ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 660 ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ เลเวลเต็ม!

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ตอนที่ 660 ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ เลเวลเต็ม!

[บทรักษาบาดเจ็บ (ระดับสูง)]

เลเวล: 8 (+1)

ค่าประสบการณ์: 430000/1000000

……

พลังชีวิตสูงสุด +2400 (+300)

กำลังภายใน +2400 (+300)

ความแข็งแกร่ง +240 (+30)

พละกำลัง +240 (+30)

ท่าร่าง +240 (+30)

ความว่องไว +240 (+30)

ความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตเพิ่ม 160% (+20%) หลังจากติดตั้งความเร็วในการฟื้นฟูพลังชีวิตเพิ่ม 400% (+50%)

……

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ดูค่าตบะที่เหลืออยู่ในปัจจุบันของตัวเอง

ไม่น่าเชื่อว่ายังเหลืออยู่เกือบสี่ล้าน!

ถ้าเพิ่มค่าประสบการณ์เหล่านี้ไปบน ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ ในครั้งเดียว ก็เหมือนว่าจะทำให้วิชาตัวเบานี้ถึงระดับสมบูรณ์ได้พอดี!

แต่ถ้านำมาเพิ่ม ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ เนื่องจากยังไม่รู้ว่าการจะเพิ่มเลเวล ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ จากเลเวลเก้าให้เป็นสิบต้องใช้ค่าประสบการณ์เท่าไร ดังนั้นจึงยังอยู่ในสภาพปริศนา

บางทีอาจเพิ่มเลเวลได้ แต่ก็อาจเพิ่มไม่ได้เช่นกัน

หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังเลิกเพิ่มเลเวล ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ เปลี่ยนเป็นเพิ่มเลเวล ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ ให้ถึงระดับสมบูรณ์แทน!

ที่จริงขอเพียงคิดให้ละเอียดอีกหน่อย เหตุผลที่เขาทำแบบนี้ก็ไม่ได้เข้าใจยาก

หากค่าตบะสี่ล้านในมือเยี่ยเว่ยหมิงทำให้วิชากำลังภายใน ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ เพิ่มถึงระดับสมบูรณ์ได้ เช่นนั้นค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้สำหรับเพิ่มจากเลเวลเก้าให้เป็นเลเวลสิบก็ไม่เกินสามล้านแน่นอน!

วิชากำลังภายในที่ต้องใช้ค่าประสบการณ์สามล้านเพื่อเพิ่มเลเวลให้ถึงระดับสมบูรณ์ หากเทียบกับวิชาตัวเบาที่ต้องใช้ค่าประสบการณ์ห้าล้านเพื่อเพิ่มเลเวลให้ถึงระดับสมบูรณ์ เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของสองวิชานี้ ก็เหมือนจะชัดเจนแล้ว

หากค่าประสบการณ์สำหรับเพิ่มเลเวล ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ ให้ถึงระดับสมบูรณ์เหมือนกับ ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ หรือถึงขั้นมากกว่า เช่นนั้นแต้มค่าตบะในมือเขาก็ไม่พอให้ทำอย่างนั้น

จากที่กล่าวมาข้างต้น ตอนนี้การเพิ่มเลเวล ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ คุ้มกว่าการเพิ่มเลเวล ‘บทรักษาบาดเจ็บ’ แน่นอน

เขาแทบจะทุ่มแต้มค่าตบะทั้งหมดในอึดใจเดียว ในที่สุดเลเวลของ ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ ก็เปลี่ยนจากเลเวลเก้าเป็นเลเวลสิบแล้ว!

ซึ่งแต้มค่าตบะบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนจากสี่ล้านเป็นห้าร้อยยี่สิบแต้มภายในครู่เดียว ถือเป็นจำนวนที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว…

แต่ทุ่มเทไปมากขนาดนั้น ผลประโยชน์ที่ได้รับก็น่ายินดีมากเช่นกัน เพราะหลังจาก ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ เลเวลเต็มแล้ว ค่าสเตตัสเป็นดังนี้…

[ย่ำจอกข้ามน้ำ (ระดับสูง)]

หนึ่งในวิชาตัวเบาระดับสูงที่หายากในยุทธภพ ถ่ายทอดมายาวนานจนสืบหาที่มาไม่เจอแล้ว

เลเวล: 10 (+2)

ค่าประสบการณ์: …

ท่าร่าง +450 (+80)

ความว่องไว +450 (+80)

เอฟเฟ็กต์พิเศษ: ลมทองยังไม่พัด จั๊กจั่นรู้ก่อน

ลมทองยังไม่พัด จั๊กจั่นรู้ก่อน: เพิ่มความสามารถในการสัมผัสรู้ของร่างกายได้เยอะมาก ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องใช้ตามองก็ใช้การได้ยินและการสัมผัสรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอากาศแม้เพียงเล็กน้อยได้

……

หลังจากเพิ่ม ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ จนถึงเลเวลสิบที่เป็นระดับสมบูรณ์แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกได้ทันทีว่าความสามารถในการสัมผัสรับของตนเองเพิ่มขึ้นเยอะมาก แม้แต่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวก็เปลี่ยนไปแล้วเล็กน้อย

แต่ตอนที่เขาสังเกตให้ดี ถึงได้พบว่าทุกสิ่งรอบตัวยังเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย

สิ่งที่เปลี่ยนไปจริงๆ คือการสัมผัสรับความรู้สึกของเขาเท่านั้น

เขาในตอนนี้ ได้ค้นพบหลายสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยค้นพบมาก่อน ถึงได้รู้สึกไปเองว่าทุกสิ่งที่อยู่รอบกายเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

ความรู้สึกนี้เหมือนเหมือนผู้เล่นเกมที่เพิ่งอัปเกรดฮาร์ดแวร์ เกมก็ยังเป็นเกมเดิม ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่หลังจากใช้อุปกรณ์ระดับสูงขึ้น ประสบการณ์ด้านต่างๆ กลับไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

อีกทั้งเมื่อความสามารถในการสัมผัสรับแบบนี้เพิ่มขึ้น ยิ่งตอนที่เผชิญหน้ากับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนกว่าเดิม ประสิทธิภาพของมันก็ยิ่งชัดเจน เหมือนการใช้อุปกรณ์ระดับสูงเล่นเกมระดับ AAA ย่อมแตกต่างกับการใช้อุปกรณ์ทั่วไปมากอยู่แล้ว

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงแทบจะตัดสินได้ว่าสุ่ยไต้ในกลุ่ม ‘บุปผาร่วงโรยโปรยตามน้ำ’ ยังไม่ได้ฝึกวิชาตัวเบานี้จนถึงระดับสมบูรณ์แน่

ไม่อย่างนั้นแล้ว หากอาศัยแค่เอฟเฟ็กต์พิเศษ ‘ลมทองยังไม่พัด จั๊กจั่นรู้ก่อน’ กับดักที่ปรมาจารย์ดาบโลหิตขุดออกมาก็ทำอะไรเขาไม่ได้แน่นอน!

เดี๋ยวก่อนนะ!

เหมือนเรื่องราวไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้นนะ

กระทั่งตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งจะตระหนักได้ถึงเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง

นั่นก็คือเอฟเฟ็กต์พิเศษ ‘ลมทองยังไม่พัด จั๊กจั่นรู้ก่อน’ ที่จริงแล้วแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตามค่าสเตตัสท่าร่างและความว่องไวของผู้เล่น

ซึ่งเยี่ยเว่ยหมิงฝึกวิชาตัวเบาระดับสูงควบกันสามวิชา ค่าสเตตัสสองรายการนี้ทะลุสี่พันตั้งนานแล้ว เมื่อเพิ่ม ‘เงาของเทพกระบี่’ ไปอีก ค่าสเตตัส ‘ความว่องไว’ ของเขาแสดงประสิทธิภาพออกมาได้แปดพันเกือบเก้าพันแล้ว!

สุ่ยไต้แม้จะเป็น BOSS เลเวลเกินร้อยยี่สิบแล้ว แต่ค่าสเตตัสท่าร่างและความว่องไวของเขา คาดว่าคงไม่อาจเทียบกับคนประหลาดอย่างเยี่ยเว่ยหมิงได้แน่นอน

พอคำนวณแบบนี้ ต่อให้เขาฝึก ‘ย่ำจอกข้ามน้ำ’ จนถึงระดับสมบูรณ์จริงๆ ก็อาจแสดงประสิทธิภาพออกมาได้ไม่เท่าเยี่ยเว่ยหมิงก็ได้

แม้ความเป็นไปได้แบบนี้จะไม่ได้สูงมากก็ตาม

ถึงอย่างไรก็อย่าลืมเจ็ดศิษย์สำนักฉวนเจินที่ค่าประสบการณ์ค้างอยู่ที่ห้าล้านเหมือนกัน ในจำนวนนั้นชิวชู่จี หม่าอวี้และหวังชู่อีที่พลังฝีมือค่อนข้างแข็งแกร่ง เลเวลก็อาจเทียบสุ่ยไต้ไม่ติดก็ได้

อย่างน้อยหากดูจากภายนอก เลเวลของสุ่ยไต้ก็น่าจะแย่กว่าหวังชู่อีเยอะ

แน่นอน หากดูเลเวล BOSS คนหนึ่งจากภายนอกอาจดูเหมือนทึกทักเอาเอง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางอธิบายได้เลยว่าทำไมไป๋วั่นเจี้ยนที่หน้าตาคล้ายเขาถึงมีเลเวลเพียงหนึ่งร้อย

หยุดความคิดฟุ้งซ่านเอาไว้ เยี่ยเว่ยหมิงเก็บ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ ที่เพิ่งได้มาใหม่จากอวี้เจินจื่อเข้ากระเป๋าอีกครั้ง จากนั้นลุกขึ้นเดินออกจากประตูทันที ใช้วิชาตัวเบาวิ่งออกนอกเมือง ไปหาสถานที่ลับตาคนแล้วจัดการฝังศพของผู้โชคร้ายสามคนกับคังหมิ่น ได้รับค่าวีรบุรุษจากเจ้าไข่เน่าทั้งสี่อีก 666 แต้ม รวมทั้งค่าบุญกุศลอีก 666 แต้มด้วย

กระทั่งตอนนี้ ถึงได้นับว่ารีดเค้นมูลค่าที่เหลือบนตัวสี่คนนี้ออกมาหมดแล้ว!

ลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงบนตัว เยี่ยเว่ยหมิงค้นหาในรายชื่อเพื่อนอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เจอเพื่อนที่มีรูปโปรไฟล์แปลกตามาก

หลังจากเพิ่มเพื่อนแล้ว ก็ไม่ได้ติดต่อกับเจ้าหมอนี่อีกเลย

ศิษย์สำนักซงซาน ผู้สืบทอดวิชาของ ‘หัตถ์หยางแห่งซงซาน’ ในปีนั้นขายของให้ผู้เล่นพรรคสุริยันจันทรา ในงานเลี้ยงวันเกิดของอวี๋ชางไห่ก็สาดโคลนให้เขามากที่สุดเช่นกัน ดาบฟันรองเท้าแตะ!

เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ แล้วส่งพิราบสื่อสารออกไปทันที

[สหาย ยุ่งอะไรอยู่]…เยี่ยเว่ยหมิง

[!!!(๑ŐдŐ)b…

…โอ้แม่เจ้า คนดังเยี่ยเว่ยหมิง!

ท่านที่ขึ้นประกาศระบบเป็นว่าเล่นเหมือนกินข้าวกินน้ำ จู่ๆ ติดต่อเข้ามามีธุระอะไร]…ดาบฟันรองเท้าแตะ

[อย่าพูดเหลวไหลมากนัก …

…ข้าจะทำงานร่วมกับเจ้า ตั้งทีมไล่ฆ่าเซี่ยงเวิ่นเทียน ตอนนี้มีสองขาดหนึ่ง…

…ข้าติดต่อยอดฝีมือพรรคสุริยันจันทราเก่งๆ ไว้แล้วคนหนึ่ง ฝีมือแย่กว่าข้านิดหน่อย…

…ถึงตอนนั้นเจ้าแค่ช่วยพวกเราคุมสถานการณ์ก็พอ ไม่ต้องปะทะกับเซี่ยงเวิ่นเทียนตรงๆ เรียกได้ว่ามี BOSS เลเวลร้อยยี่สิบห้าให้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์โดยไม่เปลืองแรง…

…เป็นอย่างไร จะมาหรือไม่มา]…เยี่ยเว่ยหมิง

[ไป! ข้าต้องไปอยู่แล้ว!…

…ที่จริงเรื่องแบบนี้ นอกจากข้าจะไม่ถือสาเรื่องเป็นแพะรับบาปแล้ว ข้ายังรับประกันด้วยว่าจะไม่เอาไอเทมดรอปใดๆ หลังจาก BOSS ตาย!

( ̄▽ ̄)~■□~( ̄▽ ̄) ]…ดาบฟันรองเท้าแตะ

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้น บนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจทันที เจ้าหมอนี่ตกหลุมพรางแล้วจริงๆ!

ข้อความถึงนักอ่าน

จบเล่ม 1

ตอนที่ 657 ผู้ฝึกตนจากอเวจี

หนึ่งดาบ?

หนึ่งดาบสามเฉือน?

น้องดาบ?

หวงโส่วจุนเรียกนางด้วยน้ำเสียงสนิทสนมเช่นนี้ อย่าบอกนะว่า…

ท่ามกลางสายตาที่เจือด้วยความตกใจของเยี่ยเว่ยหมิง เห็นเงาร่างสีแดงของน้องดาบเดินออกมาจากที่กั้นลมด้านหลังพอดี นางกุมหมัดคารวะเยี่ยเว่ยหมิง “สวัสดีศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องคำนับ”

เป็นอย่างที่คาดไว้ ตอนนี้น้องสาวคนนี้ออกจากตำแหน่งเจ้าสำนักรุ่นที่ห้าของสำนักดาบโลหิตแล้ว ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง นางทำภารกิจสุดโหดมากมายในระหว่างการทดสอบเข้าสำนักมือปราบเทพจนสำเร็จ ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันอันดุเดือด สุดท้ายได้รับเกียรติให้กลายเป็นศิษย์น้องเล็กของสำนักมือปราบเทพ!

ขอแสดงความยินดีด้วย!

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงทำความเข้าใจประเด็นสำคัญที่อยู่ในนั้นแล้ว ก็หันไปมองหวงโส่วจุนทันที “หวงโส่วจุน หมายความว่าตอนนี้ข้ากลายเป็นศิษย์เอกของสำนักมือปราบเทพแล้ว จะได้นำ ‘ป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์’ ไปร่วมกินข้าวต้มเดือนสิบสองที่เกาะวีรบุรุษแล้วหรือขอรับ”

หวงโส่วจุนยิ้มบางๆ จากนั้นก็ตอบอย่างไม่อ้อมค้อม “ไม่ได้”

“เพราะอะไร” เยี่ยเว่ยหมิงงง

ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา!

หวงโส่วจุนเพียงยิ้มบางๆ โดยไม่ได้ตอบอะไร แต่ครู่ต่อมา ระบบก็ให้คำตอบส่วนหนึ่งแทนเขาแล้ว

[ติ๊ง! คุณทำภารกิจสำนัก ‘ศิษย์เอก’ สำเร็จแล้ว ได้รับฉายาพิเศษ ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’]

ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ: ฉายาพิเศษของศิษย์เอกของสำนักมือปราบเทพ

ค่าสเตตัสฉายา: กฎหมายดุจขุนเขา ใต้หล้าคือประชาชน

กฎหมายดุจขุนเขา: คุณมีฐานะเป็นศิษย์เอกสำนักมือปราบเทพแล้ว คุณเปลี่ยนไปแล้วในสายตา NPC ทุกคำพูดและการกระทำของคุณล้วนเป็นการแสดงจุดยืนของสำนักมือปราบเทพและราชสำนัก ไม่ว่าใครในยุทธภพก็ต้องให้ความเคารพสามส่วน! (ชื่อเสียงยุทธภพ +10000)

ใต้หล้าคือประชาชน: ในขอบเขตการดูแลของสำนักมือปราบเทพ (ทั้งภาคกลาง) โจมตีพื้นฐาน +5% ป้องกันพื้นฐาน +5%!

ฐานะศิษย์เอกสำนักมือปราบเทพถูกกำหนดแล้ว อีกทั้งค่าสเตตัสก็สุดยอดมากด้วย!

สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ค่าสเตตัสฉายาของ ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’ เหนือกว่า ‘คนกระบี่’ ของเขาในทุกๆ ด้าน

สาเหตุที่เกิดสถานการณ์อย่างนี้ขึ้น ไม่ใช่เพราะฉายา ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’ ยอดเยี่ยมหรือฉายา ‘คนกระบี่’ ไม่ได้เรื่อง แต่เป็นเพราะสาเหตุส่วนตัวของเขาเอง ฉายาผู้ช่ำชองแนวทางกระบี่ที่ดีๆ ถูกเขานำมาเล่นจนเสียหมดแล้ว

ฉายา ‘คนกระบี่’ เดิมทีมีค่าสเตตัสสองรายการ ได้แก่ ‘คนกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ ที่เพิ่มพลังโจมตีของอาวุธประเภทกระบี่ 20% และ ‘ใจกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ ที่อาศัยพลังจิตควบคุมกระบี่กลางอากาศได้

ทว่าหลังจากเขาเรียน ‘วิชาคุมกระเรียน’ แล้ว เขาก็เริ่มเล่นอะไรแผลงๆ รวม ‘ใจกระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ กับ ‘วิชาคุมกระเรียน’ ให้กลายเป็น ‘วิชาควบคุมกระบี่’ จากนั้นก็อัปเกรดมันเป็น ‘ท่ากระบี่แยกจาก’ ที่อยู่ใน ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’

พอเป็นแบบนี้ แม้ความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นมากก็จริง แต่ค่าสเตตัสของฉายาผู้ช่ำชองแนวทางกระบี่กลับลดลงเกินครึ่ง เทียบไม่ติดกับฉายา ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’ ที่เพิ่งได้มา เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว

แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้สำคัญสำหรับเยี่ยเว่ยหมิง

อย่างไรเสียหลังจากเปลี่ยนฉายาเป็น ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’ ก็จะทำให้ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอีก เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

เพียงแต่ว่า…

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเริ่มติดตั้งฉายา ‘ศิษย์พี่ใหญ่สำนักมือปราบเทพ’ สลับใช้แทน ‘ดาวข่มโจรราคะ’ พี่เพิ่งได้มา เขาก็ถามหวงโส่วจุนว่า “หรือพูดได้อีกอย่างก็คือ ถ้าข้าอยากได้ ‘ป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์’ ก็ยังต้องทำภารกิจเพิ่มเติมใช่หรือไม่”

หวงโส่วจุนได้ยินแล้วส่ายหน้าเบาๆ “ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกแล้ว ว่า ‘ป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์’ เป็นรางวัลสำหรับศิษย์เอกของสำนัก ข้าย่อมไม่กลืนคำพูดตนเอง แต่สาเหตุที่ตอนนี้ยังให้เจ้าไม่ได้ ก็เพราะยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงงทันที “เช่นนั้นเมื่อไรจะถึงเวลา”

“ก็ต้องดูระดับความสำเร็จของภารกิจเนื้อเรื่อง อาจจะเป็นอีกหนึ่งวินาทีต่อมา หรืออาจจะเป็นอีกสิบปีแปดปีก็ได้” หวงโส่วจุนมองเยี่ยเว่ยหมิงปราดหนึ่งด้วยความสงสัย “ตะลุยยุทธภพมานานขนาดนี้ หลักการง่ายๆ เช่นนี้ เจ้าคงไม่ถึงขั้นไม่รู้หรอกกระมัง”

หลักการนี้เยี่ยเว่ยหมิงย่อมรู้อยู่แล้ว เมื่อครู่ก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง

เมื่อเห็นว่าประเด็นสนทนาเริ่มทำให้บรรยากาศอึดอัด เยี่ยเว่ยหมิงจึงเปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที เขาหัวเราะแห้งแล้วบอกว่า “ที่จริงหากเทียบกับเรื่องนี้ ข้าน้อยสนใจภารกิจต่อไปที่หวงโส่วจุนเตรียมไว้ให้มากกว่า”

หวงโส่วจุนหัวเราะเบาๆ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีภารกิจ”

เยี่ยเว่ยหมิงแบมือ “หากต้องการแค่แจกรางวัลภารกิจให้ศิษย์เอก ท่านคงไม่ต้องไล่เฟยอวี๋กับซานเย่ว์ออกไปก่อน แล้วค่อยเรียกน้องดาบออกมาหรอกขอรับ…

…หากข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าภารกิจต่อไปจะต้องเกี่ยวข้องกับน้องดาบแน่นอน”

หวงโส่วจุนพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าเดาได้ดีมาก” จากนั้นก็ถามกลับ “ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยถามพวกเจ้าสามคนเกี่ยวกับศิษย์เอก เจ้าจำได้หรือไม่ ตอนนั้นที่พวกเจ้าถามว่าการเป็นศิษย์เอกของสำนักจะได้อะไรบ้าง”

“ฉายาศิษย์เอก ป้ายบำเหน็จลงทัณฑ์ รวมทั้ง…” เยี่ยเว่ยหมิงตอบตามความจริง

พอพูดถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตาเป็นประกายทันที “หวงโส่วจุนเตรียมจะแจกภารกิจสุดยอดวิชาของสำนักให้ข้าหรือ”

“เจ้าฉลาด!” หวงโส่วจุนพยักหน้า จากนั้นก็มองน้องดาบอีก แล้วกล่าวเนิบๆ “เดิมที สำหรับทักษะสำนักของผู้เล่นสำนักมือปราบเทพ สำนักมีหน้าที่เก็บรักษาความลับให้ แต่ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้ติดต่อของหนึ่งดาบ ภารกิจที่กำลังจะได้รับเกี่ยวข้องกับทักษะของนางโดยตรง ต้องทำความเข้าใจเรื่องเรื่องทักษะสำนักของนางด้วย…

…ส่วนเนื้อหาโดยละเอียด ให้หนึ่งดาบพูดกับเจ้าเองแล้วกัน”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วหันไปมองน้องดาบ นางยิ้มโดยไม่ตอบ แต่ส่งคำเชิญเข้ากลุ่มให้เขาแทน

หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงยอมรับแล้ว นางก็จับภาพทักษะของนางส่งเข้าไปในช่องแชททีม

[ผู้ฝึกตนจากอเวจี: อเวจีอันไร้ที่สิ้นสุดตั้งอยู่ระหว่างสีดำและสีขาว ทรยศหักหลังและต่อสู้กันเพราะอำนาจ ความอยู่รอดและเงินตรา]

[โฉมหน้าอเวจี: วิชาแปลงโฉมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ไม่ใช่แค่เปลี่ยนโฉมหน้าเท่านั้น หากอาศัยภูมิหลังของเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ถึงขั้นสร้างตัวตนปลอมขึ้นมาใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นชีวประวัติหรือชาติกำเนิด ทำทุกอย่างให้กลายเป็นคนอีกคนได้ ทั้งยังสลับตัวตนได้เองอย่างอิสระ เดินอยู่ระหว่างเส้นทางสีขาวและดำได้อย่างไร้ช่องโหว่!]

[สำเนียงอเวจี: สามารถเลียนแบบเสียงสัตว์ได้มากมาย ทั้งยังเลียนแบบเสียงคนได้ไม่ว่าใครก็ตาม อาศัยแค่ฝีปาก ก็จะเลียนแบบทุกเสียงในโลกนี้ได้แล้ว เปลี่ยนแปลงได้ไร้ที่สิ้นสุด!]

เมื่ออ่านทักษะตัวอักษรผีของน้องดาบจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็แทบจะหมดคำพูด

แค่ดูจากค่าสเตตัสของทักษะนี้อย่างเดียว ยังต้องเดาอีกหรือว่าภารกิจต่อไปของเขากับน้องดาบคืออะไร

ในทักษะนี้เขียนเอาไว้ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรอกหรือ

ผู้ฝึกตนจากอเวจี เส้นทางอเวจีไร้ที่สิ้นสุด!

แต่การให้หญิงสาวคนหนึ่งไปเดินเส้นทางอเวจี เป็นสิ่งที่โหดร้ายเกินไปหรือเปล่า

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน! นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ! เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลก เพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศ เขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพ ก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึก แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลย เพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่าน เขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพ ซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้ รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วย เยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว! … [ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…] [ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS] [ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท