ตอนที่ 659 จัดระเบียบไอเทม
BOSS เลเวลร้อยยี่สิบห้า ถ้าอยู่ในสถานการณ์ทั่วไป ผู้เล่นในปัจจุบันจัดการได้ยากมาก ต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิงก็ยากอยู่ดี!
ที่สำคัญที่สุดก็คือ หาก BOSS เลเวลเกินร้อย สติปัญญาก็จะเพิ่มขึ้นเยอะมาก
ต่อให้สู้ไม่ไหว อีกฝ่ายก็หนีได้อยู่ดี
BOSS เลเวลร้อยยี่สิบคนหนึ่งหากตั้งใจจะหนี ใครกันจะรั้งไหว
อย่าไปมองว่าก่อนหน้านี้พวกเยี่ยเว่ยหมิงสังหารอวี้เจินจื่อสองครั้งดูเหมือนไม่เปลืองแรง เพราะความจริงแล้วเป็นผลจากการวางอุบายที่ต่อเนื่องของเยี่ยเว่ยหมิง หากอาศัยศักยภาพสู้กันอย่างเดียวจริงๆ ต่อให้เอาชนะได้ แต่ก็จะเป็นผลจากการสู้รบที่ยากลำบากมากแน่นอน
ดีไม่ดีเมื่อพยายามจนถึงตอนสุดท้าย อวี้เจินจื่อเห็นว่าสู้ไม่ได้แล้วใช้ท่าร่าง ‘เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน’ หนีไป ความพยายามของพวกเขาก็สูญเปล่า
นี่ยังเป็นแค่ BOSS เลเวลหนึ่งร้อยสิบขึ้นไปเท่านั้น ถ้าเป็น BOSS ที่เลเวลเกินร้อยยี่สิบ ความสามารถจะต้องสูงพรวดขึ้นอีกครั้งแน่นอน!
เหมือนปรมาจารย์ดับโลหิตกับฮวาเถี่ยกั้น ต่อให้ยอดฝีมืออย่างเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบและฉางซิงอวี่ร่วมมือกันต่อสู้ แต่ก็ต้องใช้อุบายต่างๆ ถึงจะมีโอกาสเอาชนะได้ อาศัยความสามารถอย่างเดียวเอาชนะได้ยากเกินไปจริงๆ
แต่ถึงอย่างไรก็มีปรมาจารย์ดาบโลหิตและฮวาเถี่ยกั้นเป็นบทเรียนแล้ว ดังนั้นการสังหารเซี่ยงเวิ่นเทียนก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย
เพียงแต่ใจร้อนเกินไปก็ไม่ดี ถ้าอยากจะสังหารเซี่ยงเวิ่นเทียนให้ตาย ถ้าหลับหูหลับตาเข้าไปสู้เพราะอยากจะชิงตีมอนสเตอร์ นอกจากจะไม่ได้ผลประโยชน์แล้วยังจะขาดทุนอีก
ก่อนปฏิบัติการเรื่องนี้จะต้องวางแผนให้รัดกุม!
พอนึกถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็แสดงจุดยืนทันที “หลักการของข้าไม่คัดค้านแผนนี้ แต่เรื่องนี้ห้ามใจร้อนเกินไปเด็ดขาด ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกด้าน”
“แน่นอน ทำแบบนี้ไม่ได้แปลว่าชักช้า แค่ดูจากคำว่า ‘ไล่ฆ่า’ ก็รู้แล้วว่าในยุทธภพนี้ คนที่ต้องการหัวเขาไม่ได้มีแค่พวกเรา”
“แน่นอนสิ”
น้องดาบกล่าวอย่างสมเหตุสมผล “ที่จริงถ้าอยากจะฆ่าเซี่ยงเวิ่นเทียนก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเช่นกัน จำนวนผู้เล่นที่ร่วมท้าสู้เขาห้ามเกินสามคน ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องเลือกหนีแน่นอน”
“จากที่ข้ารู้มา ในพรรคสุริยันจันทราตอนนี้ ยังไม่มีใครที่อาศัยกำลังของคนสามคนแล้วสังหารเซี่ยงเวิ่นเทียนได้เลย”
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงแหบพร่าไม่ไพเราะดังมาจากประตูใหญ่ของห้องประชุม “ที่จริงไม่ใช่แค่พรรคสุริยันจันทรา ข้าเพิ่งได้รับข่าวมา สำนักซงซานก็กำลังประกาศไล่ฆ่าเซี่ยงเวิ่นเทียนเหมือนกัน ตอนหลังต้องมีคนจากสำนักต่างๆ เข้าร่วมล้อมปราบครั้งนี้มากขึ้นแน่นอน หากพวกเจ้าปฏิบัติการช้าเกินไป เกรงว่าจะพลาดโอกาสครั้งนี้แล้วจริงๆ”
ทั้งสามได้ยินแล้วหันไปมอง กลับเห็นชายรูปร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบขุนนางและสวมหน้ากากเหล็กเดินเข้ามาในห้องประชุม โหยวจิ้น บุคคลสำคัญอันดับสองของสำนักมือปราบเทพนั่นเอง
เมื่อเข้ามาในห้องประชุมแล้ว โหยวจิ้นก็โค้งตัวคำนับหวงโส่วจุนก่อน “คำนับหวงโส่วจุน”
หวงโส่วจุนพยักหน้าเล็กน้อย ตอนนี้น้องดาบก็เอ่ยคำนับโหยวจิ้นแล้วเช่นกัน “คำนับอาจารย์!”
ไม่น่าเชื่อว่าน้องดาบจะเรียกโหยวจิ้นว่าอาจารย์!
อย่าบอกนะว่าทักษะตัวอักษร ‘ผี’ ของนางเรียนรู้มาจากโหยวจิ้น
เยี่ยเว่ยหมิงกำลังสงสัยอยู่ในใจ แต่กลับเห็นโหยวจิ้นพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยว่า “ที่ข้ามาครั้งนี้ ก็เพราะมีข่าวใหม่ล่าสุดมาบอกพวกเจ้า พวกเจ้าเจ้าได้เตรียมใจเอาไว้”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า จากนั้นบอกขีดจำกัดเวลาของตัวเอง “ข้าต้องการเวลาสามชั่วโมงเพื่อจัดเรียงไอเทมที่ได้มาก่อนหน้านี้สักหน่อย จะได้ปรับสภาพตัวเองให้ดีที่สุด”
“อย่าว่าแต่สองสามชั่วโมงเลย รอออกเดินทางพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย” จู่ๆ หวงโส่วจุนก็เอ่ยขึ้น “ในเมื่อเป็นภารกิจที่ต้องใช้คนสามคนท้าสู้ เช่นนั้นพวกเจ้าไปหาผู้ช่วยที่เหมาะสมมาอีกสักคนก็ได้ แต่ผู้ช่วยคนนี้ เจ้าจะต้องตั้งใจเลือกให้ดีนะ”
ตอนที่หวงโส่วจุนพูด เน้นคำว่า ‘ ตั้งใจ’ เห็นได้ชัดว่ากำลังบอกใบ้อะไรบางอย่าง
ตอนนี้โหยวจิ้นก็พูดเสริมเช่นกัน “นอกจากนี้ ข้าสั่งให้คนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของเซี่ยงเวิ่นเทียนแล้ว พรุ่งนี้ก่อนพวกเจ้าออกเดินทาง มาถามเบาะล่าสุดจากข้าก่อนได้”
เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบสบตากันแวบหนึ่ง นี่ก็คือข้อดีของการมีองค์กรเป็นโล่หลังให้!
ที่จริงแล้ว ภารกิจของเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบ เดิมทีไม่ใช่การสังหารเซี่ยงเวิ่นเทียน แต่เป็นการยกระดับฐานะและสิทธิ์ในการพูดในพรรคสุริยันจันทราให้น้องดาบ
ทว่าหลังจากหวงโส่วจุนกับโหยวจิ้นรู้ว่าเป้าหมายของพวกเขาคือเซี่ยงเวิ่นเทียน ก็ยังให้การสนับสนุนด้านข้อมูลอย่างเต็มความสามารถ
ถ้าเปลี่ยนเป็นสำนักทั่วไป ก็ไม่มีสวัสดิการที่ดีอย่างนี้หรอก!
หลังจากกล่าวอำลากับทุกคนแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กลับไปยังบ้านที่ซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยและเขาเช่าด้วยกันทันที
หลังจากปิดประตูบ้านแล้ว ก็นำ ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ วิชากำลังภายในระดับสูงที่เพิ่งได้ออกมาทันที จากนั้นเริ่มอ่านทีละตัวอักษรอย่างละเอียด
[บทรักษาบาดเจ็บ (ระดับสูง)]
เลเวล: 1(+1)
ค่าประสบการณ์: 2500/5000
เดิมทีใช้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ทั้งยังใช้เพิ่มพลังได้ด้วย มีสรรพคุณรักษาบาดแผลทั้งภายในและภายนอก
พลังชีวิตสูงสุด +300 (+300)
กำลังภายใน +300 (+300)
ความแข็งแกร่ง +30 (+30)
พละกำลัง +30 (+30)
ท่าร่าง +30 (+30)
ความว่องไว +30 (+30)
ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตพลังชีวิตเพิ่ม 20% (+20%) หลังจากติดตั้งแล้วความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตเพิ่ม 50% (+50%)
……
หลังจากเห็นค่าสเตตัสของบทรักษาบาดเจ็บ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดนวดจมูกด้วยความเคยชินไม่ได้ พึมพำว่า “เดี๋ยวก็ ‘คัมภีร์เทพสาดส่อง’ เดี๋ยวก็ ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ เส้นทางของตัวแทงค์ ยิ่งเดินยิ่งไกลหรือเปล่า”
ฟ้าดินเป็นพยาน ความปรารถนาเดิมของเยี่ยเว่ยหมิงคือเดินในเส้นทางที่พลังโจมตีสูงและทำดาเมจสูง!
ฉากนี้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรกันแน่
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ขี้คร้านจะพัวพันกับปัญหาที่ไม่มีคำตอบ เปลี่ยนมาหยิบตำราลับเล่มใหม่หลายเล่มที่ได้มาจากสวนบ๊วยออกมา
‘ตระหนักรู้วิชามือคว้าจับ’ ที่ได้จากไป๋ซื่อจิ้ง ได้ค่าประสบการณ์วิชามือคว้าจับทั้งหมดสองแสนสี่หมื่นแต้ม หลังจากอ่านแล้วกลายเป็นสามแสนหกหมื่นแต้ม หลังจากใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ค่าประสบการณ์เก้าหมื่นแต้มก็เพิ่มไปที่ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’
‘ตระหนักรู้วิชากำลังภายใน’ ที่ได้จากไป๋ซื่อจิ้ง มีค่าประสบการณ์วิชากำลังภายในสองแสนเจ็ดหมื่นแต้ม หลังจากอ่านแล้วกลายเป็นสี่แสนห้าพันแต้ม ถูกเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มไปบน ‘บทรักษาบาดเจ็บ’
‘ตระหนักรู้วิชาไม้เท้า’ ที่ได้จากเฉวียนกวนชิง มีค่าประสบการณ์วิชาไม้เท้าเก้าหมื่นแต้ม หลังจากอ่านแล้วกลายเป็นหนึ่งแสนสามหมื่นห้าพัน ใช้การเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันเพิ่มไปบนทักษะด้านความคิด ‘คำนวณ’ แต่ก็ยังไม่ทำให้เลเวลเพิ่ม
‘ตระหนักรู้วิชากำลังภายใน’ ที่ได้จากเฉวียนกวนชิง ได้ค่าประสบการณ์วิชากำลังภายในหกหมื่นห้าพัน หลังจากอ่านแล้วกลายเป็นเก้าหมื่นเจ็ดพันห้าร้อย ถูกเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มไปที่ ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ เช่นกัน
ในที่สุดก็ถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือตำราลับเล่มใหม่ของอวี้เจินจื่อ!
การตายของอวี้เจินจื่อ ได้ให้ตำราลับใหม่แก่เยี่ยเว่ยหมิงทั้งหมดสามเล่ม ได้แก่
‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ มีค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่หกแสน เล่มนี้เยี่ยเว่ยหมิงไม่รีบอ่าน เพราะตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มเลเวลเคล็ดกระบี่ แต่ถ้าใช้การเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันก็น่าเสียดายอีก
‘ตระหนักรู้วิชากำลังภายใน’ มีค่าประสบการณ์วิชากำลังภายในห้าแสนสี่หมื่น หลังจากอ่านแล้วกลายเป็นแปดแสนหนึ่งหมื่น เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มไปบน ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ เพิ่มเลเวลวิชากำลังภายในให้ถึงแปดในคราเดียว!
สุดท้ายคือ ‘ตระหนักรู้วิชาตัวเบา’ มีค่าประสบการณ์วิชาตัวเบาหกแสนเก้าหมื่นแต้ม หลังจากอ่านแล้วกลายเป็นหนึ่งล้านสามหมื่นห้าพัน เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มไปบน ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ แล้ว ทำให้ค่าประสบการณ์วิชาตัวเบานี้เพิ่มขึ้นเยอะมาก
แต่การที่เขาทำแบบนี้ แทบจะใช้ตำราลับเล่มใหม่ที่อยู่ในมือจนหมด แต่วิชาที่เพิ่มเลเวลได้จริงมีเพียง ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ เท่านั้น แม้ขอบเขตในการเพิ่มเลเวลจะกว้างมากก็ตาม…
ตอนที่ 656 บทรักษาบาดเจ็บ
ถ้าอยากขยายผลประโยชน์ให้มากขึ้น บางครั้งก็ต้องจัดการกับพวกกระดูกแข็งที่มีคนหนุนหลังมากที่สุด!
ตัวอย่างเช่นเฮ่อเหลียนเถี่ยซู่
ในฐานะผู้บัญชาการให้กลุ่มอี้ผิ่นถังเล่นงานพรรคกระยาจกครั้งนี้ ขอเพียงควบคุมตัวเขาได้ ลูกน้องพวกนั้นของเขาก็จะเป็นฝ่ายมาติดกับดักที่สำนักมือปราบเทพเอง
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หลังจากจับกุมเฮ่อเหลียนเถี่ยซู่และได้หลักฐานที่เพียงพอจะพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนร้ายแล้ว เจ้าหมอนี่ก็จะราคาสูงเป็นพิเศษ ระหว่างที่ราชสำนักเจรจากับซีเซี่ยก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบมากขึ้น!
ส่วนเยี่ยเอ้อร์เหนียง
ที่จริงจะไม่พูดถึงความสัมพันธ์ทางฝั่งสี่คนโฉดก็ได้ ถึงอย่างไรในบรรดาสี่คนโฉด ยอดฝีมือที่แท้จริงก็มีเพียงต้วนเหยียนชิ่งเท่านั้น ยังไม่ต้องพูดถึงพวกพี่ใหญ่ของสำนักมือปราบเทพอย่างหวงโส่วจุน โหยวจิ้น แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็มีวิธีควบคุมเขา ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย
สำหรับเยี่ยเว่ยหมิง หรือสำนักมือปราบเทพ มูลค่าสูงสุดของนางยังคงมาจากเสวียนเปย!
ในฐานะที่เป็นหญิงชู้ของเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน เสวียนเปยจะต้องปกป้องนางอยู่แล้ว
อย่างที่ซานเย่ว์กังวลก่อนหน้านี้ สำนักมือปราบเทพไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์แย่ๆ กับเส้าหลินเพียงเพราะเยี่ยเอ้อร์เหนียงคนเดียว
แต่ถึงอย่างไรตอนนี้เยี่ยเอ้อร์เหนียงก็ทำผิด ทั้งยังถูกจับกลับมาขังคุกที่สำนักมือปราบเทพ ถ้าอยากจะให้สำนักมือปราบเทพปล่อยคน เส้าหลินก็ต้องแสดงความจริงใจสักเล็กน้อย
ถึงขั้นกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเฮ่อเหลียนเถี่ยซู่หรือเยี่ยเอ้อร์เหนียง ขอเพียงใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม ประโยชน์ที่จะได้รับจากตัวพวกเขาสองคนก็เหนือกว่ามูลค่าจากตัวพวกเขาสองคนเสียอีก!
หากถามว่าการขายหญิงชายคู่นี้ได้ราคาเท่าไรกันแน่ นั่นก็เป็นเรื่องที่หวงโส่วจุนและราชสำนักต้องพิจารณา
ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา!
ขอเพียงพวกเยี่ยเว่ยหมิงนำผลงานส่วนนี้กลับสำนักมือปราบเทพ หวงโส่วจุนก็ย่อมนำรางวัลภารกิจที่น่าพึงพอใจออกมาให้พวกเขาอยู่แล้ว อย่างอื่นไม่ใช่เรื่องที่ผู้เล่นอย่างพวกเขาต้องกังวล
ผู้เล่นสามคนคุมตัว NPC ที่กระทำความผิดสองคนไปขึ้นรถม้ายังจุดพักม้าในหมู่บ้านมือใหม่ที่ใกล้วัดเทียนหนิงที่สุดเพื่อกลับเมืองหลวง จากนั้นตัวผู้ร้ายทั้งสองเข้าคุกทันที ตอนนี้ถึงได้แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วไปพบหวงโส่วจุน ลูกพี่ของพวกเขาที่ห้องประชุม
หลังจากหวงโส่วจุนฟังพวกเขาบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งภารกิจให้ฟังแล้วก็พยักหน้าอย่างพอใจมาก “แม้พวกเจ้าจะไม่ได้ลงมือช่วยคนของพรรคกระยาจกเอง แต่ขอเพียงเรื่องนี้จบลงด้วยดี พวกเจ้าจะลงมือเองหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สิ่งที่ยากกว่านั้นก็คือ พวกเจ้ากลับคิดออกว่าต้องจับตัวคนที่มีมูลค่าสูงสุดอย่างเฮ่อเหลียนเถี่ยซู่กับเยี่ยเอ้อร์เหนียงกลับมา ข้าพอใจในผลงานของพวกเจ้ามาก”
เยี่ยเว่ยหมิงกุมหมัดคารวะทันที “ล้วนเป็นเพราะมีผู้นำที่ดีอย่างหวงโส่วจุน”
“อย่ามาใช้มุกนี้เลย!” หวงโส่วจุนด่ากลั้วหัวเราะอย่างผ่อนคลาย จากนั้นก็ถามอย่างเคร่งขรึมอีกครั้ง “สำหรับคนที่ลอบสังหารคังหมิ่นคนนั้น พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร”
เฟยอวี๋กับซานเย่ว์ได้ยินแล้วมองไปทางเยี่ยเว่ยหมิงอย่างสงสัยพร้อมกัน เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างมั่นใจมากกว่า “ตัดผู้เล่นออกก่อนเลยขอรับ”
หวงโส่วจุนพยักหน้าโดยไม่ออกความเห็น สื่อว่าให้เขาพูดต่อไป
เยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อด้วยท่าทางมั่นใจที่สุด “ดูจากความเร็วและแรงของหินก้อนนั้น อย่างน้อยประสิทธิภาพก็เหนือกว่า ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของข้าสองเท่า!…
…อีกทั้งทันทีที่ผู้ลอบโจมตีคนนั้นทำสำเร็จ เฉียวเฟิงก็ไล่ตามไปทันที แต่กลับเจอคนของกลุ่มอี้ผิ่นถังใช้ ‘สายลมโศกา’ จับตัวทุกคนของพรรคกระยาจกไป เฉียวเฟิงจึงย้อนกลับมาไม่ทัน…
…สิ่งนี้กำลังบอกอะไรเรา…
…สิ่งนี้กำลังบอกว่า นอกจากผู้ลอบโจมตีจะใช้อาวุธลับที่ข้ากับเฉียวเฟิงไม่มีทางสกัดได้ ตอนที่เฉียวเฟิงไล่ตามโจมตี เขายังยืนหยัดได้เป็นเวลานานด้วย…
…แม้พลังฝีมือของเฉียวเฟิงจะเทียบกับหวงโส่วจุนไม่ติด แต่เกรงว่าในบรรดาคนหนุ่มของยุทธภพ ผู้ที่โดดเด่นเช่นนี้ก็มีน้อยจนนับนิ้วได้!”
หลังจากบรรยายเรื่องจริงที่ยืนยันได้ไปแล้ว ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็สรุปว่า “สรุปจากสองข้อที่กล่าวมาข้างต้น อย่างน้อยข้าก็ยอมรับว่าข้าทำไม่ได้สักอย่าง…
…ไม่ใช่ว่าข้าน้อยโอ้อวดตัวเอง แต่ข้าไม่คิดว่าในบรรดาผู้เล่นปัจจุบันนี้ มีใครที่ทำสองอย่างที่กล่าวมาได้!”
หวงโส่วจุนพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาก็คิดเช่นกันว่าท่ามกลางผู้เล่นในปัจจุบันไม่มีใครเก่งกว่าเยี่ยเว่ยหมิง
จากนั้น หวงโส่วจุนก็ถามต่ออีก “แล้วทางด้านของ NPC เป็นอย่างไร เจ้าสงสัยใครหรือไม่”
“ไม่มีผู้ต้องสงสัยที่ชัดเจน ยืนยันได้เพียงทิศทางคร่าวๆ เท่านั้น” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “คังหมิ่นถูกลอบสังหารตอนกำลังจะบอกตัวตนของพี่ใหญ่ผู้นำ ข้าคิดว่าคนผู้นี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นนอกด่านเมื่อสามสิบปีก่อนแน่นอน ส่วนจะเป็นพี่ใหญ่ผู้นำผู้ลึกลับคนนั้นทำเองหรือไม่ ก็ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปตอนนี้”
หวงโส่วจุนพยักหน้า จากเบาะแสอันน้อยนิดตอนนี้ วิเคราะห์ได้ขนาดนี้ก็นับว่ายากมากแล้ว
ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่แก้ไขคดีได้เก่งอย่างซ่งฉือก็อาจวิเคราะห์ได้ไม่ดีเท่าเยี่ยเว่ยหมิงก็ได้
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ในเมื่อคลื่นลมทางฝั่งพรรคกระยาจกสงบลงแล้วชั่วคราว ก็ยังไม่ต้องรีบสืบความจริงเรื่องนี้ก็ได้
ถึงอย่างไรคังหมิ่นนั่นก็มีโทษที่สมควรตายอยู่แล้ว สำนักมือปราบเทพยังต้องรับหน้าที่กำกับดูแลยุทธภพทั้งหมด จำนวนคนก็ไม่พอให้ใช้งาน จะมีทรัพยากรมากมายขนาดนั้นไปสืบหาสาเหตุการตายโดยละเอียดละเอียดของสตรีที่ไม่สำคัญคนหนึ่งได้อย่างไร
สำหรับพวกลามกบางคนของพรรคกระยาจก คังหมิ่นนับเป็นการมีอยู่ที่ค่อนข้างพิเศษ แต่สำหรับคนของสำนักมือปราบเทพ นางจะเป็นหรือจะตายก็ไม่ได้สำคัญเลยสักนิด
“ในภารกิจครั้งนี้ พวกเจ้าสามคนแสดงฝีมือได้ไม่เลวเลย นี่คือรางวัลภารกิจของพวกเจ้า รับไปทำความเข้าใจเอาเอง” ระหว่างที่พูดก็โยนตำราลับสามเล่มออกมาให้พวกเยี่ยเว่ยหมิง
เยี่ยเว่ยหมิงรับเล่มของตัวเองไว้ จากนั้นมองที่หน้าปกแวบหนึ่ง เห็นด้านบนเขียนไว้ว่า ‘บทรักษาบาดเจ็บ’
[บทรักษาบาดเจ็บ (ระดับสูง)] บทรักษาบาดเจ็บ ใช้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ใช้เพื่อเพิ่มพลังได้ มีสรรพคุณในการรักษาอาการบาดเจ็บทั้งภายนอกภายสูงมาก เงื่อนไขการฝึก: ความแข็งแกร่ง 200 สติปัญญา 50 กำลังภายในสูงสุด 5000 แต้ม]
นี่คือรางวัลภารกิจจากหวงโส่วจุน มักจะเป็นรางวัลที่เรียบหรูแต่มีความหมายแฝง
ไม่เหมือนสุดยอดวิชาอย่างอื่น ที่ต้องมีคำว่า ‘คัมภีร์’ หรือ ‘ดั้งเดิม’ ที่ขาดไม่ได้คือคำว่า ‘พลัง’ หรือไม่ก็ ‘เคล็ด’ หรือ ‘ตำรา’ คำต่างๆ ที่ทำให้ดูสูงส่งเกินจริง
ของที่หวงโส่วจุนนำออกมาเรียบง่ายกว่าเยอะ
ตำรา ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ ก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ ก็เหมือนกัน ดูเหมือนเป็นเพียงส่วนหนึ่งในสุดยอดวิชาเท่านั้น
แต่ความจริงแล้ว?
นี่คือส่วนหนึ่งของวิชาศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานทั้งนั้น!
ดูจากกลยุทธ์ ‘วีรบุรุษยิงอินทรีสามเล่ม’ ที่อินปู้คุยให้มา ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ กับ ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ ทั้งหมดล้วนมาจากส่วนแรกของ ‘คัมภีร์เก้าอิม’ หรือพูดได้อีกอย่างว่าพวกมันคือเคล็ดวิชาที่ใช้งานได้จริงที่สุด อีกทั้งในภายหลังยังมีโอกาสรวมเป็นหนึ่งด้วย รวมทั้งหมดให้กลายเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานที่ชื่อว่า ‘คัมภีร์เก้าอิม’
เป็นประเภทที่กินพื้นที่แถบสกิลเเพียงช่องเดียวเท่านั้น!
หลังจากเก็บตำราลับเข้ากระเป๋าอย่างพึงพอใจ เยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋และซานเย่ว์ก็กล่าวขอบคุณหวงโส่วจุนพร้อมกัน
หวงโส่วจุนเพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วบอกว่า “เยี่ยเว่ยหมิงอยู่ก่อน พวกเจ้าสองคนมีธุระอะไรก็ไปทำ”
หลังจากอีกสองคนกล่าวอำลาและออกจากห้องประชุมไปแล้ว หวงโส่วจุนก็มองเยี่ยเว่ยหมิงที่กำลังทำหน้าสงสัยจากนั้นบอกว่า “เจ้าต้องสงสัยมากแน่ๆ ว่าข้าเรียกให้เจ้าอยู่ต่อคนเดียว เพราะมีเรื่องอะไรจะมอบหมายกันแน่”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงแสดงท่าที ก็กล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อยแล้วว่า “ตอนนี้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปหมดแล้ว หนึ่งดาบ เจ้าออกมาเถิด”