ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 11 ผู้ร้าย

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 11 ผู้ร้าย

ทางตอนใต้มีน้ำจำนวนมหาศาล แม้ลั่วเฉินจะร่างกายอ่อนแอและฝากเลี้ยงอยู่ที่จวนตา แต่เขามีลูกพี่ลูกน้องถึงสี่คนจึงมีโอกาสลงน้ำอยู่บ่อยครั้ง

แต่จะบอกว่าว่ายน้ำแข็งก็คงไม่ใช่

การจมอยู่ในน้ำทะเลสาบของช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ลั่วเฉินรู้สึกสิ้นหวัง มิอาจห้ามร่างกายไม่ให้จมดิ่งลงไปได้

การผลักอย่างกะทันหันทำให้เขาลืมตาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าสีขาวผ่องของเด็กสาวผลุบๆ โผล่ๆ ในละอองน้ำ

ลั่วเฉินอยากพูดอะไรบางอย่าง ริมฝีปากขยับก็สำลักน้ำทันที เขาที่ถูกหงโต้วลากขึ้นฝั่งร่างกายอ่อนแออย่างยิ่งและไออย่างรุนแรง

ในไม่ช้า ลั่วเซิงกับเซิ่งจยาหลานล้วนถูกทยอยช่วยขึ้นมา

ลั่วเซิงได้รับการช่วยเหลือจากบ่าวเฒ่าใบหน้ายาว ในขณะที่คุณชายสามเซิ่งได้ช่วยเซิ่งจยาหลานขึ้นมา

เมื่อคุณชายสามเซิ่งที่ลากเซิ่งจยาหลานขึ้นฝั่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรจึงส่งนางให้กับบ่าวเฒ่าทันที พร้อมสั่งบ่าวรับใช้ที่มารวมตัวกันบริเวณริมทะเลสาบ “รีบนำตัวคุณหนูรองกับคุณหนูหลานนอกกลับเรือนเปลี่ยนชุดเร็ว และเชิญหมอไปที่เรือนของคุณชายหลานนอกด้วย!”

พอพูดจบ เขาก็ก้มลงอุ้มลั่วเฉินที่ส่งเสียงไอไม่หยุดขึ้นมาและวิ่งหายไปในพริบตา

ข่าวที่ลั่วเซิงและเซิ่งจยาหลานตกน้ำแพร่สะพัดไปทั่วจวนสกุลเซิ่งอย่างรวดเร็ว

สาวใช้สวมชุดปี๋เจี่ยสีเขียวรีบเดินเข้ามาในห้องนอนของเซิ่งจยาอวี้และเอ่ยอย่างเร่งรีบว่า “คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองและคุณหนูหลานนอกตกน้ำเจ้าค่ะ!”

เซิ่งจยาอวี้ที่ปักผ้าด้วยความเบื่อหน่ายเพราะวันนี้เซิ่งจยาหลานปฏิเสธนัดไปร้านเครื่องแป้งกับนาง แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางก็โยนผ้าปักทิ้งแล้วลุกขึ้นยืน “พวกนางล่ะ”

สาวใช้ชุดเขียวตอบว่า “หลังจากคุณหนูทั้งสองเปลี่ยนชุดเสร็จ ฮูหยินผู้เฒ่าก็เรียกไปที่เรือนฝูหนิง…”

เซิ่งจยาอวี้ฟังยังไม่ทันจบก็รีบยกกระโปรงไปที่เรือนฝูหนิงทันที

ณ ลานกว้างของเรือนฝูหนิง พวกคุณชายเซิ่งทั้งสี่พี่น้องเดินทางมาถึงก่อนและกำลังยืนกระซิบอยู่ข้างต้นส้ม

“พอได้ยินว่าน้องหญิงรองกับน้องสาวหลานนอกตกทะเลสาบ ข้าตกใจแทบแย่ เห็นน้องชายหลานนอกกระโดดลงไปช่วยน้องลั่วจึงรีบไปช่วยน้องหญิงรองขึ้นมา” คุณชายสามเซิ่งเล่าเหตุการณ์อันน่าตื่นตกใจด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

คุณชายรองเซิ่งคิ้วขมวด “ถ้าอย่างนั้น ตอนเจ้าไปถึงน้องหญิงรองกับน้องลั่วตกทะเลสาบแล้วล่ะสิ”

“ใช่”

คุณชายรองเซิ่งเหลือบมองประตูเรือนพลางยิ้มเยาะ “น้องหญิงรองนี่โชคไม่ดีเลยจริงๆ”

คุณชายสามเซิ่งงุนงงพร้อมกับลูบใบหน้า “พี่รองหมายความว่าอะไร”

คุณชายใหญ่เซิ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่เห็นด้วยและเอ่ยว่า “น้องรอง ท่านย่ากำลังซักถามน้องหญิงรองกับน้องลั่วอยู่ เรื่องยังไม่กระจ่าง อย่าพูดซี้ซั้ว”

คุณชายรองเซิ่งเบ้ปาก “ประเดี๋ยวก็รู้ว่าข้าพูดจาซี้ซั้วหรือไม่”

จากนั้นคุณชายสามเซิ่งถึงรู้สึกตัวพลางเอ่ยเสียงหลง “พี่รอง พี่จะพูดว่าน้องหญิงรองถูกน้องลั่วผลักตกน้ำงั้นหรือ”

“เจ้าโง่หรือเปล่าเนี่ย” คุณชายรองเซิ่งใช้ด้ามพัดพับเคาะศีรษะของคุณชายสามเซิ่งแล้วเอ่ยด้วยความโมโหว่า “ไม่รู้ว่าเข้าใจโดยนัยคืออะไรหรือ ต้องพูดออกมาตรงๆ ข้าถามเจ้าสักหน่อย หากเวลานั้นน้องชายหลานนอกไม่ได้ลงไปช่วยน้องลั่ว เจ้าจะเลือกช่วยใครก่อน

คุณชายสามเซิ่งถูกต้อนถาม

คำถามของคุณชายรองเซิ่งกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นของคุณชายใหญ่เซิ่งและคุณชายสี่เซิ่งอย่างยิ่งแล้วทั้งสามก็จดจ้องไปที่คุณชายสามเซิ่งเพื่อรอคำตอบ

คุณชายสามเซิ่งสุดกดดันพลางตอบอย่างอ้ำอึ้ง “ข้าไม่รู้…”

“ไม่รู้รึ” เสียงของคุณชายรองเซิ่งดังขึ้นเล็กน้อย

เมื่อสัมผัสได้ถึงความดูถูกเหยียดหยามจากพี่ชายของเขา คุณชายสามเซิ่งจึงรีบอธิบาย “คนหนึ่งน้องหลานใน คนหนึ่งน้องหลานนอก เลือกอยากจะตาย รอข้าเลือกเสร็จคงจมน้ำตายไปแล้ว ข้าคิดว่าคนไหนอยู่ใกล้ก็ช่วยคนนั้น”

คุณชายสามเซิ่งคิดว่าคำตอบนี้สมบูรณ์แบบ แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกพัดพับเคาะศีรษะอีกครั้ง

“แน่นอนว่าต้องช่วยน้องหญิงรองสิ!” คุณชายรองเซิ่งใช้น้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์สั่งสอนน้องชาย”คนตามไปช่วยมากมายขนากนั้น จะปล่อยให้คนจมน้ำตายหรือ เจ้าอุ้มน้องลั่วขึ้นมาต่อหน้าทุกคน เห็นทีท่านย่าคงได้หลานเขยคนใหม่เสียแล้ว!”

คุณชายสามเซิ่งอ้าปากกว้าง “แบบ แบบนี้ก็ได้หรือ”

คุณชายรองเซิ่งตะคอก “บางทีนี่อาจเป็นแผนของน้องลั่วก็เป็นได้…”

คุณชายใหญ่เซิ่งคิ้วขมวดพร้อมกับพูดแทรกคุณชายรองเซิ่ง “น้องรอง จะพูดแรงเกินไปแล้ว”

เซิ่งจยาอวี้วิ่งเร็วราวกับลมพัดเข้ามาในลานกว้าง “พี่ชายใหญ่ พวกน้องหญิงรองอยู่ข้างในใช่หรือไม่”

เมื่อเห็นพวกคุณชายใหญ่เซิ่งพยักหน้า เซิ่งจยาอวี้ก็รีบขึ้นบันไดแล้วผลักประตูออก

คุณชายสี่เซิ่งยังเด็กอยู่ เมื่อเห็นเซิ่งจยาอวี้บุกเข้าไปก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบว่า “ไปฟังกันเถอะว่าท่านย่าและคนอื่นๆ พูดคุยอะไรกัน”

เมื่อเห็นคุณชายสี่เซิ่งวิ่งไปเช่นกัน คุณชายรองเซิ่งจึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “บุรุษจะแอบฟังได้อย่างไร ใช้ไม่ได้จริงๆ เลย! พี่ใหญ่ น้องสามรอตรงนี้ก่อน ข้าจะรีบลากตัวน้องสี่กลับมา”

คุณชายสามเซิ่งมองแผ่นหลังของคุณชายรองเซิ่งและลูบคางบ่นพึมพำ “รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกตินะ…”

คุณชายใหญ่เซิ่งส่ายศีรษะยิ้ม ยืนรอข้างต้นส้มอย่างเงียบๆ

ในห้อง หงโต้วเอามือเท้าสะเอวกำลังกล่าวโทษเซิ่งจยาหลานด้วยความเจ็บปวด “คุณหนูของพวกข้าสั่งให้ข้ากลับเรือนหยิบเมล็ดแตงมา นึกไม่ถึงว่าพอมาถึงสวนดอกพร้อมกับเมล็ดแตงก็เห็นคุณหนูรองผลักคุณหนูของพวกข้าลงน้ำ…ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง วันนี้ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณหนูของพวกข้า มิเช่นนั้นข้า ข้าจะเก็บห่อผ้ากลับเมืองหลวงไปแจ้งให้ท่านแม่ทัพทราบ!”

สาวใช้พูดจาเร็วฉะฉาน คำพูดของนางทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งและคนอื่นๆ ราวกับถูกเมฆดำปกคลุม

ลั่วเซิงยืนก้มศีรษะพลางถอนหายใจในใจ เด็กน้อยยังไร้เดียงสาไปหน่อย พูดจาโหดขนาดนี้เหมือนถูกกระทำเสียที่ไหนเล่า

ทว่า…ลั่วเซิงนึกถึงตัวเองก็โค้งมุมปากขึ้น

นางไม่ใช่คนประเภทร้องไห้ฟูมฟายและขอความเห็นใจเมื่อถูกเอาเปรียบ สองนายบ่าวจึงมีลักษณะเหมือนกันไม่น้อย

ภายใต้การข่มขู่ของหงโต้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งถึงกับคิ้วขมวดและมองไปที่เซิ่งจยาหลาน

เซิ่งจยาหลานที่เปลี่ยนเป็นชุดสีขาวจันทรา ผมสีดำยังเปียกหมาดๆ ร่วงหล่นลงมาปิดแก้มทำให้ใบหน้าดูซีดเผือดขึ้นมา

เซิ่งจยาหลานคุกเข่าลงก่อนที่ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งจะเอ่ยปากและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ทั้งหมดเป็นความผิดของหลานเอง ท่านย่าลงโทษหลานเถิด”

นอกเหนือจากนั้น นางไม่พูดอะไรสักคำ วางหน้าผากแนบติดกับพื้น เนื้อตัวสั่นเล็กน้อย

หงโต้วยกเท้าขึ้นเตะเซิ่งจยาหลานและเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “ถุย แสร้งทำเป็นอ่อนแอ ข้าจะฉีกปากเจ้าให้เละเลย!”

สาวใช้ไม่ใช่เก่งแค่ปาก นางพับแขนเสื้อขึ้นทันทีและพุ่งตรงไปทำร้ายเซิ่งจยาหลานที่ตีหน้าซื่อ

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งไม่เคยเห็นสาวใช้เช่นนี้มาก่อนจึงตั้งตัวไม่ทัน

ลั่วเซิงเม้มริมฝีปากบางของตนเบาๆ ไม่มีทีท่าจะห้ามปราม

เมื่อเผชิญหน้ากับคนร้าย นางไม่ถือสาที่จะเก็บดอกเบี้ยก่อน

“หยุด!” เสียงดุดันดังขึ้น เซิ่งจยาอวี้รีบเข้ามาในห้องแล้วดึงหงโต้วที่กำลังทุบตีเซิ่งจยาหลานฝ่ายเดียว และชี้นิ้วด่าทอลั่วเซิง “ลั่วเซิง เจ้าต้องการฆ่าน้องหญิงรองของข้าให้ตายตรงหน้าเลยใช่หรือไม่ ข้าไม่เคยเจอใครอำมหิตเท่าเจ้ามาก่อนเลย!”

หงโต้วที่ติดตามคุณหนูลั่วในอดีตเคยทุบตีแม้แต่ลูกสาวของอัครมหาเสนาบดี จะเกรงกลัวเซิ่งจยาอวี้ได้อย่างไรจึงกำหมัดเตรียมลงมือกับแม่นางที่แข็งแกร่งก่อนค่อยว่ากัน

ลั่วเซิงส่งสัญญาณให้หงโต้วหยุดและจ้องเซิ่งจยาอวี้อย่างใจเย็น “น้องไม่ได้ยินที่หงโต้วพูดหรือ คนที่ต้องการฆ่าผู้อื่นให้ตายคือเซิ่งจยาหลานต่างหาก”

เซิ่งจยาอวี้ยิ้มเยาะ “หงโต้วคือสาวใช้ของเจ้าก็ย่อมต้องพูดในสิ่งที่เจ้าอยากให้พูด!”

เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งได้ยินเช่นนี้ ดวงตาก็เป็นประกาย

เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของหลานนอกตั้งแต่มาอยู่ที่จวนสกุลเซิ่งต้องกล่าวว่าคำพูดของหลานสาวคนโตค่อนข้างสมเหตุสมผล

เมื่อเทียบกับความโกรธแค้นของเซิ่งจยาอวี้ สีหน้าของลั่วเซิงยังคงดูนิ่งสงบและเอ่ยถามเสียงเบา “ถ้าเช่นนั้น น้องหญิงไม่แปลกใจหรือว่าเหตุใดเซิ่งจยาหลานถึงปรากฏตัวที่ริมทะเลสาบ”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย นิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย สิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉาน ท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจ ผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน… สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซา ชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำ หลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆ แม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก! “ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง” “ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ” เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท