มีอะไรคิดไม่ถึง โจวเสวียนมองดูหญิงสาวตรงหน้า
งานเลี้ยงตระกูลฉางพบกันหนึ่งครั้ง บนทางภูเขาถึงแม้เขาจะปิดครึ่งหน้าแต่ก็ถือว่าพบกันหนึ่งครั้ง เรื่องที่เกิดขึ้นในสองเดือนนี้ การพบหน้าเป็นเรื่องง่ายดาย
ทำท่าทางเหินห่างเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
มุมปากของโจวเสวียนเผยรอยยิ้มบาง “ดูท่าคุณหนูตันจูไม่อยากพบข้า”
หากบอกว่าไม่อยากก็ไม่อยากนัก สายตาของเฉินตันจูมองเห็นชายผู้เมาสุราดุจดั่งขอทานนั้นผ่านชายหนุ่มที่มีใบหน้างดงาม แต่งกายสง่างาม เขาก็เป็นคนน่าสงสาร
เหตุใดเวลานี้คนน่าสงสารคนนี้ต้องมาสร้างความลำบากใจให้แก่คนน่าสงสารอย่างนาง
“ข้าอยากพบหรือไม่อยากพบไม่สำคัญ” เฉินตันจูพูดเสียงเบา “คุณชายโจวมีเรื่องอันใด เข้ามาพูดเถิด”
นางเดินออกห่างจากริมหน้าต่าง
โจวเสวียนก้าวเท้าข้ามผ่านสวนไป เมื่อเดินมาถึงบริเวณทางเดินจึงชะงักลง มองชิงเฟิงที่ลุกขึ้นยืนแล้ว “เจ้าไม่เกรงใจเสียจริง”
ชิงเฟิงพูดเสียงเบา “คุณชายท่านบอกให้เกรงใจเล็กน้อยไม่ใช่หรือ”
ดังนั้นเขาเพียงแค่บุกรุกเข้ามาแสดงตัวตน ไม่ได้ลงมือจริงจังกับองครักษ์ อีกทั้งไม่ได้ข่มขู่คุณหนูตันจูแม้แต่น้อย
“อีกทั้งไม่ใช่ข้าไม่เกรงใจ” ชิงเฟิงหัวเราะ “แต่คุณหนูตันจูเกรงใจเกินไป”
โจวเสวียนระอา คิดภายในใจ เจ้าเคยเห็นเจ้าบ้านที่เกรงใจทิ้งแขกไว้เชิงเขาอย่างไม่สนใจ แต่ปรนนิบัติคนรับใช้อย่างดีหรือ
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้สึกว่าองครักษ์คนนี้โง่เขลา เขามองเข้าไปภายในห้อง เฉินตันจูยืนอยู่บริเวณหน้าประตูแล้ว หญิงสาวอายุสิบหกสิบเจ็ด ตัวเล็กอ่อนแอ…ไม่มีผู้ใดคิดว่านางเป็นศัตรู
การดูถูกคืออาวุธที่ทำลายชีวิตได้ง่ายที่สุด
แต่โทษชิงเฟิงทั้งหมดไม่ได้ หากเป็นหญิงสาวคนอื่นที่ประสบเหตุการณ์มีคนบุกรุกเข้ามา หากไม่หวาดกลัว ก็คงขุ่นเคือง หรือไม่ก็เรียบเฉย แต่ไม่ว่าอย่างไร ย่อมต้องซักถามเจ้านายทันที…ผู้ใดจะรั้งให้องครักษ์ที่บุกรุกเข้ามากินดื่มสนทนาอย่างสนุกสนาน
ไม่เป็นไปตามวิสัยอย่างสิ้นเชิง แปลกประหลาดอย่างมาก!
โจวเสวียนเดินเข้ามา อาเถียนพาจู๋หลินเดินเข้ามาเช่นกัน ในมือของอาเถียนถือชาเอาไว้ แต่ในมือของจู๋หลินว่างเปล่า เขายืนอยู่ข้างตัวของเฉินตันจู มองโจวเสวียนอย่างระแวง
โจวเสวียนเหลือบมองเขา “ไม่ต้องมองข้าเช่นนั้น ข้ากลัวแม่ทัพหน้ากากเหล็กอย่างมากเช่นเดียวกัน”
จู๋หลินยืนนิ่งไม่พูดแม้แต่น้อย
ดู นี่คือความแตกต่าง เฉินตันจูคิดภายในใจ เวลานี้ไม่ควรจะเล่าลือความเก่งกาจของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ไม่เอาผิดกับโจวเสวียน นางเหลือบมองชิงเฟิงที่ยืนอยู่ด้านนอก ชิงเฟิงราวกับกำลังลังเลว่าจะเข้ามาหรือไม่ จากนั้นเยี่ยนเอ๋อกำลังถือชามถามเขาว่าต้องการลิ้มลองหรือไม่…
“คุณชายโจวพูดเล่นแล้ว” เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ ควรจะเรียกว่าท่านโหวโจว”
โจวเสวียนพูด “คุณหนูตันจูไม่กลัวแม้แต่ฮ่องเต้ ข้าเป็นแค่ท่านโหวเท่านั้น” ไม่ต้องให้นางเชิญ เขาก็นั่งลงด้วยตนเอง
“คุณชายโจวมาหาข้าด้วยเรื่องใด” เฉินตันจูนั่งลงเช่นเดียวกัน ก่อนจะแสดงท่าทางกังวลเล็กน้อย “ฮองเฮาลงโทษข้าแล้ว…”
“คุณหนูตันจูไม่ต้องแสร้งทำเช่นนี้ หยิบเอาท่าทางตอนที่ท่านทะเลาะกับคุณหนูเหล่านั้นออกมา” โจวเสวียนพูด
เฉินตันจูยิ้มอย่างเขินอาย “คุณชายโจวไม่ใช่คุณหนู”
โจวเสวียนหัวเราะออกมา
“เฉินตันจู!” เขาเรียกอีกครั้ง
เฉินตันจูไม่ได้หัวเราะ มองเขาอย่างไร้เดียงสา
“เปิดประตูพบภูเขา ข้าบอกจุดประสงค์ที่ข้ามา” โจวเสวียนหยิบภาพวาดหนึ่งวางลงบนโต๊ะ “จวนนี้ ข้าจะซื้อ”
เฉินตันจูคลี่ภาพวาดนั้นออก จวนที่ทั้งแปลกตาทั้งคุ้นเคยปรากฏอยู่ตรงหน้า ในขณะที่นางกำลังครุ่นคิด อาเถียนที่อยู่ด้านหลังพูดออกมา “จวนของพวกเรา”
อืม อย่างไรนางไม่ได้อยู่จวนมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว หลังจากเกิดใหม่ก็กลับไปเพียงแค่ครั้งสองครั้ง ทั้งรู้สึกขบขันทั้งเศร้าใจ แม้แต่จวนของตนเองยังจำไม่ได้
“คุณชายโจวจะซื้อหรือ” เฉินตันจูถาม สายตาจ้องมองภาพวาด
โจวเสวียนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พูดเสียงเรียบเฉย “ฝ่าบาทใช้พระราชวังอู๋เป็นพระราชวังหลวง ข้าโจวเสวียนใช้จวนของเฉินเลี่ยหู่เป็นจวนโหว สมเหตุสมผลไม่ใช่หรือ”
ความหวังของฮ่องเต้และโจวชิงคือกำจัดเหล่าท่านอ๋อง รวบรวมต้าเซี่ยเป็นหนึ่งเดียว เวลานี้ไม่มีท่านอ๋องอู๋แล้ว ขุนนางอ๋องเฉินเลี่ยหู่ก็ไม่มีแล้ว โจวชิงตายไปแล้ว คนรุ่นหลังของเขาย่อมต้องให้บิดาดื่มด่ำกับความสำเร็จ
เรื่องปกติของมนุษย์ สมเหตุสมผล
เฉินตันจูมองดูภาพวาดไม่พูดไม่จา อาเถียนยืนร้อนใจอยู่ด้านหลัง น้ำตาแทบจะไหลรินออกมา นางกำมือแน่น เพียงแค่คุณหนูบอก นางย่อมไม่เกรงกลัวว่าโจวเสวียนจะเป็นบุรุษไม่ใช่คุณหนู นางจะพุ่งเข้าไปตีอีกฝ่ายทันที
เฉินตันจูปิดภาพลง มองโจวเสวียน “คุณชายโจวให้เท่าใด”
เอ๊ะ? อาเถียนผงะ
โจวเสวียนยกยิ้มมุมปาก “ตามราคาตลาด ตามราคาจวนที่สูงที่สุดในเมืองหลวงนี้”
ฉลาด รู้ว่าเขาแตกต่างจากตระกูลชนชั้นสูงเหล่านั้น หากแย่งชิงคงไม่ชนะ ดังนั้นจึงคิดจะใช้ราคามาปิดปากเขาหรือ
เฉินตันจูยิ้ม “ไม่ปิดบังคุณชาย ตอนที่ท่านพ่อจากไป ท่านทิ้งจวนแห่งนี้ไว้ให้ข้าเพื่อให้ข้าขายทิ้ง แต่ว่าชื่อเสียงของท่านพ่อข้า จวนแห่งนี้ข้าก็ขายไม่ออก เวลานี้เป็นการดีได้พบกับคุณชายโจว เหมาะสมยิ่งนัก”
โจวเสวียนเลิกคิ้ว “คุณหนูตันจูคิดได้เช่นนี้ดียิ่งนัก”
“แต่ว่า” เฉินตันจูพูดขึ้นอีกครั้ง “เรื่องกะทันหันเกินไป ข้าไม่ได้เตรียมการแม้แต่น้อย เวลานี้ข้าตัวคนเดียวในเมืองหลวง จวนหลังนี้เป็นเงินเลี้ยงชีพของข้า ขอให้คุณชายโจวขยายเวลาให้ข้าได้ตีราคา”
โจวเสวียนยิ้ม “ได้” แต่อย่าคิดที่จะยืดเวลาไปตลอด เขาลุกขึ้นยืน “ข้ากำลังจะถูกสถาปนา ให้เวลาคุณหนูตันจูห้าวัน”
เฉินตันจูตอบรับ “ห้าวันก็พอแล้ว ขอบคุณคุณชาย”
โจวเสวียนยกเท้าเดินไปทางด้านนอก เฉินตันจูเดินตามไปส่ง โจวเสวียนชะงักเท้าลงอย่างกะทันหัน “เฉินตันจู อย่าคิดจะใช้ราคาสูงมาเป็นเหตุผล”
เฉินตันจูส่ายหัว “ไม่อย่างแน่นอน บอกแล้วว่าเป็นการซื้อขาย ย่อมต้องสมเหตุสมผล”
โจวเสวียนมองนาง “คุณหนูตันจูรู้ทันเหตุการณ์เช่นนี้ ทำให้คนประหลาดใจยิ่งนัก”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา “ไม่ต้องประหลาดใจ อันที่จริงข้ารู้ทันเหตุการณ์เช่นนี้มานานแล้ว มิฉะนั้นคงไม่ได้พบกับคุณชายโจวในวันนี้”
หากไม่ใช่รู้ทันเหตุการณ์ นางจะทรยศท่านพ่อและท่านอ๋องอู๋ ต้อนรับฮ่องเต้เข้ามาได้อย่างไร
มิฉะนั้นราชสำนักทำสงครามกับเมืองอู๋ขึ้นมา เวลานี้หากไม่ใช่ทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด ตระกูลของนางก็คงตายไปแล้ว
เมื่อได้ยินประโยคนี้ โจวเสวียนก้าวเท้าไปด้านหน้าทันที ราวกับต้องการปะทะเข้ากับเฉินตันจู เฉินตันจูรีบก้าวถอยหลัง โจวเสวียนยื่นมือจับหัวไหล่ของนางเอาไว้…
เฉินตันจูตะลึงแต่ไม่อาจขยับตัวได้ มองดูโจวเสวียนที่เข้าใกล้ เขาพูดเสียงเบา “เฉินตันจู ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าเชื่อหรือไม่”
พวกเขาทั้งสองอยู่ใกล้กันอย่างมาก เสียงพูดของโจวเสวียนไม่ดังนัก แต่ภายในห้องเล็กเกินไป อีกทั้งเงียบสงบ คำพูดของเขาจู๋หลินและอาเถียนที่ตามอยู่ด้านหลังก็ได้ยิน
เมื่อเห็นการกระทำของโจวเสวียน จู๋หลินตัวตรงรีบย่างเท้า เมื่อได้ยินคำพูดนี้จึงถีบเข้าไป…
เฉินตันจูไม่ได้หวาดกลัว ไม่ได้ร้องไห้ เพียงแต่จ้องมองดวงตาของโจวเสวียน ดวงตาคู่นี้อยู่ใกล้เพียงนี้ ใกล้เสียยิ่งกว่าตอนที่พบเขาบนพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ ดวงตาดำขลับลึกล้ำดุจบ่อน้ำ ภายในบ่อน้ำเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย…
“ข้า” นางหลุบตาต่ำลงพูด “เชื่อ”
โจวเสวียนปล่อยนางออก “เชื่อก็ดี” ก่อนจะก้าวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
จู๋หลินถีบไม่โดนโจวเสวียน ได้แต่มองแผ่นหลังที่เดินจากไปของเขา ไม่ได้ตามไป