ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit – ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit – บทที่ 608

ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit - บทที่ 608

608 – รอก่อน!
ตู้มมม!
รูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับประกายสีทองไปที่ร่างของ
หลงฮู่ และคนอื่นๆ เรืองแสงสีทองเหล่านี้อักแน่นไป
ด้วยโบราณวัตถุ น้าอมฤต ทักษะการต่อสู้ และอื่นๆ
แต่สิ่งเหล่านี่ไม่ได้ถือว่ามีค่าเลย
ผู้คนเองก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆออกมา
จากรางวัลนั้น มันแสดงให้เห็นว่ารูปปั้นจักรพรรดิผู้
ล่วงลับไม่พอใจอย่างมากกับพรสวรรค์ของเหล่าศิษย์
โจรวปี่ฮวาและหลินเฟิงเซี่ยวได้แลกเปลี่ยนความ
คิดเห็นกัน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความจริงที่ว่าพวกเขา
เป็นศัตรูกันมาก่อน ตอนนี่พวกเขาก็อยู่ฝ่ายเดียวกัน
แล้ว ดังนั่นการแสดงออกของทั้งสองจึงตึวเครียดขึ้นมา
โดยจิตใต้ส้านึก
รางวัลพวกนั่นไม่ได้มีความส้าคัญอะไร สิ่งที่จะเกิดขึ้น
ต่อไปนี้ต่างหากที่คือความกังวลที่แท้จริงของพวกเขา
ในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุผลบางอย่างบรรยากาศของ
สถานที่นี้ก็แข็งทื่อขึ้นมา
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ยังไม่รู้ถึงสิ่งต่างๆ มองไปที่ตี่
เฟิงยวินราวกับว่าพวกเขาตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง
ตุบ! (เสียงกระแทกหนักๆ)
!!!
ตี่เฟิงยวินคุกเข่าลง ขณะที่เขาเปล่งเสียงค้ารามด้วย
ความจริงใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า “มหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
ท่านได้สร้างอาณาจักรนภาลัยโบราณขึ้น มีการ
สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่! ยังไงก็ตาม แม้อาณาจักรนภาลัย
โบราณจะถือเป็นหนึ่งในสี่กลุ่มที่ทรงมหาอ้านาจ แต่ถึง
กระนั่นก็มีวิกฤตอันใหญ่หลวงเกิดขึ้น! คนรุ่นใหม่ของ
อาณาจักรนภาลัยโบราณขาดพรสวรรค์ ฉะนั้น
อาณาจักรของเราจึงแตกต่างจากกลุ่มอื่นๆอย่าง
สิ้นเชิง!!”
“ผู้รับใช้ตี่เฟิงยวิน ขอวิงวอนต่อนายท่านของข้าในการ
เปิดค่ายกล ให้ข้าได้สามารถมีส่วนร่วมในการ
ทดสอบ!… ข้าจะไม่เสียใจไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง!!”
ค้าพูดของเขาถูกเปล่งออกมาราวเสียงค้ารามสายฟ้า
ปลุกให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายตื่นจากอาการตกใจจนตา
ค้างของตน
ไอ้เจ้าตี่เฟิงยวินนี่มันเล็งที่จะเอาสมบัติภายในรูปปั้นไว้
นิ!
มันก้าลังจะเกิดขึ้นแล้ว!
ความคิดมากมายผุดขึ้นในจิตใจของโจรวปี่ฮวาและ
หลินเฟิงเซี่ยว ท้าให้พวกเขาจ้องมองด้วยดวงตาที่
แหลมคม
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ตี่เฟิงยวินพยายามที่จะเอาสมบัติ!
อย่างไรก็ตาม ในความพยายามก่อนหน้านี้ เขาก็
ล้มเหลวอย่างเต็มประตูในรอบแรก!
มันอาจจะเป็นว่าเขามีบางอย่างที่จะช่วยให้เขา
สามารถเพื่อเปิดค่ายกลของรอบแรกได้งั้นหรอ?
นอกจากพวกเขาแล้ว ขุนนางทั้งสิบและเสนาบดีต่างก็
สงสัยหลังจากที่พวกเขารวบรวมความคิด
พรึบบ!
ในตอนนั้นเอง รูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับก็สั่นสะเทือน
อย่างรุนแรง ขณะที่ปล่อยล้าแสงสีทองไปสู่
สภาพแวดล้อมรอบข้าง ราวกระแสน้าที่ก่อตัวกันเป็น
เกีลยวคลื่นบนมหาสมุทร
รูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับได้ตอบรับค้าวิงวอนของตี่
เฟิงยวิน!
พรึบบ!
ในเวลานั้น ก็ได้มีแสงสีม่วงถูกปล่อยออกมาจากศีรษะ
ของรูปปั้น ซึ่งมันขยายตัวเร็วเหมือนงูยักษ์ในค่ายกลสี
ม่วงลึกลับที่ลอยอยู่บนหน้าอก
“ค่ายกลจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
“ครั้งล่าสุด ตี่เฟิงยวินล้มเหลวในการเปิดค่ายกล งั้น
ตอนนี้เขาจะท้าอะไรกันนะ?”
“เขาต้องมีความมั่นใจถ้าเขาตัดสินใจวิงวอนต่อรูป
ปั้น!”
ผู้เชี่ยวชาญและเสนาบดีต่างกังวลใจ ซึ่งไม่ยอมที่จะ
กระพริบตาแม้แต่น้อย
“กุญแจจักรพรรดิ!”
ในตอนนั้นเอง ตี่เฟิงยวินลุกขึ้นจากพื้นและส่งเสียง
ค้ารามที่ยิ่งใหญ่ พร้อมกับใช้พลังอ้านาจแห่งขอบเขต
ราชันย์จักรพรรดิในร่างเรียกกุญแจยักษ์ขนาดเท่าแขน
ออกมา ซึ่งกุญแจมีสีม่วงและเปล่งแสงเช่นเดียวกับค่าย
กล!
ผู้คนรวมทั้งโจรวปี่ฮวา หลินเฟิงเซี่ยว และคนอื่นๆ
ต่างตกตะลึง
“กุญแจจักรพรรดิ! เขามีกุญแจจักรพรรดิ!”
“กุญแจจักรพรรดิ! นั่นเป็นหนึ่งในโบราณวัตถุที่
จักรพรรดิผู้ล่วงลับทิ้งไว้ ซึ่งถูกใช้เฉพาะเพื่อเปิดค่ายกล
ต่างๆ! แต่มันไม่ได้ถูกท้าลายหรอกเรอะ? เขาไปเจอมัน
ได้ยังไงกัน?”
“นั่นไงละไพ่ตายของเขา!”
ดวงตาของโจรวปี่ฮวาวูบวาบอย่างเยือกเย็น เขาบินขึ้น
ในอากาศทันที และกระทืบเท้า ปลดปล่อยการ
ปราบปรามแห่งขอบเขตเทวะออกมา
เขามีกุญแจจักรพรรดิ!
ค่ายกลก้าลังจะเปิด!
ข้าต้องหยุดเขาไม่ว่ายังไงก็ตาม!!
ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ส่งเสียงไปยังวิหคเพลิงโลหิต!
คนของตี่เฟิงยวินได้เตรียมพร้อมส้าหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว
ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่สัตว์อสูรศักดิ์สอทธิ์ทั้งสองจะได้
ปรากฏตัว!!
“โจรวปี่ฮวา เจ้าพยายามจะท้าอะไรไม่ทราบ?” พยัคฆ์
ขาวนภาค้ารามจ้องมองอย่างโหดเหี้ยม
เป็นเวลาเดียวกัน กับที่มีฝ่ามือยักษ์ใหญ่คว้าที่ไหล่ของ
พยัคฆ์ขาวอย่างแน่นหนา ซึ่งคือองค์จักรพรรดินภาลัย
โบราณ
“ท่านพยัคฆ์ขาว อย่าตื่นตระหนกไปเลย ผู้น้ากองพัน
โจรวมีเหตุผลอย่างแน่นอน”
จักรพรรดินภาลัยโบราณเอ่ยออกมาเบาๆ
พยัคฆ์ขาวนภาค้ารามโกรธทันที แต่แม้จะมีการต่อสู้
มันก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากมือของเขาไปได้!!
ฝ่ามือหนักแน่นดั่งภูเขา การปราบปรามโบราณ!
หวูบบบ!
โจรวปี่ฮวาลงมาสู่พื้นเช่นเทพปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว
ซึ่งมือของเขาคว้าไปที่ร่างของตี่เฟิงยวินอย่างไม่ลังเล
“หยุดมัน!”
ฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยพลังอันน่าเกรงขาม แม้กระทั่งขั้น
สูงสุดขอบเขตราชันย์จักรพรรดิอย่างตี่เฟิงยวิน ก็ไม่
อาจมีโอกาสต่อต้านได้
“โจววปี่ฮวา ข้ารู้ว่าท่านจะมาหยุดข้า! แต่ช่างน่า
เสียดายนะ….ที่ไม่มีใครจะสามารถหยุดข้าได้ในวันนี้!!”
ตี่เฟิงยวินส่งเสียงค้ารามพร้อมกับร่างสีขาวที่ระเบิด
ออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งคือร่างจ้าแลงของพยัคฆ์
ขาวนภาค้าราม
ขณะที่ร่างจ้าแลงของพยัคฆ์ขาวนภาค้ารามปรากฏ
มันก็หวดกรงเล็บทันที ซึ่งปล่อยรัศมีอันทรงพลังออกมา
พุ่งตรงไปยังทิศทางของโจรวปี่ฮวา
ดวงตาของโจรวปี่ฮวาเบิกกว้างในทันที
แม้กระทั่งจักรพรรดินภาลัยโบราณเองก็ยังประหลาด
ใจเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน รอยยิ้มอันน่าเกลียดก็ปรากฏขึ้นบน
ใบหน้าของพยัคฆ์ขาวนภาค้าราม
พยายามที่จะหยุดพวกข้าหรอ?
ไม่มีทางหรอกไอ้พวกโง่!!
การต่อสู้ได้เกิดขึ้นทันที ร่างของโจรวปี่ฮวาถูกปกคลุม
ด้วยเปลวเพลิงดั่งวิหคเพลิง ขณะที่เขาพุ่งไปที่ร่าง
จ้าแลงพยัคฆ์ขาวนภาค้าราม…. ในเพียงพริบตาร่าง
จ้าแลงนั่นก็สลายเป็นชิ้นๆ
ในขณะเดียวกัน เขาก็สับสนไปด้วย ท้าไมวิหคเพลิง
โลหิตและราชันย์เต่าทมิฬถึงยังไม่ปรากฏตัวอีกละ?
มันจะสายเกินไปที่พวกเขาจะปรากฏจัวในไม่ช้าแล้ว!!
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น ตี่เฟิงยวินได้ท้าการ
เคลื่อนไหว
กุญแจจักรพรรดิส่องแสงเจิดจ้า เมื่อมันแทรกเข้าไปใน
ค่ายกลสีม่วง
คลิก
ราวกับว่าโลกได้เข้าสู่ความเงียบ ที่มีเพียงเสียงของ
ประตูที่ถูกปลดล็อคเท่านั้นที่ดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ
โดยรอบ
ตึ้งงงงง!!! (เสียงดังก้อง)
การระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้น ณ ด้านบนเก้า
สวรรค์
แสงสีทองอันงดงามถูกยิงออกมาจากรูปปั้น ซึ่งปก
คลุมร่างของตี่เฟิงยวินราวหม้อใบยักษ์
ในขณะเดียวกัน ภาพลวงตาของอัศวินก็ปรากฏอยู่ใน
เรืองแสงสีทอง
“ค่ายกลถูกเปิดแล้ว เจ้าได้ผ่านรอบแรกของการ
ทดสอบ!”
อัศวินพูดด้วยน้าเสียงที่เยือกเย็น
อัศวินผู้นี้เป็นจิตวิญญาณผู้พิทักษ์ของรูปปั้นจักรพรรดิ
ผู้ล่วงลับ!
“ตี่เฟิงยวิน! เจ้าออกมาจะดีกว่า! หมัดวิหคเพลิงไร้
พ่าย!!”
การแสดงออกของโจรวปี่ฮวาเปลี่ยนไปขณะที่เขา
ตะโกน ร่างนับไม่ถ้วนของวิหคเพลิงถูกปล่อยออกมา
จากก้าปั้นของเขา รวมเข้ากับเปลวเพลิงอันโหดร้ายที่
กระแทกเข้าใส่ก้าแพงสีทอง
ตู้มมม!
แววตาของอัศวินวูบวาบอย่างเยือกเย็น ขณะที่เขา
กระทืบเท้าและเหวี่ยงหมัด
ตู้มมม!
โจรวปี่ฮวาสะดุ้งตกใจ ขณะที่สัมผัสได้ถึงพลังอันน่า
สยดสยองที่ใกล้เข้ามา ซึ่งกระแทกเข้าใส่ร่างของเขาจน
ถอยออกไปหลายร้อยก้าว!
อัศวินนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะ และไม่ใช่แค่คน
ธรรมดา!
“เฉพาะผู้ที่มีจิตวิญญาณขั้นปฐพีระดับ 8 และ
เหนือกว่า และการบ่มเพาะที่ต่้ากว่าขอบเขตเทวะได้รับ
อนุญาตให้เข้าร่วมการทดสอบนี้! ถ้าใครพยายามที่จะ
บุกเข้ามาด้วยความรุนแรง ความตายคือบทลงโทษ!!”
อัศวินพูดด้วยน้าเสียงเย็นชา ซึ่งเสียงระเบิดอยู่ในหัวใจ
ของฝูงชน
ขั้นปฐพีระดับ 8!
ต่้ากว่าขอบเขตเทวะ!
ฝูงชนกลั้นหายใจ
ตี่เฟิงยวินเป็นคนเดียวในอาณาจักรนภาลัยโบราณที่
ตรงตามเงื่อนไขนั้น!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาเท่านั้นที่เป็นผู้เข้าร่วมการ
ทดสอบนี่ ไม่มีคู่แข่งหรือฝ่ายตรงข้ามใดๆ ฉะนั้นสมบัติ
ก็จะเป็นของเขาในที่สุด!
“ฮ่าๆๆ! โจรวปี่ฮวาตั้งใจดูให้ดีละ และเป็นพยานว่าข้า
ได้สมบัติอย่างไร!!” ตี่เฟิงยวินหัวเราะเยาะออกมา
ขณะที่เดินเข้ามาอัศวิน
ในช่วงเวลานี้ ข้าได้ส่องประกาย!
ข้าเป็นผู้เข้าร่วมการทดสอบเพียงคนเดียว!
แต่อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
“รอก่อน!!!”
จากผู้แปล
ต้องขอโทษส้าหรับคนที่รออ่านเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ ที่
หายไปไม่ได้แปลเลยและยังที่ลงบ้างไม่ลงบ้างอีก ปีนี่
เรียนหนักเอาเรื่องอยู่ค่ะ สอบถี่มากด้วย (เรียนจัดการมี
เต้นด้วยอ่ะ TOT)
ตอนนี่ใกล้ปิดเทอมย่อยแล้วค่ะ ได้พักฟื้นที่ล้าสะสมสัก
หน่อยคิดว่าน่าจะได้ลงรัวๆ แน่นอนค่ะ ;’))))
อย่าทิ้งเก๊าน่าาาาาาา
—————————

607 – การบูชาจักรพรรดิผู้ล่วงลับ
การหายใจของฉินหนานได้สมดุลแล้วในตอนนี้
ตราแห่งจักรพรรดินั่นมีความอบอุ่นของมันในตัว มัน
กระตุ้นรูขุมขนของเขาให้เปิดออกอย่างสมบูรณ์ ทาให้
ความเจ็บปวดที่ปกคลุมทั่วร่างกายของเขาค่อยๆ จาง
หายไป
แม้กระทั่งพิษที่กัดกินเขาก็ได้หายไปช้าๆด้วยลมปราณ
จักรพรรดิ
“ใครจะคิดละลมปราณจักรพรรดิจะวิเศษขนาดนี้…..”
ฉินหนานได้เปล่งเสียงออกมาในใจของเขา
จากนั้น หัวใจของเขาก็สั่นไหวหลังจากได้ยินคาพูดของ
จักรพรรดินภาลัยโบราณ
ดูเหมือนว่าข้าควรเร่งขั้นตอนฟื้นฟูความแข็งแกร่งของ
ข้า และกาจัดพิษแล้วสิ
เหตุผลนั่นเพราะ พยัคฆ์ขาวนภาคารามและตี่เฟิงยวิน
กาลังวางแผนที่จะเคลื่อนไหวในช่วงการบูชาจักรพรรดิ
ผู้ล่วงลับ เพื่อเอาสมบัติจากภายในรูปปั้น
ขณะที่ฉินหนานกาลังฟื้นตัว ณ บนพื้นที่บูชาสวรรค์….
นักบวชชั้นสูงได้นาเอาอาหารรสเลิศ และไวน์ที่ทาจาก
สัตว์อสูรขอบเขตราชันย์จักรพรรดิต่างๆออกมา และได้
จุดธูปหอม จากนั้นพวกเขาจึงนากลุ่มคนเข้ามากล่าวคา
อธิษฐานบูชา พร้อมกับเสียงสะท้อนของเครื่องดนตรีที่
รวมเข้าด้วยกันอย่างเงียบสงบ
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังภาพนี้ ก็ได้เกิดความเยือกเย็น
ที่มันปะทุอย่างฉับพลัน
โจรวปี่ฮวาและหลินเฟิงเซี่ยวเหลียวมองไปยังทิศทาง
ของพยัคฆ์ขาวนภาคารามและตี่เฟิงยวิน นอกจากพวก
เขาแล้ว ขุนนางทั้งสิบและเสนาบดีคนอื่นๆ ก็กาลังจ้อง
ที่พวกเขาด้วยเช่นกัน
มันเป็นไปได้สาหรับราชวงค์อื่นๆ หรือฝ่ายต่างๆ
สาหรับดาเนินการลอบสังหารเป้าหมายที่เป็นองค์ชาย
สาม
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องสงสัยรายใหญ่ที่สุดคือกองพัน
พยัคฆ์ขาว!
กองพันพยัคฆ์ขาวเป็นฝ่ายเดียวที่มีพลังและทรัพยากร
เพียงพอที่จะฝึกให้เป็นขั้นสูงสุดขอบเขตราชันย์
จักรพรรดิรับใช้ความตาย
ผู้เชี่ยวชาญบางคนสับสนว่า ทาใดผู้รับใช้ความตายถึง
ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ด๋วนฉิงแทน นั่นก็เพราะในสายตาของ
กองพันพยัคฆ์ขาว การปรากฏตัวของด๋วนฉิงเป็นภัย
คุกคามต่อกองพันพยัคฆ์ขาวต่าที่สุด เนื่องจากการบ่ม
เพาะของเขามันจิ๊บจ๊อยมากสาหรับการต่อสู้ที่เกิดขึ้น
ที่นี้
ในท้ายที่สุด ทุกอย่างมันมาจบลงที่การต่อสู้ระหว่าง
ผู้เชี่ยวชาญ!
ด๋วนฉิงทาอะไรได้บ้างละ?
อย่างน้อยที่สุด ด้วยการฆ่าองค์ชายสามก็จะทาให้
ตาแหน่งขององค์รัชทายาทถูกปล่อยวางไว้ ซึ่งจะทาให้
เกิดความสับสนวุ่นวายต่อสถานการณ์
โจรวปี่ฮวาสูดลมหายใจเข้า และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่เขาจะส่งเสียงไปยังตี่เฟิงยวิน “นี้ข้าเองนะ!”
ร่างของตี่เฟิงยวินสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตั้งสติ
อย่างรวดเร็วและตอบอย่างเย็นชาว่า
“มันคืออะไรงั้นหรอที่ผู้นากองพันวิหคเพลิงต้องการ
จากข้า?”
“อย่าไว้ใจพยัคฆ์ขาว” โจรวปี่ฮวากระซิบ “เขากาลัง
ใช้เจ้า!”
“ใช้ข้า? ฮ่าๆ ท่านทั้งหมดใช้ข้านั้นแหละ ข้าจะไม่รู้ได้
ยังไง? โจรวปี่ฮวาเลิกเสแสร้งสักที! ถ้าท่านคิดว่าข้าเป็น
ทายาทของท่าน แล้วทาไมถึงไม่สอนข้าเรื่องทักษะวิหค
เพลิงอมตะ? ท่านบอกว่ามันจะฆ่าข้า แต่กับด๋วนฉิงละ?
เขาก็ไม่ตายนี่?” ตี่เฟิงยวินกล่าวออกมาราวกับแผลเป็น
ของเขา ได้ถูกสัมผัส
โจรวปี่ฮวามีสีหน้าที่ทุกข์ใจ “เขาแตกต่าง…”
เขาเพียงสอนฉินหนานในเรื่องทักษะวิหคเพลิงอมตะ
เท่านั้น ในขณะที่เขามีพรสวรรค์อย่างมากในเรื่องของ
ทักษะการต่อสู้ และได้รับการยอมรับจากผู้นาศักดิ์สิทธิ์
ฉิงหลง
ถ้าตี่เฟิงยวินฝึกทักษะวิหคเพลิงอมตะ เขาจะตายจริงๆ
“เลิกตอแหลเถอะ จาไว้ นี่เป็นความอัปยศอดสูที่ท่าน
มอบให้ข้าก่อนหน้านี้ ข้าจะให้ท่านชดใช้คืนเป็นสิบ
เท่า!” ใบหน้าของตี่เฟิงยวินเต็มไปด้วยความเย็นชา ใน
สายตาของเขา โจรวปี่ฮวา กาลังดูถูกและสงสัย
ความสามารถของเขา โดยการที่ไม่ได้สอนทักษะวิหค
เพลิงอมตะให้แก่เขา!
โจรวปี่ฮวาถอนหายใจ ก่อนที่แววตาของเขาจะ
แปรเปลี่ยนไปอย่างเยือกเย็น
ปล่อยให้ความสัมพันระหว่างอาจารย์กับศิษย์ที่
เหลืออยู่ ถูกพัดพาไปตามสายลม
ขั้นตอนการบูชาสวรรค์ยังคงดาเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้นในเวลาที่น้อยกว่าธูปหอมถึง 3
ดอกด้วยซ้า
“จงบูชาองค์จักรพรรดิผู้ล่วงลับในเวลานี้! ผู้เชี่ยวชาญตี่
เฟิงยวินเป็นผู้รับผิดชอบ!” ผู้นาของพิธีกรรมประกาศ
ออกมา
ผู้คนมากมายต่างก็มองไปที่เขาทันที
ตี่เฟิงยวินลุกขึ้นจากที่นั่งและในพริบตา ร่างของเขาก็
มาถึงด้านหน้าของรูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับ เขาได้
เปลี่ยนเครื่องแต่งกายของเขาเป็นเสื้อคลุมสีขาวขนาด
ใหญ่ที่คล้ายกับผู้นาพิธี
ดวงตาของผู้เชี่ยวชาญหลายคนเป็นประกาย
การบูชาองค์จักรพรรดิผู้ล่วงลับ ซึ่งตี่เฟิงยวินเป็นคน
เดียวเท่านั้นที่สามารถดาเนินการได้!
เฉพาะขั้นปฐพีระดับ 8 เท่านั้นที่สามารถกระตุ้นกับรูป
ปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับได้ และได้รับการยอมรับ!
ในความเป็นจริง จิตวิญญาณการต่อสู้ของจักรพรรดิ
นภาลัยโบราณเองก็ได้อยู่ที่ขั้นปฐพีระดับ 8 เช่นดัน แต่
ด้วยการบ่มเพาะของเขาที่มาถึงขอบเขตเทวะ แน่นอน
ว่าคือข้นสูงสุดขอบเขตเทวะ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถ
กระตุ้นรูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับได้
“ศิษย์รุ่นที่ 99 ของกองพันทั้งสาม โปรดมาที่แท่น
บูชา!”
ตี่เฟิงยวินตะโกนออกมา
หลงฮู่ และคนอื่นๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งและบินไปตรงกลาง
อย่างพร้อมเพรียง
การขึ้นสู่สวรรค์ขององค์รัชทายาทได้ให้ลมปราณ
จักรพรรดิ ซึ่งถือเป็นเกรียติ์สาหรับพวกเขา ตอนนี้การ
บูชารูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับนี้ก็อาจให้อัจฉริยะต่างๆ
ได้รับประโยชน์เช่นกัน
ด้วยผลประโยชน์เหล่านี้ อัจฉริยะได้สาบานว่าจะ
จงรักภักดีต่ออาณาจักรนภาลัยโบราณ
ในขณะนั้น กลุ่มคนจานวนมากก็จ้องมองไปที่ฉิน
หนาน
ด๋วนฉิงจะมีส่วนร่วมในการบูชาจักรพรรดิผู้ล่วงลับไหม
นะ?
ก่อนที่ทุกคนจะได้ตอบสนองใดๆ ตี่เฟิงยวินก็ตะหวาด
ออกมาอย่างน่ากลัว “ด๋วนฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากที่ช่วยองค์ชายสามไว้แล้ว! เขาไม่จาเป็นต้องมี
ส่วนร่วมในพิธีกรรมนี้!!”
คาพูดเหล่านั้นถูกพูดอย่างมั่นคง โดยที่ไม่ให้ใครมี
โอกาสที่จะโต้แย้งได้
“ตอนนี้พิธีจะเริ่มขึ้นแล้ว! นักบวชยืนข้างหน้าและ
ปลดปล่อยจิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกท่านซะ เริ่ม
ดาเนินพิธี!!”
ตี่เฟิงยวินเปล่งเสียงคารามออกมา
ต่อจากนั้น หญิงสาว 10 คนพร้อมสวมเสื้อคลุมสีขาว
ขึ้นไปยังพื้นที่แท่นบูชา พร้อมกับลาแสงลึกลับทั้ง 5 ที่
ถูกปล่อยออกมาจากด้านหลังของพวกนางแต่ละคน ซึ่ง
เป็นข้อบ่งชี้ว่าพวกนางทั้งหมดมีจิตวิญญาณขั้นแท้จริง
ระดับ 5
จิตวิญญาณเหล่านั้นล้วนเป็นจิตวิญญาณชนิดเดียวกัน
นั่นคือจิตวิญญาณแห่งกู่ฉิน (หยกพิณ)
จิตวิญญาณลอยเด่นอยู่กลางอากาศ ขณะที่หญิงสาว
ทั้ง 10 คน ได้บรรเลงเพลงอันไพเราะอย่างพร้อมเพรียง
ซึ่งดังสะท้อนไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี
ทานองเริ่มจากเบาๆ จนค่อยๆหนักแน่น ราวกับว่ามี
ใครกาลังร้องเพลงด้วยจิตวิญญาณอันสูงส่ง ทาให้เลือด
ของฝูงชนเริ่มเดือดพล่าน
รูปปั้นขนาดยักษ์ปล่อยแสงส่องประกายพร้อมกับกลิ่น
อายปราบปราม
รูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับ!
ในบางวิธี มันคล้ายกับพยัคฆ์ขาวนภาคาราม วิหค
เพลิงโลหิต และราชันย์เต่าทมิฬ ที่ได้รับการยกย่องว่า
เป็นผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรนภาลัยโบราณ
ดังนั้นพิธีบูชาองค์จักรพรรดิผู้ล่วงลับจึงได้ดาเนินการ
ในลักษณะที่สง่างาม
“ผู้รับใช้ตี่เฟิงยวินขอคารวะองค์จักรพรรดิผู้ล่วงลับ ข้า
สวดอ้อนวอนเพื่อให้ท่านตื่นขึ้น เพื่อเป็นสักขีพยานใน
การเกิดอัจฉริยะใหม่เหล่านี้!”
ตี่เฟิงยวินส่งเสียงคารามและก้าวไปข้างหน้า ลาแสงสี
ทองเริ่มปล่อยออกมาจากด้านหลังของเขาและหยุดที่
ลาแสงที่แปด เมื่อจิตวิญญาณการต่อสู้ในลักษณะของ
มนุษย์โผล่ออกมาและยืนอยู่อย่างมั่นคงระหว่างสวรรค์
และปฐพีด้วยกลิ่นอายที่งดงาม
จิตวิญญาณการต่อสู้ในลักษณะของมนุษย์นั่นสวมแผ่น
เกราะ ซึ่งมันปกคลุมไปด้วยเลือดสด
นี่คือจิตวิญญาณการต่อสู้ของตี่เฟิงยวิน!
ข่าวลือบอกว่ามันเป็นเปลี่ยนรูปของผู้เชี่ยวชาญ
ขอบเขตเทวะ หลังจากที่เขาได้ตายไปแล้ว
รูปปั้นเริ่มสั่นสะเทือนอย่างนุ่มนวล ราวกับว่ามันได้
รับรู้ถึงจิตวิญญาณขั้นปฐพีระดับ 8 ซึ่งเริ่มค่อยๆ
แข็งแกร่งขึ้นและในที่สุดก็ยิงรังสีที่น่ากลัวขึ้นสู่ท้องฟ้า!
ตู้มมม!
กลิ่นอายบางอย่างได้กวาดสะบัดไปทั่วสถานที่เช่นน้า
ท่วมพล่าน
ราวกับว่ารูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับมีชีวิตชีวาขึ้น
ดวงตาของรูปปั้นเปล่งประกายระยิบระยับ ขณะที่มัน
เหลือบมองหลงฮู่ และศิษย์คนอื่นๆ
สายตาของพยัคฆ์ขาวนภาคารามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หยก
ขาววูบวาบด้วยความตนื่ เต้น กี่ปีมาแล้ว ทุกคัรังที่รู้สึก
ถึงกลิ่นอายขององค์จักรพรรดิผู้ล่วงลับ ในหัวใจของข้า
มันเต็มไปด้วยความโกรธ
“แต่ยังไงซะ….”
พยัคฆ์ขาวนภาคารามกระตุกลิ้น และเลียริมฝีปาก
ชายชราเอ๋ย สมบัติที่เจ้าทิ้งไว้จะเป็นของข้าในไม่ช้า
แล้ว!!!
——————————

606 – ความร้อนใจที่ปะทุอย่างเยือกเย็น
งานบูชาสวรรค์ ถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะมี
ผู้เชี่ยวชาญหรือเซียนเกือบทั้งหมดของอาณาจักร
นภาลัยโบราณจะรวมตัวกันอยู่ที่นี้ และไม่มีใครคาดคิด
ว่าการลอบสังหารจะเกิดขึ้นก่อนหน้าพวกเขา
ซึ่งทาให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญพูดอะไรไม่ออก
ตู้มม! ตู้มม! ตู้มม!
ในเวลานั้น กลิ่นอายขอบเขตเทวะ 2-3 จุดได้ถูกยิงขึ้น
สู่ท้องฟ้า ทาให้พื้นที่ภายใน 10 ลี้ ถูกห้อมล้อมด้วย
กระแสลมที่รุนแรง และเสียงฟ้าร้องที่เกิดขึ้น เป็นผลให้
ทิวทัศน์ทุกอย่างเปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตาม
การบ่มเพาะของมือสังหารนั่นอยู่ที่ขั้นสูงสุดขอบเขต
ราชันย์จักรพรรดิ!
ในฐานะเซียนขอบเขตเทวะทั้งหลายพวกเขาได้
ตอบสนอง มือสังหารกาลังถือกริชอยู่ในมือ ซึ่งมัน
เปล่งแสงเรืองรองดุจน้าแข็ง และหันไปที่ตาแหน่งหัวใจ
ขององค์ชายสามด้วยพลังอันมหาศาล!
ถ้าการโจมตีนี้สาเร็จ องค์ชายสามต้องตายแน่!
หวูบบบ!
แววตาของมือสังหารประหลาดใจอย่างมาก ถึงแม้
ความรวดเร็วของเขาจะโดดเด่น แต่ก็ยังมีใครบางคนที่
สามารถตอบโต้ได้ทันเวลาอยู่ดี และคนๆนั้นก็ไม่ใช่
นอกจากฉินหนาน!
“แขนซ้ายเทพเจ้าแห่งสงคราม!”
ฉินหนานตะโกนออกมาเสียงดัง และยกแขนซ้ายขึ้น
เป็นโล่ตรงหน้า ขณะที่เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจโบก
สะบัดอย่างรวดเร็ว และบินไปข้างหน้าราวกับว่ามัน
สามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายอันร้ายแรง
“ตาย!”
ในวินาทีสุดท้าย มือสังหารแทงกริชไปข้างหน้า
จากนั้นก็ได้เกิดการระเบิดขึ้น แรงกระแทกได้ส่งร่าง
ของฉินหนานกระเด็นออกไปดั่งลูกศร ซึ่งชนเข้ากับผนัง
อย่างรุนแรงจนทาให้มีฝุ่นลอยอยู่ในอากาศ
มือสังหารหยุดหายใจเพียงครั้งเดียว ก่อนที่เขาจะยก
กริชขึ้นอีกครั้ง และโจมตีอย่างดุร้ายเหมือนน้าที่คุ้มคลั่ง
“มันกล้าดียังไง!!!”
จักรพรรดินภาลัยโบราณ โจรวปี่ฮวา และพยัคฆ์ขาว
นภาคารามได้โกรธเกรี้ยวอย่างมาก ขณะที่พวกเขาทุ่ม
ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของขอบเขตเทวะ
เพื่อให้การปราบปรามมือสังหาร
อ๊ากกกก!!!!
มือสังหารส่งเสียงร้องออกมาอย่างทุกข์ทรมาน และ
กระอักเลือด ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกบดขยี้ลงสู่พื้นโดย
ที่ไม่สามารถขยับได้ขยับเขยื้อนไปไหนได้
พรึบ!
ทันใดนั้น เปลวไฟสีเขียวก็ลูกท่วมทั้งร่างของเขา และ
เผาไหม้กล้ามเนื้อจนเหลือแต่เพียงกองขี้เถ่าในพริบตา
มือสังหารเป็นผู้รับใช้ความตาย!
ผู้คนที่งานบูชาสวรรค์รวบรวมความคิด ส่งผลให้เกิด
ความสับสนวุ่นวายขึ้น ในขณะที่พวกเขาเริ่มเคลื่อนย้าย
“ด๋วนฉิง!”
โจรวปี่ฮวาบินตรงไปยังฉินหนานทันที ตามด้วยหลิน
เฟิงเซี่ยว ผู้อาวุโสหวัง และคนอื่นๆ พวกเขาล้วนได้
เห็นอย่างชัดเจนในภาพที่ด๋วนฉิงได้ตัดสินใจที่จะเป็นโล่
ให้แก่องค์ชายสาม!
“องครักษ์หลวง! คาสั่งรักษา!”
จักรพรรดินภาลัยโบราณลอยอยู่กลางอากาศในขณะที่
ปลดปล่อยการปราบปรามออกมา
นักรบคนหนึ่งพร้อมหุ้มเกราะปรากฏตัว หลังจากที่คน
อื่นๆได้ปรากฏตัวทันที พวกเขาแทรกตัวผ่านฝูงชนและ
ปิดผนึกทางออก
“ฟังคาสั่งของข้า ค้นหาทั้งพระราชวัง และหามิตรที่
เหลืออยู่ของมัน!!”
“เสนาบดีฝ่ายวินัย จงสืบประวัติของมือสังหารและหา
ผู้กระทาผิดที่อยู่เบื้องหลังนี้!!”
“……”
คาสั่งมากมายพรั่งพรูออกมา เรียกคืนความสงบสู่พื้นที่
บูชาสวรรค์ดินในเวลาเพียง 10 ลมหายใจ แม้จะมีเสียง
รบกวน ทั้งสถานที่ก็ไม่ได้มีเสียงของคาสั่งใดๆแล้ว
“มีคนกล้าลอบสังหารองค์รัชทายาท! องค์จักรพรรดิ
เราต้องจัดการในทันที! ไม่สาคัญว่าใครจะอยู่เบื้องหลัง
สิ่งนี้ เราจะต้องทาลายพวกมันทั้งหมด!” พยัคฆ์ขาว
นภาคาราม เบิ่งตากว้าง ขณะที่มีกลิ่นอายอันโหดเหี้ยม
ออกมาจากร่างของเขา
“ขอบคุณสาหรับความห่วงใยของท่านเซียนพยัคฆ์ขาว
ข้าจะจัดการมัน” จักรพรรดินภาลัยโบราณมองไปที่
พยัคฆ์ขาวและพูดอย่างใจเย็น
“อืม!”
พยัคฆ์ขาวนภาคารามหันหลังและเดินออกมา มันแอบ
ชาเหลืองมองกับตี่เฟิงยวิน ด้วยการแสดงออกที่มืดบน
ใบหน้า ในขณะที่เขาไม่คาดคิดว่าไอ้เด็กหนุ่มที่ชื่อว่าด๋
วนฉิง จะขัดขวางแผนการของเขาได้
ในทางกลับกัน…
งั้นตอนนี้ด๋วนฉิงก็ตายแล้วรึเปล่านะ?
“ด๋วนฉิง!”
ใบหน้าขององค์ชายสาม หลงฮู่ และคนที่เหลือซีด
เซียว เมื่อพวกเขาฟื้นตัวจากอาการตกใจ
ในขณะเดียวกัน ผู้คนได้จ้องมองไปยังตาแหน่งที่เกิด
การระเบิดขึ้นของสถานที่แห่งนี้
ด๋วนฉิงได้ขัดขวางการโจมตีที่ตรงมายังองค์ชายสาม….
เขายังคงมีชีวิตอยู่รึเปล่า?
“แค่กๆ…”
กองหินถูกผลักออกไป ขณะที่ฉินหนานเดินออกจากที่
นั่นด้วยท่าทางที่โซเซ ร่างของเขาปกคลุมไปด้วยฝุ่น
ขณะที่ใบหน้าของเขาดาคล้า ทาให้เขาดูน่าสังเวช ไม่
เพียงแต่การโจมตีรุนแรงที่ได้รับบาดเจ็บจากกริช
เท่านั้น กริชเนั่นยังถูกเคลือบด้วยพิษอย่างมาก ซึ่งเขา
คงจะตายไปแล้วถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเสื้อ
คลุมจ้าวแห่งปีศาจ
พรึบ! พรึบ! พรึบ!
ร่างมากมายปรากฏขึ้น และล้อมรอบฉินหนาน
องค์ชายสาม และเพื่อนของเขาพุ่งเข้าหาร่างของฉิน
หนานด้วยความกังวล
“บ้าชิบ! เขากาลังทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บ
สาหัสนี้!” โจรวปี่ฮวาถอนหายใจ หลังจากรู้ว่าฉินหนาน
ยังมีชีวิตอยู่ แต่การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปในไม่
ช้า
“ให้ข้ารักษาเขา!” จักรพรรดินภาลัยโบราณกระหวัด
นิ้ว และเรียกตราแห่งจักรพรรดิ เรืองแสงสีทองถูกเท
ลงบนร่างของฉินหนาน มอบความอบอุ่นพร้อมกับ
รักษาบาดแผลของเขา
ลมปราณจักรพรรดินั่นมีประโยชน์ในการรักษา
ผู้บาดเจ็บด้วยเช่นกัน!
ผู้คนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
“ด๋วนฉิง…”
ดวงตาขององค์ชายสามแดงก่า ขณะที่เขากาหมัดแน่น
ด้วยจิตใต้สานึก ถ้านี้ไม่ใช่เพราะด๋วนฉิงมันคงจะเป็นข้า
มากกว่าที่จะตาย!
“ทุกคนกลับยังไปที่ที่นั่งของเจ้าซะ!”
จักรพรรดินภาลัยโบราณแบกร่างของฉินหนานด้วย
คลื่นจากฝ่ามือ และกลับไปนั่งที่เก้าอี้มังกรทอง โจรว
ปี่ฮวาและคนอื่นๆ รวบรวมความคิดของตนเอง ตราบ
ใดที่ชีวิตของด๋วนฉิงไม่ตกอยู่ในอันตรายมันก็ไม่มีอะไร
ต้องเป็นห่วง นอกจากนี้สิ่งแรกคือการรักษาความสงบ
เรียบร้อย เนื่องจากงานบูชาสวรรค์เป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่
สาหรับทั้งอาณาจักร
ขณะที่พวกเขานั่งที่เก้าอี้ของตนเอง ในที่สุดพื้นที่บูชา
สวรรค์ก็สงบเงียบลง
ในขณะเดียวกัน เสนาบดีและเจ้าเมืองต่างเหลือบมอง
ไปที่ด๋วนฉิง ซึ่งบาดแผลของเขาได้รับการรักษาโดย
จักรพรรดินภาลัยโบราณอยู่ในความประหลาดใจ
นั่นเป็นการลอบสังหารจากมือสังหารขั้นสูงสุดขอบเขต
ราชันย์มรณะ
แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะก็ยังไม่สามารถ
ตอบสนองได้ทันเวลา!
มันไม่เพียงแต่ด๋วนฉิงจะตอบสนองได้เท่านั้น แต่เขายัง
มีชีวิตรอดได้ด้วยงั้นหรอ?
ฝูงชนได้นึกถึงภาพที่ร่างจาแลงของพยัคฆ์ขาวนภา
คารามพยายามฆ่าด๋วนฉิง แต่ก็ล้มเหลว ซึ่งพวกเขาก็
อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
ด๋วนฉิงช่างน่าจับตามองจริงๆ!
ผู้เชี่ยวชาญนั่นไม่ได้โง่ พวกเขารู้อย่างชัดเจนว่าด๋วนฉิง
สามารถรอดชีวิตจากการโจมตีได้ด้วยสมบัติบางอย่าง
เท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องเสียชีวิตไปแล้วในตอนนี้
“มีคนพยายามลอบสังหารองค์รัชทายาทเพียงแค่นั้นก็
ยกโทษให้ไม่ได้แล้ว แต่ไม่ต้องห่วง องครักษ์หลวงจะ
ตรวจสอบอย่างเคร่งครัดในเรื่องนี้! นอกจากนี้เรื่อง
ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณด๋วนฉิงที่องค์รัชทายาทยังมีชีวิต
อยู่ในตอนนี้! ดังนั้น ตอนนี้ข้าขอประกาศว่าข้าจะให้
คฤหาสน์ในเมืองพยัคฆ์ขาวแก่เขา และตาแหน่ง ‘ขุน
นางผู้องอาจ’ ซึ่งทาให้เขาเป็นขุนนางคนที่สิบเอ็ด เขา
จะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของอาณาจักรนภาลัยโบราณ
อย่างถาวร!!!”
จักรพรรดินภาลัยโบราณเปล่งเสียงคารามดังสนั่น
ผู้คนมากมายต่างตกใจ
ทุกคนรู้ว่า ขุนนางทั้งสิบได้รับตาแหน่งก็เพราะการ
สนับสนุนอันยิ่งใหญ่ มันจึงแปลกใจสาหรับพวกเขาที่ด๋
วนฉิงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นขุนนางคนที่สิบเอ็ด และ
ได้รับการคุ้มครองจากราชวงค์เพียงเสี่ยงของตัวเองใน
การปกป้ององค์ชายสาม
ซึ่งไม่มีใครอิจฉาเขา
เนื่องจากด๋วนฉิงได้แลกเกียรตินั่นมาด้วยชีวิตของ
ตัวเอง!
ถ้าพวกเขาจะก้าวเท้าเข้าไปเอง แม้หลังจากการ
ตรวจสอบการปรากฏตัวของมือสังหาร พวกเขายินดีที่
จะใช้ร่างกายของตัวเองเป็นโล่เชียวเรอะ?
“นอกจากนี้ ตอนนี้ข้าประกาศ…การบูชาสวรรค์เริ่ม
ตั้งแต่บัดนี้ และขั้นตอนทั้งหมดจะง่ายขึ้นเพื่อเร่ง
ความเร็วของพิธี!” จักรพรรดินภาลัยโบราณพูดอีกครั้ง
ในขณะที่แววตาของเขาวูบวาบอย่างเย็นชา
ฝูงชนตกใจ
งานบูชาสวรรค์รวมถึงการขึ้นสู่สวรรค์ขององค์รัช
ทายาท และบูชาจักรพรรดิผู้เสียชีวิต บูชาสวรรค์และ
บูชาจักรพรรดิผู้ล่วงลับ การบูชาสวรรค์เป็นขั้นตอนที่
ซับซ้อนโดยเฉพาะ ซึ่งจะใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
หากดาเนินการอย่างเต็มรูปแบบ
ตอนนี้มันง่ายขึ้น ซึ่งมันจะหมายถึงการรบกวนแผน
ศัตรูของพวกเขาที่อยู่เบื้องหลัง
ในเมื่อมันเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว มันก็จะบังคับให้พวก
นั้นเปิดเผยแผนการของตัวเองก่อนเวลา
…ณ เก้าอี้หยกสีขาว…
พยัคฆ์ขาวนภาคารามและตี่เฟิงยวิน ทั้งสองต่าง
แสดงออกอย่างนิ่งสงบ มันไม่ใช่เรื่องสาคัญสาหรับพวก
เขา ถ้าพิธีจะสิ้นสุดลงก่อนเวลาที่กาหนด ในขณะที่การ
เตรียมการ…ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว!
———————————

605 – พลังอำนำจแห่งเสื้อคลุมวิเศษ กำร
ลอบสังหำร
ในพื้นที่บูชาสวรรค์ โจรวปี่ฮวา หลินเฟิงเซี่ยว ขุน
นางอี้ และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ทุกคนที่มาจากกอง
พันวิหคเพลิงต่างมองด้วยสายตาที่พึงพอใจ
“ไม่เลว.…”
จักรพรรดินภาลัยโบราณเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แม้ว่า
ผลลัพธ์จะไม่ได้ทาให้เขาประหลาดใจก็ตาม มันก็
ค่อนข้างโดดเด่นเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ในอดีตที่ผ่าน
มา มันเป็นข้อบ่งชี้ว่าตราแห่งจักรพรรดิมีความหวัง
สูงสาหรับด๋วนฉิง
“ฮึ!”
ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกของตี่เฟิงยวินก็มืดลง
ราวกับพายุลูกใหญ่ที่กาลังใกล้เข้ามา
ความรู้สึกที่ไม่พอใจในหัวใจของเขาเพิ่มขึ้นอย่าง
มาก ในขณะที่เขาได้เห็นการเติบโตของด๋วนฉิง
ส่วนฉินหนานนั่น…ก็ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเช่น
เคยกับปฏิกิริยาของผู้คน ในขณะที่เขายังคงอยู่ใน
ความตกใจของลมปราณจักรพรรดิ
ลมปราณจักรพรรดิมีความวิเศษและบริสุทธิ์มาก ซึ่ง
แปรสภาพเป็นลาธารที่อบอุ่นหลังจากรวมเข้ากับ
ร่างกายของเขา และไหลไปสู่จิตวิญญาณแรกเริ่มท้า
สวรรค์
ลมปราณจักรพรรดิทั้ง 580 ลาธารอนุญาตให้
ร่างกายของเขาให้กาเนิด 30 ลาธารของพลังอานาจ
แห่งขอบเขตราชันย์จักรพรรดิ เพราะฉะนั้นตอนนี้
เขาจึงมีทั้งสิ้น 63 ลาธาร
ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นอายของฉินหนานก็ได้เปลี่ยนไป
เล็กน้อย
ตอนนี้เขาได้มีการพัฒนาความเกี่ยวข้องลึกลับกับ
พื้นดิน อากาศ สิ่งปลูกสร้าง และอื่นๆ ของ
จักรพรรดินภาลัยโบราณ ราวกับว่าเลือดของเขา
ผสานกับสิ่งเหล่านั้น รู้สึกเหมือนสถานที่แห่งนี้เป็น
ของเขา หรือเป็นบ้านเกิดของเขา
“งั้นมันก็แปลว่า อัจฉริยะได้รับคาสั่งให้ดูดซับ
ลมปราณจักรพรรดิ เพื่อปรับปรุงเสียงสะท้อน
ระหว่างพวกเขาและอาณาจักรนภาลัยโบราณ แม้ว่า
อัจฉริยะเหล่านี้จะจบลงด้วยการเป็นผู้เชี่ยวชาญที่
น่าเกรงขามในสถานที่อื่น แต่ด้วยความเกี่ยวข้องกับ
อาณาจักรนภาลัยโบราณ พวกเขาจะเข้ามาช่วย ถ้า
มีอะไรเกิดขึ้นกับอาณาจักร….”
ฉินหนานพยักหน้า ตามที่คาดไว้ของอาณาจักร
นภาลัยโบราณ ที่เพื่อเอาชนะใจของประชาชน
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่พอใจกับวิธีการนี้ แต่ถึงแบบ
นั้นเขาก็ได้เกี่ยวข้องกับอาณาจักรนภาลัยโบราณไป
แล้ว
“น่าเสียดายแหะ ลมปราณจักรพรรดิยังคงไม่
เพียงพอ ไม่เช่นนั้นถ้าข้าสามารถเพิ่มพลังของพลัง
อานาจแห่งขอบเขตราชันย์จักรพรรดิถึง 99 ลาธาร
ได้แล้ว ข้าก็จะได้เข้าสู่ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิขั้น
แรก”
ฉินหนานอุทานออกมา
ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิขั้นแรก : 99 ลาธารแห่ง
พลัง
ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิขั้น 2 : 199 ลาธารแห่ง
พลัง
ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิขั้น 3 และมากกว่านั้น
การเพิ่ม 100 ลาธารขึ้นไปหมายถึงการปรับระดับ
ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ในขณะนั้น เหตุการณ์ที่หาได้ยากเกิดขึ้น
เสื้อคลุมของฉินหนานได้สั่นสะเทือนอย่างแผ่วเบา
ราวกับว่ามันตระหนักได้ถึงบางอย่าง ทาให้มัน
ปล่อยกลิ่นอายลึกลับออกมาตรงไปยังตราแห่ง
จักรพรรดิ
“หืออ?”
ฉินหนานตกใจ
ต่อจากนั้น ตราแห่งจักรพรรดิที่กาลังลอยอยู่กลาง
อากาศก็สั่นสะท้านราวกับว่ามันกาลังรู้สึกตื่นเต้น
อย่างมากที่บังเอิญเจอกับเพื่อนเก่า
ปรากฏการณ์ที่ดูได้ยากนี้ ได้ดึงดูดความสนใจของ
ผู้คนได้อย่างง่ายดาย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ทาไมตราแห่งจักรพรรดิถึงได้เสียสมดุลของมันไป
แบบนั้นละ?”
“แปลก มันแปลกมาก!”
ผู้เชี่ยวชาญ เหล่าเซียนมากมายและรวมถึงโจรวปี่ฮ
วาเองต่างประหลาดใจ
ตราแห่งจักรพรรดิเป็นหนึ่งในมรดกการสืบทอดของ
อาณาจักรนภาลัยโบราณที่ถูกทิ้งไว้โดยจักรพรรดิผู้
ล่วงลับ ผู้ที่ครอบครองพลังอันมหาศาล มันเป็นเรื่อง
ธรรมดาในความครอบครองของจักรพรรดิองค์
ปัจจุบัน และมันก็ไม่ค่อยแสดงปฏิกิริยาอะไรที่พิเศษ
“หืม? มันอาจจะเป็น…”
จักรพรรดินภาลัยโบราณขมวดคิ้ว เนื่องจากเขาเป็น
ผู้ดูแลตราแห่งจักรพรรดิ เขาจึงคุ้นเคยกับปฏิกิริยา
ของมันมากที่สุด เขานึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา
ฉับพลัน ในขณะที่เขามองไปที่เสื้อคลุมที่ฉินหนาน
ใส่อยู่
ท่าทางของเขาแข็งทื่อทันทีทันใด ชิบหายละ! ข้าลืม
เรื่องเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจไปเลยนี่หว่า (O_O);;!!
ตู้มมมม!!
ผู้คนสามารถเห็นเพียงกลิ่นอายอันน่าสะพรงกลัวที่
ระเบิดออกมาจากตราแห่งจักรพรรดิเท่านั้น มัน
เหมือนเรืองแสงของกระบี่อันสุกใส ซึ่งได้ฟาดไปที่
ท้องฟ้า
ลาธารลมปราณจักรพรรดิถูกยิงออกจากตราแห่ง
จักรพรรดิอย่างพลั่งพรู ราวกับวาล์วที่ถูกเปิดออก
100 ลาธาร!
200 ลาธาร!
500 ลาธาร!
ลมปราณจักรพรรดิระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง
และในเพียงพริบตา 4,000 ลาธารของลมปราณ
จักรพรรดิ รวมตัวกันเป็นแม่น้าที่ไหลพล่านไปยัง
ตาแหน่งของฉินหนาน
“ทาไมถึงมีลมปราณจักรพรรดิมากขนาดนี้ละ?”
ฉินหนานตกใจ ก่อนที่เขาจะรวบรวมความคิดในไม่
ช้า ทั้งเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจและตราแห่งจักรพรรดิ
เป็นของที่ระลึกจากจักรพรรดิผู้ล่วงลับ พวกมันต่าง
เคยผ่านการต่อสู้มาอย่างนับไม่ถ้วนเคียงข้างกับ
จักรพรรดิผู้ล่วงลับไปด้วยกัน ดังนั้นแล้วพวกมันทั้ง
สองจึงมีความผูกพันต่อกัน
“เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ! ขอบคุณสาหรับความ
ช่วยเหลือของเจ้านะ!”
ฉินหนานโพล่งออกมาด้วยความปิติยินดี ก่อนที่เขา
จะรีบตัดสินใจทันทีและกลั่นลมปราณจักรพรรดิ
เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจส่งเสียงฉวัดเฉวียนที่อ่อนนุ่ม
ออกมา ในขณะที่มันโบกสะบัดไปมา ราวกับว่ามัน
ภาคภูมิใจอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากที่ได้รับการชมเชย
จากฉินหนาน…(-_- )
ในขณะเดียวกัน ผู้คนมากมายแข็งทื่อทันทีเมื่อได้
เห็นภาพตรงหน้า
4,000 ลาธารของลมปราณจักรพรรดิ!
รวมกับลาธารอีก 580 ในก่อนหน้านี้แล้วนั่นคือ
ทั้งสิ้น 4,580 ลาธาร! คือสามเท่าของจานวนลาธาร
ลมปราณจักรพรรดิที่องค์ชายสามได้รับซะอีก!!
เอ่อ…
เจ้าแน่ใจหรอว่าตอนนี้องค์ชายสามกาลังครอง
ตาแหน่งองค์รัชทายาทอยู่นะ? มันไม่น่าเชื่อมากกว่า
หรอที่จะบอกว่าด๋วนฉิงคือองค์รัชทายาทแทน(-__-
);;?
“เจ้าฉิง (=O=)!!”
องค์ชายสามเบิ่งตากว้างและยิ้มอย่างเบี้ยว ดู
เหมือนว่าด๋วนฉิงมีวิธีที่จะทาให้เขาประหลาดใจโดย
ไม่คานึงถึงสถานการณ์เลยแม้แต่น้อยก็เถอะ… แต่
คราวนี้ความประหลาดใจที่ด๋วนฉิงทานั่น ทาได้สร้าง
ความประหลาดใจให้แก่ตัวเขาอย่างมาก
นั้นก็เพราะ องค์รัชทายาทได้รับลมปราณจักรพรรดิ
น้อยกว่าคนอื่น ในช่วงที่เขากัา งขึ้นสู่สวรรค์นะสิ!
ซึ่งมันจะเป็นเรื่องตลกอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าสิ่งนี้ได้
เป็นที่เลื่องลือต่อสาธารณชน
แต่โชคดี องค์ชายสามนั่นเป็นคนใจกว้างและปฏิบัติ
ต่อด๋วนฉิงราวกับเป็นน้องชายแท้ๆของเขา ซึ่งทาให้
เขาเรียกสติได้ในไม่นาน หลังจากที่รู้สึกต่าต้อยไปชั่ว
ครู่
ซึ่งองค์ชายสามนั้นก็ไม่รู้นักว่าพ่อของเขานั้นรู้สึกหด
หู่ใจมากยิ่งกว่าที่เขาเป็น ผู้ที่ใบหน้าอันมัวหมอง
“ข้าลืมเกี่ยวกับเสื้อคลุมปีศาจพระเจ้าไปซะสนิท
เลย! ข้าไม่ควรปล่อยให้ด๋วนฉิงมาอยู่ข้างหน้าแบบ
นี้!!”
หัวใจของจักรพรรดินภาลัยโบราณนั้นไร้เรี่ยวแรง
ด้วยวิธีนี้ที่ลมปราณจักรพรรดิถูกดูดซับในจานวน
มาก เขาจะต้องใช้ความพยายายิ่ง ยาฟื้นฟูมากมาย
และอื่นๆ เพื่อช่วยให้ตราแห่งจักรพรรดิฟื้นตัวขึ้น
ในขณะเดียวกัน ฉินหนานก็ไม่ได้รู้เรื่องเรื่องราวอีก
เช่นเคยว่า สิ่งนี้ได้สร้างความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวง
กับผู้คน
เขารีบกลั่นปรับลมปราณจักรพรรดิ และทาให้พวก
มันกลายเป็นพลังอานาจแห่งขอบเขตราชันย์
จักรพรรดิได้อย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมา ลมปราณจักรพรรดิผสานเข้ากับร่างกาย
ของเขาได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้พลังอานาจแห่ง
ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิ สามารถเข้าถึง 99 ลาธาร
ได้
แท้ที่จริงแล้ว ฉินหนานสามารถสร้างลาธารของพลัง
อานาจแห่งขอบเขตราชันย์จักรพรรดิได้มากกว่านี้
แต่เขาเลือกใช้ลมปราณจักรพรรดิเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ
ของเขาแทน
พุบบบ (เสียงร้องหึ่ง)
หลังจากสิ้นเสียงนั่น กล้ามเนื้อของฉินหนานก็แพรว
พราวเหมือนอัญมณี เนื่องจากกล้ามเนื้อขอบเขต
ราชันย์จักรพรรดิได้ประสบความสาเร็จอย่าง
สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้เมื่อใดก็ตามที่เขาเป็นอยู่
ภายในเขตแดนของอาณาจักรนภาลัยโบราณ แต่ละ
การเคลื่อนไหวของขาจะถูกเพิ่มด้วยพลังแห่งสวรรค์
และปฐพี
ป๊อป
มันเหมือนกับฟองสบู่ที่ถูกจิ่ม เนื่องจากกลิ่นอายของ
ฉินหนานในครึ่งก้าวสู่ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิ ได้
เลื่อนระดับเข้าสู่ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิเป็นที่
เรียบร้อย
ในการสังเกต ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิของเขาไม่
เหมือนกับคนอื่น ขณะที่จิตวิญญาณแรกเริ่มใน
ร่างกายของเขายังไม่ได้เปลี่ยนไปและยังรักษา
รูปลักษณ์มนุษย์ไว้ ฉินหนานจะต้องสะสมพลัง
อานาจแห่งขอบเขตราชันย์จักรพรรดิอย่างเพียงพอ
เพื่อที่จะเรียกช่วงเวลาแห่งความทรมานให้แก่จิต
วิญญาณแรกเริ่มของเขาได้วิวัฒนาการ ทาให้เขา
สามารถขึ้นสู่ ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิไร้พ่าย
“จิตวิญญาณแรกเริ่มท้าสวรรค์, ขอบเขตราชันย์
จักรพรรดิขั้นแรก….”
ฉินหนานมีสีหน้าที่พึงพอใจ
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน การต่อสู้กับ
ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิขั้น 5 จะไม่เป็นปัญหาเลย
แต่แล้วทันใดนั้น ก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในหัวใจ
ของฉินหนาน
มันรวดเร็วและเป็นอาการ จนเขาแทบไม่ได้
สังเกตเห็น
ฉินหนานเคยฝึกนิทราพิชิตมาร จึงทาให้ความรู้สึก
ของเขาเฉียบแหลมมาก ทาให้เขาสามารถตรวจจับ
อันตรายได้
“มันคืออะไร?”
ร่างกายของฉินหนานเกร็งเครียดในทันที เมื่อเขา
สารวจสภาพแวดล้อมรอบๆ
ตู้มมมม!!
กลิ่นอายอันทรงพลังได้ระเบิดขึ้นโดยไร้สัญญาณใดๆ
ซึ่งตามมาด้วยรัศมีกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวที่เล็งไป
ยังตาแหน่งขององค์ชายสาม!
มีคนพยายามที่จะลอบสังหารองค์ชายสาม!!
“ชิ!”
ฉินหนานตอบสนองในทันทีและก้าวไปข้างหน้า ปิด
กั้นด้านหน้าขององค์ชายสามโดยใช้กล้ามเนื้อของ
ตัวเองเป็นโล่!!!
——————————

บทที่ 604 – ตราประทับแห่งจักรพรรดิ

“สั่นระฆังแก่องค์ชาย!” ผู้นําของพิธีกรรมที่สวมเสื้อคลุมสีขาว ได้ออกคําสั่ง ออกมาด้วยรูปลักษณ์ที่ดุดัน ติ้งงงง!! ที่ทั้งสองด้านของพื้นที่บูชาสวรรค์ ระฆังยักษ์ทั้ง 30 ตัวที่เป็นยุทธภัณฑ์ขั้นราชันย์ถูกตีอย่างพร้อมเพรียง ส่งผลให้มีเสียงของระฆังดังก้องไปทั่วสะท้อนอยู่ ท่ามกลางอากาศเป็นเวลานาน สร้างความตกตะลึง ให้แก่ผู้คน
ต่อจากนั้น ผู้คนจํานวน 2-3 ร้อยคนได้เดินแห่ขบวน เข้ามายังในสถานที่จากทางเข้าอย่างเป็นระเบียบ
ผู้นําขบวนคือ องค์ชายสาม ในขณะที่กําลังขี่ม้าสีเงิน เข้ามา ซึ่งตามมาด้วยมังกรสวรรค์ทองคํา 10 ตัว ที่
เกิดจากลําแสงสีทองอร่ามตาที่เปล่งออกมาจาก ด้านหลังของเขา มังกรเปล่งเสียงคํารามอย่าง ต่อเนื่อง ทําให้กลายภาพอันงดงาม ขบวนได้มาถึงหน้าแท่นบูชา องค์ชายสามลงจาก หลังม้าและคุกเข่าลงข้างหนึ่งหันหน้าไปทาง จักรพรรดินภาลัยโบราณ ก่อนที่จะเปล่งเสียงอันดัง สนั่น “ข้าซงเฟยฟาน ผู้รับใช้แห่งอาณาจักรนภาลัย โบราณ ยินดีที่จะรับตําแหน่งองค์รัชทายาท และข้า สาบานว่าจะรับใช้และปกป้องอาณาจักรด้วยทั้ง หัวใจของข้า!!” ถ้อยคําเหล่านี้ไม่ใช่คําประกาศที่เตรียมมาแต่อย่าง ใด มันคือการสาบานตนต่อสวรรค์ ถ้าองค์ชายสามกลายเป็นจักรพรรดิและล้มเหลวใน การปฏิบัติตามหน้าที่ของเขา เขาจะเผชิญหน้ากับ ความพิโรธของสวรรค์
“ตอนนี้ ข้าขอเชิญกลุ่มศิษย์รุ่นที่ 99 แห่งกองพันทั้ง สามไปยังแท่นบูชาด้วยเถิด!” ผู้นําพิธีกรรมในเสื้อคลุมสีขาว ตะโกนออกมา ฉินหนานตะลึงทันที เมื่อได้ยินคําพูดนั่น ทําไมพวก ข้าถึงมีส่วนร่วมในการขึ้นสู่สวรรค์ขององค์รัชทายาท ละ?
ผู้อาวุโสหวังก้มหน้าพร้อมฝ่ามือมาทาบไว้ และส่ง เสียงทันทีว่า “ข้าลืมพูดไป(= =) ในระหว่างการ ขึ้นสู่สวรรค์ขององค์รัชทายาท ศิษย์รุ่นใหม่จะต้อง ยืนอยู่ข้างกายเขา เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้น ใหม่ของอาณาจักรนภาลัยโบราณ นอกจากนั้น จักรพรรดิจะปล่อยตราแห่งจักรพรรดิ ที่ช่วยให้เจ้า สามารถที่จะดูดซับลมปราณจักรพรรดิได้บางส่วน ซึ่งจะให้ประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่เจ้า…” “ตราแห่งจักรพรรดิ?”
ฉินหนานสับสนสุดๆ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกสําหรับ ในเวลาแบบนี้ เขาลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีและมุ่งหน้า ไปยังแท่นบูชาพร้อมกับมู่เซริงเย่ ซูเหมิง และคน อื่นๆ ในขณะที่ หลงสู่ ตัวแทนของกองพันเต่าทมิฬได้นํา ศิษย์ของตนไปยังแท่นบูชา ส่วนตัวแทนจากกองพันพยัคฆ์ขาวนั้นเป็นชายหนุ่ม ที่ฉินหนานไม่เคยเห็นมาก่อน และมีศิษย์เพียง มากกว่า 10 คนจากกองพันของพวกเขา เหล่าศิษย์ของกองพันทั้งสามได้เดินเข้าไปอยู่ข้างๆ
องค์ชาย ในเวลานั้น ฉินหนานสามารถรู้สึกได้ถึงการคจ้องม องอย่างนับไม่ถ้วนที่ร่างของเขา มันเต็มไปด้วยความ อิจฉา ริษยา จิตสังหารและแม้กระทั่งความภูมิใจ ด่วนฉิง!

ความเจิดจรัสในหมู่ศิษย์รุ่นใหม่ที่แม้แต่ที่เพิ่งยวิน และพยัคฆ์ขาวนภาคําราม ก็ล้มเหลวในการกําจัด เขา!
นอกจากนี้ในหมู่ผู้นํากองพันรุ่นที่ 99 เหย่าจีจาก กองพันพยัคฆ์ขาวได้ถูกสังหารโดย “ฉินหนาน” ใน พื้นที่ลึกลับมังกรอเวจี ในขณะที่หลงเทียนจากกอง พันเต่าทมิฬก็ค่อนข้างสนิทกับด่วนฉิง สอดคล้องกับ ข่าวลือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ด่วนฉิงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในหมู่ ศิษย์รุ่นใหม่! ทุกคนต่างรู้ว่าอาณาจักรนภาลัยโบราณมีจํานวน อัจฉริยะน้อยที่สุดในบรรดาทั้งสี่กลุ่มใหญ่ แม้ว่า ดํา วนฉิงจะถือว่ามีพลังอํานาจมากในอาณาจักรนภาลัย โบราณ แต่การปรากฏตัวของเขาก็ยังคงไม่ค่อยมี การกล่าวถึงในทวีปตะวันออกทั้งหมดอยู่
แม้กระทั่งที่เพิ่งยวินเอง ก็ไม่มีอะไรที่เป็นที่น่าสนใจ ในทวีปตะวันออก “ตอนนี้ ได้เวลาที่องค์จักรพรรดิจะปล่อยตราแห่ง จักรพรรดิแล้ว!” ผู้นําพิธีประกาศออกมาเสียงดังสนั่น จักรพรรดินภาลัยโบราณลุกขึ้นจากที่นั่ง ขณะที่ ดวงตาของเขาเหลือบมองไปที่ฉินหนานท่ามกลางฝูง ชน และยิ้มกว้างออกมาจนเห็นไรฟัน (A[-]^) มา มาลองดูหน่อยสิว่าเมื่อตราแห่งจักรพรรดิถูก ปล่อยออกมา เจ้าจะสามารถดูดซับลมปราณ จักรพรรดิได้มากขนาดไหนกัน ตู้มมม!! ท่ามกลางความคิดของเขา จักรพรรดินภาลัยโบราณ ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทําให้เกิดแสงสีทองอัน
ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิงยิ่งขึ้นสู่บนท้องฟ้า และลอยอยู่ เหนือองค์ชายสาม เรืองแสงสีทองนั่นคล้ายกับตราอันใหญ่ยักษ์ มีความ ยาวครึ่งจราง รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มันสาดส่อง ประกายลําแสงสีทองอร่ามไปทั่วทุกริเวณ ถูก ล้อมรอบไปด้วยมังกรและวิหคเพลิง นอกจากนี้กลิ่น อายของมันนั่นลึกลับอย่างมาก ราวกับว่ามันผสาน เข้ากับสวรรค์และปฐพี
“หืออ?” ดวงตาของฉันหนานจ้องมองด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขาพยายามตรวจดูตราแห่งจักรพรรดิด้วย ดวงตาซ้ายเทพแห่งสงคราม เขาก็พบว่ามันมีพลัง อํานาจอันมากมาย คล้ายกับเมืองพยัคฆ์ขาว! นั่นหมายความว่าตรานี้เองก็เป็นยุทธภัณฑ์กึ่ง ตํานานจักรพรรดิด้วยงั้นหรอ?


มู่เซริงเย่ ผู้ที่ดูเหมือนจะรู้ในข้อสงสัยของฉันหนาน ได้ส่งเสียงเพื่ออธิบายทันที “หัวหน้า ตราแห่ง จักรพรรดินี้เป็นมรดกจากจักรพรรดิผู้ล่วงลับ แท้ที่ จริงแล้ว ตราแห่งจักรพรรดิไม่ถือว่าเป็นยุทธภัณฑ์ ถึงตํานานจักรพรรดิ์ แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์พิเศษ องค์ ชายสามจะกลายเป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็น ทางการ หลังจากได้รับการยอมรับจากตราแห่ง จักรพรรดิ และได้รับพลังที่เพิ่มขึ้นโดย ลมปราณ จักรพรรดิ ฉินหนานได้เข้าใจในทันที การขึ้นสู่สวรรค์ขององค์รัชทายาทของอาณาจักร นภาลัยโบราณนั้น แตกต่างไปจากอาณาจักรอื่น อย่างสิ้นเชิง เขาจะได้ถือว่าเป็นองค์รัชทายาทได้หลังจากที่ตรา แห่งจักรพรรดิยอมรับแล้วเท่านั้น ยินยอมที่จะมอบ สมปราณจักรพรรดิให้แก่เขา เมื่อเขาได้รับการสืบ
ทอดของตราแห่งจักรพรรดิสมบูรณ์แบบ เขาก็ กลายเป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกัน สําหรับศิษย์รุ่นใหม่จากทั้งสามกอง พันที่อยู่ข้างๆ องค์รัชทายาท ถ้าพวกเขาได้รับการ ยอมรับจากตราแห่งจักรพรรดิ พวกเขาก็จะมีโอกาส ที่จะได้รับพลังเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งมันจะไม่เกิดขึ้น ด้วยเช่นกันหากพวกเขาไม่ได้รับการยอมรับจากตรา แห่งจักรพรรดิ “ใครจะคิดว่าการขึ้นสู่สวรรค์ขององค์ชายสามใน ฐานะองค์รัชทายาทจะเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แบบ นี้ ขอดูหน่อยสิว่าลมปราณจักรพรรดินี้คืออะไร…” แววตาของฉันหนานคุมเครือด้วยความคาดหมาย ในขณะเดียวกัน ตราแห่งจักรพรรดิที่ลอยเด่นอยู่ กลางอากาศก็สั่นเบาๆ ก่อนที่แสงสีทองจะค่อยๆ
จางหายไปและปกคลุมร่างของพวกเขา ซึ่งทําให้ ร่างกายของพวกเขาร้อนขึ้น
ตราแห่งจักรพรรดิเปล่งเสียงคําราม ขณะที่มันยิ่งลํา ธารลมปราณที่มองไม่เห็น ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วย พลังงานอันมหาศาลลงมาด้านล่าง พลังอํานาจแห่งสวรรค์และปฐพีรอบๆ บริเวณนั้น เริ่มกระสับกระส่าย จักรพรรดิเป็นที่รู้จักในฐานะบุตรแห่งสวรรค์ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่สมปราณจักรพรรดิจะสามารถ สะท้อนกับพลังแห่งสวรรค์และปฐพี่ได้ ในเวลานั้น ลําธารลมปราณที่มากกว่า 1,300 ลํา ธารได้หลั่งไหลลงบนร่างขององค์ชายสามอย่าง ต่อเนื่อง
T
ผู้เชี่ยวชาญและเสนาบดีได้เคยเห็นภาพนี้มาก่อน แล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่องค์รัชทายาทจะได้รับ ลมปราณจักรพรรดิมากที่สุด พวกเขากังวลเกี่ยวกับจํานวนลมปราณจักรพรรดิที่ เหลือที่พวกศิษย์รุ่นใหม่จะได้รับมากกว่า
ต่อจากนั้น ลมปราณจักรพรรดิที่เหลือก็ได้ลอยไป ทางฉินหนานและคนอื่นๆ ลําธารลมปราณ 98 ลําธารได้เข้าสู่ร่างกายของหลง อู่ มู่เซริงเย็ได้รับไป 73 ลําธาร ในขณะที่ซูเหมิง ได้รับ 60 ลําธาร ในขณะเดียวกันตัวแทนของกอง พันพยัคฆ์ขาวนั่นได้รับไป 65 ลําธาร ส่วนสําหรับคนอื่นๆ นั่นทั้งหมดได้รับน้อยกว่า 50 ลําธาร
แต่ถึงอย่างนั่นก็ตาม ผู้คนต่างตะลึงงันเมื่อเห็น
ลมปราณจักรพรรดิลอยเด่นอยู่เหนือร่างของฉินหนาน
500.
580? ตรงนั้นมีอยู่ 580 ลําธารเรอะ? ไม่มีใครเคยได้รับลมปราณจักรพรรดิได้ถึง 580 ลํา ธารมาก่อนในประวัติศาสตร์ นั่นมันเกือบครึ่งหนึ่งของจํานวนลมปราณที่มอบ ให้กับองค์ชายสามด้วยซ้ําไป ในขณะเดียวกัน ฉันหนานก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ ปลื้มปริมในหัวใจ หลังจากได้รับการเพิ่มพลังจาก ลมปราณจักรพรรดิ ด้วยลมปราณจักรพรรดินี้ มันจะสามารถพัฒนาการ บ่มเพาะของข้าได้!

บทที่ 603 – การขึ้นสวรรค์ขององค์รัชทายาท

กองพันวิหคเพลิง สํานักอรุณธรณี “งานบูชาสวรรค์กําลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว ผู้อาวุโสหวัง ท่านดูแลพวกเขาด้วย!” ร่างของโจรวฮวาปรากฏตัวขึ้น เขาพูดเพียงสั้นๆ ก่อนที่จะเปิดรอยแยกและส่งคนอื่นๆไปยังเมือง พยัคฆ์ขาว งานบูชาสวรรค์ เป็นการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่สําหรับ ทั้งราชอาณาจักร! สถานที่ที่จัดงานบูชาสวรรค์ ตั้งอยู่ที่บริเวณด้านใน ของพระราชวัง โจรวฮวาเป็น 1 ใน 3 ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของ อาณาจักรนภาลัยโบราณ และผู้นํากองพันวิหคเพลิง เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องไปถึงสถานที่ล่วงหน้า

สําหรับฉันหนาน ผู้อาวุโสหวัง และคนอื่นๆ แม้พวก เขาจะมีสถานะ แต่พวกเขาจะต้องปฏิบัติตามกฏ
ของงานบูชาสวรรค์ และเข้าสู่สถานที่หลังจากผ่าน 99 เส้นทางหลักจากประตูทางเข้าของพระราชวัง ในระหว่างงานบูชาสวรรค์ นอกเหนือจากขอบเขต เทวะแล้ว ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้บินอยู่ในอากาศ และความตายคือบทลงโทษสําหรับผู้ที่ต่อต้านกฎ “นั้นไง!” ผู้อาวุโสหวังชี้ไปข้างหน้า และพูดกับคนของตน ฉินหนานเงยหน้าขึ้น และชําเหลืองมองตรงหน้า สถานที่ทั้งหมดดูคล้ายกับซามขนาดใหญ่พร้อมกับ แถวที่นั่งรอบๆ มีการจัดที่นั่งอย่างน้อย 1,000 ที่นั่ง เก้าอี้ทั่วไปแทนด้วยเก้าอี้ไม้เนื้อแดง, เก้าอี้หยกขาว และเก้าอี้มังกรทองใกล้กับตรงกลาง เก้าอี้คือสิ่งที่แสดงสถานะของผู้ที่นั่งมัน
ได้ยง
ในขณะที่ศูนย์กลางของสถานที่เป็นแท่นบูชาขนาด ใหญ่ที่มี 99 ขั้น แท่นบูชามีสีดําอย่างสมบูรณ์และ ผิวของมันเต็มไปด้วยคริสตรัลลึกลับที่ร้อนดังเปลว เพลิง มันปล่อยพลังอันทรงอํานาจออกมา ขณะที่
สั่นสะเทือนอย่างแรง และเหนือแท่นบูชานั้นคือรูปปั้น รูปปั้นนั่นสูง 10 จราง(10 ม.) และขาวนวลละเอียด มันดูเหมือนกับชายวัยกลางคนถือกระบี่ยักษ์และ สวมแผ่นเกราะ เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาจ้อง มองออกไปไกล กลิ่นอายโบราณอันเก่าแก่นั้นอาจ รู้สึกได้จากรูปปั้นอันงดงามนี้ “รูปปั้นนั้นคือรูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับ! ข่าวลือ กล่าวว่า หากอาณาจักรนภาลัยโบราณกําลังตกอยู่ ในวิกฤติ รูปปั้นนี้จะแสดงพลังและปกป้อง อาณาจักร! ขณะเดียวกัน ภายในรูปปั้นนั่นมีสมบัติ อันยิ่งใหญ่ ซึ่งยังไม่มีใครที่สามารถปลุกมันจากการ
หลับใหลได้ ราวกับมันชัดเจนแล้วว่ามันกําลังรอ คอยผู้ที่ถูกเลือก…” ผู้อาวุโสหวังอธิบายรายละเอียด ฉินหนานพยักหน้าเล็กน้อย แล้วทันใดนั้น เขาก็ สามารถรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่มันสั่นอยู่ในจิตใจ ความรู้สึกนี้มาจากเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ “จักรพรรดิตายแล้ว” ฉุนหนานพึมพําในหัวใจของ เขา “ไม่ต้องห่วง ข้าจะทําสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้ข้าให้ สําเร็จ ติดตามข้าและข้าจะกู้คืนศักดิ์ศรีของเจ้าใน อนาคต” เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่มันจะส่งเสียงอย่างนุ่มนวล ราวกับว่ามันได้ ยอมรับฉินหนานแล้ว ยุทธภัณฑ์ขั้นตํานานจักรพรรดิมีจิตวิญญาณของ ตนเอง จึงเป็นสิ่งสําคัญที่จะทําให้มันเชื่อใจด้วย ท่าทางของเขา เพื่อให้มันยอมทําตามที่เขาต้องการ จากนั้น ผู้อาวุโสหวังก็พาพวกเขาไปยังที่นั่ง แม้ว่า ตําแหน่งของพวกเขาจะใกล้กับตรงกลางก็ตาม แต่ เก้าอี้นี้ก็เป็นแบบทั่วไปสมบูรณ์แบบ เหตุผลนั่นคือฉินหนานและเพื่อนๆของเขาเป็น
สมาชิกใหม่ของกองพันวิหคเพลิง ดังนั้นสถานะของ พวกเขาค่อนข้างธรรมดา แม้ว่าชื่อเสียงของด่วนฉิงจะพุ่งสูงขึ้นในอาณาจักร นภาลัยโบราณ เขาก็ไม่ได้ใกล้เคียงในการเป็นที่เฉิด ฉายในวันนี้ ฉินหนานไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเก้าอี้ นอกจากนี้ มันยังทําให้เขาได้มีโอกาสสังเกตการณ์คนอื่นๆด้วย “กลิ่นอายของคนทั้ง 10 นั้นค่อนข้างน่าสะพรึงกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนๆนั้น ซึ่งการบ่มเพาะอยู่ที่ครึ่ง
ก้าวสู่ขอบเขตเทวะ ถ้าข้าจําไม่ผิด มีแนวโน้มมากว่า พวกเขาคือสิบขุนนาง” ฉินหนานเหลือบมองไปที่ผู้คน ซึ่งประกอบด้วยชาย 8 คนและหญิง 2 คน นั่งอยู่ในเขตเก้าอี้ไม้เนื้อแดง ด้วยตาซ้ายเทพเจ้าแห่งสงคราม และรู้สึกประหลาด ใจเล็กน้อย ขุนนางที่อยู่ครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเทวะได้หันศีรษะไป รอบๆ และสวมรอยยิ้มที่เงียบสงบ ซึ่งเขาได้หันหน้า มาทางฉินหนานราวกับเขารู้ถึงการจ้องมองนี้ ฉินหนานแสดงเคารพต่อขุนนางอื้อย่างรวดเร็ว จากนั้น เสนาบดีด้านวินัย, เสนาบดีด้านสงคราม, และเสนาบดีที่เหลือได้เข้าสู่พื้นที่บูชาสวรรค์ และนั่ง ที่เก้าอี้ไม้เนื้อแดง ผู้ปกครององครักษ์หลวง, เจ้าเมือง และอื่นๆ ได้
ผลัดกันเข้าสู่สถานที่จัดงาน แต่พวกเขาทุกคนล้วน นั่งอยู่บนเก้าอี้ปกติ พื้นที่บูชาสวรรค์ได้กลายมามีชีวิตชีวาทันทีใน ขณะนั้น “ที่เพิ่งยวิน ยังไม่ได้มาที่นี่” ฉินหนานมองไปทางเก้าอี้หยกสีขาว ที่มีเพียงจํานวน จํากัด มันถูกเตรียมไว้สําหรับผู้ทรงอํานาจอย่างโจรว ปีฮวา และหลินเฟิงเชียว แต่อย่างไรก็ตามโจรวปี่ฮ วาและหลินเฟิงเซี่ยวได้มาถึงที่นี้นานแล้ว และที่ เพิ่งยวินก็ยังไม่ได้แสดงตัว
หวูบบบ! ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ลงมาจากเบื้องบนซึ่งกลายเป็นที่ เพิ่งยวิน

ผู้คนต่างมุ่งความสนใจไปที่เขา ผู้ที่ได้เคลื่อนที่ต่อไป ยังเก้าอี้หยกสีขาว ในระหว่างทางนั้นที่เพิ่งยวินได้ หันศีรษะไปรอบๆ และพบร่างของฉันหนาน ตอนที่พวกเขาได้สบตากัน ฉินหนานได้ตอบกลับไป ด้วยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ (????)
“ ด่วนฉิง – 6 การแสดงออกของที่เพิ่งยวินเปลี่ยนไปทันที และ เกือบจะบดขยี้ฟันของเขาจนแหลกไปแล้ว ในไม่กี่วันมานี้เขาได้รักษาความโกรธของตนเองให้ มันเบาลง และแทบจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ ของตัวเอง เมื่อเขานึกถึงภาพของการถูกหลอกโดยด์ วนฉิง หากไม่ได้รับคําแนะนําจากพยัคฆ์ขาว ฟิววว!
ที่เพิ่งยวินถอนหายใจยาว และระงับความโกรธ เขา นั่งอยู่บนเก้าอี้หยกสีขาวและไม่แม้แต่จะ มองไป ทางด่วนฉิงเลย ตอนนี้ข้าไม่สามารถทําอะไรได้ มิฉะนั้นแผนการ ทั้งหมดจะล้มเหลว! โฮกกกก! ในขณะนั้นเอง เสียงคํารามที่น่าตกใจได้ระเบิดขึ้น อย่างฉับพลัน กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของมัน กวาดสะพัดไปทั่วทั้งพื้นที่ของงานบูชาสวรรค์เช่น ความกระหายที่รุนแรง ร่างยักษ์กระโดดออกมาจากรอยแยก และทําให้เกิด เงาที่ด้านล่าง ซึ่งนั่นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก พยัคฆ์ขาวนภาคําราม!
ด้วยการปรากฏตัวที่แท้จริงนี้ มันมีขนาดใหญ่กว่า ร่างจําแลง 3 เท่า พร้อมกับการบ่มเพาะขั้นสูงสุด ขอบเขตเทวะ! “นายท่านพยัคฆ์ขาวนภาคําราม!” แววตาของเสนาบดีและผู้เชี่ยวชาญหรือเซียนหลาย คนต่างวูบวาบด้วยความหลงใหล สําหรับพวกเขา นี้ไม่ใช่แค่พยัคฆ์ขาวนภาคําราม 1 ใน 3 ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดเท่านั้น แต่ยังเป็น สัญลักษณ์และการดํารงชีวิตทางจิตวิญญาณแก่พวก เขาด้วย “ พยัคฆ์ขาวนภาคําราม ดวงตาของฉันหนานวูบวาบด้วยจิตสารอันเยือกเย็น แต่อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็ระงับจิตสังหาร และ ตรวจสอบฝูงชนด้วยตาซ้ายเทพเจ้าแห่งสงคราม

แต่แล้วฉินหนานก็ต้องประหลาดใจเมื่องได้เหลือบ มอง มีเสนาบดีและเจ้าเมืองจํานวนมากที่อยู่ใน อาการตื่นเต้นและมองอย่างหลงใหล มันเป็นไปได้สูงว่านพวกนี้คือผู้อาวุโสของกองพัน พยัคฆ์ขาว! และในตอนนั้นเอง! ต้มมม! พื้นที่บนท้องฟ้าแยกออกจากกัน เผยร่างสูงที่เดิน ออกมาจากความมืดอันไม่มีที่สิ้นสุด ขณะที่เขา ปรากฏตัวมันได้ราวกับว่าเขาได้กลืนกินแสงสว่าง ทั้งหมด และกลายเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ตรงนั้น แม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะไม่ได้เทียบเท่ากับ พยัคฆ์ขาวนภาคําราม แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากัน
เลย! จักรพรรดินภาลัยโบราณมาถึงแล้ว!
“ท่านพยัคฆ์ขาว โปรดนั่งเถอะ” จักรพรรดินภาลัย โบราณกล่าวเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “อืม” พยัคฆ์ขาวนภาคํารามยกศีรษะขึ้นเล็กน้อย และเตะ เท้าลงที่พื้น ร่างของมันเปลี่ยนไปเป็นชายวัย กลางคนที่โหดเหี้ยม ก่อนที่จะนั่งอยู่ที่เก้าอี้หยกขาว ใกล้กับตรงกลางมากที่สุด “สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ข้ามีความยินดีอย่าง มากที่ได้พบทุกท่านที่นี่ในงานบูชาสวรรค์!” จักรพรรดินภาลัยโบราณ ได้ลอยอยู่เหนือศูนย์กลาง ของพื้นที่บูชาสวรรค์ กลิ่นอายอันงดงามของเขาได้ ห่อหุ้มฝูงชนไว้ ในขณะที่เขาได้เปล่งเสียงคํารามดัง สนั่นออกมา “ตอนนี้ถึงเวลาสําหรับ ส่วนแรกของ พิธีแล้ว…การขึ้นสู่สวรรค์ขององค์รัชทายาท!”

บทที่ 602 – ท้องฟ้าฉีกขาด งานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่
ได้เริ่มขึ้น
ฉินหนานกลับไปที่คฤหาสน์องค์รัชทายาท และได้ คุยกับองค์ชายสามอย่างสนุกสนาน ก่อนที่เขาจะ ออกมาจากที่นั้น “ได้เวลาออกจากเมืองพยัคฆ์ขาวแล้ว มาลองดูสิว่า ข้าจะสามารถเปิดรอยแยกได้รึยัง!” ฉินหนานมุ่งตรงไปที่ประตูเมือง เมื่อก่อนนี้หลังจาก ที่เขาได้พัฒนาขึ้นสู่ครึ่งก้าวสู่ขอบเขตราชันย์ จักรพรรดิ เขาพยายามจะส่งตัวเองโดยการเปิดรอย แยก แต่กระแสลมภายในรอยแยกก็แข็งแกร่งมาก แม้แต่กล้ามเนื้อในขอบเขตราชันย์จักรพรรดิของเขา ก็ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอสําหรับการอยู่รอดของ กระบวนการนี้
ซึ่งในตอนนี้เขาได้รับเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจมาแล้ว เขาก็ควรจะสามารถทนแรงกดดันระหว่างรอยแยก ได้ แม้ว่าจะยังไม่สามารถควบคุมเสื้อคลุมได้ก็ตาม เถอะ (= =)
“หือออ?” ฉินหนานหยุดเดินบนถนน และขมวดคิ้ว เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย 2-3 จุดที่เพ่งเล็งอยู่
ที่ร่างของเขา “พยายามจะลอบสังหารข้าเนี้ยนะ?” ฉินหนานรู้สึกสับสนเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหันไป รอบๆและตรวจสอบร่างที่กําลังใกล้เข้ามาด้วย ดวงตาซ้ายเทพเจ้าแห่งสงครามผู้ที่กําลังเคลื่อนผ่าน ฝูงชน แต่ละคนมีการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตราชันย์ จักรพรรดิขั้นแรก
ร่างนั้นที่กําลังเข้ามาสะดุ้งตกใจ หลังจากที่รับรู้ถึง การจ้องมองของฉันหนาน (*_*); ไอ้เด็กนี้มันมองผ่านการปลอมตัวของพวกข้าได้ ยังไง? ร่างนั้นได้สื่อสารกับคนอื่นด้วยสายทันที เนื่องจาก ตัวตนของพวกเขาได้ถูกเปิดเผยแล้ว มันจึงไม่มี เหตุผลใดๆอีกต่อไปที่จะต้องซ่อน พวกเขาเปลี่ยน รูปลักษณ์ของตนกลับสู่ความจริงทันที และเข้าหา ฉินหนาน ผู้นําที่เป็นชายวัยกลางคนได้มาอยู่ตรงหน้าของฉัน หนาน และกล่าวว่า “ท่านด่วนฉิง นายท่านของข้า ต้องการให้ท่านไปพบเขา โปรดมากับเราด้วย” ฉินหนานยังคงยืนนิ่ง ขณะที่ถามว่า “นายท่านของ เจ้า? ใครน่ะ?”

“เจ้าไม่ควรถามมากเกินไป!” ชายวัยกลางคน ตะโกนขึ้นอย่างฉับพลัน “โง่เง่า!” ฉินหนานหมุนตัวไปทางอื่น เขาไม่มีจุดประสงค์อะไร ที่จะต้องมาเสียเวลากับคนพวกนี้ คนพวกนี้ยังคงทํา พฤติกรรมอย่างหยาบคาย แม้ว่าฝ่ายตนจะเป็นผู้ ร้องขอก็ตาม “เจ้า!” คนวัยกลางคนและคนอื่นๆ ตกตะลึง ไอ้เด็กด่วน งนี้กล้าเพิกเฉยคําพูดของพวกข้าเชียวเรอะ! “ด่วนฉิง! สถานะนายท่านของข้าเทียบเท่ากับ จักรพรรดินภาลัยโบราณ! มันถือเป็นเกียรติของเจ้า ที่ได้รับเชิญ แต่เจ้ากล้าปฏิเสธงั้นเรอะ!? “ชายวัย กลางคนก้าวเดินมาด้านหน้าเรื่อยๆ ซึ่งน้ําเสียงของ เขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“เทียบเท่ากับจักรพรรดินภาลัยโบราณหรอ?” ฉินหนานตกใจนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะหัวเราะกลวง “แล้วมันยังไงอะ? มันไม่เกี่ยวกับข้า!” ตอนนี้ ฉินหนานสามารถบอกได้ว่าคนพวกนี้มาจาก สมาพันธ์ค้ําฟ้า ซึ่งมาที่นี่เพื่อส่งคําเชิญจาก ผู้นํา สมาพันธ์ฟ้า ทุกๆคนล้วนรู้ดีว่ามีสองกลุ่มที่ยิ่งใหญ่ในเมืองพยัคฆ์ ขาว หนึ่งคือราชวงศ์ของอาณาจักรนภาลัยโบราณ ในขณะที่อีกกลุ่มนั้นคือที่ตั้งสํานักงานใหญ่ของ สมาพันธ์ค้ําฟ้า! ผู้นําสมาพันธ์ค้ําฟ้าน่าจะสนใจแผนที่ที่ข้าได้มาจาก องค์ชายสอง เจ้าเป็นผู้นําของสมาพันธ์ค้ําฟ้าหรอ แล้วมันยังไง
I
ละ?
ข้าจะไม่ไปเจอเจ้า ถ้าข้าไม่ต้องการ!
“เจ้ากล้า
ดวงตาของชายวัยกลางคนและคนของเขาเยือก เย็นชื้น พร้อมกับจิตสังหารที่คลุมเครือ ในฐานะที่ เป็นองครักษ์ของผู้นํา นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็น ว่ามีคนกล้าที่จะปฏิเสธคําเชิญของนายท่าน ซึ่งจะ นับประสาอะไรกับขั้นสูงสุดขอบเขตทรราชย์แค่คน เดียว แววตาของฉันหนานจ้องมองอย่างรุนแรง ในขณะนั้น พื้นที่ภายใน 10 เมตรก็ได้แปร เปลี่ยนเป็นน้ําแข็ง
พร้อมด้วยเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจสีดํา มันเหมือนกับ ว่าเขาได้กลายเป็นปีศาจที่ไร้สิ่งใดเทียบได้ พร้อม กับอ้าปากที่เปื้อนเลือดออกกว้าง
|
|
ไป”
คนวัยกลางคนและคนอื่นๆ รู้สึกว่าหัวใจของพวก เขาสั่นสะท้าน กลิ่นอายที่เยือกเย็นดั่งน้ําแข็งนั่นได้
พุ่งเข้ามาปะทะหัวใจของพวกทันที กลิ่นอายของด่วนฉงนี้มันช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้ “ไม่ต้องมาตามข้า!” ฉินหนานตะโกนออกมา และออกจากที่นั่นอย่างไม่ สนใจ
ชายวัยกลางคนและคนของเขาประหลาดใจ พวก เขาเตรียมที่จะตามฉินหนาน แต่ก่อนที่พวกเขาจะ เคลื่อนไหว ก็มีเสียงหนึ่งถูกส่งไปยังพวกเขา ซึ่งเป็น เหตุที่ทําให้พวกเขาเปลี่ยนใจ เมื่อฉันหนานกําลังจะออกจากเมืองพยัคฆ์ขาว ก็ เสียงหนึ่งส่งเข้ามาในจิตใจของเขา
“ด้วนฉิง ข้าคือผู้นําของสมาพันธ์ค้ําฟ้า มาที่ สํานักงานใหญ่ของสมาพันธ์ค้ําฟ้าเดี๋ยวนี้ ข้าอยาก คุยกับเจ้าเกี่ยวกับแผนที่ที่เจ้าได้จากองค์ชายสอง!” ท่าทางของฉันหนานยังคงนิ่งเฉย ในขณะที่ตอบว่า “ไม่มีทางที่ข้าจะให้แผนที่กับสมาพันธ์ค้ําฟ้า ไม่ว่า ท่านจะเสนอราคาเท่าไรก็ตาม ถ้าท่านต้องการจริงๆ ข้าจะมอบให้ท่านหลังจากนี้ 1 เดือน” แผนที่นี้มันเกี่ยวข้องกับมหาสมุทรโลหิตทมิฬ ในปัจจุบัน ทั้งชินซางและเพื่อนของเขากําลังพัฒนา สู่ขึ้นขอบเขตเทวะที่มหาสมุทรโลหิตทมิฬ หาก สมาพันธ์ค้ําฟ้าส่งคนไปที่นั่น มันก็เป็นไปได้สูงที่ทั้ง ชินซางและเพื่อนของเขาจะได้รับผลกระทบ ซึ่งจะ ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้เลย “ด้วนฉิง เจ้าได้คิดไหมว่าแผนที่นี้มันสําคัญยังไง?” น้ําเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นที่คลุมเครือ”

เจ้าไม่มีค่าพอที่ได้แผนที่นั้น! นํามันมายังสมาพันธ์ ค้ําฟ้าและข้าจะตอบแทนอย่างมากมาย มิฉะนั้นข้าก็ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากระบุว่าเจ้าเป็นศัตรูของ เรา!!” “อ่อหรอ? งั้นก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นแหละ!” ฉินหนานตอบกลับอย่างไม่ลังเล เขาไม่เคยมีความประทับใจใดๆต่อสมาพันธ์ค้ําฟ้า เลย นอกจากนี้แผนที่นี้มีความสําคัญในการ รับประกันในความปลอดภัยของทั้งชินซางและคน อื่นๆ เขายินดีที่จะต่อต้านทั้งสี่กลุ่มใหญ่สําหรับเรื่อง นี้ แล้วจะนับประสาอะไรกับสมาพันธ์ฟ้า เจ้าของน้ําเสียงที่เผด็จการหยุดที่จะพูดต่อ ขณะที่ไม่ คาดคิดว่าฉันหนานจะดื้อดึงถึงขนาดนี้
11PWEI
ฉินหนานออกจากเมืองพยัคฆ์ขาว และสําแดงฤทธิ์ ของพลังอํานาจแห่งขอบเขตราชันย์จักรพรรดิ ราว กับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น * เปิดรอยแยก! มือของเขาเต็มไปด้วยพลังอํานาจแห่งขอบเขต ราชันย์จักรพรรดิ ขณะที่ผลักดันพวกมันเข้าไปในมิติ อื่น และดึงไปด้านข้าง ฉีกช่องว่างที่ตรงหน้าของเขา พร้อมกับกระแสลมกระโชกอันรุนแรงที่ถูกปล่อย ออกมาจากรอยแยก เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจกระพืออย่างรวดเร็ว เนื่องจากกระแสลม แต่ไม่ว่าลมนั่นจะรุนแรงแค่ไหน มันก็ไม่ได้นําความเสียหายใดๆ มาสู่ที่เสื้อคลุมได้ “ข้าคาดหวังนะ! ว่าเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจนี้จะไม่ ธรรมดา!”
II
I ม
ดวงตาของฉินหนานรุ่งโรจน์ด้วยความปิติยินดี ขณะที่เขากระโดดเข้าไปในรอยแยก พื้นที่ภายในนั้นเต็มไปด้วยความมืดอันไม่มีที่สิ้นสุด และกระแสลมที่ดุเดือดรุนแรง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ทํา การบ่มเพาะได้ไปถึงขอบเขตราชันย์จักรพรรดิ สามารถล็อคไปยังจุดหมายด้วยความทรงจําของตน และเคลื่อนไหวเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว เมื่อพวก เขามาถึงจุดหมายแล้ว พวกเขาสามารถสลายพื้นที่ เพื่อจบกระบวนการนี้ได้ทันที
นอกจากนี้ ระยะทางของกระบวนการนี้ก็ขึ้นอยู่กับ การบ่มเพาะของบุคคลด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ฉินหนานมีเพียง 33 ลําธารของพลัง อํานาจแห่งขอบเขตราชันย์จักรพรรดิในร่างกายของ เขา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะส่งตัวเองไปยังกอง พันวิหคเพลิงด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว เขา

1
ต้องกระโดดอย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อไปถึงปลายทาง
ของเขา
ตู้มมม! พื้นที่ถูกทําลายโดยฉันหนานด้วยการชก ก่อนที่ร่าง ของเขาจะปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ กองพันวิหคเพลิงได้อยู่ที่ด้านล่างเขาในเวลานี้ เขาได้ใช้เวลาไปเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้นโดยการ เดินทางมาจากเมืองพยัคฆ์ขาว “ไม่มีอะไรสําคัญในอีก 2-3 วันข้างหน้า ข้าควรจะ เข้าสู่ความสันโดษและบ่มเพาะ” ฉุนหนาน เหลือบ มองร่างของมู่เฉินเย่ ซูเหมิง และคนอื่นๆ ในสํานัก ก่อนที่เขาจะตัดสินใจ เวลาค่อยๆ ผ่านไปและ 8 วันก็ได้หายไปในพริบตา ในช่วงเวลานี้ เซียนหลายต่อหลายคนได้เดินทาง มาถึงเมืองพยัคฆ์ขาวจากสถานที่ต่างๆแล้ว
เมืองพยัคฆ์ขาวตกแต่งด้วยแสงไฟระยิบระยับและ ริบบิ้นมากมาย นอกเหนือจากกลิ่นอายที่ทรงอํานาจ แล้ว เมื่อถึงเวลายามค่ําคืนการปรากฏตัวของเมืองนี้ ได้เป็นสิ่งที่งดงามอย่างมาก ในวันที่เก้า เสียงก้องของระฆังโบราณได้สะท้อนอยู่ ในเมืองพยัคฆ์ขาว ทําให้ดวงตาของคนจํานวนมาก ส่องแสงแวววาว งานบูชาสวรรค์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!

บทที่ 601 – คําพูดของจักรพรรดิผู้ล่วงลับ
เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ! ณ บ้านทองคํา ชั้นที่เจ็ด หลังจากที่อสูรปีศาจสงครามหมดสติไป ฉินหนานก็ ได้เข้าสู่ห้องโถงที่ถูกปิดผนึกไว้เป็นเวลานานหลาย พันปีอย่างไม่อาจนับได้ เวลานี้ ฉินหนานก็ไม่รู้เลยว่าปรากฏการณ์อันหายาก ของบ้านทองคําได้กําลังเกิดขึ้นแล้ว ในขณะเดียวกัน ภายในห้องโถงชั้นที่เจ็ด ซึ่งมีขนาด เพียง 1 ใน 10 ของชั้นแรก ด้านข้างของห้องโถง เรียงรายไปด้วยเชิงเทียนที่มีประกายไฟสีน้ําเงิน ส่องแสงสลัวภายในห้องโถงราวกับเมืองของภูตผี “นั่นมัน…” นัยน์ตาของฉันหนานเนิ่งกว้างขึ้นอย่างฉับพลัน
ที่ตรงกลางห้องโถงมีไม้กางเขนทําจากโครงกระดูก และเสื้อคลุมสีดําที่ถูกแขวนไว้บนนั้น ไม่สามารถมองเห็นฝุ่นละอองได้เลยแม้เพียงเศษ เสี้ยวบนเสื้อคลุม แต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเรื่อง มันเช่นกัน ราวกับว่ามันเป็นเพียงเสื้อผ้าธรรมดาๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ดวงตาซ้ายเทพเจ้าแห่งสงครามของ ฉินหนานก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอํานาจอันน่า สะพรึงกลัวที่อยู่ภายในเสื้อคลุม พลังอํานาจอันน่าสะพรึงกลัวที่มีมากกว่ายุทธภัณฑ์
ขั้นเทวะ!
หรือว่ามันอาจจะเป็นยุทธภัณฑ์กึ่งตํานาน จักรพรรดิ? ความคิดอันน่าตกใจปรากฏขึ้นในจิตใจของฉัน
หนาน ซึ่งทําให้เขาประหลาดอย่างมากที่สุดที่เคย ตกใจมาทั้งหมด ???!! ยุทธภัณฑ์กึ่งตํานานจักรพรรดิ ในการเปรียบเทียบแล้ว ทั้งเมืองพยัคฆ์ขาวเป็นเพียง ยุทธภัณฑ์กึ่งตํานานจักรพรรดิ “นี้มันไม่ถูกต้อง!” ฉินหนานรวบรวมความคิดทันที และพึมพําออกมา “นี่ไม่ใช่ยุทธภัณฑ์กึ่งตํานาน จักรพรรดิ พลังของเสื้อคลุมนี้ยังคงอ่อนแอมากเมื่อ เทียบกับเมืองพยัคฆ์ขาว
พรึบบบบ!! ก่อนที่ฉินหนานจะพูดจบ เหตุการณ์บางอย่างก็เกิด อย่างฉับพลัน จู่ๆเสื้อคลุมก็กลายมามีชีวิตขึ้นและ บินไปทางฉินหนาน ตู้มมมม!
เสื้อคลุมระเบิดขึ้นอย่างฉับพลัน และเปลี่ยนร่างเป็น สีดํานับไม่ถ้วนที่กลืนกินร่างของฉินหนานทันที่เฉก
เช่นภูตผีจากนรกโบราณ
ในเพียงพริบตา เสื้อผ้าของฉินหนานก็ถูกแทนที่ด้วย เสื้อคลุมสีดําที่มีผ้าคลุมสีแดงเข้มติดอยู่ [อารมณ์แบบ Doctor Strange]
ในขณะนั้น กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่อาจ คาดฝันถูกปล่อยออกมา มันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจาก ร่างกายของฉันหนาน เรืองแสงสีแดงเข้มนับไม่ถ้วน ยิ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากเสื้อคลุมราวกับว่ามันได้ เปลี่ยนเป็นแผ่นเกราะ!
ณ ปัจจุบัน ฉินหนานได้ดูเหมือนจ้าวแห่งปีศาจจาก เก้าสวรรค์ ผู้ที่เพิ่งลงมาเยือนบนพื้นโลก!
“โฮกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”
จิตวิญญาณบ้านทองคําได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในเวลา นั้น โดยเปล่งเสียงร้องเหมือนดั่งมังกร ซึ่งไม่ได้แสดง ท่าทที่ของความโกรธหรือความกลัว แต่ค่อนข้าง เป็นความแปลกใจมากกว่า! “นี่คือ…” ฉินหนานตกตะลึงเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนของพลังอํานาจอัน คลุมเครือที่ตื่นขึ้นภายในร่างกายของเขา ซึ่งซึ่งมัน รุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ และล้นหลาม ราวกับว่าเขา สามารถทําลายอะไรก็ได้ในสวรรค์และปฐพี ถ้าความแข็งแกร่งของฉันหนานอยู่ในระดับครึ่งก้าว สู่ขอบเขตราชันย์จักรพรรดิ ในก่อนหน้านี้ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขามันได้เท่ากับขอบเขต ราชันย์จักรพรรดิขั้น 3 แล้ว!
“ถึงเวลาแล้วที่เสื้อคลุมสงครามของข้าจะถูกส่งต่อ ให้กับคนรุ่นใหม่!” ในตอนนั้นเอง น้ําเสียงที่เหย่อ หยิ่งดังปะทุขึ้นภายในใจของฉันหนาน “เสื้อคลุมนี้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ! ครั้งหนึ่ง เคยเป็นยุทธภัณฑ์ขั้นตํานานจักรพรรดิ! แต่อย่างไรก็ ตามมันได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงในขณะที่มัน กับข้าผ่านการต่อสู้นับไม่ถ้วนไปด้วยกัน มันจึง สูญเสียพลังอํานาจไป! ข้าหวังว่าผู้สืบทอดของมันจะ สามารถดูแลอย่างเทิดทูน และเรียกคืนศักดิ์ศรีอัน รุ่งเรืองของมัน!” ฉินหนานรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากจากสัมผัสแห่งพระ เจ้า เสียงนั้นเกือบจะทําให้สมองของเขาระเบิดเป็น
ขึ้น
เขาจะหมดสติอย่างไม่ต้องสงสัยเลยถ้าไม่ได้
พัฒนาการต่อต้านให้ดีขึ้นหลังจากที่เขาได้รับความ
ทรมานจากเสียงคํารามของดวงตาซ้ายเทพแห่ง สงครามเมื่อครั้งในอดีต แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ฉันหนานก็ยังต้องใช้เวลาสักพัก เพื่อฟื้นตัว “เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจหรอ? เคยเป็นยุทธภัณฑ์ขั้น ตํานานจักรพรรดิด้วย? และเมื่อตัดสินจากเสียง แล้ว” ฉุนหนานขมวดคิ้วขณะที่ครุ่นคิด และได้ ข้อสรุปทันทีหลังจากนั้นไม่นาน ผู้อาวุโสคงกล่าวว่าจักรพรรดิผู้ล่วงลับของอาณาจักร นภาลัยโบราณแห่งอาณาจักร เป็นคนเดียวใน ประวัติศาสตร์ที่เข้าสู่ชั้นเจ็ด งั้นเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจก็ถูกทิ้งไว้ที่นี่โดย จักรพรรดิผู้ล่วงลับนะสิ (=O=)! “ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะเจอสิ่งที่ท่าน ทิ้งไว้ที่นี้ได้เลย!” ฉินหนานพูดกับตัวเอง ก่อนที่
จากนั้นจะพูดด้วยเสียงอันหนักแน่นว่า “อย่างไรก็ ตาม…ท่านไม่ต้องห่วง ตอนนี้เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ ได้ติดตามข้าแล้ว ข้าก็จะกู้คืนศักดิ์ศรีที่รุ่งเรืองของ มัน!!
เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจเป็นสิ่งล้ําค่าอย่างมาก เขา โชคดีมากที่ได้รับสิ่งนี้มา เพราะฉะนั้นถ้าเขามีโอกาส เขาจะทําตามความต้องการที่จักรพรรดิผู้ล่วงลับขอ มาอย่างแน่นอน โดยการนําพาเสื้อคลุมนี้กลับคืนสู่ ยุคอันรุ่งเรืองและศักดิ์ศรีของมัน “ตอนนี้ข้ามาลองดูเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจดีกว่า!” ฉินหนานคิดอย่างนิ่งสงบ แต่แววตาของเขามันได้ กําลังลุกไหม้อย่างรุนแรง มันคือเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ! ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็น ยุทธภัณฑ์ขั้นตํานานจักรพรรดิ
ถึงแม้ว่าปัจจุบันมันจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่พลังของมันก็ยังแข็งแกร่งกว่ายุทธภัณฑ์ขั้นเทวะ! “ข้าได้รวมเข้ากับเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจแล้ว ข้า สามารถควบคุมมันได้ง่ายๆ เพียงแค่คิด อย่างไรก็ ตาม พลังอํานาจแห่งขอบเขตราชันย์จักรพรรดิก็ยัง ไม่เพียงพอในร่างกายของข้า ข้าไม่อาจปลดปล่อย พลังของมันได้อย่างเต็มที่” ฉุนหนานเพิ่งได้ สังเกต หลังจากที่เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจไม่มี ปฏิกิริยาใดๆ เมื่อเขาพยายามจะควบคุมมัน “น่าเสียดายที่ข้าจะไม่อาจได้เห็นถึงอํานาจของเสื้อ คลุมจ้าวแห่งปีศาจได้ตอนนี้! ข้าไม่สามารถรอที่จะ เห็นความแข็งแกร่งของมันเมื่อข้าสามารถควบคุมได้ เลยย!!” ฉินหนานส่ายหัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความ คาดหวัง
แม้เขาจะไม่ได้ชอบของการใช้สิ่งประดิษฐ์ในการ ต่อสู้ เขาก็ค่อนข้างสนใจในเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ ในขณะที่มันเป็นผ้าที่เขาสามารถใส่ได้เองง่ายๆ
ดังนั้นมันจึงไม่สําคัญมากนัก “ได้เวลาที่จะออกไปข้างนอกแล้วสิ” บนใบหน้าของฉันหนานเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอัน พิมพ์ใจ(277) เขารู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อ หลังจากที่ ได้พบเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ เมื่อเขาออกจากบ้านทองคํา ร่างของผู้อาวุโสคงก็ ได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว ซึ่งตามมาด้วย เสียงกระแฮ่ม “ด้วนฉิง เจ้าเจออะไรที่ชั้นเจ็ดละ?” ผู้อาวุโสคง โพล่งออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย แต่ ดวงตาของเขาก็กว้างขึ้น เมื่อได้เห็นเสื้อคลุมสีดําที่ ฉินหนานสวมอยู่ “เสื้อคลุมนั้น มันคือเสื้อคลุมจ้าว
แห่งปีศาจที่ติมตามจักรพรรดิผู้ล่วงลับในยามเข้าสู่ สงครามรึเปล่า?” ฉินหนานรู้สึกตกใจเพราะไม่คิดว่าผู้อาวุโสคงจะ สามารถบอกถึงเอกลักษณ์ของมันได้ แม้ว่าจะไม่มี การปล่อยพลังงานใดๆก็ตาม แล้วจากนั้นเขากล่าว ด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโสคงมีสายตาที่แหลมคมยิ่ง นัก (???)” “เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ มันคือเสื้อคลุมจ้าวแห่ง ปีศาจจริงๆ” ผู้อาวุโสคงไม่สนใจคําพูดของฉันหนานและพูด พึมพํากับตัวเอง ก่อนที่เขาจะหันไปรอบๆ และมอง ไปที่ฉันหนานด้วยความซับซ้อน “ในขณะที่เจ้าได้รับ เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ เจ้าได้รับการยอมรับจาก
จักรพรรดิผู้ล่วงลับแล้ว! โอ้ด้วนนิ่ง โปรดอย่าทําให้ ข้าผิดหวังที่งานบูชาสวรรค์นะ”

เมื่อผู้อาวุโสคงเอ่ยออกมาแบบนั้น เขาก็ได้มองฉัน หนานอย่างครุ่นคิด ในเมื่อด่วนฉิงได้รับเสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจมาแล้ว นี้ ไม่ได้หมายความว่าสมบัติลึกลับภายในรูปปั้น จักรพรรดิผู้ล่วงลับจะแสดงตัวตนในครั้งนี้ด้วยงั้น เรอะ? “งานบูชาสวรรค์?” ฉุนหนานรู้สึกประหลาดใจว่า “ท่านผู้อาวุโสคงเองก็จะไปที่งานบูชาสวรรค์เช่นกัน งั้นรึครับ?” ฉินหนานไม่รู้ว่าผู้อาวุโสคงที่กําลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา คือจักรพรรดินภาลัยโบราณ จักรพรรดิผู้ซึ่งเป็น เจ้าภาพของงานบูชาสวรรค์! “แน่นอน” ผู้อาวุโสคงยิ้มและโบกมือ “เจ้าควรจะ ออกไปเดี๋ยวนี้ นับตั้งแต่ที่เจ้าเสร็จธุระแล้วนะ ยังไง
ก็เถอะ มันจะดีกว่าที่จะไม่บอกทุกคนว่าเจ้าได้รับ เสื้อคลุมจ้าวแห่งปีศาจ” “แน่นอนครับ” ฉินหนานพยักศีรษะ และเตรียมจะจากสถานที่นี่ แห่งนี้ไป แต่ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักเนื่องด้วย ความคิดบางอย่างที่โผล่ขึ้นมาในจิตใจ เขาได้กล่าว อย่างสงบนิ่งว่า “ผู้อาวุโสคง เมื่อตอนที่ข้าบอกว่าข้า มีโอกาสได้เข้าถึงชั้นที่เจ็ด ข้าหมายความแบบนั้น จริงๆ ข้าหวังว่าผู้อาวุโสคงจะไม่เข้าใจผิด ข้าไม่ได้ หลงตัวเองอย่างหนัก ข้าแค่ระบุความจริงเท่านั้น” หลังจากที่พูดจบ ฉินหนานก็ออกจากที่นี้ไป ผู้อาวุโสคงหรือจักรพรรดินภาลัยโบราณซะ มากกว่า ได้ถูกปล่อยทิ้งไว้กับการแสดงออกที่ว่าง เปล่าบนใบหน้าที่เป็นถึงจักรพรรดิ
ครูต่อมา จักรพรรดินภาลัยโบราณก็รวบรวม ความคิดของเขา และไม่แน่ใจว่าจะหัวเราะหรือ ร้องให้ดี ไอ้เด็กคนนี้มันปิดบังความไม่พอใจที่รุนแรง น่าดู…แต่ข้าชอบบุคลิกของเขานะ!! ดวงตาของจักรพรรดินภาลัยโบราณวูบวาบด้วย ความตื่นเต้น ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปหลังจาก เตะเท้าลงไปที่พื้น

ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit

ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit

Status: Ongoing

รายละเอียด ในแผ่นดินหมอกคราม หากผู้ใดปรารถนาจักกลายเป็นยอดยุทธ์ ผู้นั้นจักต้องปลุกวิญญาณยุทธ์แห่งตนขึ้นมา เพื่อสื่อสารกับพลังฟ้าดิน และต้องบำเพ็ญตบะ เพื่อดูดซับลมปราณฟ้าดิน

วิญญาณยุทธ์มีมากมายมหาศาลมิอาจคณานับ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับใหญ่… หวง เสวียน พิภพและสวรรค์

แต่ละระดับแบ่งย่อยอีกสิบขั้น ยิ่งวิญญาณยุทธ์สูงส่งเพียงใด คนผู้นั้นจักฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว แข็งแกร่งและมีศักยภาพที่สูงยิ่งขึ้น

ฉินหนาน มหาอัจฉริยะในใต้หล้าจักสร้างวิญญาณยุทธ์ไร้ผู้เทียบเคียง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท