ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸] – บทที่ 331 สั่งคุกเข่า

บทที่ 331 สั่งคุกเข่า

บทที่ 331 สั่งคุกเข่า
บทที่ 331 สั่งคุกเข่า

อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูรถและมองไปที่พวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยเจ็ดแปดคนที่ยืนจ้องเยาะเย้ยเขาอยู่

“ฮ่าฮ่า! แกใจกล้าไม่เบานี่หว่าที่หยุดรถรอพวกฉันแบบนี้!”

เฉียนเซามองอวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตาประชดประชัน

ในเวลานี้ นอกจากเพื่อน ๆ ของเขาอีกเจ็ดแปดที่ตามมา เขายังมีพวกบอดี้การ์ดมากกว่าหนึ่งโหลที่ตามมาสบทบอย่างรวดเร็ว

“ไม่รู้ว่าจะเรียกแกว่าคนโง่หรือว่าคนบ้าดีที่ไปไหนมาตามลำพังคนเดียวโดยไม่มีบอดี้การ์ดแบบนี้?”

เขาตั้งใจเยาะเย้ยเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่คนเดียว

แต่แล้วเมื่อเขาเหลือบเห็นซูหว่านเอ๋อที่อยู่ในรถของอวี้ฮ่าวหราน สีหน้าของเขาก็ยิ่งชั่วร้ายมากกว่าเดิม

“หึหึ ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าแกโดนอัดจนยอมก้มกราบเท้าฉันวิงวอนขอชีวิตเหมือนหมาข้างถนน ซูหว่านเอ๋อที่อยู่ในรถนั่นยังจะชอบแกอยู่ไหม? พวกผู้หญิงน่ะมันเปลี่ยนใจง่ายจะตาย ถ้าเห็นแกอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนั้น แกคงถูกมองเหยียดเหมือนเศษขยะเลยล่ะ ฮ่าฮ่า!”

ในขณะเดียวกันนี้ พวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยต่างก็แสดงสีหน้าดูถูกอวี้ฮ่าวหรานเช่นกัน ในสายตาของพวกเขา อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่กลุ่มของเฉียนเซากำลังชื่นมื่น จู่ ๆ พวกเขาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองหลุดไปอยู่ในโลกน้ำแข็งที่หนาวเหน็บจนถึงขั้วกระดูกอย่างฉับพลัน!

“หึ! พวกฝูงมด”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มที่มุมปากพร้อมกับมองพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยเหล่านี้ด้วยแววตารังเกียจ

แม้ว่าเสียงพูดของเขาจะไม่ดัง แต่กลุ่มของเฉียนเซากลับได้ยินชัดเจนอย่างน่าประหลาด

เฉียนเซาตกตะลึงกับประโยคนี้อยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อตั้งสติได้แล้ว เขาก็จ้องไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างดุเดือด

“ไอ้ลูกหมา! แกคิดว่าแกเป็นใครวะถึงกล้ามาเรียกฉันว่ามด? แกปากดีนักใช่ไหม? พวกแกทุกคนไปจับมันมาคุกเข่าต่อหน้าฉันเดี๋ยวนี้!”

หลังจากตะคอกจบ เฉียนเซาก็โบกมือข้างหนึ่งสั่งให้พวกบอดี้การ์ดลงมือทันที!

บอดี้การ์ดสิบกว่าคนวิ่งตรงดิ่งเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานทันทีหลังจากได้รับสัญญาณ พวกเขาแต่ละคนต่างแสดงสีหน้าดุร้ายและชักกระบองสั้นที่เอวออกมาเตรียมจะฟาดเป้าหมายให้ลงไปนอนกองที่พื้นโดยเร็วที่สุด

แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเขาจะต่อกรได้!

ในขณะที่พวกบอดี้การ์ดเข้ามาใกล้จนได้ระยะ

ทันใดนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาแต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นแฝงไปด้วยพลังวิญญาณหนาแน่น!

“คุกเข่าลง!”

ถึงแม้ว่าเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของอวี้ฮ่าวหรานจะเบา แต่ในจิตวิญญาณของของพวกบอดี้การ์ดกลับได้ยินเสียงนี้ดังก้องจนร่างแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และร่างของพวกเขาทุกคนก็หยุดลงอย่างกะทันหัน!

บอดี้การ์ดเหล่านี้ราวกับว่ากำลังมองเห็นพระเจ้าที่สูงตระหง่านเสียดฟ้าและโลกที่แดงฉานเต็มไปด้วยโลหิตก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของพวกเขา

ทุกคนหยุด

พวกเขาตื่นตระหนกจนแทบจะหยุดหายใจเมื่อเผชิญกับภาพลวงตาที่น่ากลัวจนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้นี้

‘ผลั่ก!’

หลังจากหยุดนิ่งอยู่เพียงอึดใจ พวกบอดี้การ์ดต่างก็คุกเข่าลงราวกับว่าขาของพวกเขาไร้เรี่ยวแรงโดยสมบูรณ์!

“นี่มันบ้าอะไรวะ!”

ดวงตาของเฉียนเซาเบิกโพลงมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า! เขาอุทานคำหยาบเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกบอดี้การ์ดมืออาชีพที่เคยดุร้ายเหล่านี้ถึงจู่ ๆ ก็คุกเข่าให้กับอีกฝ่ายง่าย ๆ ราวกับเจอบรรพบุรุษตัวเองเช่นนี้?

ไอ้พวกบอดี้การ์ดพวกนี้มันปัญญาอ่อนไปแล้วงั้นเหรอ?

เมื่อเฉียนเซาตะโกน พวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยคนอื่น ๆ ก็เริ่มตะโกนด่าบอดี้การ์ดของตัวเองเช่นกันด้วยความตกใจ

“บ้าเอ๊ย! นี่พวกแกทำบ้าอะไรกันอยู่! พวกแกคุกเข่าให้กับมันทำไม มันเป็นพ่อแกเหรอไงถึงไปคุกเข่าให้มันแบบนี้ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะโว๊ยไม่งั้นฉันจะบอกพ่อให้ไล่แกออกหลังจากนี้!!”

เขาตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ก็แปลกประหลาดเกินไปจริง ๆ

บอดี้การ์ดมืออาชีพที่แข็งแกร่งกว่าโหล ทุกคนคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มผอมบางที่ดูไม่มีพิษภัยแบบนี้ได้ไง!

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเฉียนเซาจะตะโกนใส่พวกบอดี้การ์ดอย่างไร พวกบอดี้การ์ดเหล่านี้ต่างก็ไม่ขยับเขยื้อนเลย พวกเขาเอาแต่มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว

ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากจะคุกเข่า แต่ภาพมายาที่ปรากฏขึ้นในจิตวิญญาณของพวกเขา ทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งจนยอมทำทุกอย่างที่ชายหนุ่มคนนี้สั่ง

ในสายตาของพวกเขาตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้านั้นมีอำนาจสูงส่งราวกับเป็นเทพเจ้าที่ไม่สามารถจ้องมองโดยตรงได้

เฉียนเซายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก เมื่อตะโกนจนคอแหบแล้วก็ยังไม่มีใครเชื่อฟังเขา!

“ขยะเอ๊ย! ไอ้พวกขยะ! ไอ้พวกไร้น้ำยา! พวกแกเอาแต่คุกเข่าแบบนี้ได้ไง?”

เขาไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้

การที่ลูกน้องของเขาคุกเข่าให้กับศัตรูของเขาเองแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าเขาอย่างแรงในที่สาธารณะ!

หลังจากที่สยบพวกบอดี้การ์ดเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็เบนสายตากลับมามองเฉียนเซา และพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยอีกครั้งอย่างล้อเลียน

“คนพวกนี้เพิ่งประจักษ์ในความจริงที่ว่าต่อหน้าฉันพวกมันไม่ต่างอะไรกับมดแมลง ดังนั้นไม่ว่าแกจะสั่งพวกมันยังไง พวกมันก็ฝ่าฝืนคำพูดของฉันด้วยการลุกขึ้นตามคำสั่งของแกหรอก”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็ค่อย ๆ เดินเข้าหาคนพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยเหล่านั้น

เฉียนเซาอยากจะด่ากลับ แต่เมื่อเขาสบตาอีกฝ่าย เจ้าตัวก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกจนคำพูดทุกอย่างจุกอยู่ที่คอ

นี่มันแววตาแบบไหนกัน? ทำไมมันถึงได้น่ากลัวแบบนี้วะ!

เขาอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง

แต่หลังจากก้าวถอยไปได้ราวห้าหกก้าว ขาของเขาก็สั่นและไร้เรี่ยวแรงจนก้าวไม่ออกอีกต่อไป!

“ก…แกเป็นใครกันแน่!?”

เฉียนเซาถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ ตั้งแต่เขาเกิดมาเขาไม่เคยกลัวอะไรจนก้าวขาไม่ออกแบบนี้มาก่อนเลย!

แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจอีกฝ่าย เขายังคงก้าวมาข้างหน้าเรื่อย ๆ

วินาทีต่อมา น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยพลังวิญญาณหนาแน่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง!

“แกกับพวกของแกนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ! พวกแกคุกเข่าลงให้หมด!”

พลังเสียงของอวี้ฮ่าวหรานไม่ต่างอะไรกับประกาศิตจากสวรรค์ ทันทีที่เฉียนเซาและพรรคพวกที่เหลือได้ยินคำสั่งนี้ พวกเขาก็คุกเข่าลงอย่างว่าง่าย!

‘ผลั่ก…ผลั่ก…’

เมื่อเผชิญกับพลังวิญญาณอันกล้าแกร่งและกลิ่นอายที่สุดแสนจะล้ำลึก คนพวกลูกหลานตระกูลร่ำรวยต่างก็เห็นภาพมายาถึงสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในหัวใจของพวกเขา ขาของพวกเขาอ่อนแรงลง และพวกเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นเหมือนพวกบอดี้การ์ดเหล่านั้น!

เฉียนเซาจับจ้องที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยความรู้สึกสยองขวัญ

“นี่…นี่แกเป็นสัตว์ประหลาดหรือยังไงกัน!?”

เขาดวงซวยมาเจอคนที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้ยังไง!

แต่ในขณะเดียวกันนี้ รถตู้เจ็ดแปดคันก็พุ่งมาด้วยความเร็วสูงจากระยะไกล!

“บ้าอะไรวะน่ะ? พวกพวกลูกคนรวยพวกนั้นมันกำลังทำบ้าอะไรอยู่?”

ในรถ SUV ที่อยู่หัวขบวน ชายหัวล้านอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเมื่อเห็นฉากประหลาดที่เกิดขึ้นไม่ไกลนัก

ทันทีที่รถหยุดนิ่ง ชายหัวล้านก็กระโดดลงจากรถ

“ไอ้บ้าเอ๊ย! นี่พวกแกกำลังทำพิธีกรรมบ้าอะไรของพวกแก?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นฉากแปลก ๆ เช่นนี้ แม้ว่าเขาจะคร่ำหวอดอยู่ในโลกใต้ดินมาหลายปีแล้ว

คนเกือบยี่สิบคนคุกเข่าลง และมีชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น

ที่สำคัญ ชายหนุ่มคนที่ยังยืนอยู่นั้นเป็นชายที่ดูเหมือนจะมีอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ ร่างผอมบางไร้พิษสงอีกต่างหาก!

ในความเห็นของเขา เหตุการณ์นี้มันไร้สาระสุด ๆ!

บทที่ 350 ไม่เจออีกตลอดกาล
บทที่ 350 ไม่เจออีกตลอดกาล

อวี้ฮ่าวหรานยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ทำอะไรลงไปเลย พร้อมกับเหลือบมองไปที่ชายหัวล้านและพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก

“อยู่แค่ขอบเขตกำลังภายนอกแท้ ๆ กลับกล้าเสนอส่งเสียงดังต่อหน้าฉัน ไม่รู้จักเจียมกะลาหัวบ้างเลยจริง ๆ!”

หลังจากที่ต่อยอีกฝ่ายจนปลิวได้ขนาดนี้ ไม่มีใครกล้าดูถูกคำพูดของเขาอีกแล้ว

“แก…แกอย่าได้ใจไปนักนะโว้ย ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ มีคนที่แข็งแกร่งกว่าแกอีกมากมาย! ต่อให้แกจะแข็งแกร่งกว่าฉันแต่หลังจากนี้แกไม่รอดแน่!”

แม้ว่าชายหัวล้านจะบาดเจ็บจนอาเจียนเป็นเลือด แต่ก็ยังสามารถตะโกนข่มขู่เสียงดังได้

“แกทำร้ายสมาชิก ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ แบบนี้ แกไม่มีทางรอดแน่!”

ในตอนแรกพวกแขกในร้านอาหารรวมไปถึงพนักงานของร้าน เมื่อเห็นความแข็งแกร่งของชายหนุ่มคนนี้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจได้บ้าง แต่แล้วเมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ สีหน้าของเขาทุกคนก็มืดมนลงอย่างกะทันหันกับความจริงที่โหดร้าย

ในสายตาของคนทั่วไป ปัจจุบันแก๊งพยัคฆ์เวหาคือแก๊งที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองฮ่วยอัน!

ดังนั้นไม่ว่าคน ๆ หนึ่งจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแก๊งที่มีอิทธิพลและกำลังคนเป็นร้อย ๆ คน ไม่ช้าก็เร็วคน ๆ นั้นจะต้องตายอย่างน่าอนาถในท้ายที่สุด!

แต่ในทางกลับกัน เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’อีกครั้ง รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาทันที

“หึหึ ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนว่าแก๊งพยัคฆ์เวหาที่แกพูดถึงจะจัดการกับฉันคนนี้ยังไง!”

แปดนาทีผ่านไปตั้งแต่เขาโทรหาโจวเฟยหู่

ในเวลาเดียวกันนี้!

รถ SUV มากกว่าหนึ่งโหลพุ่งเข้ามาเบรกอย่างรุนแรงที่ด้านนอกร้านอาหาร!

ทันใดนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์สวมสูทดำและแว่นกันแดดจำนวนมากก็เปิดประตูลงจากรถ!

โจวเฟยหู่รีบวิ่งเข้ามาในร้านอาหารทันทีที่เขาลงจากรถ และหัวหน้าสาขาอีกแปดคนก็วิ่งตามมาติด ๆ อย่างรวดเร็ว

ชายหัวล้านและจินเส่า เมื่อเห็นภาพนี้พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าเบิกบานสุดฤทธิ์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักโจวเฟยหู่จริง ๆ!

“ห…หัวหน้าโจว! ขอบคุณมากที่คุณอุตส่าห์มาที่นี่ด้วยตัวเอง! นี่เลย ไอ้ลูกหมานั่นมันดูถูก ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ มันบอกว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ น่าขยะแขยง! มันดูถูกพวกเราทุกคนเลย!”

จินเส่ารีบวิ่งเข้ามาหาโจวเฟยหู่เป็นคนแรกและปั้นเรื่องใส่ร้ายอวี้ฮ่าวหรานทันที

เขาไม่คิดเลยว่าโจวเฟยหู่จะมาที่นี่ด้วยตัวเองแบบนี้หลังจากที่เขาแค่โทรหาอีกฝ่ายเพียงครั้งเดียว!

วันนี้ไอ้สารเลวคนที่กล้าตบหน้าเขาต้องตายแน่!

แต่ในทางกลับกัน ชายหัวล้านกลับรู้สึกอยากจะหนีไปให้พ้น ๆ

สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ดีเลย!

อันที่จริงเขานั้นไม่ใช่คนของ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ เขาเป็นแค่รองหัวหน้าแก๊งขนาดเล็กที่ตกลงจะร่วมมือกับ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ ในการต่อกรกับแก๊งวาฬยักษ์และแก๊งฉลามคลั่ง

ด้วยความลำพองใจหลังจากเป็นพันธมิตรกับ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ หลายครั้งเขาจึงแอบอ้างว่าตัวเองเป็นหนึ่งในคนของ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ เพื่อขู่ให้คนอื่นกลัวเขามากกว่าเดิม

ดังนั้น “แก๊งพยัคฆ์เวหา” ตัวจริงจะคาดโทษเขาแน่นอนหากรู้ว่าตัวเขาชอบอ้างชื่อพยัคฆ์เวหาเพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว

แต่จินเส่าไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นตอนนี้จึงแสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างเต็มที่

“หัวหน้าโจว เอาเลย! จัดการไอ้เวรนั่น…”

พลั่ก!

แต่แล้วขณะที่จินเส่าพูดขึ้นยังไม่ทันจบประโยค เขาก็โดนต่อยเข้าเต็มท้องน้อยจนทรุดลงไปนอนตัวงอเหมือนกุ้งทันที

โจวเฟยหู่โกรธสุดขีดจนควันแทบออกหู!

ไม่จำเป็นต้องมีใครอธิบายเขาก็พอจะเดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่! ไอ้ลูกหมาพวกนี้กำลังยั่วยุอวี้ฮ่าวหรานภายใต้ชื่อแก๊งของเขา!

“บัดซบ! ขยะอย่างแกกล้าดียังไงมาทำเรื่องชั่วโดยอ้างชื่อ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ ของฉัน??”

โจวเฟยหู่กระชากคอเสื้อของจินเส่า และยกตัวอีกฝ่ายขึ้นจากพื้นอีกครั้งอย่างเดือดดาล!

“วันนี้แกตายแน่! ฉันจะฆ่าแกในข้อหาที่แกกล้าล่วงเกินน้องชายของฉัน!”

จินเส่าที่เพิ่งโดนชกท้องยังไม่หายงุนงง

“ช…ชกผมทำไม? อ…ไอ้ผู้ชายคนนั้นต่างหากที่ทำร้ายคนของคุณ แถมมันยังบอกว่า ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ เป็นขยะทั้งหมด!”

เพี้ยะ!!

เมื่อโจวเฟยหูได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ตบไปที่หน้าจินเส่าอย่างแรงจนฟันของอีกฝ่ายร่วงแทบจะหมดปาก!

“น้องอวี้ไม่ใช่คนที่แกจะพูดจาหมา ๆ ใส่ได้โว้ย! และถ้าเขาบอกว่าพวกของฉันเป็นขยะ พวกฉันก็คือขยะกันทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น!”

อวี้ฮ่าวหรานคือตัวตนที่สามารถกำหนดความเป็นตายของ ‘แก๊งพยัคฆ์เวหา’ ได้อย่างใจนึก ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โจวเฟยหู่ก็ไม่มีทางที่จะกล้าโกรธเคืองหรือล่วงเกินอวี้ฮ่าวหรานไม่ว่าด้วยเหตุผลใด

ตอนนี้จินเส่าเริ่มกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้ว! ตัวของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้

ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาได้ล่วงเกินตัวตนที่น่ากลัวสุด ๆ เข้าให้แล้ว!

“ลากไอ้เวรนั่นมาตรงนี้ให้ฉัน!”

หลังจากที่โจวเฟยหู่ตบหน้าจินเส่าไปอย่างแรง เขาก็ชี้ไปที่ชายหัวล้านซึ่งกำลังนั่งทรุดอยู่ตรงกำแพง

หัวหน้าสาขาซึ่งอยู่ในขอบเขตพลังภายในสองคนพุ่งตรงไปหาชายหัวล้านและลากตัวมาให้โจวเฟยหู่อย่างรวดเร็ว

“แกรีบบอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าแกเป็นคนของสาขาไหนในแก๊งพยัคฆ์เวหาของฉัน! ทำไมฉันถึงไม่คุ้นหน้าแกเลย?”

เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้น่าจะแอบอ้างชื่อแก๊งของเขามาสร้างเรื่องชั่ว

“ผม…ผม จริง ๆ แล้วผมอยู่ในแก็งค์มังกรดิน…แก๊งของผมเป็นแก๊งเล็ก ๆ ที่อยู่แถวนี้…”

“แก๊งมังกรดิน? โอ้ ฉันจำได้แล้ว ดูเหมือนว่าแก๊งของแกจะมาเข้าร่วมประชุมพันธมิตรครั้งล่าสุดด้วยใช่ไหม!”

ถึงแม้ว่าสีหน้าของโจวเฟยหู่จะเย็นชาอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

จากนั้นเขารีบหันศีรษะไปพูดอย่างจริงใจกับอวี้ฮ่าวหรานที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ “น้องอวี้ นายได้ยินแล้วใช่ไหมว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนของแก๊งพยัคฆ์เวหา พวกมันเอาชื่อแก๊งของฉันมาแอบอ้างต่างหาก!”

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกับการทำสงครามกับแก๊งฉลามคลั่งเช่นนี้ โจวเฟยหู่ไม่ต้องการให้อวี้ฮ่าวหรานผิดหวังกับแก๊งของเขา ไม่งั้นแก๊งพยัคฆ์เวหาคงจะพบกับจุดจบ หากไม่มีอวี้ฮ่าวหรานคอยช่วยเหลือ

เมื่อเห็นสิ่งนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงว่าเขารับรู้

จากนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องที่กำลังจะเกิดต่อไป เขาหันกลับไปชิมอาหารที่เฉิงชิวอวี้แนะนำให้เขาลองลิ้มรสอย่างสบาย ๆ ต่อ

อย่างไรก็ตาม แค่ได้เห็นการพยักหน้าเล็กน้อยนี้ มันก็ทำให้โจวเฟยหูรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งรอดจากโทษประหาร!

ก่อนหน้านี้ที่เขาได้รับโทรศัพท์และได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจและผิดหวังของอวี้ฮ่าวหราน เขาตกใจมากจนหัวใจเกือบหยุดเต้น แล้วก็รีบรวมคนและตรงดิ่งมาที่นี่ทันที

ในเวลานี้ เขารู้สึกผ่อนคลายราวกับว่ามีคนยกภูเขาออกจากอกของเขาไปแล้ว

“น้องอวี้ เชิญนายกินต่อตามสบายได้เลย! ฉันสัญญาว่าหลังจากนี้ ไอ้สองตัวนี้จะไม่โผล่หน้ามาให้นายเห็นอีกตลอดไปแน่นอน!”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันกลับไปกินอาหารต่อ โจวเฟยหู่จึงไม่กังวลอะไรอีกต่อไป เขาหันไปสั่งให้คนของเขาลากทั้งจินเส่าและชายหัวล้านรวมไปถึงนักเลงสิบกว่าคนที่มากับชายหัวล้านออกไปจากร้าน!

บรรดานักเลงที่มากับชายหัวล้านต่างก็เดินตัวสั่นออกไปจากร้านแต่โดยดีโดยไม่ขัดขืนอะไรเลย

ตลกเถอะ!

ต่อหน้าคนของแก๊งพยัคฆ์เวหา หากพวกเขากล้าขัดขืน พวกเขาคงจะถูกฆ่าตายในทันที!

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

Status: Ongoing
ในที่สุด… มหาจักรพรรดิแห่งมวลเทพ ‘อวี้ฮ่าวหราน’ ก็สามารถกลับมาที่โลกได้สำเร็จ.. ! 3 หมื่นปี เขาต้องติดอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้านานถึง 3 หมื่นปีหลักจากตกหน้าผาและเกิดใหม่ในดินแดนเหนือจินตนาการ !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท