บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1316 เจ้าสำนัก

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1316 เจ้าสำนัก

บทที่ 1316 เจ้าสำนัก

พระราชวังที่สวยงามแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นที่ใจกลางภูเขา ที่สุดปลายเส้นทางที่คดเคี้ยวนั่นนำไปสู่สถานที่อันเงียบสงบ

หลังจากเดินเข้าไป ทิวทัศน์ตรงหน้าพลันสว่างวาบด้วยประกายระยิบระยับของสมบัติที่เบ่งบานและส่องสว่างไปทั่วบริเวณ แต่ที่น่าแปลกใจ มันเป็นห้องโถงที่มีขนาดมโหฬาร ซึ่งภายในห้องโถงนั้นมีชั้นที่วางผลึกแก้วเรียงรายกันเป็นแถว และมีกองสมบัติล้ำค่ามากมายวางอยู่บนชั้น

สมบัติอมตะ

สมุนไพรอมตะ

เคล็ดวิชาลับ

ผังค่ายกล

มันเรียบง่ายและมีทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ต่างกับการเดินเข้าไปในคลังขุมทรัพย์เซียน

นี่คือโถงแต้มดารา!

แต้มดาราที่เหล่าศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้รับ มันสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ที่นี่

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีได้เข้ามาที่โถงแต้มดาราแห่งนี้ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป ดวงตาก็เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับของสมบัติต่าง ๆ และทุก ๆ ที่ที่สายตากวาดผ่าน มันก็เต็มไปด้วยสมบัติอันล้ำค่ามากมาย ทำให้รู้สึกงุนงงและประหลาดใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า

ในขณะนี้ ศิษย์มากมายได้มารวมตัวกันที่โถงแต้มดารา ดังนั้นบรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษ และพวกเขาส่วนใหญ่ต่างพากันเลือกสมบัติที่ตนชื่นชอบ

หวังต้าวหลูเดินนำเฉินซีเข้าไปในห้องโถง แต่ไม่แวะหยุดดูสิ่งใด เขากลับเดินผ่านเลยไปยังชั้นสี่

ในระหว่างนี้ เฉินซีสังเกตเห็นว่า ยิ่งขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ คุณภาพของสมบัติอมตะที่ถูกเก็บไว้บนนั้นก็จะยิ่งมีค่าและหายากมากขึ้นเรื่อย ๆ

ตัวอย่างเช่น สมบัติอมตะส่วนใหญ่ในชั้นแรกอยู่ที่ระดับวิญญาณทมิฬ ซึ่งเหมาะกับศิษย์ที่อยู่ในขอบเขตเซียนลึกลับ

ชั้นสอง คือสมบัติอมตะระดับจักรวาล มันสามารถตอบสนองความต้องการของเซียนทองคำได้

ชั้นสามมีเพียงสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษเท่านั้น และไม่ใช่แค่เซียนทองคำ แม้แต่เซียนปราชญ์ก็สามารถค้นหาสมบัติที่พวกเขาต้องการได้จากที่นี่

และที่ชั้นสี่…

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าใครต้องการแลกเปลี่ยนแต้มดารากับสมบัติที่แสดงอยู่บนชั้นสี่ นอกจากแต้มดาราแล้ว มันยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมบางประการ และหากไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้ แม้ว่าจะมีแต้มดาราเพียงพอ คนผู้นั้นก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีนึกถึงชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่ตนใฝ่ฝันอยู่ในใจ ซึ่งแน่นอนว่า มันก็มีเงื่อนไขเพิ่มเติม คือต้องได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋าภายในแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า!

ชั้นสี่ของโถงแต้มดารานั่นใหญ่โตและกว้างขวาง เมื่อเฉินซีมาถึง ก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าอากาศเต็มไปด้วยข้อจำกัดโบราณอันน่าสะพรึงกลัวอยู่เป็นชั้น ๆ

ด้วยความรู้ของเฉินซีที่มีต่อเต๋าแห่งยันต์อักขระ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว เพราะตระหนักดีว่าถ้าเผลอทำอะไรผิดแผกที่นี่ เขาคงถูกทำลายล้างในทันที

ห้องโถงนั้นเงียบสงัด และมีเพียงชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตรงมุมของห้องโถง เขามีท่าทางสงบและสุขุม ในมือถือคัมภีร์โบราณที่จารึกไว้บนหยกพลางอ่านอย่างระมัดระวัง โดยที่มืออีกข้างกำลังเล่นหมากล้อมบนโต๊ะด้วยนิ้วทั้งสอง กำลังเพลิดเพลินไปกับตัวเองอย่างแท้จริง

ชายคนนั้นมีรูปลักษณ์ที่ดูธรรมดา ผิวขาวผ่อง ท่วงท่าสงบ และสง่างาม แต่ที่หว่างคิ้วกลับมีกลิ่นอายของอายุและประสบการณ์ ราวกับผ่านวันเดือนปีมามากมายนับไม่ถ้วน

เมื่อมองจากระยะไกล เฉินซีรู้สึกราวกับไม่ได้กำลังมองสิ่งมีชีวิต แต่เป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่กว้างใหญ่และลึกล้ำอย่างไร้ขอบเขต

ความรู้สึกเช่นนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเกินไป และทำให้เฉินซีเคารพอย่างอดไม่ได้

นี่ต้องเป็นผู้อาวุโสของสำนักที่มีพลังฝีมือไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

ดวงตาของเฉินซีเพ่งมองออกไป พลันตัดสินได้ทันทีว่า ถึงแม้คนผู้นี้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนชายหนุ่ม แต่กลับมีกลิ่นอายน่าเกรงขามที่กว้างใหญ่ ราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนหนุ่มสาวทั่วไปจะครอบครองได้

เมื่อเทียบกัน มันถึงขั้นที่แม้แต่หวังต้าวหลูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยังดูด้อยกว่า!

เขาเป็นใครกัน?

ความสงสัยได้ผุดในใจของเฉินซี ทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้องโถง ชายคนนี้ก็ไม่เคยเงยหน้าขึ้นมา ไม่สังเกตเห็นผู้ใด

อย่างไรก็ตาม หวังต้าวหลูก็ไม่คิดที่จะแนะนำชายผู้นั้น เขาพาเฉินซีมุ่งไปที่ชั้นวางสมบัติทันที

“ดูสิ นี่คือรางวัลที่เจ้าจะได้รับ”

มีเพียงสมบัติชิ้นเดียวที่แสดงอยู่บนชั้น และมันเป็นชิ้นส่วนที่มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ มีขนาดเพียงฝ่ามือ มันถูกปิดผนึกไว้ในกล่องหยก และเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่คลุมเครือ

ป้ายที่หน้ากล่องหยก จารึกคำว่า ‘ชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหล’ เงื่อนไข : แต้มดารา หนึ่งร้อยหกสิบล้านแต้ม!

เฉินซีตกตะลึง ทั้งยังประหลาดใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลังจากที่สามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศในการถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนักแล้ว เขาจะได้รับรางวัลล้ำค่าเช่นนี้!

ที่สำคัญที่สุด นี่คือสมบัติที่เขาใฝ่ฝันถึง!

หรือว่าสำนักจะรู้ว่าข้าหมายตาสิ่งนี่?

เฉินซีรีบไตร่ครองอย่างอดไม่ได้

“ประสิทธิภาพของสมบัตินี้ไม่อาจหยั่งรู้ได้ และมันมีประโยชน์อย่างน่ามหาศาล แม้ตัวข้าจะอยากได้มันก็ตาม แต่น่าเสียดายตามกฎของสำนัก มีเพียงผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้รับสมบัติชิ้นนี้”

ในขณะนี้ เมื่อหวังต้าวหลูมองไปที่ชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหล ใบหน้าปรากฏร่องรอยของความอิจฉาที่ไม่อาจปกปิดได้ เห็นได้ชัดว่าผู้ที่มีการบ่มเพาะในขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นอย่างเขา ก็ยังถูกดึงดูดโดยสมบัตินี้เช่นกัน

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างลังเล “ผู้อาวุโส ถ้าข้าต้องการสมบัติชิ้นนี้ ข้าคงไม่ต้องจ่ายแต้มดาราหนึ่งร้อยหกสิบล้านแต้ม ใช่หรือไม่?”

หวังต้าวหลูอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ย่อมไม่”

ในขณะที่กล่าว หวังต้าวหลูก็สะบัดแขนเสื้อ บังเกิดแสงที่เปล่งประกาย และดึงชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลพร้อมกับกล่องหยกออกมา จากนั้นก็ส่งมันให้เฉินซี “เจ้ากำลังจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์ในไม่ช้า ชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลนี้ มีกลิ่นอายของแก่นแท้ของมหาเต๋า ซึ่งสามารถรับประกันได้ว่าในยามที่บรรลุขอบเขต เจ้าจะกลายเป็นหนึ่งในเซียนปราชญ์โดยกำเนิดอย่างแน่นอน”

เฉินซีรีบรับมันด้วยทั้งสองมือ จากนั้นจึงถามว่า “กลิ่นอายของแก่นแท้มหาเต๋าหรือ?”

“มันมากกว่านั้น” หวังต้าวหลูส่ายศีรษะ “นั่นเป็นเพียงหนึ่งในวิธีใช้งานที่ยอดเยี่ยมของสมบัตินี้ ซึ่งเจ้าจะเข้าใจถึงประโยชน์ของมัน หลังจากที่เจ้าขัดเกลาและดูดซับมันแล้ว”

เฉินซีพยักหน้าแล้วเก็บกล่องหยกอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มได้รับพลังแก่นแท้ของมหาเต๋ามาจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลเพื่อบ่มเพาะ

ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คิดจะใช้มันกับตัวเอง และตั้งใจจะมอบมันให้กับหม้อใบจิ๋วแทน

“หลังจากที่เจ้าจากไปแล้ว จงบ่มเพาะอย่างเหมาะสม เพราะแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าจะเปิดในอีกไม่ถึงสามปีนับจากนี้ หากเจ้าสามารถบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ได้ในช่วงเวลานี้ ผลประโยชน์ที่เจ้าจะได้รับก็จะมากขึ้น” หวังต้าวหลูยิ้มแล้วกล่าวให้กำลังใจเฉินซี จากนั้นจึงพาอีกฝ่ายออกไป

ในระหว่างที่กลับ เฉินซีเหลือบมองไปที่ชายที่นั่งตรงมุมห้องโถงอย่างอดไม่ได้ เพราะเขายังคงรู้สึกว่า แม้ชายผู้นั้นจะดูเหมือนกำลังอ่านคัมภีร์พร้อมกับเล่นหมากล้อม แต่แท้จริงแล้ว กลับคอยสังเกตตนมาโดยตลอดตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในห้องโถง

นี่เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

เมื่อพวกเขาออกจากโถงแต้มดารา เฉินซีก็ไม่สามารถหักห้ามใจได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงถามหวังต้าวหลูด้วยเสียงแผ่วเบา “ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสที่อยู่บนชั้นสี่คือผู้ใดกัน?”

ดูเหมือนหวังต้าวหลูจะคาดการณ์ว่าเฉินซีจะต้องถามคำถามนี้ รอยยิ้มที่แฝงด้วยความหมายอันลึกซึ้งก็ปรากฏที่มุมปากราง ๆ “ ในอนาคตเจ้าจะรู้เอง”

เฉินซีแทบไม่อาจห้ามตัวเองจากการกลอกตาได้ …ตาเฒ่าเหล่านี้ชอบทำให้ผู้อื่นสงสัยจริง ๆ!

อันที่จริง เขามีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่ยังไม่กล้ายืนยันเท่านั้น

หลังจากที่เฉินซีและหวังต้าวหลูจากไป ชายหนุ่มที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ที่มุมของห้องโถงบนชั้นสี่ จู่ ๆ ก็พลันยิ้มกว้างและวางคัมภีร์หยกสีเขียวอ่อนในมือลง

บนโต๊ะมีกระดานหมากล้อมวางอยู่ มันเก่าแก่และอบอวลไปด้วยแสงของดาวที่เย็นเฉียบ

อย่างไรก็ตาม มันกลับดูไม่เหมือนกระดานหมากล้อม เนื่องจากบนกระดานไม่มีเส้นแนวนอนและแนวตั้งตัดกัน มีเพียงดวงดาวอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

เมื่อมองเข้าไป ก็เหมือนกับสามารถมองเห็นเส้นทางที่นำไปสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในจักรวาลได้

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อ นิ้วชี้ขยับไปมาบนกระดานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับหยาดฝนที่ตกกระทบ และดังก้องกังวานด้วยเสียงอันทรงพลังที่เปี่ยมด้วยพลังสังหาร

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ความผันผวนอันแปลกประหลาดก็สั่นสะเทือนไปรอบ ๆ จากนั้นร่างของวิหคอมตะที่แท้จริงและมังกรเขียวก็ปรากฏบนกระดาน พวกมันแหวกว่ายไปมาบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พร้อมกับพลังอำนาจสูงสุด

“เข้ามา” ชายหนุ่มกล่าวอย่างใจเย็น

ในเวลาต่อมา เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วเก็บกระดานออกไป

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าดังก้องมาจากทางเข้าของห้องโถงชั้นสี่

“ท่านเจ้าสำนัก เราสามารถยืนยันได้อย่างคร่าว ๆ ว่า สำนึกศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาล ล้วนเป็นเบี้ยของนิกายอำนาจเทวะ เราควร…” ผู้ที่มาถึงมีรูปร่างผอมเพรียว ผมสีขาวกระเซอะกระเซิง รอยย่นปกคลุมใบหน้า และเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่โหดเหี้ยม เขาคือฉือฉางเซิง อาจารย์ใหญ่ของฝ่ายใน ทว่าในขณะนี้ ชายชราได้ควบคุมกลิ่นอายโหดเหี้ยมของตนไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ

เหตุผลนั้นง่ายมาก มีเพียงคนเดียวในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าที่สามารถทำให้ฉือฉางเซิงมีท่าทีดังกล่าวได้ เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มที่อยู่หลังโต๊ะคือเจ้าสำนักของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า!

แม้จะเรียกคนผู้นี้ว่าชายหนุ่ม แต่ก็เป็นแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับคนผู้นี้ ก็จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความอาวุโสและประสบการณ์อันมากมาย

“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพวกมันเป็นเพียงเบี้ย แล้วไยต้องพรากชีวิตของพวกมันด้วย? ปล่อยพวกมันไปเถิด” ชายผู้นั้นกล่าวอย่างสบาย ๆ ก่อนที่จะหยิบคัมภีร์หยกสีเขียวอ่อนขึ้นมา และอ่านมันอีกครั้ง

ฉือฉางเซิงตกตะลึง จากนั้นก็กล่าวอย่างไม่พอใจ “มันคงน่าเสียดายแย่ ถ้าเราไม่ฆ่าพวกมันซะ”

“ถ้าเราฆ่าพวกมัน ภพเซียนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ บางที นั่นอาจเป็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของนิกายอำนาจเทวะ ดังนั้นจงอดทนไว้ แล้วรอข่าวจากซากโบราณสถานแรกกำเนิด” ชายหนุ่มกล่าวเบา ๆ ดวงตาลึกและมืดมน ราวกับมีแม่น้ำแห่งดวงดาวกำลังไหลเอื่อยอย่างไม่สิ้นสุดภายในนั้น

“ซากโบราณสถานแรกกำเนิด…” ดวงตาของฉือฉางเซิงส่องประกาย และดูคันไม้คันมืออย่างมาก “เราควรสอดมือเข้าไปหรือไม่?”

“ความทุกข์ยากนั่นมีมากมาย อย่าไปจะดีกว่า” จู่ ๆ ชายหนุ่มก็วางคัมภีร์หยกในมือลง จากนั้นก็เงียบเป็นเวลานาน แล้วจึงกล่าวว่า “นั่นคือสถานที่ที่กลียุคของทั้งสามภพจะเริ่มต้นขึ้น หากไปที่นั่นในเวลานี้ แม้แต่ผู้เป็นราชันเซียนก็อาจพินาศ…”

ภายในห้องกระบี่

หลังจากที่เฉินซีกลับมา ก็แทบรอไม่ไหวที่จะบอกข่าวดีกับหม้อใบจิ๋ว และมอบชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลให้นาง อย่างไรก็ตาม เขากลับต้องผิดหวัง เพราะหม้อใบจิ๋วกำลังพาร่างอวตารไปบ่มเพาะเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก และไม่มีเวลาที่จะมาพบกับเขาแม้แต่น้อย

“ช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ…” เฉินซีสามารถสัมผัสถึงสถานะในการบ่มเพาะของร่างอวตารได้ และมันไม่ใช่แค่สิ่งที่สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่าน่ากลัวเพียงอย่างเดียว!

ณ ปัจจุบัน ข้าได้บรรลุขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูงแล้ว และหญิงสาวลึกลับที่ชื่อเตียนเตี้ยนคนนั้น อาจจะมาหาข้าภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี ในยามนั้น ถ้าข้าได้รับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก มันคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และเข้าสู่การไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง! รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท