากที่เขาขับรถพาซูหว่านเอ๋อออกไปจากโรงแรม สถานการณ์ทุกอย่างก็ปกติดีจนกระทั่งเขาขับรถไปถึงย่านรกร้าง ซึ่งเขาได้พบว่ามีรถหลายคันกำลังขับตามเขามาอย่างประสงค์ร้าย!

ภายในรถสปอร์ตสีเหลืองสดใส

“ฮ่าวหราน…ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่ทางไปร้านอาหารที่ฉันบอกนี่นา”

ซูหว่านเอ๋อรู้สึกสงสัยเมื่อเห็นว่าสองข้างทางที่พวกเขากำลังขับผ่านอยู่มันไม่คุ้นตาเธอเลยแม้แต่น้อย แถมอวี้ฮ่าวหรานก็ขับไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ

“ไม่ต้องกลัวหรอกผมไม่ใช่คนเลว ผมไม่ลักพาตัวคุณไปไหนหรอกสบายใจได้!”

เขาหยอกล้ออย่างสบายใจ

“แต่…”

ซูหว่านเอ๋อไม่เข้าใจเลยว่าอวี้ฮ่าวหรานกำลังจะขับรถพาเธอไปไหน แต่ด้วยความเชื่อใจ เธอจึงไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรและแค่เพียงสงสัยว่าท้ายที่สุดเขาจะไปจอดที่ไหน

แต่แล้วจู่ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็เบี่ยงรถไปข้างทางและจอดรถอย่างกระทันหัน!

“มีคนกำลังตามเรามา ผมแค่ไม่อยากให้คนทั่วไปเห็นสิ่งที่ผมกำลังจะทำ ดังนั้นผมเลยขับมาในย่านร้างผู้คนนี้ เอาล่ะ คุณรออยู่ในรถก่อน ผมขอเวลาครู่หนึ่งจัดการแก้ไขปัญหาเล็ก ๆ นี่ก่อน!”

ทันทีที่คำอธิบายจบลง อวี้ฮ่าวหรานก็ลงจากรถและเดินไปหยุดอยู่ที่หลังรถ!

“เอ๊ะ?”

ซูหว่านเอ๋อรู้สึกสับสนทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่ครู่ต่อมา มีรถสปอร์ตหลายคันพุ่งมาหยุดอย่างรุนแรงที่ด้านหลังห่างไปไม่ไกลนัก และตามมาด้วยรถ SUV อีกสี่ห้าคันก็ทยอยตามมาหยุดลง!

ทันทีที่รถเหล่านี้หยุดลง บอดี้การ์ดร่างกำยำมากกว่าโหลก็ลงมาจากรถ SUV!

ถัดมา พวกลูกหลานคนรวยก็ลงจากรถสปอร์ต และเดินเข้ามาอยู่ภายใต้การนำของเฉียนเซา!

บทที่ 319 บุกถึงประตู
บทที่ 319 บุกถึงประตู

เมื่อได้ยินคำถามที่เป็นกังวลของหลี่หรง อวี้ฮ่าวหรานก็หัวเราะขบขัน

“อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก”

อู๋ลั่นถูกเขาจัดการไปแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ต้องการให้หลี่หรงกังวล เขาจึงพูดตัดบทไป

แต่หลังจากที่พาถวนถวนล้างมือเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็ได้ตัดสินใจบางเรื่องอย่างเด็ดขาด

“เธอกับถวนถวนกินข้าวกันไปก่อนเลย พี่มีเรื่องต้องจัดการอีกเรื่อง แล้วเดี๋ยวดึก ๆ พี่จะกลับมา”

“หืม? มีเรื่องอะไรอีกงั้นเหรอพี่เขย? ทำไมพี่ไม่กินข้าวก่อนล่ะ?”

หลี่หรงรู้สึกงงงวยกับคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน

ความขุ่นเคืองจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“เรื่องนี้พี่ต้องจัดการในทันที ไม่อย่างนั้นพี่คงรู้สึกไม่สบายใจ”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ตอบโดยตรงว่ามันคืออะไร แต่สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้มาก

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจริงจังมาก หลี่หรงจึงทำได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น และตัดสินใจที่จะไม่หยุดอีกฝ่ายอีกต่อไป

“อืม…ถ้างั้นพี่ก็รีบไปเถอะ เอาไว้เดี๋ยวฉันจะแบ่งกับข้าวส่วนของพี่เก็บเอาไว้ให้”

“อืม”

หลังจากตกลงกันได้อย่างรวบรัดแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็หันหลังและจากไป

แต่ทันทีที่เขาปิดประตูออกจากห้อง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที!

เรื่องของอู๋ลั่นวันนี้ทำให้เขากังวลมาก

ชายวัยกลางคนนั่นบอกว่าถูกตระกูลอู๋เชิญตัวมา!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนที่บงการอยู่เบื้องหลังก็คือตระกูลอู๋!

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจตัวเองได้อีกต่อไป

ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว! เดิมทีเขาก็ไม่ได้สนใจ แต่อีกฝ่ายกลับระรานครอบครัวของชายหนุ่มไม่หยุด คราวนี้เขาจึงต้องถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลังจากลงลิฟท์และขึ้นรถไป เขาก็เหยียบคันเร่งจนมิดทันที!

เวลาราว 1 ทุ่ม ท้องฟ้ามืดสนิท อู๋หมิ่นและภรรยาของเขากำลังกินอาหารเย็นอยู่ในบ้านหลักของตระกูล

“ฮึ่ม! การแก้แค้นครั้งนี้ต้องสำเร็จแน่! ไม่ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีทางแข็งแกร่งกว่าอู๋ลั่นได้!”

อู๋หมิ่นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสะใจ

“เฮอะ! ไอ้หมาเน่าตัวนั้นน่าจะตายไปนานแล้ว! มันกล้าดียังไงมาฆ่าลูกชายของฉัน! ฉันขอให้มันตายในสภาพศพไม่สมบูรณ์!”

หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแสดงสีหน้าเคียดแค้นในขณะพูด

“จากนี้มันยังไม่จบหรอก! แค่ฆ่ามันคนเดียวฉันยังไม่สะใจพอ! มันยังมีลูกสาวอีกคน ลูกสาวของมันต้องตายตามพ่อของมันไปด้วย!”

อู๋หมิ่นเอ่ยขึ้นเสริมอย่างอาฆาต

“ใช่! ฆ่านังเด็กนั่น! แต่เราต้องฆ่านังเด็กนั่นอย่างช้า ๆ ให้สาสมกับที่พ่อของมันฆ่าลูกของเรา!

เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ยินคำพูดของสามีตัวเอง เธอก็แสดงความร้ายกาจออกมาพลางคิดจินตนาการว่าจะใช้วิธีไหนดีเพื่อทรมานเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ที่เธอรังเกียจ

“จริงสิ ผู้หญิงของมันอีกล่ะ? เราจะปล่อยผู้หญิงของมันไปไม่ได้ น้องเมียของมันคุณต้องจับมาด้วย! ฉันจะกำจัดตัวเมียทุกคนที่เกี่ยวข้องกับมันทั้งหมด! ลูกชายของฉันตายเพราะนังนั่น!”

“แน่นอน! ถึงเธอไม่พูด ฉันก็จะทำแน่! ลูกชายของอู๋หมิ่นจะตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมได้ยังไง!”

การแสดงออกของอู๋หมิ่นเย็นชายิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินเรื่องนี้

“ดี! ดีมาก! ครอบครัวของมันทั้งหมดต้องตายตามลูกชายของเราไป พวกมันต้องกลายเป็นวิญญาณรับใช้ลูกของเราในยมโลก!”

หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ทั้งโหดเหี้ยมและขมขื่น

แต่ในขณะนั้น ประตูรั้วคฤหาสน์กลับกระเด็นล้มลงทั้งบาน!

โครม!

บอดี้การ์ดสองสามคนที่ยืนอยู่หลังประตูถูกทับจนเละ!

“เร็ว…วิ่ง…”

บรรดาบอดี้การ์ดต่างแตกตื่นโกลาหล พวกเขาต่างร้องตะโกนพลางวิ่งถอยกลับเข้ามาที่ตัวคฤหาสน์

ในเวลานี้ ร่างผอมบางปรากฏขึ้นที่ประตู!

อู๋หมิ่นตกใจ เขาลุกขึ้นและรีบเดินออกไปดูสถานการณ์ทันที แต่ฝุ่นที่ฟุ้งปกคลุมบริเวณประตู ทำให้เขามองไม่เห็นว่าใครเป็นผู้มาเยือน

“ไม่ทราบว่าท่านผู้แข็งแกร่งเป็นใครงั้นหรือ? ทำไมท่านถึงบุกเข้ามาในบ้านของผู้น้อยเช่นนี้?”

หลังจากที่เจอกับอู๋ลั่นมาไม่นาน มุมมองต่อโลกใบนี้ของอู๋หมิ่นก็เปลี่ยนไป เขาเข้าใจมากขึ้นว่าต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่ง เขาควรจะนอบน้อมให้มากที่สุด เพราะไม่งั้นคงไม่รู้ตัวว่าตัวเองจะตายตอนไหน

อย่างไรก็ตาม ชายที่เพิ่งถล่มประตูก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาช้า ๆ และเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เมื่อกี้แกไม่ได้เพิ่งพูดเหรอว่าจะส่งดวงวิญญาณของฉันผู้นี้ไปเป็นข้ารับใช้ลูกชายของแกในยมโลก? วันนี้ที่ฉันมามีเพียงจุดประสงค์เดียวคือส่งพวกแกทุกคนลงไปอยู่กับไอ้ขยะอู๋เส้าฮัว!”

หลังจากฝุ่นจางไป หัวใจของอู๋หมิ่นแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกเป็นใคร!

“แก! ทำไมแกถึงยังมีชีวิตอยู่! แกไม่ควร! แกไม่ควร! ทำไมแกถึงยังไม่ตาย!?”

ดวงตาของอู๋หมิ่นเบิกกว้างจนแทบจะถลนในเวลานี้ เขาก็ไม่อยากจะเชื่อสายตากับสิ่งที่กำลังเห็นอยู่

คนที่บุกเข้ามาคืออวี้ฮ่าวหราน!

ในขณะเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานก็เพิกเฉยต่อคำถามของอีกฝ่าย เขายังคงเดินต่อไปอย่างช้า ๆ และเมื่อเหลือบมองเข้าไปด้านในคฤหาสน์และเห็นโต๊ะอาหารถูกจัดวางอยู่กลางห้องโถง เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก

“ฮิฮิ ดีจังเลยนะ กำลังกินข้าวมื้อสุดท้ายกันอยู่ซะด้วย”

ในเวลานี้ หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ อู๋หมิ่นแสดงท่าทางขาดสติทันทีเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือฆาตกรฆ่าลูกชายของเธอ เธอตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

“ไอ้สารเลว! แกฆ่าลูกชายของฉัน! แกตายแน่! ไม่สิ ครอบครัวของแกทั้งหมดจะต้องตาย! ฉันจะทรมานแก ลูกของแก ผู้หญิงของแกทุกคนด้วยตัวของฉันเอง ฉันจะ…”

“หุบปาก!!”

อู๋หมิ่นไม่รอให้ภรรยาพูดจบและรีบตวาดให้หยุดเสียงดัง

เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมภรรยาของเขาถึงโง่เง่าอะไรได้ขนาดนี้ ไม่รู้ตัวหรือไงว่าตอนนี้เรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน!?

อีกฝ่ายหนึ่งบุกเข้ามาโดยไร้รอยขีดข่วน ส่วนอู๋ลั่นก็หายไปโดยไม่ส่งข่าวคราวกลับมาเลย สถานการณ์เช่นนี้มันหมายความได้อย่างเดียวซึ่งก็คือ อู๋ลั่นถูกจัดการไปแล้ว และพวกเขากำลังโดนจะโดนเก็บกวาด!

“อวี้ฮ่าวหราน ตระกูลอู๋ของฉันยินดียอมรับเงื่อนไขทุกอย่างที่นายต้องการ แลกกับการที่นายจะยอมปล่อยให้เราสองคนมีชีวิตรอด”

แม้ว่าเขาจะไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องจำใจต้องยอมรับความจริงที่ว่า อู๋ลั่นอาจจะตายไปแล้ว!

มิฉะนั้น อวี้ฮ่าวหรานไม่มีทางมาปรากฏกายที่นี่ได้

ตอนนี้แผนการของเขาที่คิดออกคือพยายามเจรจาให้อวี้ฮ่าวหราน กลับไปก่อน และจากนั้นเขาจะแจ้งเรื่องนี้แก่สำนักเมฆาเขียวเพื่อที่สำนักจะได้ส่งคนมาอีกครั้ง

ถึงตอนนั้นไอ้เวรนี่จะต้องตายแน่นอน!

แต่ในขณะนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็จ้องมองอู๋หมิ่นด้วยสายตาเย้ยหยัน

“ฉันรู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ฉันบอกเอาไว้เลยว่าแกไม่มีทางอยู่รอดเกินคืนนี้แน่”

น้ำเสียงของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชาสุดขั้ว

แน่นอนว่าคำพูดนี้ทำให้อู๋หมิ่นหมดหวัง

เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของอวี้ฮ่าวหราน อู๋หมิ่นก็ปลงใจแล้วว่าวันนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเขาก็ไม่รอดแน่นอน และเขาไม่สามารถซ่อนความคิดของตัวเองจากอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

Status: Ongoing
ในที่สุด… มหาจักรพรรดิแห่งมวลเทพ ‘อวี้ฮ่าวหราน’ ก็สามารถกลับมาที่โลกได้สำเร็จ.. ! 3 หมื่นปี เขาต้องติดอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้านานถึง 3 หมื่นปีหลักจากตกหน้าผาและเกิดใหม่ในดินแดนเหนือจินตนาการ !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท