บทที่ 349 ราวกับคนบ้า
บทที่ 349 ราวกับคนบ้า
ทุกคนในร้านที่เห็นฉากนี้ต่างก็คิดเหมือนกันว่าอวี้ฮ่าวหรานบ้าไปแล้ว!
นั่นคือนายน้อยจิน!
คนธรรมดากล้าดียังไงไปตบจินเส่าแบบนี้??
นี่มันไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเลย!!
ทุกคนต่างมีลางสังหรณ์ที่เลวร้ายอยู่ในใจ พวกเขาเดาได้ว่าหลังจากนี้ จินเส่าจะต้องโกรธเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุแน่นอน!
ไม่มีใครอยากจะเผชิญหน้ากับจินเส่าเวลาโกรธ!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ จินเส่ากลับแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างยิ่ง และพูดอะไรไม่ออก!
อันที่จริงแล้ว ในใจของจินเส่านั้นเดือดพล่านไปด้วยความโกรธ แต่เมื่อเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายซึ่งกำลังมองตอบเขาอย่างเย็นชา ก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังได้เห็นทะเลเลือดซึ่งมีบนภูเขาศพนับล้าน ๆ ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง!
มันเหมือนกับว่าในดวงตาของอวี้ฮ่าวหรานมีขุมนรกทั้งขุมซ่อนอยู่ในนั้น!
“ป…ไป หนีเร็ว!!!!!”
เขาตะเกียกตะกายลุกขนและวิ่งหนีราวกับสุนัขจรจัดที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดด้วยความตื่นตระหนก!
“จิน…จินเส่า…”
เมื่อผู้จัดการอ้วนเห็นสิ่งนี้ เขาแสดงสีหน้าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
จินเส่าคนที่ไม่เคยกลัวใครวันนี้เป็นบ้าอะไรขึ้นมา?
อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจเขาและวิ่งหนีออกไปแล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจด้วยความหนักใจ!
เรื่องไม่จบแค่นี้แน่ ๆ!
คนอย่างจินเส่าไม่มีทางยอมใครง่าย ๆ แบบนี้หรอก!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผู้จัดการก็รู้สึกอยากจะหน้ามืด! วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรอย่างนี้!
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่บรรยากาศของร้านอาหารทั้งร้านกำลังหนักอึ้ง เสียงของอวี้ฮ่าวหรานก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เร็วเข้า ฉันอยากจะสั่งอาหารแล้ว!”
เขาตะโกนด้วยท่าทีสบาย ๆ
สีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด เมื่อได้ยินคำพูดนี้!
“น…นี่คุณยังอยากกินอยู่ได้ยังไง! ไปเร็ว รีบหนีไปก่อนที่จินเส่าจะพาคนของเขามา ขืนคุณกับแฟนของคุณยังอยู่ที่นี่ พวกคุณได้ตายแน่วันนี้!!”
เขารีบเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายด้วยความหวังดี กลัวว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีชีวิตไม่รอดจนถึงสิ้นวัน ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะมีจุดจบที่น่าสังเวชไม่ต่างกัน
“ตระกูลจินเป็นตระกูลมีอิทธิพลแถมยังรู้จักกับพวกแก๊งใต้ดินอีกต่างหาก! นายทำให้เขาขุ่นเคืองแบบนี้ นายกับแฟนรีบหนีไปดีกว่า!”
บรรดาแขกทุกคนในร้านอาหารต่างก็ตะโกนขึ้นโน้มน้าวด้วยเช่นกัน
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาวิกฤตมาก ชายหนุ่มคนนี้ยังจะมามีอารมณ์กินอีกได้ยังไง!
“เร็วเข้าผู้จัดการ! ฉันจะสั่งอาหารแล้ว!”
อวี้ฮ่าวหรานยังคงโบกมือเรียกผู้จัดการร้านให้มารับออเดอร์
ตอนนี้เขาหิวมาก นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องของจินเส่านั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรค่าให้สนใจเลย
“โธ่! ก็ได้! ในเมื่อไม่ฟังที่เตือนถ้างั้นก็แล้วแต่ก็แล้วกัน ถ้าตายขึ้นมาก็อย่ามาโทษพวกฉันที่ไม่เตือนก็แล้วกัน มา! คุณจะกินอะไรผมจะให้ในครัวทำให้!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดื้อรั้นไม่ฟังเลย ผู้จัดการร้านก็ได้แต่ทำใจปล่อยเลยตามเลยเอาแบบที่อวี้ฮ่าวหรานต้องการ
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาเตือนแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
ในเวลานี้ เมื่อบรรยากาศของร้านไม่น่านั่งกินต่ออีกแล้ว บรรดาแขกส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะเรียกเก็บเงินและรีบจากไป
มีเพียงแขกไม่กี่คนตรงมุมร้านที่อยู่ห่างไกลจากโต๊ะ อวี้ฮ่าวหราน เท่านั้นที่ยังคงนั่งกินอยู่ ซึ่งพวกเขาคิดว่าต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นมันก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขา
ไม่นานอาหารที่ดูน่ากินหลายอย่างก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ
เฉิงชิวอวี้ดูสงบมากในเวลานี้ เนื่องจากเธอรู้ถึงความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานเป็นอย่างดี
ตราบใดที่เธอมีชายหนุ่มอยู่ข้าง ๆ เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น
แต่แล้วหลังจากกินไปได้สักพัก ประตูร้านอาหารก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง!
โครม!
“ไอ้ผู้จัดการหน้าหมา! แกกล้าดียังไงถึงปล่อยให้จินเส่าได้รับบาดเจ็บ! แกไม่รู้หรือไงว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ ของเรา!
ชายหัวโล้นบุกนำเข้ามาทางประตูโดยถือมีดยาวหนึ่งฟุตอยู่ในมือของเขา และยิ่งไปกว่านั้นที่ด้านหลังชายหัวโล้นยังมีกลุ่มนักเลงอีกสิบกว่าคนยืนถือมีดกันทุกคนซึ่งเป็นภาพที่น่ากลัวมาก!
“ผม…ผมไม่รู้จะห้ามยังไงจริง ๆ และ…และผมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย!”
ถึงแม้ว่าตัวเองจะถูกเรียกว่าหมาอีกแล้ว แต่ผู้จัดการก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าโกรธเคืองแม้แต่น้อย เขาทำได้แค่ก้มหน้าด้วยความหวาดกลัว
“ฮึ่ม! ในเมื่อแกไม่เกี่ยวถ้างั้นก็หลีกไปซะ ไม่งั้นแกอาจจะต้องเจ็บตัวอีกคน!”
ชายหัวโล้นร่างกำยำมองผู้จัดการร้านอาหารอย่างดูถูก
ในเวลานี้ จินเส่าที่แก้มบวมอยู่ข้างหนึ่งมองไปทางโต๊ะริมหน้าต่างด้วยสายตาอาฆาตแค้น
อย่างไรก็ตาม เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที
เขาไม่คิดเลยว่าลูกน้องของโจวเฟยหู่จะชอบรังแกคนธรรมดาทั่วไปแบบนี้!
เขาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาอีกฝ่ายทันที
“น…น้องอวี้ โทรหาฉันมีอะไรงั้นเหรอ?”
น้ำเสียงของโจวเฟยหู่ดูสับสน เพราะเขาไม่ค่อยจะได้รับโทรศัพท์จากอีกฝ่าย
“ฮึ่ม! เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เราดีต่อกันมาโดยตลอด ฉันจะให้โอกาสนายมาที่ร้านอาหารจินอวิ๋นภายในสิบนาที!”
เสียงของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชาและผิดหวังกับโจวเฟยหู่
ถ้าหากเขาไม่แข็งแกร่งเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ วันนี้เขาคงได้พบกับจุดจบที่น่าอนาถจากคนของแก๊งที่เขาคอยช่วยเหลือมาตลอด!
ในขณะเดียวกันนี้ ชายหัวล้านซึ่งน่าจะเป็นผู้นำกลุ่มนักเลงเดินเข้ามาใกล้อวี้ฮ่าวหรานพร้อมกับมีดในมือแล้ว
เมื่อมองดูจากระยะใกล้ อวี้ฮ่าวหรานไม่คุ้นหน้าชายคนนี้เลย ดังนั้นเขาจึงเดาว่าชายหัวล้านคนนี้น่าจะมีตำแหน่งไม่สูงนักในแก๊งพยัคฆ์เวหา เพราะหลังจากที่เขาติดต่อกับแก๊งพยัคฆ์เวหามาแล้วหลายครั้ง ชายหนุ่มมั่นใจว่าตัวเองจำหน้าพวกระดับสูงของแก๊งพยัคฆ์เวหาได้หมด
“แกใช่ไหมที่กล้าทำร้ายจินเส่า? แกรู้หรือเปล่าว่านี่มันหมายความว่าแกกำลังล่วงเกินแก๊งพยัคฆ์เวหาของเรา!!”
ชายหัวล้านมองอวี้ฮ่าวหรานอย่างดูถูกและไร้ความกังวลราวกับว่าเขาสามารถฆ่าอวี้ฮ่าวหรานให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้!
แต่ในเวลานี้ ดวงตาของจินเส่าแสดงความชั่วร้าย!
“เป็นไง! ตอนนี้แกไม่กล้าเพิกเฉยฉันอีกแล้วใช่ไหม วันนี้แกตายแน่! แต่ก่อนที่แกจะตาย ฉันจะตัดแขนตัดขาของแกออกก่อน!”
จากนั้นถัดมา เขามองไปที่เฉิงชิวอวี้ ซึ่งมีความงามจนสามารถทำให้เขาตะลึงงัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย!
“และเธอ! วันนี้แฟนของเธอไม่สามารถปกป้องเธอได้ในวันนี้แน่! หลังจากนี้บิดาคนนี้จะเล่นสนุกกับเธอเจ็ดวันเจ็ดคืน และหลังจากนั้นฉันจะแบ่งให้พี่น้องของฉันสนุกกับเธอด้วย!”
“จินเส่า ฉันอุตส่าห์รีบมาช่วยนายขนาดนี้อย่างน้อย ๆ เราก็ต้องเล่นกับนังนี่พร้อม ๆ กันสิวะ ฮ่า ๆ!”
เมื่อชายหัวโล้นมองดูสาวงามที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างหื่นกระหาย แทบจะละสายตาจากไปไม่ได้
ในเวลาเดียวกันนี้ บรรดาแขกในร้านที่เหลือต่างก็ไม่กล้าส่งเสียงเพราะกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของพวกนักเลง พวกเขาเริ่มเสียใจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่รีบออกไปก่อนหน้านี้
ฉากแบบนี้น่ากลัวเกินกว่าคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะอยู่ดู!
“ยังกล้าทำเป็นมองไม่เห็นฉันอีกงั้นเหรอ เอาเลย! ตัดมือมันมาให้ฉันก่อนสักข้างหนึ่ง!”
แม้เป็นตอนนี้ จินเส่าก็ยังเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันทำให้เขาโมโหมากจนตะโกนสั่งเสียงดัลั่นร้าน
เขาอยากจะรู้ว่าหากอีกฝ่ายเสียแขนไปแล้วยังจะกล้าทำตัวเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอีกไหม!
ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง ชายหัวล้านก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย และพร้อมกันนั้นเขาสับมีดลงไปที่ข้อมือของอวี้ฮ่าวหรานบนโต๊ะทันที!
แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น!
อวี้ฮ่าวหรานก็ขยับตัว!
มือของอวี้ฮ่าวหรานรวดเร็วจนไม่มีใครมองตามทัน จากนั้นชายหัวล้านก็โดนชกเข้าที่อกเต็ม ๆ!
ปัง!!
ชายหัวล้านผู้ที่ไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับเทพแห่งความตาย โดนชกร่างจนลอยกระเด็นไปกระแทกกำแพงที่อยู่ห่างไปถึงสิบเมตรอย่างรุนแรง!
โครม!
ด้วยความรุนแรงจากแรงกระแทก กำแพงของร้านในจุดที่ชายหัวล้านกระแทกแตกระแหงเหมือนใยแมงมุมทันที!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึง!
ทั้งร้านเงียบกริบ!
หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ใครจะเชื่อว่าหมัดชายจากชายหนุ่มที่ดูธรรมดาจะทรงพลังน่ากลัวได้ขนาดนี้!
อั่ก!
ชายร่างกำยำล้มลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมาคำโต ดูเหมือนว่าเขาเองก็น่าจะเป็นผู้ฝึกฝนร่างกายมาอย่างดีเยี่ยม ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่สลบเหมือดไป
เขามองไปที่ชายหนุ่มที่ยังคงนั่งด้วยแววตาเหลือเชื่อ และหัวใจของเขาก็เต้นระทึกไม่หยุด!
บรรดานักเลงที่เหลือต่างก็ตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อสายตากับภาพที่เพิ่งเห็นเช่นกัน!
บทที่ 334 มอบตำแหน่งงาน
บทที่ 334 มอบตำแหน่งงาน
“พ่อไม่ต้องกังวลไป…หนูเชื่อว่าอีกไม่นานพ่อก็หางานได้”
“มันเป็นความผิดของพ่อเอง ล่าสุดถ้าพ่อไม่เผลอเดินกะเผลก พ่อก็คงจะได้งานทำที่ไซต์ก่อสร้าง… เฮ้อ…คนขาไม่ดีอย่างพ่อนี่หางานทำยากจริง ๆ”
บนม้านั่ง เสียงของทั้งสองคุยกันอย่างแผ่วเบา
อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูและลงจากรถ
‘ปัง!’
เสียงปิดประตูดึงดูดความสนใจของคู่พ่อลูกในทันที
“เอ๊ะ? อวี้ฮ่าวหราน! คุณ…ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
สวีรุ่ยเงยหน้าขึ้นและเมื่อเห็นว่าเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย เธอก็รู้สึกแปลกใจในทันที
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเธอจะประหลาดใจ แต่เธอก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากอีกด้วยที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย
“ผมแค่ขับรถผ่านมาเห็นพอดีเลยเดินลงมาทักทาย ว่าแต่ทำไมพวกคุณถึงมานั่งขมวดคิ้วที่นี่?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับ
“ป…เปล่าหรอก…ไม่มีอะไร ตอนนี้ฉันแค่พยายามช่วยพ่อของฉันหางานทำ เขาถูกไล่ออกจากบริษัทเดิมหลังจากที่เขากลับมาเมื่อเดือนที่แล้ว”
สวีรุ่ยตอบกลับด้วยสีหน้าจนใจ เธออยากจะช่วยพ่อของเธอ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เธอทำได้เลยนอกจากคอยปลอบประโลม
สวีเซี่ยงจวินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของลูกสาวเขาเอง
“มันเป็นความผิดของผมเอง! หลังจากเหตุการณ์ที่แล้ว ขาของผมก็ไม่สามารถเดินได้เหมือนเดิมจนทำให้ผมหางานไม่ได้”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่ขาของอีกฝ่ายและพบว่ามีอาการบาดเจ็บซ่อนอยู่จริง ๆ
“อืม ครั้งล่าสุดที่เจอกันฉันเองก็ลืมสังเกตเลยว่านายบาดเจ็บตรงไหนบ้าง การหางานทำทั้ง ๆ ที่ขาบาดเจ็บแบบนี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ”
เขาเพิ่งตระหนักถึงความประมาทเลินเล่อของตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาเพียงขอให้หวังเหยียนคอยตามดูไม่ให้อีกฝ่ายเล่นการพนันอีกก็แค่นั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครรายงานว่า สวีเซี่ยงจวินมีอาการบาดเจ็บที่ขากับเขา
และในขณะเดียวกัน สวีรุ่ยก็เป็นเพียงแค่ครูเด็กอนุบาลที่เพิ่งทำงานได้ไม่นาน ดังนั้นเงินเดือนของเธอจึงไม่ได้มาก แม้แต่ตัวของเธอเองก็เกือบใช้เงินเดือนชนเดือน และยิ่งตอนนี้เมื่อมีพ่อของเธอเข้ามาอยู่ด้วยอีกคนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ฉะนั้นคุณภาพชีวิตของพวกเขาตอนนี้จึงอยู่ในสภาพที่ร่อแร่เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงได้ตัดสินใจ
“พรุ่งนี้เช้า คุณพาพ่อของคุณไปที่บริษัทของผมที่ชื่อเครือฮ่าวหราน เมื่อคุณไปถึงแล้วให้โทรหาผมแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการแก้ไขปัญหานี้ให้เอง”
เขาค่อนข้างสงสารหญิงสาวสุดกตัญญูคนนี้และชอบความใจดีของเธอที่มีต่อถวนถวน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้
แต่ด้วยนิสัยที่ดื้อรั้นของอีกฝ่าย หากเขาให้เงินเธอไปเลยตรง ๆ เธอคงไม่ยอมรับมันอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงมีความคิดมอบงานทำที่ดีให้พ่อของอีกฝ่ายแทน
“จริงเหรอ?”
สวีเซี่ยงจวินไม่อยากเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าของบริษัทแล้วทั้ง ๆ ที่อายุแค่นี้!
ในตอนแรกเขานึกว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ลูกคนรวยที่มีน้ำใจกับลูกสาวของเขาเท่านั้นเอง
“ฉัน…ฉันขอบคุณคุณจริง ๆ แทนพ่อของฉัน! ต…แต่อันที่จริง…คุณไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้ก็ได้…”
ใบหน้าของสวีรุ่ยแดงเล็กน้อยและเธอก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเกรงใจ
“ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ผมยินดีช่วย”
อวี้ฮ่าวหรานโบกมืออย่างสบาย ๆ
จากนั้นเขาก็บอกรายละเอียดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับที่อยู่ของบริษัทเขา และเมื่อเห็นว่ามันเกือบจะถึงเวลาที่ถวนถวนเลิกเรียนแล้วเขาจึงรีบลาอีกฝ่ายและขับรถจากไป
จนกระทั่งรถสปอร์ตสุดหรูหายไปจากวิสัยทัศน์ คู่พ่อลูกก็หันมามองหน้ากัน
“วู้ว! ช่างเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบอะไรขนาดนี้! รุ่ยเอ๋อร์ ลูกนี่สุดยอดจริง ๆ ที่รู้จักคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ ว่าแต่พ่อหนุ่มคนนี้ชอบลูกใช่ไหมเขาถึงได้ทำดีกับลูกขนาดนี้?”
สวีเซี่ยงจวินรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่สมบูรณ์พร้อมแบบนี้ถึงมาช่วยลูกสาวของเขารั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่หวังผลอะไรตอบแทนเลย
“ม…ไม่หรอกพ่อ…ข…เขา…ก็แค่เห็นว่าหนูดูแลถวนถวนเป็นอย่างดี เขาก็เลยตอบแทน…”
สวีรุ่ยรีบเอามือป้องใบหน้าของเธอที่แดงก่ำหลังจากได้ยินคำพูดพ่อของเธอ
“ฮ่าฮ่า ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม รุ่ยเอ๋อร์ พ่อก็ดูออกนะว่าลูกน่ะชอบเขา!”
เมื่อการหางานได้รับการแก้ไข สวีเซี่ยงจวินจึงอารมณ์ดีขึ้นจนสามารถพูดติดตลกได้ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“ไปกันดีกว่าพ่อ พวกเรารีบกลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวหนูจะรีบทำอาหารเย็นให้ และหลังจากกินเสร็จพ่อก็รีบเข้านอน พรุ่งนี้พวกเราต้องตื่นแต่เช้า”
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ดังนั้นสวีรุ่ยจึงมีเวลาว่างมากพอที่จะไปกับพ่อของเธอได้ทุกที่
“อืม! พวกเรากลับไปกินข้าวกัน! ในที่สุดพ่อก็ได้งานสักที!”
เมื่อหมดปัญหาการหางานไม่ได้ ทั้งสองคนก็ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ในคืนเดียวกัน
หลังจากอาบน้ำเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็หยิบพระพุทธรูปหยกที่ซื้อมาจากงานประมูลออกมา
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าด้านในพระพุทธรูปนั้นมีพลังวิญญาณแฝงอยู่อย่างหนาแน่นมาก
พระพุทธรูปหยกองค์นี้นับได้ว่าเป็นวัตถุโบราณที่มีพลังวิญญาณมากที่สุดที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่เขากลับมาที่โลกนี้
จากนั้นเขาค่อย ๆ วางพระพุทธรูปหยกไว้ข้างหน้าเขา และเริ่มดูดซับพลังวิญญาณออกจากมันอย่างช้า ๆ
เมื่อกระแสพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่หนาแน่นผสานเข้ากับจุดตันเถียนของเขา ทะเลจิตวิญญาณในร่างกายของอวี้ฮ่าวหรานก็ขยายออกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
จนกระทั่งถึงตีหนึ่ง เขาถึงดูดซับพลังวิญญาณออกจากพระพุทธรูปหยกหมด
การบ่มเพาะโดยการดูดซับพลังวิญญาณจากโบราณวัตถุนั้นเร็วกว่าการบ่มเพาะแบบปกติมากกว่าร้อยเท่า!
หลังจากดูดซับเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาก้าวหน้าขึ้นอีกครั้งแล้ว!
ตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงแล้ว และหลังจากปรับรากฐานให้มั่นคงอีกสักหน่อย เขาก็น่าจะอยู่ไม่ไกลจากจุดสูงสุดของขอบเขตรากฐาน!
หลังจากดูดซับพลังวิญญาณจากพระพุทธรูปหยกเสร็จสิ้น ดวงตาของเขาค่อย ๆ เปิดขึ้นและแสงในดวงตาของเขาก็สว่างวาบ
เวลานี้เป็นเวลาหนึ่งนาฬิกา บรรยากาศรอบ ๆ ชุมชนที่เขาอยู่ต่างก็เงียบสงัด เขามองไปที่ดวงจันทร์สีเงินผ่านทางหน้าต่างห้องนอนพลางรำพึงในใจ
“หลี่เม่ย รอผมอีกหน่อยนะ! ผมจะไปหาคุณในไม่ช้า!”
ในที่สุดความเพียรหลายหมื่นปีก็ใกล้บรรลุผลเข้ามาทุกที!
…
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น สวีเซี่ยงจวินและลูกสาวของเขามาที่เครือฮ่าวหราน
“ขออภัยด้วย ไม่ทราบว่าคุณสองคนเป็นใคร?”
รปภ. ที่ยืนเฝ้าประตูเห็นจึงเดินเข้ามาถาม
แม้ว่าทั้งสองคนจะแต่งตัวดูธรรมดา แต่ภายใต้ข้อบังคับของเครือฮ่าวหราน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนของบริษัทต้องมีทัศนคติที่ดีต่อทุกคน
“เรา…เรามาที่นี่เพื่อพบกับอวี้ฮ่าวหราน”
เมื่อเผชิญหน้ากับรปภ.ตัวสูงที่อยู่ข้างหน้าเขา สวีเซี่ยงจวินจึงขาดความมั่นใจเล็กน้อย
“หืม? พวกคุณต้องการเข้าพบประธานอวี้?”
เมื่อรปภ.ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ขมวดคิ้วทันทีและจู่ ๆ ทัศนคติของเขาก็กลายเป็นดูติดลบเล็กน้อย
“คุณนัดเอาไว้แล้วรึยังหรือพวกคุณสองคนมีบัตรผ่านหรือเปล่า?”
การกระทำที่เปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้างของเขาไม่ใช่ว่าเขาเพิกเฉยต่อข้อบังคับของบริษัท แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาเร็ว ๆ นี้คนส่วนใหญ่ที่บอกว่าต้องการขอเข้าพบประธานของเขาแบบนี้ล้วนแล้วแต่มาสร้างความวุ่นวายกันทั้งนั้น
และยิ่งไปกว่านั้น ประธานอวี้ของพวกเขาก็คือคนชนชั้นสูง
คนธรรมดาแบบนี้จะสามารถเข้าพบได้โดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าก่อนหรือไม่มีบัตรผ่านได้ยังไง?
“น…นัดล่วงหน้างั้นเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่า สวีเซี่ยงจวินไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอปัญหานี้ เขาแสดงสีหน้าตื่นตระหนกทันที
“ร…เราแต่เมื่อเขาเป็นคนบอกให้เรามาวันนี้…”
“เอาดี ๆ ใครบอกให้คุณมากันแน่?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนึงถึงระเบียบของบริษัท รปภ. จึงถามอีกครั้งอย่างระมัดระวัง
“ผ…ผมพูดจริง ๆ นะ ประธานอวี้ของคุณ เขาบอกให้ผมมาที่นี่แล้วจากนั้นเขาจะหางานให้ผมทำ…”
“ประธานอวี้? ประธานอวี้ของเรา?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ รปภ. ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองขึ้นมองลงอีกรอบ
แม้ว่าเสื้อผ้าของอีกฝ่ายจะดูสะอาดสะอ้านดี แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นของราคาถูกมาก และเขาสามารถเห็นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ดูไม่เอาไหนเพียงชำเลืองมอง
สำหรับคนแบบนี้ ตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะสามารถทำงานในบริษัทของเขาได้คงเป็นพนักงานทำความสะอาดก็แค่นั้น
เป็นไปได้อย่างไรที่ประธานอวี้จะจัดหางานให้กับคน ๆ นี้ด้วยตัวเอง?
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อ หลี่จิงเทียนก็ขับรถ BMW มาจอดที่ประตูบริษัท
“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเห็นว่ามีคู่ชายหญิงยนอยู่ด้านข้างประตูและกำลังถูกรปภ. ซักถาม เขาจึงลดกระจกลงและยื่นหน้าออกมาอย่างเกียจคร้านแล้วถามขึ้น