ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – บทที่ 349 ราวกับคนบ้า

บทที่ 349 ราวกับคนบ้า

บทที่ 349 ราวกับคนบ้า
บทที่ 349 ราวกับคนบ้า

ทุกคนในร้านที่เห็นฉากนี้ต่างก็คิดเหมือนกันว่าอวี้ฮ่าวหรานบ้าไปแล้ว!

นั่นคือนายน้อยจิน!

คนธรรมดากล้าดียังไงไปตบจินเส่าแบบนี้??

นี่มันไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเลย!!

ทุกคนต่างมีลางสังหรณ์ที่เลวร้ายอยู่ในใจ พวกเขาเดาได้ว่าหลังจากนี้ จินเส่าจะต้องโกรธเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุแน่นอน!

ไม่มีใครอยากจะเผชิญหน้ากับจินเส่าเวลาโกรธ!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ จินเส่ากลับแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างยิ่ง และพูดอะไรไม่ออก!

อันที่จริงแล้ว ในใจของจินเส่านั้นเดือดพล่านไปด้วยความโกรธ แต่เมื่อเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายซึ่งกำลังมองตอบเขาอย่างเย็นชา ก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังได้เห็นทะเลเลือดซึ่งมีบนภูเขาศพนับล้าน ๆ ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง!

มันเหมือนกับว่าในดวงตาของอวี้ฮ่าวหรานมีขุมนรกทั้งขุมซ่อนอยู่ในนั้น!

“ป…ไป หนีเร็ว!!!!!”

เขาตะเกียกตะกายลุกขนและวิ่งหนีราวกับสุนัขจรจัดที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดด้วยความตื่นตระหนก!

“จิน…จินเส่า…”

เมื่อผู้จัดการอ้วนเห็นสิ่งนี้ เขาแสดงสีหน้าตกตะลึงเป็นอย่างมาก

จินเส่าคนที่ไม่เคยกลัวใครวันนี้เป็นบ้าอะไรขึ้นมา?

อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจเขาและวิ่งหนีออกไปแล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจด้วยความหนักใจ!

เรื่องไม่จบแค่นี้แน่ ๆ!

คนอย่างจินเส่าไม่มีทางยอมใครง่าย ๆ แบบนี้หรอก!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผู้จัดการก็รู้สึกอยากจะหน้ามืด! วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรอย่างนี้!

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่บรรยากาศของร้านอาหารทั้งร้านกำลังหนักอึ้ง เสียงของอวี้ฮ่าวหรานก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เร็วเข้า ฉันอยากจะสั่งอาหารแล้ว!”

เขาตะโกนด้วยท่าทีสบาย ๆ

สีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด เมื่อได้ยินคำพูดนี้!

“น…นี่คุณยังอยากกินอยู่ได้ยังไง! ไปเร็ว รีบหนีไปก่อนที่จินเส่าจะพาคนของเขามา ขืนคุณกับแฟนของคุณยังอยู่ที่นี่ พวกคุณได้ตายแน่วันนี้!!”

เขารีบเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายด้วยความหวังดี กลัวว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีชีวิตไม่รอดจนถึงสิ้นวัน ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะมีจุดจบที่น่าสังเวชไม่ต่างกัน

“ตระกูลจินเป็นตระกูลมีอิทธิพลแถมยังรู้จักกับพวกแก๊งใต้ดินอีกต่างหาก! นายทำให้เขาขุ่นเคืองแบบนี้ นายกับแฟนรีบหนีไปดีกว่า!”

บรรดาแขกทุกคนในร้านอาหารต่างก็ตะโกนขึ้นโน้มน้าวด้วยเช่นกัน

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาวิกฤตมาก ชายหนุ่มคนนี้ยังจะมามีอารมณ์กินอีกได้ยังไง!

“เร็วเข้าผู้จัดการ! ฉันจะสั่งอาหารแล้ว!”

อวี้ฮ่าวหรานยังคงโบกมือเรียกผู้จัดการร้านให้มารับออเดอร์

ตอนนี้เขาหิวมาก นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องของจินเส่านั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรค่าให้สนใจเลย

“โธ่! ก็ได้! ในเมื่อไม่ฟังที่เตือนถ้างั้นก็แล้วแต่ก็แล้วกัน ถ้าตายขึ้นมาก็อย่ามาโทษพวกฉันที่ไม่เตือนก็แล้วกัน มา! คุณจะกินอะไรผมจะให้ในครัวทำให้!”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดื้อรั้นไม่ฟังเลย ผู้จัดการร้านก็ได้แต่ทำใจปล่อยเลยตามเลยเอาแบบที่อวี้ฮ่าวหรานต้องการ

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาเตือนแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

ในเวลานี้ เมื่อบรรยากาศของร้านไม่น่านั่งกินต่ออีกแล้ว บรรดาแขกส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะเรียกเก็บเงินและรีบจากไป

มีเพียงแขกไม่กี่คนตรงมุมร้านที่อยู่ห่างไกลจากโต๊ะ อวี้ฮ่าวหราน เท่านั้นที่ยังคงนั่งกินอยู่ ซึ่งพวกเขาคิดว่าต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นมันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขา

ไม่นานอาหารที่ดูน่ากินหลายอย่างก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ

เฉิงชิวอวี้ดูสงบมากในเวลานี้ เนื่องจากเธอรู้ถึงความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานเป็นอย่างดี

ตราบใดที่เธอมีชายหนุ่มอยู่ข้าง ๆ เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น

แต่แล้วหลังจากกินไปได้สักพัก ประตูร้านอาหารก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง!

โครม!

“ไอ้ผู้จัดการหน้าหมา! แกกล้าดียังไงถึงปล่อยให้จินเส่าได้รับบาดเจ็บ! แกไม่รู้หรือไงว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ ของเรา!

ชายหัวโล้นบุกนำเข้ามาทางประตูโดยถือมีดยาวหนึ่งฟุตอยู่ในมือของเขา และยิ่งไปกว่านั้นที่ด้านหลังชายหัวโล้นยังมีกลุ่มนักเลงอีกสิบกว่าคนยืนถือมีดกันทุกคนซึ่งเป็นภาพที่น่ากลัวมาก!

“ผม…ผมไม่รู้จะห้ามยังไงจริง ๆ และ…และผมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย!”

ถึงแม้ว่าตัวเองจะถูกเรียกว่าหมาอีกแล้ว แต่ผู้จัดการก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าโกรธเคืองแม้แต่น้อย เขาทำได้แค่ก้มหน้าด้วยความหวาดกลัว

“ฮึ่ม! ในเมื่อแกไม่เกี่ยวถ้างั้นก็หลีกไปซะ ไม่งั้นแกอาจจะต้องเจ็บตัวอีกคน!”

ชายหัวโล้นร่างกำยำมองผู้จัดการร้านอาหารอย่างดูถูก

ในเวลานี้ จินเส่าที่แก้มบวมอยู่ข้างหนึ่งมองไปทางโต๊ะริมหน้าต่างด้วยสายตาอาฆาตแค้น

อย่างไรก็ตาม เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที

เขาไม่คิดเลยว่าลูกน้องของโจวเฟยหู่จะชอบรังแกคนธรรมดาทั่วไปแบบนี้!

เขาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาอีกฝ่ายทันที

“น…น้องอวี้ โทรหาฉันมีอะไรงั้นเหรอ?”

น้ำเสียงของโจวเฟยหู่ดูสับสน เพราะเขาไม่ค่อยจะได้รับโทรศัพท์จากอีกฝ่าย

“ฮึ่ม! เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เราดีต่อกันมาโดยตลอด ฉันจะให้โอกาสนายมาที่ร้านอาหารจินอวิ๋นภายในสิบนาที!”

เสียงของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชาและผิดหวังกับโจวเฟยหู่

ถ้าหากเขาไม่แข็งแกร่งเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ วันนี้เขาคงได้พบกับจุดจบที่น่าอนาถจากคนของแก๊งที่เขาคอยช่วยเหลือมาตลอด!

ในขณะเดียวกันนี้ ชายหัวล้านซึ่งน่าจะเป็นผู้นำกลุ่มนักเลงเดินเข้ามาใกล้อวี้ฮ่าวหรานพร้อมกับมีดในมือแล้ว

เมื่อมองดูจากระยะใกล้ อวี้ฮ่าวหรานไม่คุ้นหน้าชายคนนี้เลย ดังนั้นเขาจึงเดาว่าชายหัวล้านคนนี้น่าจะมีตำแหน่งไม่สูงนักในแก๊งพยัคฆ์เวหา เพราะหลังจากที่เขาติดต่อกับแก๊งพยัคฆ์เวหามาแล้วหลายครั้ง ชายหนุ่มมั่นใจว่าตัวเองจำหน้าพวกระดับสูงของแก๊งพยัคฆ์เวหาได้หมด

“แกใช่ไหมที่กล้าทำร้ายจินเส่า? แกรู้หรือเปล่าว่านี่มันหมายความว่าแกกำลังล่วงเกินแก๊งพยัคฆ์เวหาของเรา!!”

ชายหัวล้านมองอวี้ฮ่าวหรานอย่างดูถูกและไร้ความกังวลราวกับว่าเขาสามารถฆ่าอวี้ฮ่าวหรานให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้!

แต่ในเวลานี้ ดวงตาของจินเส่าแสดงความชั่วร้าย!

“เป็นไง! ตอนนี้แกไม่กล้าเพิกเฉยฉันอีกแล้วใช่ไหม วันนี้แกตายแน่! แต่ก่อนที่แกจะตาย ฉันจะตัดแขนตัดขาของแกออกก่อน!”

จากนั้นถัดมา เขามองไปที่เฉิงชิวอวี้ ซึ่งมีความงามจนสามารถทำให้เขาตะลึงงัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย!

“และเธอ! วันนี้แฟนของเธอไม่สามารถปกป้องเธอได้ในวันนี้แน่! หลังจากนี้บิดาคนนี้จะเล่นสนุกกับเธอเจ็ดวันเจ็ดคืน และหลังจากนั้นฉันจะแบ่งให้พี่น้องของฉันสนุกกับเธอด้วย!”

“จินเส่า ฉันอุตส่าห์รีบมาช่วยนายขนาดนี้อย่างน้อย ๆ เราก็ต้องเล่นกับนังนี่พร้อม ๆ กันสิวะ ฮ่า ๆ!”

เมื่อชายหัวโล้นมองดูสาวงามที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างหื่นกระหาย แทบจะละสายตาจากไปไม่ได้

ในเวลาเดียวกันนี้ บรรดาแขกในร้านที่เหลือต่างก็ไม่กล้าส่งเสียงเพราะกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของพวกนักเลง พวกเขาเริ่มเสียใจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่รีบออกไปก่อนหน้านี้

ฉากแบบนี้น่ากลัวเกินกว่าคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะอยู่ดู!

“ยังกล้าทำเป็นมองไม่เห็นฉันอีกงั้นเหรอ เอาเลย! ตัดมือมันมาให้ฉันก่อนสักข้างหนึ่ง!”

แม้เป็นตอนนี้ จินเส่าก็ยังเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันทำให้เขาโมโหมากจนตะโกนสั่งเสียงดัลั่นร้าน

เขาอยากจะรู้ว่าหากอีกฝ่ายเสียแขนไปแล้วยังจะกล้าทำตัวเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีกไหม!

ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง ชายหัวล้านก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย และพร้อมกันนั้นเขาสับมีดลงไปที่ข้อมือของอวี้ฮ่าวหรานบนโต๊ะทันที!

แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น!

อวี้ฮ่าวหรานก็ขยับตัว!

มือของอวี้ฮ่าวหรานรวดเร็วจนไม่มีใครมองตามทัน จากนั้นชายหัวล้านก็โดนชกเข้าที่อกเต็ม ๆ!

ปัง!!

ชายหัวล้านผู้ที่ไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับเทพแห่งความตาย โดนชกร่างจนลอยกระเด็นไปกระแทกกำแพงที่อยู่ห่างไปถึงสิบเมตรอย่างรุนแรง!

โครม!

ด้วยความรุนแรงจากแรงกระแทก กำแพงของร้านในจุดที่ชายหัวล้านกระแทกแตกระแหงเหมือนใยแมงมุมทันที!

เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึง!

ทั้งร้านเงียบกริบ!

หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ใครจะเชื่อว่าหมัดชายจากชายหนุ่มที่ดูธรรมดาจะทรงพลังน่ากลัวได้ขนาดนี้!

อั่ก!

ชายร่างกำยำล้มลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมาคำโต ดูเหมือนว่าเขาเองก็น่าจะเป็นผู้ฝึกฝนร่างกายมาอย่างดีเยี่ยม ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่สลบเหมือดไป

เขามองไปที่ชายหนุ่มที่ยังคงนั่งด้วยแววตาเหลือเชื่อ และหัวใจของเขาก็เต้นระทึกไม่หยุด!

บรรดานักเลงที่เหลือต่างก็ตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อสายตากับภาพที่เพิ่งเห็นเช่นกัน!

บทที่ 334 มอบตำแหน่งงาน
บทที่ 334 มอบตำแหน่งงาน

“พ่อไม่ต้องกังวลไป…หนูเชื่อว่าอีกไม่นานพ่อก็หางานได้”

“มันเป็นความผิดของพ่อเอง ล่าสุดถ้าพ่อไม่เผลอเดินกะเผลก พ่อก็คงจะได้งานทำที่ไซต์ก่อสร้าง… เฮ้อ…คนขาไม่ดีอย่างพ่อนี่หางานทำยากจริง ๆ”

บนม้านั่ง เสียงของทั้งสองคุยกันอย่างแผ่วเบา

อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูและลงจากรถ

‘ปัง!’

เสียงปิดประตูดึงดูดความสนใจของคู่พ่อลูกในทันที

“เอ๊ะ? อวี้ฮ่าวหราน! คุณ…ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”

สวีรุ่ยเงยหน้าขึ้นและเมื่อเห็นว่าเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย เธอก็รู้สึกแปลกใจในทันที

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเธอจะประหลาดใจ แต่เธอก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากอีกด้วยที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย

“ผมแค่ขับรถผ่านมาเห็นพอดีเลยเดินลงมาทักทาย ว่าแต่ทำไมพวกคุณถึงมานั่งขมวดคิ้วที่นี่?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับ

“ป…เปล่าหรอก…ไม่มีอะไร ตอนนี้ฉันแค่พยายามช่วยพ่อของฉันหางานทำ เขาถูกไล่ออกจากบริษัทเดิมหลังจากที่เขากลับมาเมื่อเดือนที่แล้ว”

สวีรุ่ยตอบกลับด้วยสีหน้าจนใจ เธออยากจะช่วยพ่อของเธอ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เธอทำได้เลยนอกจากคอยปลอบประโลม

สวีเซี่ยงจวินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของลูกสาวเขาเอง

“มันเป็นความผิดของผมเอง! หลังจากเหตุการณ์ที่แล้ว ขาของผมก็ไม่สามารถเดินได้เหมือนเดิมจนทำให้ผมหางานไม่ได้”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่ขาของอีกฝ่ายและพบว่ามีอาการบาดเจ็บซ่อนอยู่จริง ๆ

“อืม ครั้งล่าสุดที่เจอกันฉันเองก็ลืมสังเกตเลยว่านายบาดเจ็บตรงไหนบ้าง การหางานทำทั้ง ๆ ที่ขาบาดเจ็บแบบนี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ”

เขาเพิ่งตระหนักถึงความประมาทเลินเล่อของตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาเพียงขอให้หวังเหยียนคอยตามดูไม่ให้อีกฝ่ายเล่นการพนันอีกก็แค่นั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครรายงานว่า สวีเซี่ยงจวินมีอาการบาดเจ็บที่ขากับเขา

และในขณะเดียวกัน สวีรุ่ยก็เป็นเพียงแค่ครูเด็กอนุบาลที่เพิ่งทำงานได้ไม่นาน ดังนั้นเงินเดือนของเธอจึงไม่ได้มาก แม้แต่ตัวของเธอเองก็เกือบใช้เงินเดือนชนเดือน และยิ่งตอนนี้เมื่อมีพ่อของเธอเข้ามาอยู่ด้วยอีกคนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ฉะนั้นคุณภาพชีวิตของพวกเขาตอนนี้จึงอยู่ในสภาพที่ร่อแร่เป็นอย่างยิ่ง

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงได้ตัดสินใจ

“พรุ่งนี้เช้า คุณพาพ่อของคุณไปที่บริษัทของผมที่ชื่อเครือฮ่าวหราน เมื่อคุณไปถึงแล้วให้โทรหาผมแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการแก้ไขปัญหานี้ให้เอง”

เขาค่อนข้างสงสารหญิงสาวสุดกตัญญูคนนี้และชอบความใจดีของเธอที่มีต่อถวนถวน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้

แต่ด้วยนิสัยที่ดื้อรั้นของอีกฝ่าย หากเขาให้เงินเธอไปเลยตรง ๆ เธอคงไม่ยอมรับมันอย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงมีความคิดมอบงานทำที่ดีให้พ่อของอีกฝ่ายแทน

“จริงเหรอ?”

สวีเซี่ยงจวินไม่อยากเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าของบริษัทแล้วทั้ง ๆ ที่อายุแค่นี้!

ในตอนแรกเขานึกว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ลูกคนรวยที่มีน้ำใจกับลูกสาวของเขาเท่านั้นเอง

“ฉัน…ฉันขอบคุณคุณจริง ๆ แทนพ่อของฉัน! ต…แต่อันที่จริง…คุณไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้ก็ได้…”

ใบหน้าของสวีรุ่ยแดงเล็กน้อยและเธอก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเกรงใจ

“ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ผมยินดีช่วย”

อวี้ฮ่าวหรานโบกมืออย่างสบาย ๆ

จากนั้นเขาก็บอกรายละเอียดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่อยู่ของบริษัทเขา และเมื่อเห็นว่ามันเกือบจะถึงเวลาที่ถวนถวนเลิกเรียนแล้วเขาจึงรีบลาอีกฝ่ายและขับรถจากไป

จนกระทั่งรถสปอร์ตสุดหรูหายไปจากวิสัยทัศน์ คู่พ่อลูกก็หันมามองหน้ากัน

“วู้ว! ช่างเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบอะไรขนาดนี้! รุ่ยเอ๋อร์ ลูกนี่สุดยอดจริง ๆ ที่รู้จักคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ ว่าแต่พ่อหนุ่มคนนี้ชอบลูกใช่ไหมเขาถึงได้ทำดีกับลูกขนาดนี้?”

สวีเซี่ยงจวินรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่สมบูรณ์พร้อมแบบนี้ถึงมาช่วยลูกสาวของเขารั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่หวังผลอะไรตอบแทนเลย

“ม…ไม่หรอกพ่อ…ข…เขา…ก็แค่เห็นว่าหนูดูแลถวนถวนเป็นอย่างดี เขาก็เลยตอบแทน…”

สวีรุ่ยรีบเอามือป้องใบหน้าของเธอที่แดงก่ำหลังจากได้ยินคำพูดพ่อของเธอ

“ฮ่าฮ่า ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม รุ่ยเอ๋อร์ พ่อก็ดูออกนะว่าลูกน่ะชอบเขา!”

เมื่อการหางานได้รับการแก้ไข สวีเซี่ยงจวินจึงอารมณ์ดีขึ้นจนสามารถพูดติดตลกได้ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

“ไปกันดีกว่าพ่อ พวกเรารีบกลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวหนูจะรีบทำอาหารเย็นให้ และหลังจากกินเสร็จพ่อก็รีบเข้านอน พรุ่งนี้พวกเราต้องตื่นแต่เช้า”

เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ดังนั้นสวีรุ่ยจึงมีเวลาว่างมากพอที่จะไปกับพ่อของเธอได้ทุกที่

“อืม! พวกเรากลับไปกินข้าวกัน! ในที่สุดพ่อก็ได้งานสักที!”

เมื่อหมดปัญหาการหางานไม่ได้ ทั้งสองคนก็ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

ในคืนเดียวกัน

หลังจากอาบน้ำเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็หยิบพระพุทธรูปหยกที่ซื้อมาจากงานประมูลออกมา

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าด้านในพระพุทธรูปนั้นมีพลังวิญญาณแฝงอยู่อย่างหนาแน่นมาก

พระพุทธรูปหยกองค์นี้นับได้ว่าเป็นวัตถุโบราณที่มีพลังวิญญาณมากที่สุดที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่เขากลับมาที่โลกนี้

จากนั้นเขาค่อย ๆ วางพระพุทธรูปหยกไว้ข้างหน้าเขา และเริ่มดูดซับพลังวิญญาณออกจากมันอย่างช้า ๆ

เมื่อกระแสพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่หนาแน่นผสานเข้ากับจุดตันเถียนของเขา ทะเลจิตวิญญาณในร่างกายของอวี้ฮ่าวหรานก็ขยายออกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง

จนกระทั่งถึงตีหนึ่ง เขาถึงดูดซับพลังวิญญาณออกจากพระพุทธรูปหยกหมด

การบ่มเพาะโดยการดูดซับพลังวิญญาณจากโบราณวัตถุนั้นเร็วกว่าการบ่มเพาะแบบปกติมากกว่าร้อยเท่า!

หลังจากดูดซับเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาก้าวหน้าขึ้นอีกครั้งแล้ว!

ตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงแล้ว และหลังจากปรับรากฐานให้มั่นคงอีกสักหน่อย เขาก็น่าจะอยู่ไม่ไกลจากจุดสูงสุดของขอบเขตรากฐาน!

หลังจากดูดซับพลังวิญญาณจากพระพุทธรูปหยกเสร็จสิ้น ดวงตาของเขาค่อย ๆ เปิดขึ้นและแสงในดวงตาของเขาก็สว่างวาบ

เวลานี้เป็นเวลาหนึ่งนาฬิกา บรรยากาศรอบ ๆ ชุมชนที่เขาอยู่ต่างก็เงียบสงัด เขามองไปที่ดวงจันทร์สีเงินผ่านทางหน้าต่างห้องนอนพลางรำพึงในใจ

“หลี่เม่ย รอผมอีกหน่อยนะ! ผมจะไปหาคุณในไม่ช้า!”

ในที่สุดความเพียรหลายหมื่นปีก็ใกล้บรรลุผลเข้ามาทุกที!

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น สวีเซี่ยงจวินและลูกสาวของเขามาที่เครือฮ่าวหราน

“ขออภัยด้วย ไม่ทราบว่าคุณสองคนเป็นใคร?”

รปภ. ที่ยืนเฝ้าประตูเห็นจึงเดินเข้ามาถาม

แม้ว่าทั้งสองคนจะแต่งตัวดูธรรมดา แต่ภายใต้ข้อบังคับของเครือฮ่าวหราน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนของบริษัทต้องมีทัศนคติที่ดีต่อทุกคน

“เรา…เรามาที่นี่เพื่อพบกับอวี้ฮ่าวหราน”

เมื่อเผชิญหน้ากับรปภ.ตัวสูงที่อยู่ข้างหน้าเขา สวีเซี่ยงจวินจึงขาดความมั่นใจเล็กน้อย

“หืม? พวกคุณต้องการเข้าพบประธานอวี้?”

เมื่อรปภ.ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ขมวดคิ้วทันทีและจู่ ๆ ทัศนคติของเขาก็กลายเป็นดูติดลบเล็กน้อย

“คุณนัดเอาไว้แล้วรึยังหรือพวกคุณสองคนมีบัตรผ่านหรือเปล่า?”

การกระทำที่เปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้างของเขาไม่ใช่ว่าเขาเพิกเฉยต่อข้อบังคับของบริษัท แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้คนส่วนใหญ่ที่บอกว่าต้องการขอเข้าพบประธานของเขาแบบนี้ล้วนแล้วแต่มาสร้างความวุ่นวายกันทั้งนั้น

และยิ่งไปกว่านั้น ประธานอวี้ของพวกเขาก็คือคนชนชั้นสูง

คนธรรมดาแบบนี้จะสามารถเข้าพบได้โดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าก่อนหรือไม่มีบัตรผ่านได้ยังไง?

“น…นัดล่วงหน้างั้นเหรอ?”

เห็นได้ชัดว่า สวีเซี่ยงจวินไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอปัญหานี้ เขาแสดงสีหน้าตื่นตระหนกทันที

“ร…เราแต่เมื่อเขาเป็นคนบอกให้เรามาวันนี้…”

“เอาดี ๆ ใครบอกให้คุณมากันแน่?”

อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนึงถึงระเบียบของบริษัท รปภ. จึงถามอีกครั้งอย่างระมัดระวัง

“ผ…ผมพูดจริง ๆ นะ ประธานอวี้ของคุณ เขาบอกให้ผมมาที่นี่แล้วจากนั้นเขาจะหางานให้ผมทำ…”

“ประธานอวี้? ประธานอวี้ของเรา?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ รปภ. ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองขึ้นมองลงอีกรอบ

แม้ว่าเสื้อผ้าของอีกฝ่ายจะดูสะอาดสะอ้านดี แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นของราคาถูกมาก และเขาสามารถเห็นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ดูไม่เอาไหนเพียงชำเลืองมอง

สำหรับคนแบบนี้ ตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะสามารถทำงานในบริษัทของเขาได้คงเป็นพนักงานทำความสะอาดก็แค่นั้น

เป็นไปได้อย่างไรที่ประธานอวี้จะจัดหางานให้กับคน ๆ นี้ด้วยตัวเอง?

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อ หลี่จิงเทียนก็ขับรถ BMW มาจอดที่ประตูบริษัท

“เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อเห็นว่ามีคู่ชายหญิงยนอยู่ด้านข้างประตูและกำลังถูกรปภ. ซักถาม เขาจึงลดกระจกลงและยื่นหน้าออกมาอย่างเกียจคร้านแล้วถามขึ้น

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

Status: Ongoing
ในที่สุด… มหาจักรพรรดิแห่งมวลเทพ ‘อวี้ฮ่าวหราน’ ก็สามารถกลับมาที่โลกได้สำเร็จ.. ! 3 หมื่นปี เขาต้องติดอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้านานถึง 3 หมื่นปีหลักจากตกหน้าผาและเกิดใหม่ในดินแดนเหนือจินตนาการ !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท