บทที่ 350 ไม่เจออีกตลอดกาล
บทที่ 350 ไม่เจออีกตลอดกาล
อวี้ฮ่าวหรานยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ทำอะไรลงไปเลย พร้อมกับเหลือบมองไปที่ชายหัวล้านและพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
“อยู่แค่ขอบเขตกำลังภายนอกแท้ ๆ กลับกล้าเสนอส่งเสียงดังต่อหน้าฉัน ไม่รู้จักเจียมกะลาหัวบ้างเลยจริง ๆ!”
หลังจากที่ต่อยอีกฝ่ายจนปลิวได้ขนาดนี้ ไม่มีใครกล้าดูถูกคำพูดของเขาอีกแล้ว
“แก…แกอย่าได้ใจไปนักนะโว้ย ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ มีคนที่แข็งแกร่งกว่าแกอีกมากมาย! ต่อให้แกจะแข็งแกร่งกว่าฉันแต่หลังจากนี้แกไม่รอดแน่!”
แม้ว่าชายหัวล้านจะบาดเจ็บจนอาเจียนเป็นเลือด แต่ก็ยังสามารถตะโกนข่มขู่เสียงดังได้
“แกทำร้ายสมาชิก ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ แบบนี้ แกไม่มีทางรอดแน่!”
ในตอนแรกพวกแขกในร้านอาหารรวมไปถึงพนักงานของร้าน เมื่อเห็นความแข็งแกร่งของชายหนุ่มคนนี้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจได้บ้าง แต่แล้วเมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ สีหน้าของเขาทุกคนก็มืดมนลงอย่างกะทันหันกับความจริงที่โหดร้าย
ในสายตาของคนทั่วไป ปัจจุบันแก๊งพยัคฆ์เวหาคือแก๊งที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองฮ่วยอัน!
ดังนั้นไม่ว่าคน ๆ หนึ่งจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแก๊งที่มีอิทธิพลและกำลังคนเป็นร้อย ๆ คน ไม่ช้าก็เร็วคน ๆ นั้นจะต้องตายอย่างน่าอนาถในท้ายที่สุด!
แต่ในทางกลับกัน เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’อีกครั้ง รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาทันที
“หึหึ ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนว่าแก๊งพยัคฆ์เวหาที่แกพูดถึงจะจัดการกับฉันคนนี้ยังไง!”
แปดนาทีผ่านไปตั้งแต่เขาโทรหาโจวเฟยหู่
ในเวลาเดียวกันนี้!
รถ SUV มากกว่าหนึ่งโหลพุ่งเข้ามาเบรกอย่างรุนแรงที่ด้านนอกร้านอาหาร!
ทันใดนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์สวมสูทดำและแว่นกันแดดจำนวนมากก็เปิดประตูลงจากรถ!
โจวเฟยหู่รีบวิ่งเข้ามาในร้านอาหารทันทีที่เขาลงจากรถ และหัวหน้าสาขาอีกแปดคนก็วิ่งตามมาติด ๆ อย่างรวดเร็ว
ชายหัวล้านและจินเส่า เมื่อเห็นภาพนี้พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าเบิกบานสุดฤทธิ์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักโจวเฟยหู่จริง ๆ!
“ห…หัวหน้าโจว! ขอบคุณมากที่คุณอุตส่าห์มาที่นี่ด้วยตัวเอง! นี่เลย ไอ้ลูกหมานั่นมันดูถูก ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ มันบอกว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ น่าขยะแขยง! มันดูถูกพวกเราทุกคนเลย!”
จินเส่ารีบวิ่งเข้ามาหาโจวเฟยหู่เป็นคนแรกและปั้นเรื่องใส่ร้ายอวี้ฮ่าวหรานทันที
เขาไม่คิดเลยว่าโจวเฟยหู่จะมาที่นี่ด้วยตัวเองแบบนี้หลังจากที่เขาแค่โทรหาอีกฝ่ายเพียงครั้งเดียว!
วันนี้ไอ้สารเลวคนที่กล้าตบหน้าเขาต้องตายแน่!
แต่ในทางกลับกัน ชายหัวล้านกลับรู้สึกอยากจะหนีไปให้พ้น ๆ
สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ดีเลย!
อันที่จริงเขานั้นไม่ใช่คนของ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ เขาเป็นแค่รองหัวหน้าแก๊งขนาดเล็กที่ตกลงจะร่วมมือกับ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ ในการต่อกรกับแก๊งวาฬยักษ์และแก๊งฉลามคลั่ง
ด้วยความลำพองใจหลังจากเป็นพันธมิตรกับ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ หลายครั้งเขาจึงแอบอ้างว่าตัวเองเป็นหนึ่งในคนของ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ เพื่อขู่ให้คนอื่นกลัวเขามากกว่าเดิม
ดังนั้น “แก๊งพยัคฆ์เวหา” ตัวจริงจะคาดโทษเขาแน่นอนหากรู้ว่าตัวเขาชอบอ้างชื่อพยัคฆ์เวหาเพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว
แต่จินเส่าไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นตอนนี้จึงแสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างเต็มที่
“หัวหน้าโจว เอาเลย! จัดการไอ้เวรนั่น…”
พลั่ก!
แต่แล้วขณะที่จินเส่าพูดขึ้นยังไม่ทันจบประโยค เขาก็โดนต่อยเข้าเต็มท้องน้อยจนทรุดลงไปนอนตัวงอเหมือนกุ้งทันที
โจวเฟยหู่โกรธสุดขีดจนควันแทบออกหู!
ไม่จำเป็นต้องมีใครอธิบายเขาก็พอจะเดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่! ไอ้ลูกหมาพวกนี้กำลังยั่วยุอวี้ฮ่าวหรานภายใต้ชื่อแก๊งของเขา!
“บัดซบ! ขยะอย่างแกกล้าดียังไงมาทำเรื่องชั่วโดยอ้างชื่อ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ ของฉัน??”
โจวเฟยหู่กระชากคอเสื้อของจินเส่า และยกตัวอีกฝ่ายขึ้นจากพื้นอีกครั้งอย่างเดือดดาล!
“วันนี้แกตายแน่! ฉันจะฆ่าแกในข้อหาที่แกกล้าล่วงเกินน้องชายของฉัน!”
จินเส่าที่เพิ่งโดนชกท้องยังไม่หายงุนงง
“ช…ชกผมทำไม? อ…ไอ้ผู้ชายคนนั้นต่างหากที่ทำร้ายคนของคุณ แถมมันยังบอกว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ เป็นขยะทั้งหมด!”
เพี้ยะ!!
เมื่อโจวเฟยหูได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ตบไปที่หน้าจินเส่าอย่างแรงจนฟันของอีกฝ่ายร่วงแทบจะหมดปาก!
“น้องอวี้ไม่ใช่คนที่แกจะพูดจาหมา ๆ ใส่ได้โว้ย! และถ้าเขาบอกว่าพวกของฉันเป็นขยะ พวกฉันก็คือขยะกันทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น!”
อวี้ฮ่าวหรานคือตัวตนที่สามารถกำหนดความเป็นตายของ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ ได้อย่างใจนึก ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โจวเฟยหู่ก็ไม่มีทางที่จะกล้าโกรธเคืองหรือล่วงเกินอวี้ฮ่าวหรานไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
ตอนนี้จินเส่าเริ่มกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้ว! ตัวของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาได้ล่วงเกินตัวตนที่น่ากลัวสุด ๆ เข้าให้แล้ว!
“ลากไอ้เวรนั่นมาตรงนี้ให้ฉัน!”
หลังจากที่โจวเฟยหู่ตบหน้าจินเส่าไปอย่างแรง เขาก็ชี้ไปที่ชายหัวล้านซึ่งกำลังนั่งทรุดอยู่ตรงกำแพง
หัวหน้าสาขาซึ่งอยู่ในขอบเขตพลังภายในสองคนพุ่งตรงไปหาชายหัวล้านและลากตัวมาให้โจวเฟยหู่อย่างรวดเร็ว
“แกรีบบอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าแกเป็นคนของสาขาไหนในแก๊งพยัคฆ์เวหาของฉัน! ทำไมฉันถึงไม่คุ้นหน้าแกเลย?”
เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้น่าจะแอบอ้างชื่อแก๊งของเขามาสร้างเรื่องชั่ว
“ผม…ผม จริง ๆ แล้วผมอยู่ในแก็งค์มังกรดิน…แก๊งของผมเป็นแก๊งเล็ก ๆ ที่อยู่แถวนี้…”
“แก๊งมังกรดิน? โอ้ ฉันจำได้แล้ว ดูเหมือนว่าแก๊งของแกจะมาเข้าร่วมประชุมพันธมิตรครั้งล่าสุดด้วยใช่ไหม!”
ถึงแม้ว่าสีหน้าของโจวเฟยหู่จะเย็นชาอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นเขารีบหันศีรษะไปพูดอย่างจริงใจกับอวี้ฮ่าวหรานที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ “น้องอวี้ นายได้ยินแล้วใช่ไหมว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนของแก๊งพยัคฆ์เวหา พวกมันเอาชื่อแก๊งของฉันมาแอบอ้างต่างหาก!”
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกับการทำสงครามกับแก๊งฉลามคลั่งเช่นนี้ โจวเฟยหู่ไม่ต้องการให้อวี้ฮ่าวหรานผิดหวังกับแก๊งของเขา ไม่งั้นแก๊งพยัคฆ์เวหาคงจะพบกับจุดจบ หากไม่มีอวี้ฮ่าวหรานคอยช่วยเหลือ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงว่าเขารับรู้
จากนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องที่กำลังจะเกิดต่อไป เขาหันกลับไปชิมอาหารที่เฉิงชิวอวี้แนะนำให้เขาลองลิ้มรสอย่างสบาย ๆ ต่อ
อย่างไรก็ตาม แค่ได้เห็นการพยักหน้าเล็กน้อยนี้ มันก็ทำให้โจวเฟยหูรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งรอดจากโทษประหาร!
ก่อนหน้านี้ที่เขาได้รับโทรศัพท์และได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจและผิดหวังของอวี้ฮ่าวหราน เขาตกใจมากจนหัวใจเกือบหยุดเต้น แล้วก็รีบรวมคนและตรงดิ่งมาที่นี่ทันที
ในเวลานี้ เขารู้สึกผ่อนคลายราวกับว่ามีคนยกภูเขาออกจากอกของเขาไปแล้ว
“น้องอวี้ เชิญนายกินต่อตามสบายได้เลย! ฉันสัญญาว่าหลังจากนี้ ไอ้สองตัวนี้จะไม่โผล่หน้ามาให้นายเห็นอีกตลอดไปแน่นอน!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันกลับไปกินอาหารต่อ โจวเฟยหู่จึงไม่กังวลอะไรอีกต่อไป เขาหันไปสั่งให้คนของเขาลากทั้งจินเส่าและชายหัวล้านรวมไปถึงนักเลงสิบกว่าคนที่มากับชายหัวล้านออกไปจากร้าน!
บรรดานักเลงที่มากับชายหัวล้านต่างก็เดินตัวสั่นออกไปจากร้านแต่โดยดีโดยไม่ขัดขืนอะไรเลย
ตลกเถอะ!
ต่อหน้าคนของแก๊งพยัคฆ์เวหา หากพวกเขากล้าขัดขืน พวกเขาคงจะถูกฆ่าตายในทันที!
บทที่ 342 ปีศาจ
บทที่ 342 ปีศาจ
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่คนที่โง่เขลาเหล่านี้อย่างขบขัน
“นี่พวกแกยังนึกไม่ออกอีกเหรอไงว่าฉันเป็นใคร? พวกแกไล่กัดฉันเหมือนหมาบ้ามาหลายรอบแล้ว และล่าสุดพวกแกก็ส่งไอ้อสรพิษเงินนั่นมาให้ฉันกระทืบตาย คราวนี้พวกแกนึกออกแล้วหรือยัง?”
“ก…แกคืออวี้ฮ่าวหราน!!”
ในที่สุด เมื่อได้ยินชื่อรองเจ้าตำหนัก นักฆ่าชุดดำที่อยู่ในขอบเขตพลังภายในขั้นสูงก็ตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง!
เขาคือคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในระดับสูงของตำหนักคุมกฎ ดังนั้นจึงรู้ข้อมูลว่ารองเจ้าตำหนักออกไปทำภารกิจสังหารใครเมื่อล่าสุดนี้
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้รองเจ้าตำหนักอสรพิษเงินไม่ได้กลับมา แต่อีกฝ่ายกลับโผล่มาแทน…
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?!
“แกฆ่ารองเจ้าตำหนักของเราไปแล้วเหรอ!?”
ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อการคาดเดาของตัวเองนัก
ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขาอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ เท่านั้นเอง
เป็นไปได้อย่างไรที่ชายหนุ่มอายุแค่นี้สามารถฆ่ารองเจ้าตำหนักอสรพิษเงินที่อยู่ในขอบเขตพลังภายในขั้นสูงสุดได้?
“นี่แกเป็นเฒ่าปีศาจอายุร้อยปีที่เอาหนังมนุษย์มาสวมหรือไง!?”
เขามองที่ใบหน้าของอวี้ฮ่าวหรานอย่างสับสน ทั้งความแข็งแกร่งและอารมณ์ที่ไม่สั่นไหวของชายหนุ่มนั้นไม่สอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอกที่อายุน้อยเป็นอย่างมาก
“ฉีกหนังมนุษย์ที่แกสวมออกซะ! ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าแกเป็นปีศาจเฒ่าแบบไหนที่มาจัดการกับพวกเรา!”
อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ปีศาจเฒ่า??
แม้ว่าตัวเองจะอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเทพมานานกว่าสามหมื่นปี แต่เขาก็มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้นในโลกมนุษย์ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับเรียกเขาว่าปีศาจเฒ่าเนี่ยนะ?
แต่ถ้ามองในมุมที่เอาอายุของทั้งสองโลกมารวมกัน ชายหนุ่มก็คงเป็นปีศาจเฒ่าจริง ๆ ซึ่งเรื่องนี้เขาคงเถียงไม่ได้…
“หยุดไร้สาระสักที รีบไปเรียกเจ้าตำหนักของแกออกมาได้แล้ว ฉันไม่อยากไล่ฆ่าพวกแกทีละคนให้เสียเวลา มันน่าเบื่อ!”
วันนี้สิ่งที่เรียกว่าตำหนักคุมกฎ เขาจะต้องทำลายมันให้หมดอย่างแน่นอน!
“ฮึ่ม! ถึงแม้ว่าแกจะแข็งแกร่ง แต่อย่าคิดว่าพวกเราจะกลัวแก! พวกเราโจมตี!”
เมื่อเห็นว่าคงไม่สามารถเจรจาอะไรกันได้อีก นักฆ่าชุดดำก็พ่นลมหายใจ ก่อนที่จะโบกมือสั่งคนของตัวเองทั้งหมดให้รุมอวี้ฮ่าวหราน ทันที
ด้วยคำสั่ง นักฆ่าขอบเขตพลังภายในมากกว่าหนึ่งโหลที่ล้อมรอบอวี้ฮ่าวหรานอยู่ต่างพึมพำคาถาบางอย่างและโบกมือไปมาอย่างพร้อมเพรียง!
แค่เวลาเพียงเสี้ยวพริบตาในขณะที่พวกนักฆ่าท่องคาถา หมอกพิษสีเขียวอ่อนค่อย ๆ แพร่กระจายออกจากแขนเสื้อของพวกเขา!
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกถึงความแปลกประหลาดของหมอกพิษนี้
“หืม? หมอกพิษนี้สามารถกัดกร่อนพลังวิญญาณของฉันได้ด้วย? ของดีนี่นา!”
เขาสัมผัสได้ถึงพลังกัดกร่อนของหมอกพิษนี้ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มแปลกใจนิดหน่อย
อย่างไรก็ตาม คำพูดนี้กลับเป็นเหมือนการดูถูกอย่างสุดแสนต่อพวกนักฆ่าองค์กรอสรพิษ!
“ไอ้เฒ่าปีศาจ แกอย่าปากดีให้มากนัก! ถึงแม้ว่าแกจะแข็งแกร่ง แต่ตราบใดที่อยู่ในขอบเขตพลังภายใน แกก็ไม่มีทางรอดจากสุดยอดพิษของพวกเราได้แน่!”
แววตาของนักฆ่าชุดดำที่เป็นผู้นำนั้นดูถูกเหยียดหยามอย่างยิ่ง เขาไม่รู้ว่าพลังวิญญาณคืออะไร เขาคิดแค่ว่ามันน่าจะเป็นอีกชื่อหนึ่งของพลังภายใน
ในไม่ช้า หมอกพิษที่ล่องลอยอยู่ก็ค่อย ๆ ควบแน่น และในที่สุดมันก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นงูพิษสีเขียวอ่อนตัวขนาดมหึมาลอยอยู่
มันดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก…
แต่ขนาดค่ายกลที่นับได้ว่ายอดเยี่ยมในโลกนี้ของอู๋หลั่น อวี้ฮ่าวหรานยังสามารถทำลายมันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นค่ายกลแบบนี้ที่อ่อนแอกว่าอย่างชัดเจนจะทำอะไรอวี้ฮ่าวหรานได้?
“ภายนอกดูดี แต่น่าเสียดายที่แก่นแท้ของมันกลับกลวงโบ๋!”
อวี้ฮ่าวหรานไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เนตรเทวะเพ่งหาจุดอ่อนด้วยซ้ำ เขาโคจรพลังวิญญาณและโบกมือซัดคลื่นพลังวิญญาณมหาศาลถาโถมเข้าหางูพิษยักษ์โดยตรง!
วินาทีถัดมา เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ทำให้พวกนักฆ่าต่างตะลึงพรึงเพริด
เงาพิษยักษ์ที่เกิดจากหมอกพิษที่ควบแน่น แทนที่จะกลืนพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหรานเข้าไป มันกลับถูกบดขยี้ด้วยคลื่นพลังวิญญาณอันมหาศาลซะเอง!
“น…นี่มันบ้าอะไรกัน!!”
“มันเป็นไปได้ยังไง!?”
เมื่อเห็นฉากที่น่าทึ่งนี้ นักฆ่าทุกคนก็ตกตะลึง!
แต่คลื่นพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น คลื่นพลังยังคงแผ่กระจายกวาดล้างต่อไปอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง!
บรึ้ม!
บรรดานักฆ่าชุดดำต่างโคจรพลังของตัวเองเพื่อสร้างเกราะป้องกันทันทีอย่างเร่งรีบ เมื่อพวกเขารู้สึกได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่กำลังถาโถมเข้าหา!
นี่ไม่ใช่พลังที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตพลังภายในควรจะมีเลย!
ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของเขา ก่อนที่ร่างของพวกนักฆ่าทั้งหมดจะถูกกระแทกจนปลิวไปราวกับว่าวสายป่านขาด!
วินาทีถัดมา ค่ายกลงูพิษยักษ์ก็แตกสลายไปจนหมดสิ้น!
แค่การระเบิดคลื่นพลังวิญญาณเพียงครั้งเดียว อวี้ฮ่าวหรานก็สามารถสังหารเหล่านักฆ่าชุดดำที่เพิ่งช่วยกันประสานค่ายกลจนหมด!
ในท้ายที่สุดก็เหลือเพียงผู้ที่เป็นผู้นำกลุ่มเท่านั้น
“เจ้าตำหนักของแกอยู่ที่ไหน?”
อวี้ฮ่าวหรานพุ่งเข้าไปประชิดตัวและกุมคออีกฝ่ายอย่างง่ายดาย
“ฉัน…ฉันไม่รู้”
ดวงตาของผู้นำกลุ่มนักฆ่าเต็มไปด้วยความสยดสยอง เขาไม่เคยเห็นใครที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน มันเหมือนกับว่าอีกฝ่ายเป็นเทพสวรรค์ที่เสด็จลงมายังโลก และทำลายค่ายกลของพวกเขาตามความประสงค์
ในเวลานี้เองที่เขาเพิ่งเข้าใจว่าองค์กรอสรพิษของเขาได้ยั่วยุตัวตนที่พวกเขาไม่อาจต่อกรได้เข้าให้แล้ว!
ไม่น่าแปลกใจที่รองเจ้าตำหนักอสรพิษเงินจะตายไปอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะตกใจกลัวมากขนาดไหน เขาถามขึ้นอีกรอบอย่างเย็นชา
“แกแน่ใจนะว่าแกไม่รู้?”
“ฉัน…อ๊ากกก! ไม่…”
นักฆ่าต้องการจะปฏิเสธ แต่จู่ ๆ แขนของเขาก็ถูกบีบจนกระดูกแหลก แล้วก็กรีดร้องทันที
“แกฆ่าฉัน แกฆ่าฉันซะเลยสิ!!”
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ใบหน้าของเขาซีดเซียวและมีเหงื่อออกทั่วหน้าผากของเขา!
กร๊อบ!
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้เชื่อคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย และค่อย ๆ ไล่บีบแขนของอีกฝ่ายไปเรื่อย ๆ ราวกับว่าจะบดกระดูกแขนทั้งแขนให้แหลกเละทุกตารางนิ้ว
“แกสามารถเลี่ยงความเจ็บปวดได้ ถ้าแกยอมพูดความจริง”
ตราบใดที่อวี้ฮ่าวหรานจ้องมองอย่างตั้งใจ เขาก็สามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกหรือไม่
“ฉัน…ฉันยอมบอกแล้ว!”
ในที่สุดนักฆ่าก็ทนไม่ไหว และพูดออกมาอย่างสั่นสะท้าน
“เจ้าตำหนักของเรากำลังฝึกอยู่ในห้องใต้ดิน ใต้คฤหาสน์กลาง”
“ยอมบอกมาตั้งแต่แรกก็จบแล้ว ทนทรมานให้ฉันเสียเวลาไปทำไม?”
อวี้ฮ่าวหรานมองอีกฝ่ายอย่างดูถูก คนบางคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!
เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการมาเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ไม่อยากพูดไร้สาระกับอีกฝ่ายอีก อวี้ฮ่าวหรานจัดการหักคออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และโยนศพทิ้งไปอย่างไม่แยแส
สำหรับคนเหล่านี้เขาไม่จำเป็นต้องให้เกียรติ
องค์กรนักฆ่าได้สังหารผู้บริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วน
คนในองค์กรนี้ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปอีก
หลังจากรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของเจ้าตำหนักคุมกฎ อวี้ฮ่าวหรานก็วิ่งรีบไปที่คฤหาสน์กลางอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทาง หากมีพวกนักฆ่าคนไหนเข้ามาขวางทาง เขาก็จะฆ่าพวกมันจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!
โครม!
ด้วยการซัดพลังวิญญาณเข้าใส่ ประตูของคฤหาสน์ก็พังทลายลงทันที!
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาก้าวเข้าไป ลูกศรพิษจากหน้าไม้อันเขื่องหลายสิบลูกก็พุ่งเข้ามาแทบจะพร้อมกัน!
ลูกศรหน้าไม้พวกนี้หากถูกยิงจากระยะไม่ไกล ความเร็วของพวกมันจะเร็วกว่าลูกปืนธรรมดาซะอีก หากเป็นคนธรรมดาคงโดนยิงจนพรุนโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนอะไรเข้าไปและตายโดยที่ไม่มีโอกาสตอบโต้เลย
แต่สำหรับอวี้ฮ่าวหราน ความเร็วของลูกศรพิษจากหน้าไม้เหล่านี้ไม่ใช่ภัยคุกคามเลย!
เขาโบกมืออย่างรวดเร็วซัดคลื่นพลังวิญญาณให้กระจายไปทั่วด้านหน้า!
ลูกศรพิษที่พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีเมื่อสัมผัสกับคลื่นพลังวิญญาณของอวี้ฮ่าวหราน!
“นี่! นี่มันเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่า!?”
“ไม่…เป็นไปไม่ได้!”
ถึงแม้ว่านักฆ่าพวกนี้จะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเมื่อได้เห็นฉากที่น่ากลัวเช่นนี้
“การโจมตีของพวกแกจบแล้วเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่เหล่านักฆ่าที่ถือหน้าไม้อยู่อย่างเยาะเย้ย และเจตนาฆ่าก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา!
“ถ้างั้นก็ตาฉันบ้างละนะ!”
บทที่ 341 กวาดล้าง
บทที่ 341 กวาดล้าง
“ท่านครับ นี่เป็นเขตคฤหาสน์ส่วนตัว โปรดกลับรถถอยไปด้วย”
เมื่อเห็นรถซูเปอร์คาร์สุดหรูสีเหลือง รปภ. สองคนก็เดินเข้ามาคุยกับอวี้ฮ่าวหรานอย่างสุภาพทันที
แต่อวี้ฮ่าวหรานกลับไม่สนใจที่จะพูดไร้สาระกับคนเหล่านี้ เขาใช้เนตรเทวะสำรวจร่างกายรปภ. สองคนนี้ทันที และเขาก็ได้พบรอยสักรูปองค์กรอสรพิษที่แขนของคนทั้งสองซึ่งอยู่ใต้แขนเสื้อ
เห็นได้ชัดว่าอสรพิษเงินไม่ได้โกหกเขา
“คุณครับ?”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่อยู่ในรถไม่ตอบสนอง รปภ. ทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างสับสนและถามอีกครั้ง
พวกเขาไม่มีทางเปิดเผยการมีอยู่ขององค์กรอย่างง่ายดายแน่นอน
แต่หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาก็ไม่สนใจที่จะพูดไร้สาระกับคนสองคนนี้อีก เขาเปิดประตูลงจากรถ
“ฉันมาฆ่าเจ้าตำหนักของพวกแก! ถ้ายังไม่อยากตายก็ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!”
เขาพูดอย่างดูถูกและเย็นชา
ยังไงอีกฝ่ายก็ต้องตาย!
ตำหนักคุมกฎขององค์กรอสรพิษนี้อยู่ใกล้กับเมืองฮ่วยอันมากเกินไป หากเขายังปล่อยให้มีภัยคุกคามนี้ดำรงอยู่ อีกไม่นานเขาคงถูกโจมตีอีกรอบ!
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน สีหน้าของรปภ. ทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน!
อย่างไรก็ตาม หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง พวกเขาก็แสร้งทำเป็นสงบ “ท่านครับ รบกวนออกไปเดี๋ยวนี้ เราไม่รู้ว่าองค์กรอสรพิษที่ท่านพูดถึงคืออะไร!”
อวี้ฮ่าวหราน ไม่แปลกใจกับการโต้แย้งนี้ ตามปกติแล้วพวกองค์กรนักฆ่าย่อมถูกหมายหัวโดยญาติของผู้ที่เคยเป็นเหยื่อมากมาย หากต้องการอยู่อย่างปลอดภัย องค์กรพวกนี้จะต้องซ่อนตัวเองให้แนบเนียนที่สุด
แต่การซ่อนตัวทุกรูปแบบไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา!
“ในเมื่อไม่หลีกก็ตายไปซะ!”
ทันทีที่พูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็ชกหมัดเข้าใส่หนึ่งในรปภ. อย่างรุนแรงทันที!
‘ปัง!’
ด้วยการชก รปภ.ผู้โชคร้ายร่างละลิ่วพร้อมกับวิญญาณก็หลุดออกจากร่างอย่างไม่มีใครช่วยได้
“ก…แกกล้าดียังไงมายุ่งกับพวกเรา! หาที่ตาย!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกล้าลงมือก่อน รปภ. ก็แสดงสีหน้าเย็นชาทันที!
“ฮึ่ม! มดแมลงกล้าอวดดีต่อหน้าข้าผู้นี้งั้นเหรอ!!”
อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจ แต่เพียงแค่ชั่วอึดใจเขาก็เห็นว่ามีรปภ. อีกหลายสิบคนที่กำลังเดินลาดตระเวนอยู่นอกกลุ่มคฤหาสน์วิ่งกรูเข้ามาหาเขา!
ต่างจากรปภ. ทั่วไป คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นผู้บ่มเพาะที่เกือบจะทะลวงขึ้นมาเป็นปรมาจารย์พลังภายใน ในเวลานี้ พวกเขาก็พุ่งเข้ามาด้วยมีดในมือ ซึ่งน่ากลัวกว่าคนธรรมดาถือปืนมาก!
ภายในไม่กี่วินาที อวี้ฮ่าวหรานก็ถูกล้อมจากทุกด้าน
“แกรู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือองค์กรอสรพิษ!?”
คนที่เป็นผู้นำกลุ่มรปภ. เป็นปรมาจารย์พลังภายในขั้นต้น และสีหน้าของเขาก็ดูดุดันมากในขณะนี้
เขาไม่อาจยอมให้คนนอกรู้ได้ว่าที่นี่คือสถานที่ที่พวกเขากำลังซุ่มซ่อนอยู่
หากคนนอกคนใดที่รู้ความลับนี้ เขาจำเป็นต้องกำจัดในทันที!
“เหอะ ๆ ฉันรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ?”
แม้ว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับนักฆ่ามืออาชีพมากกว่าสามสิบคนที่ปลอมตัวเป็นรปภ. อวี้ฮ่าวหรานก็ยังคงแสดงท่าทางดูถูกเหยียดหยาม
“แน่นอนว่ามันเป็นเพราะไอ้คนที่เรียกตัวเองว่าอสรพิษเงินอะไรนั่น มันบอกฉันมาก่อนที่จะฉันจะกระทืบมันจนตาย! เอ๊ะ ว่าแต่พวกแกรู้รึเปล่าว่ามันเพิ่งถูกส่งออกไปทำภารกิจอะไร?”
ขณะที่เขาพูด สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นหยอกล้อกับอีกฝ่าย
“รองเจ้าตำหนักอสรพิษเงินตายแล้ว?? นี่มัน…”
ปรมาจารย์พลังภายในที่เป็นผู้นำสีหน้าเปลี่ยนในทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
“เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! รองเจ้าตำแหนักเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นสูงสุดของพลังภายใน คนอย่างแกไม่มีทางฆ่ารองเจ้าตำหนักได้สำเร็จแน่นอน!”
“แกเข้าใจผิดแล้ว ไอ้อสรพิษเงินอะไรนั่นมันตายอย่างน่าอนาถมากเลยเชียวละ!”
อวี้ฮ่าวหราน กล่าวอย่างเยาะเย้ยพลางมองไปที่ฝ่ายตรงข้าม!
“แต่ถ้าแกไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรเพราะอีกเดี๋ยวแกก็จะได้รู้ความจริงอยู่ดีหลังจากลงไปอยู่ในนรกกับมัน!”
เมื่อพูดจบประโยคนี้ อวี้ฮ่าวหรานระเบิดกลิ่นอายสังหารหนาแน่นออกมา!
เหล่านักฆ่ารู้สึกใจสั่นรุนแรงอย่างกะทันหัน มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าพระเจ้าที่ไม่อาจต้านทานได้!
“น…นี่มันเวทมนตร์หรือบ้าอะไรเนี่ย! แต่แกคิดว่าคำพูดไร้สาระสองสามคำของแกจะสามารถรบกวนจิตใจของเราได้เหรอ…”
หลังจากปรับอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง บรรดานักฆ่าก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีจิตใจที่มั่นคงแค่ไหน แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ หนึ่งในพวกนักฆ่าก็ถูกอวี้ฮ่าวหรานกุมคอเอาไว้ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเขาโผล่มากลางวงแบบนี้ได้ยังไง!
“ฉันเบื่อที่จะพูดกับพวกแกแล้ว ในเมื่อพวกแกไม่หลีกไป ถ้างั้นก็ลงไปอยู่ในนรกกับไอ้อสรพิษเงินนั่นซะ!”
“กร๊อบ!”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็หักคออีกฝ่ายทันทีและโยนทิ้งราวกับโยนขยะ ก่อนที่จะหันไปกวาดสายตามองนักฆ่าอีกสามสิบกว่าคนที่อยู่รอบ ๆ ด้วยแววตาเย็นชา!
“วันนี้! พวกแกทั้งหมดต้องตาย!”
เหล่านักฆ่าที่เคยภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังวิญญาณอันทรงพลังของอวี้ฮ่าวหราน พวกเขานั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมดที่รอการถูกบดขยี้เลย!
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีบรรยากาศรอบ ๆ ก็กลับมาเงียบลงอีกครั้ง!
และในขณะเดียวกันนี้ ประตูรั้วกำแพงก็ถูกเปิดออก และร่างสีดำจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านใน!
คนเหล่านี้เป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตพลังภายในอย่างแท้จริง!
เมื่อถูกล้อมอีกรอบด้วยคนมากกว่าหนึ่งโหล อวี้ฮ่าวหรานก็ประหลาดใจเล็กน้อยกับความแข็งแกร่งของตำหนักคุมกฎแห่งนี้
เขาปะทะกับองค์กรอสรพิษนี้มาหลายครั้งแล้ว และฆ่าเจ้าตำหนักของอีกฝ่ายไปหลายคน ดังนั้นเขาจึงพอเดาโครงสร้างขององค์กรนี้ได้แบบคร่าว ๆ ว่าคนที่อยู่ในขอบเขตพลังภายในนั้นมีคุณสมบัติพอจะเป็นเจ้าตำหนักได้ แต่ในทางกลับกัน ตำหนักคุมกฎนี้กลับมีเหล่าผู้คนที่มีคุณสมบัติพอจะดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าตำหนักได้แบบสบาย ๆ อยู่ในสังกัดมากกว่าสิบคน เห็นได้ชัดว่าตำหนักคุมกฎนี้น่าจะเป็นฝ่ายที่มีอำนาจมากที่สุดรองจากคนที่เป็นผู้นำองค์กรนี้
“รนหาที่ตาย!”
ทันทีที่พวกคนขององค์กรอสรพิษเห็นสภาพที่เละเทะด้านนอก พวกเขาต่างก็โกรธจัด!
ทันใดนั้นโดยไม่ทราบว่าใช้วิธีใด งูพิษจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีสีสันแตกต่างกันก็ปรากฏขึ้นจากกอหญ้าที่อยู่รอบ ๆ!
หากเป็นคนธรรมดาเมื่อถูกงูนับพันตัวล้อมไว้แบบนี้ คนผู้นั้นก็คงกลัวจนทรุดตัวลงไปที่พื้นทันที
“ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่แกจะเสียใจ! ไอ้หนู โทษที่แกต้องรับจากการมาสร้างปัญหาให้องค์กรอสรพิษของเราคือตายสถานเดียว!”
นักฆ่าที่อยู่ในขอบเขตพลังภายในขั้นสูงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา!
อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองไปที่งูพิษรอบตัวเขาอย่างไร้อารมณ์ เห็นได้ชัดว่าเดรัจฉานพวกนี้ได้รับการฝึกและเลี้ยงดูมาเป็นพิเศษ พวกมันจึงมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษและมีสีที่ดูสว่างกว่างูทั่วไป
คนธรรมดาคงจะตายในไม่กี่วินาทีหากถูกงูพิษพวกนี้กัด!
แต่น่าเสียดายที่งูน้อยพวกนี้กำลังเผชิญอยู่กับอวี้ฮ่าวหราน!
อวี้ฮ่าวหรานโคจรพลังวิญญาณอย่างรุนแรง จากนั้นเขาจึงสะบัดมือปล่อยคลื่นพลังวิญญาณแผ่กระจายออกไปทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว กลายเป็นคลื่นที่มองไม่เห็นและกวาดไปรอบ ๆ!
‘บรึม!!’
ภายใต้ความรุนแรงของคลื่นพลังวิญญาณ ทั้งต้นหญ้าและงูที่อยู่รอบ ๆ รัศมีสามสิบเมตรก็ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที!
พวกปรมาจารย์พลังภายในที่กำลังจะลงมือเช่นกัน ต่างก็ตัวแข็งค้างเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้!
แม้แต่ปรมาจารย์พลังภายในขั้นสูงก็ไม่อาจทำอะไรแบบนี้ได้!
“แกเป็นใครกันแน่!? ทำไมแกถึงมาสร้างปัญหาให้เราแบบนี้!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินกว่าที่คิดไว้ หนึ่งในปรมาจารย์พลังภายในจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันมาที่นี่เพื่อฆ่าพวกแกและเจ้าตำหนักของพวกแก!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก
บทที่ 349 ราวกับคนบ้า
บทที่ 349 ราวกับคนบ้า
ทุกคนในร้านที่เห็นฉากนี้ต่างก็คิดเหมือนกันว่าอวี้ฮ่าวหรานบ้าไปแล้ว!
นั่นคือนายน้อยจิน!
คนธรรมดากล้าดียังไงไปตบจินเส่าแบบนี้??
นี่มันไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเลย!!
ทุกคนต่างมีลางสังหรณ์ที่เลวร้ายอยู่ในใจ พวกเขาเดาได้ว่าหลังจากนี้ จินเส่าจะต้องโกรธเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุแน่นอน!
ไม่มีใครอยากจะเผชิญหน้ากับจินเส่าเวลาโกรธ!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ จินเส่ากลับแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างยิ่ง และพูดอะไรไม่ออก!
อันที่จริงแล้ว ในใจของจินเส่านั้นเดือดพล่านไปด้วยความโกรธ แต่เมื่อเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายซึ่งกำลังมองตอบเขาอย่างเย็นชา ก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังได้เห็นทะเลเลือดซึ่งมีบนภูเขาศพนับล้าน ๆ ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง!
มันเหมือนกับว่าในดวงตาของอวี้ฮ่าวหรานมีขุมนรกทั้งขุมซ่อนอยู่ในนั้น!
“ป…ไป หนีเร็ว!!!!!”
เขาตะเกียกตะกายลุกขนและวิ่งหนีราวกับสุนัขจรจัดที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดด้วยความตื่นตระหนก!
“จิน…จินเส่า…”
เมื่อผู้จัดการอ้วนเห็นสิ่งนี้ เขาแสดงสีหน้าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
จินเส่าคนที่ไม่เคยกลัวใครวันนี้เป็นบ้าอะไรขึ้นมา?
อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจเขาและวิ่งหนีออกไปแล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจด้วยความหนักใจ!
เรื่องไม่จบแค่นี้แน่ ๆ!
คนอย่างจินเส่าไม่มีทางยอมใครง่าย ๆ แบบนี้หรอก!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผู้จัดการก็รู้สึกอยากจะหน้ามืด! วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรอย่างนี้!
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่บรรยากาศของร้านอาหารทั้งร้านกำลังหนักอึ้ง เสียงของอวี้ฮ่าวหรานก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เร็วเข้า ฉันอยากจะสั่งอาหารแล้ว!”
เขาตะโกนด้วยท่าทีสบาย ๆ
สีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด เมื่อได้ยินคำพูดนี้!
“น…นี่คุณยังอยากกินอยู่ได้ยังไง! ไปเร็ว รีบหนีไปก่อนที่จินเส่าจะพาคนของเขามา ขืนคุณกับแฟนของคุณยังอยู่ที่นี่ พวกคุณได้ตายแน่วันนี้!!”
เขารีบเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายด้วยความหวังดี กลัวว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีชีวิตไม่รอดจนถึงสิ้นวัน ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะมีจุดจบที่น่าสังเวชไม่ต่างกัน
“ตระกูลจินเป็นตระกูลมีอิทธิพลแถมยังรู้จักกับพวกแก๊งใต้ดินอีกต่างหาก! นายทำให้เขาขุ่นเคืองแบบนี้ นายกับแฟนรีบหนีไปดีกว่า!”
บรรดาแขกทุกคนในร้านอาหารต่างก็ตะโกนขึ้นโน้มน้าวด้วยเช่นกัน
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาวิกฤตมาก ชายหนุ่มคนนี้ยังจะมามีอารมณ์กินอีกได้ยังไง!
“เร็วเข้าผู้จัดการ! ฉันจะสั่งอาหารแล้ว!”
อวี้ฮ่าวหรานยังคงโบกมือเรียกผู้จัดการร้านให้มารับออเดอร์
ตอนนี้เขาหิวมาก นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องของจินเส่านั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรค่าให้สนใจเลย
“โธ่! ก็ได้! ในเมื่อไม่ฟังที่เตือนถ้างั้นก็แล้วแต่ก็แล้วกัน ถ้าตายขึ้นมาก็อย่ามาโทษพวกฉันที่ไม่เตือนก็แล้วกัน มา! คุณจะกินอะไรผมจะให้ในครัวทำให้!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดื้อรั้นไม่ฟังเลย ผู้จัดการร้านก็ได้แต่ทำใจปล่อยเลยตามเลยเอาแบบที่อวี้ฮ่าวหรานต้องการ
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาเตือนแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
ในเวลานี้ เมื่อบรรยากาศของร้านไม่น่านั่งกินต่ออีกแล้ว บรรดาแขกส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะเรียกเก็บเงินและรีบจากไป
มีเพียงแขกไม่กี่คนตรงมุมร้านที่อยู่ห่างไกลจากโต๊ะ อวี้ฮ่าวหราน เท่านั้นที่ยังคงนั่งกินอยู่ ซึ่งพวกเขาคิดว่าต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นมันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขา
ไม่นานอาหารที่ดูน่ากินหลายอย่างก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ
เฉิงชิวอวี้ดูสงบมากในเวลานี้ เนื่องจากเธอรู้ถึงความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานเป็นอย่างดี
ตราบใดที่เธอมีชายหนุ่มอยู่ข้าง ๆ เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น
แต่แล้วหลังจากกินไปได้สักพัก ประตูร้านอาหารก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง!
โครม!
“ไอ้ผู้จัดการหน้าหมา! แกกล้าดียังไงถึงปล่อยให้จินเส่าได้รับบาดเจ็บ! แกไม่รู้หรือไงว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ ของเรา!
ชายหัวโล้นบุกนำเข้ามาทางประตูโดยถือมีดยาวหนึ่งฟุตอยู่ในมือของเขา และยิ่งไปกว่านั้นที่ด้านหลังชายหัวโล้นยังมีกลุ่มนักเลงอีกสิบกว่าคนยืนถือมีดกันทุกคนซึ่งเป็นภาพที่น่ากลัวมาก!
“ผม…ผมไม่รู้จะห้ามยังไงจริง ๆ และ…และผมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย!”
ถึงแม้ว่าตัวเองจะถูกเรียกว่าหมาอีกแล้ว แต่ผู้จัดการก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าโกรธเคืองแม้แต่น้อย เขาทำได้แค่ก้มหน้าด้วยความหวาดกลัว
“ฮึ่ม! ในเมื่อแกไม่เกี่ยวถ้างั้นก็หลีกไปซะ ไม่งั้นแกอาจจะต้องเจ็บตัวอีกคน!”
ชายหัวโล้นร่างกำยำมองผู้จัดการร้านอาหารอย่างดูถูก
ในเวลานี้ จินเส่าที่แก้มบวมอยู่ข้างหนึ่งมองไปทางโต๊ะริมหน้าต่างด้วยสายตาอาฆาตแค้น
อย่างไรก็ตาม เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที
เขาไม่คิดเลยว่าลูกน้องของโจวเฟยหู่จะชอบรังแกคนธรรมดาทั่วไปแบบนี้!
เขาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาอีกฝ่ายทันที
“น…น้องอวี้ โทรหาฉันมีอะไรงั้นเหรอ?”
น้ำเสียงของโจวเฟยหู่ดูสับสน เพราะเขาไม่ค่อยจะได้รับโทรศัพท์จากอีกฝ่าย
“ฮึ่ม! เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เราดีต่อกันมาโดยตลอด ฉันจะให้โอกาสนายมาที่ร้านอาหารจินอวิ๋นภายในสิบนาที!”
เสียงของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชาและผิดหวังกับโจวเฟยหู่
ถ้าหากเขาไม่แข็งแกร่งเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ วันนี้เขาคงได้พบกับจุดจบที่น่าอนาถจากคนของแก๊งที่เขาคอยช่วยเหลือมาตลอด!
ในขณะเดียวกันนี้ ชายหัวล้านซึ่งน่าจะเป็นผู้นำกลุ่มนักเลงเดินเข้ามาใกล้อวี้ฮ่าวหรานพร้อมกับมีดในมือแล้ว
เมื่อมองดูจากระยะใกล้ อวี้ฮ่าวหรานไม่คุ้นหน้าชายคนนี้เลย ดังนั้นเขาจึงเดาว่าชายหัวล้านคนนี้น่าจะมีตำแหน่งไม่สูงนักในแก๊งพยัคฆ์เวหา เพราะหลังจากที่เขาติดต่อกับแก๊งพยัคฆ์เวหามาแล้วหลายครั้ง ชายหนุ่มมั่นใจว่าตัวเองจำหน้าพวกระดับสูงของแก๊งพยัคฆ์เวหาได้หมด
“แกใช่ไหมที่กล้าทำร้ายจินเส่า? แกรู้หรือเปล่าว่านี่มันหมายความว่าแกกำลังล่วงเกินแก๊งพยัคฆ์เวหาของเรา!!”
ชายหัวล้านมองอวี้ฮ่าวหรานอย่างดูถูกและไร้ความกังวลราวกับว่าเขาสามารถฆ่าอวี้ฮ่าวหรานให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้!
แต่ในเวลานี้ ดวงตาของจินเส่าแสดงความชั่วร้าย!
“เป็นไง! ตอนนี้แกไม่กล้าเพิกเฉยฉันอีกแล้วใช่ไหม วันนี้แกตายแน่! แต่ก่อนที่แกจะตาย ฉันจะตัดแขนตัดขาของแกออกก่อน!”
จากนั้นถัดมา เขามองไปที่เฉิงชิวอวี้ ซึ่งมีความงามจนสามารถทำให้เขาตะลึงงัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย!
“และเธอ! วันนี้แฟนของเธอไม่สามารถปกป้องเธอได้ในวันนี้แน่! หลังจากนี้บิดาคนนี้จะเล่นสนุกกับเธอเจ็ดวันเจ็ดคืน และหลังจากนั้นฉันจะแบ่งให้พี่น้องของฉันสนุกกับเธอด้วย!”
“จินเส่า ฉันอุตส่าห์รีบมาช่วยนายขนาดนี้อย่างน้อย ๆ เราก็ต้องเล่นกับนังนี่พร้อม ๆ กันสิวะ ฮ่า ๆ!”
เมื่อชายหัวโล้นมองดูสาวงามที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างหื่นกระหาย แทบจะละสายตาจากไปไม่ได้
ในเวลาเดียวกันนี้ บรรดาแขกในร้านที่เหลือต่างก็ไม่กล้าส่งเสียงเพราะกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของพวกนักเลง พวกเขาเริ่มเสียใจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่รีบออกไปก่อนหน้านี้
ฉากแบบนี้น่ากลัวเกินกว่าคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะอยู่ดู!
“ยังกล้าทำเป็นมองไม่เห็นฉันอีกงั้นเหรอ เอาเลย! ตัดมือมันมาให้ฉันก่อนสักข้างหนึ่ง!”
แม้เป็นตอนนี้ จินเส่าก็ยังเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันทำให้เขาโมโหมากจนตะโกนสั่งเสียงดัลั่นร้าน
เขาอยากจะรู้ว่าหากอีกฝ่ายเสียแขนไปแล้วยังจะกล้าทำตัวเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีกไหม!
ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง ชายหัวล้านก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย และพร้อมกันนั้นเขาสับมีดลงไปที่ข้อมือของอวี้ฮ่าวหรานบนโต๊ะทันที!
แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น!
อวี้ฮ่าวหรานก็ขยับตัว!
มือของอวี้ฮ่าวหรานรวดเร็วจนไม่มีใครมองตามทัน จากนั้นชายหัวล้านก็โดนชกเข้าที่อกเต็ม ๆ!
ปัง!!
ชายหัวล้านผู้ที่ไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับเทพแห่งความตาย โดนชกร่างจนลอยกระเด็นไปกระแทกกำแพงที่อยู่ห่างไปถึงสิบเมตรอย่างรุนแรง!
โครม!
ด้วยความรุนแรงจากแรงกระแทก กำแพงของร้านในจุดที่ชายหัวล้านกระแทกแตกระแหงเหมือนใยแมงมุมทันที!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึง!
ทั้งร้านเงียบกริบ!
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ใครจะเชื่อว่าหมัดชายจากชายหนุ่มที่ดูธรรมดาจะทรงพลังน่ากลัวได้ขนาดนี้!
อั่ก!
ชายร่างกำยำล้มลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมาคำโต ดูเหมือนว่าเขาเองก็น่าจะเป็นผู้ฝึกฝนร่างกายมาอย่างดีเยี่ยม ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่สลบเหมือดไป
เขามองไปที่ชายหนุ่มที่ยังคงนั่งด้วยแววตาเหลือเชื่อ และหัวใจของเขาก็เต้นระทึกไม่หยุด!
บรรดานักเลงที่เหลือต่างก็ตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อสายตากับภาพที่เพิ่งเห็นเช่นกัน!
