ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 183 โฉมสคราญหยาดเยิ้ม

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 183 โฉมสคราญหยาดเยิ้ม

ปลดผนึกที่สอง!

ตัวตนของนายกองเป็นปริศนามาโดยตลอด สวี่ชิงคาดเดาเรื่องนี้หลายอย่าง กระทั่งว่าเขาเคยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นองค์ชายใหญ่ของยอดเขาลำดับเจ็ดหรือเปล่าด้วยซ้ำ

เพียงแต่สำหรับสวี่ชิง การคาดเดาพวกนี้แค่ผุดขึ้นมาในหัวเป็นบางครั้งเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไรมาก เพราะไม่ว่าตัวตนของอีกฝ่ายจะเป็นใคร ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดระหว่างพวกเขา

ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ ในตอนที่เห็นนายกองปะทุพลัง ในดวงตาสวี่ชิงก็ฉายประกายโหดเหี้ยมออกมา เขาก็ไม่อยากแพ้เหมือนกัน กระทั่งว่าในใจมีความวาดหวังเรื่องที่นายกองแปลงโฉมเป็นองค์หญิงสามอย่างมาก

ดังนั้น แทบจะในพริบตาที่นายกองปะทุพลัง ตะเกียงแห่งชีวิตในร่างสวี่ชิงก็ลุกไหม้รุนแรงยิ่งขึ้น พริบตาต่อมาทั้งสองคนก็เข้าปะทะกันอีกรอบ

เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้น นายกองที่ปลดผนึกทั่วร่างฉายประกายแสงสีทอง แสงนี้ทำให้สวี่ชิงรู้สึกเหมือนคุณสมบัติเทพ แต่ก็ไม่ค่อยเหมือนเท่าไร

คุณสมบัติเทพนั้นศักดิ์สิทธิ์ ส่วนของนายกองแฝงด้วยความทรงพลังก้าวร้าวรุนแรง เหมือนสามารถสะกดได้ทุกหมื่นวิชา สะกดได้ทุกสิ่ง

ในขณะที่แสงส่องกะพริบตอนนี้ จากการสะบัดมือของนายกองก็เกิดเป็นทะเลแสงสีทอง แปรเปลี่ยนเป็นมือมหึมาสะกดไปหาสวี่ชิง

“องค์หญิงสามเป็นเจ้านี่แหละ!” นายกองคำราม

เสี้ยวขณะต่อมา สวี่ชิงทั่วร่างสั่นสะท้านบ้าคลั่ง ร่างถอยไปข้างหลังไม่หยุด ภายใต้การปกคลุมจากแสงทะเล เขาสัมผัสได้ถึงความบ้าคลั่งจากบนนั้น และความทรงพลังสุดขีดแบบนั้น ทำให้เขาหายใจลำบาก การโคจรพลังบำเพ็ญก็ได้รับผลกระทบ ไฟชีวิตในร่างเต้นไหวระริกรุนแรง

มองไกลๆ ต่อหน้ามือใหญ่ที่แปลงมาจากแสงทอง เงาร่างของสวี่ชิงไม่ถึงหนึ่งในร้อยของมันเลย ตอนนี้ จากการกดทับลงมาของมือข้างนี้ ร่างของเขาถูกบดขยี้เป็นชั้นๆ ร่วงลงไปสู่มหาสมุทรไม่หยุด

ความแข็งแกร่งนี้ ในความรู้สึกสวี่ชิงอยู่เหนือไฟดวงที่สอง กระทั่งว่าความเร็วของเขาตามไม่ทันอยู่หน่อยๆ ทำได้ถึงขั้นนี้…มีเพียงพลังไฟดวงที่สามเท่านั้นถึงจะทำได้!

สวี่ชิงดวงตาหดเล็ก จิตต่อสู้ในดวงตาเต้นระริก หน้าผากมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา มือทั้งสองพลันสะบัด ทันใดนั้นข้างหลังเขาก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไฟ ไฟสีดำลุกโหมท่วมฟ้า วิหคทองที่อยู่ในนั้นบินฉวัดเฉวียนออกมา หลังจากบินวนรอบสวี่ชิงก็เงยหน้าคำราม แล้วทับซ้อนรวมกับสวี่ชิง

ร่างวิหคทองซ้อนทับกับร่างของสวี่ชิง คลุมทับด้วยชุดนักพรตสีม่วง ประดุจชุดจักรพรรดิที่ก่อตัวจากขนนก ชุดจักรพรรดิชุดนี้แม้จะค่อนข้างรางเลือน แต่ก็ยังคงแผ่กลิ่นอายความสูงส่งออกมา

ส่วนหัวของวิหคทองตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นมงกุฎจักรพรรดิ ลอยอยู่เหนือศีรษะของสวี่ชิง หลอมรวมเป็นกลิ่นอายสูงส่ง

แล้วยังมีหางหงส์ของวิหคทองกลายเป็นแถบผ้าสะบัดพริ้วบนร่างสวี่ชิง ในขณะเดียวกับที่ปลิวไสวไปทั่วทุกทิศ บนหางก็แผ่ทะเลเพลิงสีดำเป็นผ้าคลุมข้างหลังเขา

มองไกลๆ สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้เมื่อรวมกับใบหน้าอันงดงามเลิศล้ำของเขาแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกทั้งตัวดูแล้วประดุจจักรพรรดิหนุ่มองค์หนึ่ง

กระทั่งว่ามีเค้าคล้ายกับบุคลิกท่าทางของจักรพรรดิโบราณวิหคทองที่ได้เห็นบนราชรถอยู่สามสี่ส่วนด้วยซ้ำ

ต่อให้เป็นนายกองก็ต้องอึ้งตะลึงกับภาพฉากนี้ไปเช่นกัน ในเสี้ยวขณะที่รูม่านตาหดเล็ก สวี่ชิงก็ใบหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาฉายความทรงอำนาจ มือขวากำเป็นหมัดชกไปที่ฝ่ามือยักษ์ข้างบนทันที!

หมัดนี้หลอมรวมตะเกียงแห่งชีวิตและไฟแห่งชีวิตของเขาเอาไว้ด้วย ใช้จิตต่อสู้และความเหี้ยมโหมของเขา ยิ่งผสมกายเนื้ออันแข็งแกร่งรุนแรงของวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณเอาไว้ เสี้ยวพริบตาที่ชกออกไปก็กลายเป็นการโจมตีขั้นสูงสุดของเขาในตอนนี้

ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงดังกึกก้องไปทั่วสารทิศ หมัดนี้ก่อเป็นเงามายา ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายในตอนที่มีขนาดพอๆ กับฝ่ามือยักษ์ ข้างในหมัดก็แผ่ความทรงพลังออกมาเช่นกัน!

เพียงแต่ความทรงพลังของสวี่ชิงคือความหยิ่งทะนงของผู้ทรงอำนาจ ความทรงพลังของนายกองคือความบ้าคลั่งดิบเถื่อน

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าด้วยกันเพียงเสี้ยวพริบตา เสียงก็สะเทือนเลื่อนลั่น พลังโจมตีน่าครั่นคร้ามกลุ่มหนึ่งก็พลันระเบิดในบริเวณที่หมัดและฝ่ามือปะทะกัน

สวี่ชิงกระอักเลือด ร่างม้วนกระเด็นไปข้างหลัง กายจักรพรรดิที่ก่อขึ้นจากวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณไม่อาจดำรงได้ แตกสลายไป หมัดขวาของเขายิ่งรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส กระดูกไหล่ขวาหลุดทันที

นายกองกระอักเลือดเช่นกัน ร่างสูญเสียการควบคุมกระเด็นไปข้างหลัง อักขระสี่เหลี่ยมรูปว่าวในดวงตากะพริบสองสามทีก็หมองหม่นดับไป มือขวาของเขาก็มีความรู้สึกเจ็บปวดแผ่ลามมาเช่นกัน ข้อมือส่งเสียงดังกร๊อบ คล้ายหักแล้ว

ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจากการถอยครั้งนี้ต่างหายใจหอบถี่ ในขณะเดียวกับที่สวี่ชิงถอยหลังไป มือซ้ายยกขึ้นกดแขนขวา ก่อนจะดันขึ้นอย่างรุนแรง เสียงกร๊อบดังขึ้น ข้อต่อกลับคืนสู่ตำแหน่ง

ฝั่งนายกองมือซ้ายแค่สะบัดประกายแสงสีทองก็ส่องกะพริบ ส่วนที่แตกละเอียดประกายแสงสีทองก็ห่อหุ้มเอาไว้ หลังจากที่สมานตัวฟื้นฟูโดยเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก็สะกดความเจ็บปวดไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย เอ่ยเสียงราบเรียบ

“ไอ้น้องชายไม่เลวนี่ มีกำลังรบหนึ่งส่วนเทียบได้กับเจ้ากรมคนนี้แล้ว พยายามต่อไป นอกจากนี้…เจ้าแพ้แล้ว” พูดแล้วนายกองก็มองไปที่ทะเล

บนผิวน้ำตอนนี้ งูทะเลที่ทั้งสองคนพนันกันตัวนั้นถูกรยางค์ที่จู่ๆ ก็ยื่นออกมาจากความว่างเปล่าคว้าตัวลากออกมาจากทะเล

สีหน้าของนายกองแฝงด้วยความได้ใจ มองสวี่ชิงกำลังจะพูดอะไร แต่ในตอนนี้ในดวงตาของงูตัวนั้นก็ฉายประกายแปลกประหลาด จู่ๆ ก็อ้าปากแล้วกัดคอตัวเอง

ความแรงของแรงกัดไม่ใช่แค่ใช้กำลังทั้งหมด แต่ยิ่งใช้พลังแฝงทั้งหมดที่มีจนหมดสิ้น เสียงกร๊อบดังขึ้น หลังจากที่กัดคอตัวเองขาดแล้วงูตัวนั้นก็ยังไม่ตาย ความรู้สึกแปลกประหลาดในแววตายิ่งรุนแรง มันกัดตัวเองคำแล้วคำเล่า เริ่มกินท่อนล่างของตัวเอง

เลือดเนื้อจำนวนมหาศาลกลืนลงไปจากปากงูแล้วสาดกระจายออกไปจากร่างครึ่งท่อนของมัน ดูแล้วน่าสยดสยองขนลุกขนพองนัก

นายกองอึ้งตะลึง สวี่ชิงสีหน้าเรียบนิ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ

“นายกอง ข้าชนะแล้ว”

พูดจบ หัวงูก็สั่นสะท้าน เหมือนสูญเสียแรงประคับประคองร่วงลงสู่ทะเล ส่วนเงาของสวี่ชิงก็กลับมาอย่างเงียบเชียบ

ในขณะเดียวกันบรรพจารย์สำนักวัชระทางนั้นในที่สุดก็ทำลายผนึกได้แล้ว

ทันทีที่กลับมาเขาก็จับเป้าหมายนายกองอย่างโมโหอับอาย เขารู้สึกว่าตัวเองเมื่อครู่ขายหน้าแล้ว กังวลว่าเรื่องนี้จะทำให้จอมมารสวี่คิดว่าตัวเองไร้ประโยชน์

โดยเฉพาะครั้งเจ้าเงาสร้างคุณงามความชอบได้ นี่ทำให้วิกฤตอันตรายในใจของบรรพจารย์สำนักวัชระรุนแรงเป็นอย่างมาก

นายกองมองงูทะเลครึ่งท่อนที่ร่วงลงผิวน้ำ แล้วมองไปทางสวี่ชิง สีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย เอ่ยเสียงต่ำ

“ศิษย์น้อง พวกเรามาคุยกันสักหน่อย…”

“ท่านแพ้แล้ว”

“เอ๋ ตั๋ววิญญาณของเจ้าเหมือนจะหล่นอีกแล้ว”

“ท่านแพ้แล้ว”

“ข้ารู้แล้วน่า แต่จู่ๆ ข้าก็มีความคิดที่ดีกว่า ข้าว่า…”

“ท่าน แพ้ แล้ว!” สวี่ชิงสีหน้าจริงจัง เอ่ยเน้นทีละคำ

พูดจบเขาก็ครุ่นคิด ทำสีหน้าแปลกประหลาดใจออกมา เหมือนว่าการไม่ให้ความร่วมมือของนายกองทำให้เขาผิดคาดเล็กน้อย ในเมื่อพนันกันแล้วก็ต้องยอมรับ นี่เป็นหลักเหตุผลที่ถูกต้องสมเหตุสมผลเหมือนกับยืมเงินแล้วก็ต้องใช้แบบนั้น

นายกองหายใจถี่กระชั้น ดวงตาแดงเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็กัดฟัน

“ก็แค่ปลอมตัวเป็นองค์หญิงสามไม่ใช่หรือ จะมีอะไรกัน เจ้ารอดูเลย!” ในดวงตานายกองฉายแววมุ่งมั่น หมุนตัวไหววูบหายเข้าไปในห้องเรือ

ความคาดหวังในใจสวี่ชิงสูงมาก กลับเข้าไปในห้องเรือเช่นกัน มองไปทางประตู ค่อยๆ รอ

เวลาผ่านไปทีละนิดๆ จวบจนหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ในตอนที่สวี่ชิงหมดความอดทนแล้วนิดๆ ประตูเรือก็ค่อยๆ เปิดออก เงาร่างงดงามหยาดเยิ้ม อรชรอ้อนแอ้นร่างหนึ่งก็ก้าวออกมาจากข้างในอย่างรวดเร็ว

เป็นองค์หญิงสามนั่นเอง

องค์หญิงสามผู้นี้ตอนแรกฝีเท้าก็ยังสุขุมดี แต่หลังจากที่ปรากฏตัวออกมาจากข้างในโดยสมบูรณ์แล้ว ใบหน้าเล็กๆ ที่เนียนละเอียดงดงามหยาดเยิ้มก็ปรายตามองสวี่ชิงอย่างอาฆาตแวบหนึ่ง พบว่าสีหน้าสวี่ชิงแปลกประหลาดนิดๆ

ดังนั้นองค์หญิงสามจึงฝืนสะกดกลั้นความหงุดหงิด แค่นเสียงขึ้นจมูกก็มา ถลกกระโปรงเผยให้เห็นขาใหญ่ๆ หนาๆ สองข้าง หลังจากนั่งยองๆ ข้างๆ ก็หยิบผิงกั่วจากอกเสื้อออกมาแล้วกัดลงไปอย่างแรงคำหนึ่ง

“พอใจแล้วใช่หรือไม่!”

นายกองตอนนี้ปลอมตัวได้เหมือนมาก ยิ่งหน้าตาที่เป็นอาหารตาชั้นเลิศ ไม่ว่าสวี่ชิงจะมองอย่างไรก็มองร่องรอยอะไรไม่ออก มีเพียงขาของนายกองที่มีขนดกมากเท่านั้น

แต่ใบหน้าเล็กๆ ที่ดวงตากลมโตใสกระจ่าง ฟันขาวเรียงงดงาม อีกทั้งมือเรียวเนียนละเอียดดุจหยก ลำแขนกลมกลึงดุจรากบัวหยก งดงามหยาดเยิ้มนัก เกรงว่าลูกศิษย์หญิงในสำนักเหล่านั้นได้เห็นก็ยังต้องอิจฉา

นี่ทำให้สวี่ชิงอยากรู้นิดๆ ว่านายกองทำได้อย่างไร หลังจากประเมินอยู่ครู่หนึ่ง นายกองก็โมโหอับอายขึ้นมานิดๆ ยื่นมืออ่อนนุ่มงดงามไปหาสวี่ชิง

“เอาถุงเก็บของมาให้ข้า”

ก่อนหน้านี้สวี่ชิงเอาถุงเก็บของขององค์หญิงสามไป ตอนนี้เขาเอามันออกมาแล้วเทไปบนพื้น ทันใดนั้นของต่างๆ มากมายก็ร่วงลงมา กองเป็นภูเขาลูกน้อยๆ

สิ่งที่มีมากที่สุดคือเสื้อผ้า ส่วนหินวิญญาณในนั้นมีไม่มาก แต่กลับมีหินสีดำจำนวนหนึ่ง มันแผ่ไอพลังประหลาดเข้มข้นออกมา ขณะเดียวกันสวี่ชิงยังเห็นขวดผลึกแก้วขนาดเท่านิ้วมือมากมาย

ทุกขวดล้วนมีมุกสีดำเม็ดหนึ่งในนั้น ในมุกผนึกอักขระเอาไว้ เป็นของที่อีกฝ่ายโยนใส่เรือเวทของเขาเมื่อก่อนหน้านี้นี่เอง

“เยอะถึงเพียงนี้เชียวหรือ” สวี่ชิงหยิบออกมาเม็ดหนึ่งก็วางไว้บนมือสำรวจ จากนั้นก็เงยหน้ามองนายกอง

“ของสิ่งนี้มีชื่อว่าอัสนีโลกันต์ เป็นอาวุธเวทประเภทใช้ครั้งเดียวที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าสิงซากสมุทร พลานุภาพมหาศาล เพราะในเผ่าสิงซากสมุทรมีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะสามารถหลอมออกมาได้ ดังนั้นนอกเผ่าจึงหาพบได้ยาก ราคาเพิ่มขึ้นตามพลานุภาพที่แตกต่างกันไป” นายกองพูดพลางคุ้ยค้นหาของไปด้วย

“เผ่าสิงซากสมุทรแต่ละตนหลอมออกมาก็มีพลานุภาพต่างออกไป เคยมีอัสนีโลกันต์ที่บรรพจารย์ของเผ่าสิงซากสมุทรหลอมออกมามีพลังเทียบเท่าการโจมตีระดับปราณก่อนกำเนิด เมื่อหลายปีก่อนในงานประมูลที่ผืนอินทนิลมีคนประมูลไปด้วยราคาสูงลิบลิ่ว อัสนีนี้อัศจรรย์นัก หลังจากใช้เลือดหล่อเลี้ยงพลานุภาพจะเพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งพลังทำลายล้างสังหารยังเพิ่มมากขึ้นต่อคนในเผ่าของผู้ครอบครองที่ใช้เลือดหล่อเลี้ยงด้วย”

นายกองพูดพลางหาป้ายบางอย่างมา ถือไว้ที่มือเอ่ยอย่างได้ใจ

“ครั้งนี้ข้าจ่ายเงินมหาศาลซื้อวิชาปลอมตัวอันน่าอัศจรรย์มาได้ ไม่ใช่แค่สร้างกลิ่นอายเผ่าพันธุ์ของอีกฝ่ายได้เท่านั้น กระทั่งว่าระลอกคลื่นของอีกฝ่ายก็สามารถลอกเลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ องค์หญิงสามผู้นี้ข้าจับตาดูมานานแล้ว รู้กระจ่างลึกซึ้งเป็นอย่างดี

“จากนี้พวกเราจะไปเผ่าสิงซากสมุทร ขอเพียงไม่ถูกรั้งอยู่ในนั้นนาน หรือเจอผู้แข็งแกร่งระดับแก่นลมปราณตั้งใจตรวจอย่างสุดกำลัง ไม่เช่นนั้นแล้ว หากแค่กวาดตามองไม่มีทางมองช่องโหว่อะไรออกแน่นอน”

พูดแล้วนายกองก็มองสวี่ชิงแวบหนึ่ง หยิบชุดคลุมยาวสีขาวตัวหนึ่งออกมาแล้วโยนไป ขณะเดียวกันก็ยื่นขวดใบเล็กให้เขาใบหนึ่ง

“ใส่เสีย เปิดขวดเล็กใบนี้ไปบนตัวจะมีพิษศพปล่อยออกมา ขณะเดียวกันก็จะอำพรางกลิ่นอายของเจ้า อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกบางอย่างได้ด้วย”

สวี่ชิงได้ยินก็รับมา หลังจากสวมแล้วกลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ในขณะเดียวกับที่แผ่พิษศพออกมาจางๆ รูปลักษณ์ภายนอกก็แห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายและรูปลักษณ์ภายนอกดูแล้วไม่แตกต่างอะไรกับเผ่าสิงซากสมุทรเลย

ขวดใบน้อยที่สามารถเปลี่ยนแปลงโฉมได้ สวี่ชิงรู้ว่าไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญทั่วไปจะสามารถสร้างออกมาได้ นี่ทำให้เขารู้ลูกไม้ต่างๆ ของนายกองได้ในระดับหนึ่ง

“เช่นนั้นจากนี้ไป เจ้าก็เป็นผู้คุ้มครองของข้า อารักขาองค์หญิงกลับเผ่าสิงซากสมุทร นับจากนี้เป็นต้นไปพวกเราต้องสวมบทบาทแล้ว จะเปิดเผยช่องโหว่ไม่ได้เด็ดขาด เจ้าเห็นด้วยหรือไม่” นายกองเอ่ยอย่างเคร่งขรึมจริงจัง

สวี่ชิงพยักหน้า เขารู้สึกว่านายกองพูดมีเหตุผล

เห็นสวี่ชิงพยักหน้า นายกองกระแอมออกมา บิดขี้เกียจ ทิ้งสะโพกอรชรอ้อนแอ้น จากนั้นก็นั่งข้างๆ อย่างสง่างาม ก่อนจะยื่นขาที่ขนดกยาวข้างหนึ่งออกมา กินผิงกั่วไปด้วยกระดิกขาไปด้วย เอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า

“มาเถิด อาชิงน้อย มานวดขาให้ข้าองค์หญิงผู้นี้”

สวี่ชิงมองนายกองแวบหนึ่ง หยิบผงพิษออกมาจากถุงเก็บของกำหนึ่ง เตรียมทาที่มือ

นายกองหดขาเก็บกลับไปทันที มองสวี่ชิงด้วยสีหน้าจริงจัง

“ข้าพลันนึกขึ้นได้ พวกเราควรหารือแผนการกันเสียหน่อย”

บทที่ 178 สะเทือนสมุทรสยบอสูร!

ทะเลส่งเสียงดังกึกก้อง

สวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเรือเวท ร่างกายก็ค่อยๆ สั่นสะท้านขึ้นมาจากการแผ่กระจายออกไปของระลอกคลื่น ลมหายใจของเขาหอบถี่ขึ้น ความเย็นเยียบในแววตาไม่นานนักก็แปรเปลี่ยนเป็นความคลุ้มคลั่ง

เพราะว่า เขาหิว!

เป็นความหิวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

ต้นเหตุความหิวนี้ด้านหนึ่งคือกายเนื้อที่แห้งเหี่ยวของเขาตอนนี้ต้องการพลังงานมหาศาลซ่อมแซมถึงจะกลับมาเป็นปกติ และในเรื่องนี้ต่อให้เป็นผลึกวารีสีม่วงก็ไม่สามารถช่วยได้

ผลึกวารีสีม่วงสามารถช่วยเร่งการฟื้นฟูบาดแผล แต่ไม่สามารถมอบเลือดลมและสารอาหารให้เขาจากความว่างเปล่าได้

และอีกต้นเหตุหนึ่งของความหิวคือข้างหลังสวี่ชิง!

ข้างหลังของเขากว้างเวิ้งว้าง เหมือนไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นบรรพจารย์สำนักวัชระหรือจะเป็นเงา ตอนนี้ต่างตื่นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ตามประสาทสัมผัสของพวกมัน ข้างหลังสวี่ชิงเหมือนมีอันตรายและความเหี้ยมเกรียมอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

สวี่ชิงรู้ ข้างหลังของเขาไม่ได้ว่างเปล่า

พูดให้ถูกต้องคือ สิ่งที่ทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระและเจ้าเงาระแวงและหวาดกลัวสุดขีดเป็นแผ่นหลังใต้อาภรณ์ของเขา ในนั้นเกิดเป็นภาพสัญลักษณ์ภาพหนึ่งขึ้นจากการลืมตาของวิหคทองก่อนหน้านี้

ภาพสัญลักษณ์นี้คือรูปลักษณ์ของวิหคทอง แผ่กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวออกมาเป็นระลอกๆ

นี่คือขั้นที่สองของการกระตุ้นเมล็ดพันธุ์สืบทอด!

สิบวันก่อนหน้านี้สวี่ชิงศึกษาข้อมูลของวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ รู้ดีว่าการกระตุ้นเมล็ดพันธุ์สืบทอดของวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณมีสองขั้นตอน

ขั้นแรกคือกระตุ้นเมล็ดพันธุ์สืบทอดแปลงเป็นภาพสัญลักษณ์ ประทับไว้บนร่างกาย

ขั้นที่สองคือให้ภาพสัญลักษณ์นี้ปรากฏข้างนอก หลอมเลือดลมเป็นเงา เช่นนี้แล้วถึงจะนับว่ากระตุ้นเมล็ดพันธุ์สืบทอดโดยสมบูรณ์!

และขั้นที่สองต้องการเลือดลมมหาศาลมาหล่อเลี้ยง ดังนั้นเขาถึงได้รู้สึกหิว!

ตอนนี้ระหว่างที่ลมหายใจหอบถี่ ในดวงตาสวี่ชิงก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด หันมามองทางบรรพจารย์สำนักวัชระ

บรรพจารย์สำนักวัชระตัวสั่นเทิ้มทันที ถูกสวี่ชิงมองมาเช่นนี้ ความรู้สึกเหมือนจะถูกอีกฝ่ายดูดกลืน ในระหว่างที่ตัวสั่นเทิ้มก็รีบสำแดงกาย จงใจให้ร่างโปร่งแสงอีกเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่มีเลือดลม

สวี่ชิงเบนสายตามองไปทางเจ้าเงา

เจ้าเงาสั่นเทิ้มภายใต้สายตาของเขาเช่นกัน

“เอาพวกมันขึ้นมา” เพราะร่างเหี่ยวแห้ง เสียงของสวี่ชิงเปลี่ยนมาแหบแห้งเหลือประมาณ ตอนนี้เมื่อดังออกมา ทางเจ้าเงาก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่ผสานอยู่ในทะเลสะบัดขึ้นมาทันที ทันใดนั้นก็มีปลาเกราะเหล็กตัวมหึมาตัวหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำ มาอยู่ข้างหน้าสวี่ชิง

สวี่ชิงจ้องปลาหลังเหล็กตัวนี้เขม็ง ภาพสัญลักษณ์ที่หลังพลันร้อนวาบขึ้น เหมือนจะอยากแปลงออกมา แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้ ทำได้เพียงแปลงออกมาเป็นขนนกสีทองที่เหมือนกับขนหงส์อยู่รอบกายสวี่ชิง

ในขณะที่ขนนกเหล่านี้หมุนวนอย่างรวดเร็วรอบตัวเขา เกิดเป็นแรงดูดหอบม้วนไปหาปลาเกราะเหล็ก

เสี้ยวพริบตาต่อมาตัวปลาเกราะเหล็กตัวขนาดร้อยจั้งตัวสั่นสะท้าน พลังเลือดลมทั้งหมดในกายไหลออกไปจากร่าง

เลือดลมพวกนี้รวมอยู่ด้วยกันเกิดเป็นก้อนเลือดขนาดถึงหลายสิบจั้ง ตอนนี้มันหดเล็กไม่หยุด ถูกหลอมไม่หยุด จนสุดท้ายสลายไปถึงเก้าส่วน เกิดเป็นเลือดสีทองจางๆ หยดหนึ่ง

ขนนกสีทองห่อหุ้นทันที ในขณะดูดซับมัน สวี่ชิงก็สะบัดเพลิงดังกลุ่มหนึ่งออกไปห่อหุ้มปลาเกราะเหล็ก ดึงวิญญาณมันออกมา

ส่วนเจ้าเงาก็สูดปากอย่างอดไม่ได้ กลืนกินพลังวิญญาณที่ไอพลังประหลาดลอยตลบที่ไร้ซึ่งวิญญาณ และไร้ซึ่งเลือดลมหลงเหลือเอาไว้อย่างไม่ให้สิ้นเปลืองเลยแม้แต่น้อย

เหมือนกินข้าว ไม่นานนักเจ้าเงาก็ส่งอสูรทะเลตัวที่สองขึ้นมา จากนั้นก็เป็นตัวที่สาม ตัวที่สี่

สิบวันก่อนหน้านี้ หลังจากที่สวี่ชิงศึกษาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็ตั้งใจเลี้ยงอสูรทะเลจำนวนหนึ่งเอาไว้แล้ว ดังนั้น ไม่นานนัก ขนหงส์ที่แปลงมาจากภาพสัญลักษณ์ข้างหลังก็ดูดซับอสูรทะเลไปถึงยี่สิบสามตัว

จากการดูดซับของขนหงส์ ไม่ใช่แค่ส่วนขนที่ปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น ขณะเดียวกันยังมีผลต่อการหล่อเลี้ยงของสวี่ชิงทางนี้ด้วย ทำให้สวี่ชิงไม่เหี่ยวแห้งแบบนั้นแล้ว ฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย

และเขาก็สัมผัสพลังกายเนื้อของตัวเองได้อย่างชัดเจนว่ามันพัฒนาขึ้นมาเล็กน้อยจากสภาวะที่หยุดนิ่ง ความเร็วเร็วขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกับที่พลังเพิ่มมากขึ้น เขาก็มีประสาทรับรู้ที่น่าอัศจรรย์บางอย่างด้วย

การรับรู้ประเภทนี้เหมือนการขานตอบรับจากวิชาเวทบางอย่าง สวี่ชิงรู้สึกเลาๆ ว่าตัวเองเหมือนไม่จำเป็นต้องประสานปางมือก็สามารถสามารถสำแดงวิชาเวทที่ตัวเองไม่เคยเรียนมาก่อนบางวิชาได้

แต่หลังจากที่เขาทดลองก็ทำไม่สำเร็จ

‘หรือว่า นี่ก็คือสิ่งที่บอกเล่าจากในวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ…แย่งชิงพรสวรรค์เผ่าพันธุ์ แต่ตอนนี้ข้ายังฝึกฝนน้อยเกินไป ดังนั้นยังไม่อาจสำแดงได้!’

สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด แต่ตอนนี้ความหิวของเขาแค่คลายลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังคงหิวมากเช่นเดิม นี่ทำให้เขาไม่มีเวลาครุ่นคิดมากนัก เขาผุดลุกขึ้นมาทั้งที่ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด เก็บเรือเวทลงไปแล้วพุ่งสู่ทะเล

เสี้ยวพริบตาที่ดำลงไปใต้ทะเล ร่างของสวี่ชิงก็ส่งเสียงครืนครันเปิดสภาวะแสงนภาทันที ภาพสัญลักษณ์ข้างหลังแผ่กลิ่นอายสยบทั่วทุกสารทิศออกมา ทำให้ร่างของสวี่ชิงแผ่พลังกดดันออกมาอย่างหนักหน่วง

บรรพจารย์สำนักวัชระข้างกายเขาอัสนีลอยเอ่อทั่วร่าง บนเหล็กแหลมสีดำอักขระอัสนีกะพริบวูบวาบ คอยติดตามอย่างรวดเร็วอยู่ข้างกายสวี่ชิง

เจ้าเงาแผ่มาผสานไปทั่ว จะเห็นดวงตาร้อยกว่าดวงกระจายอยู่รอบๆ อย่างรางเลือน จากการลืมตาขึ้นก็วาดเป็นเค้าโครงของต้นไม่ใหญ่ น่าขนลุกสยดสยอง

สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้ ความแข็งแกร่งของกำลังรบโดยรวมเหนือกว่าในอดีตตั้งนานแล้ว ในทะเลต้องห้ามนี้แม้จะยังไม่ขั้นไม่หวาดกลัวเกรงสิ่งใด แต่ในระดับหนึ่งก็สามารถสยบกำราบฟากฝั่งหนึ่งได้อยู่เหมือนกัน

ผิวน้ำระเบิดดังสนั่น ใต้ทะเลกระแสน้ำซัดโหม เงาร่างของสวี่ชิงหายไปในพริบตา ไปปรากฏอยู่ที่ไกล เริ่มทำการสังหาร

เขาต้องการอสูรทะเลมากขึ้น ต้องการเลือดของรากฐานเพิ่มขึ้น มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถคลายความหิวที่ชวนคลุ้มคลั่งนี้ได้ ถึงจะทำให้เมล็ดพันธุ์สืบทอดของตัวเองสำเร็จขั้นที่สอง กระตุ้นขึ้นได้โดยสมบูรณ์จากขั้นตอนทั้งหมดนี้

เวลาผ่านไปแต่ละวันๆ หลังจากนั้นครึ่งเดือน

ผิวน้ำที่ห่างไกลในทะเลต้องห้ามแห่งหนึ่ง จู่ๆ น้ำทะเลก็เดือดพล่าน ระเบิดขึ้นทันที อสูรสมุทรบรรพกาลตัวมหึมาที่มีขนาดถึงห้าร้อยกว่าจั้งตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากใต้ทะเล

รูปลักษณ์ภายนอกที่เหี้ยมเกรียม กลิ่นอายที่น่ากลัว และฟันคมกริบที่ของมันที่ต่อให้หุบปากสนิทก็ยังคงเผยออกมาข้างนอก ทำให้ปกติแค่ปรากฏตัวขึ้นก็จะเป็นฝันร้ายของเรือสินค้าและผู้บำเพ็ญมากมายในทะเลต้องห้าม!

อสูรสมุทรบรรพกาล ในบันทึกท้องทะเลของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตมีคำอธิบายที่ชัดเจนว่านี่เป็นกลุ่มนักล่าระดับสุดยอดในทะเลต้องห้าม ความเหี้ยมโหดและร่างกายที่น่ากลัวของพวกมัน รวมกับพลังบำเพ็ญกลายพันธุ์ทำให้ด้านกำลังรบของมันน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก

และอสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้ในตอนนี้ยิ่งไม่ธรรมดา ในเสี้ยวพริบตาที่มันกระโดดออกมาจากผิวน้ำ ก็เห็นเปลวไฟสีแดงสองกลุ่มกำลังลุกไหม้อยู่ในตัวมัน นี่เป็นอสูรสมุทรบรรพกาลที่ฝึกบำเพ็ญจนถึงระดับไฟชีวิตสองดวง

ความแข็งแกร่งของรัศมีอำนาจ ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏตัวก็ส่งเสียงดังเลื่อนลั่นไปทั่วทุกสารทิศ

ผิวน้ำระเบิดเป็นอาณาบริเวณถึงพันจั้ง เพียงแต่ในดวงตาของมันตอนนี้ไม่มีความเย็นชาอย่างในอดีต ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ

หากมองไปอย่างละเอียดจะเห็นว่าที่ท้องของมันมีตราประทับที่เหมือนภาพสัญลักษณ์ภาพหนึ่งคืบคลานอยู่

ลักษณะของตราประทับนี้เหมือนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง บนนั้นมีดวงตาร้อยกว่าดวงลืมอยู่ กะพริบไม่หยุดเหมือนปากขนาดมหึมามากมายกำลังกัดกินเงาของมันอย่างบ้าคลั่ง

ในขณะเดียวกันใต้ผิวน้ำที่มันพุ่งขึ้นมามีสายฟ้าฟาดสะเทือนฟ้าสะเทือนดินรัวเป็นชุดฟาดผ่ามาอย่างรวดเร็ว ในนั้นจะเห็นเหล็กแหลมสีดำอันหนึ่งที่พันล้อมไปด้วยสายฟ้าอย่างชัดเจน ประชิดเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วที่น่าพรั่นพรึง พุ่งทะลุร่างของอสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้

เสียงบึ้มดังขึ้น ร่างของอสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้สั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง ตำแหน่งที่ถูกพุ่งทะลุระเบิดออกทันที ความเจ็บปวดมหาศาลทำให้ปากที่หุบสนิทของมันต้องอ้าออกอย่างสุดแรง อยากส่งเสียงร้องครวญครางออกมา

แต่ว่า…ปากมหึมาของมันกลับอ้าไม่ได้!

ไม่อาจส่งเสียงร้องครวญครางออกมาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงกลายเป็นเสียงอู้อี้และตอนนี้ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ก็จะเห็นเงาร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ในปากของมัน!

เด็กหนุ่มคนนี้สวมชุดนักพรตสีม่วงทั้งตัว ตอนนี้กำลังยืนอยู่ระหว่างฟันสองซี่ของอสูรสมุทรบรรพกาล ผมยาวประดุจหยกดำมีประกายแสงจางๆ เห็นได้ว่าเป็นหยดน้ำ

จากการสะบัดอย่างเต็มแรงของอสูรสมุทรบรรพกาล ผมยาวของเด็กหนุ่มสะบัดพริ้ว หยดน้ำบนนั้นวิ่งเป็นทาง แต่ละหยดดำดุจหมึก ประดุจหยดฝนโปรยปราย

ยิ่งมีบางหยดกระเซ็นมาบนใบหน้าของเขา ทำให้ในขณะเดียวกันกับที่วิ่งไหลไปบนผิวที่ละเอียดเนียนดุจเครื่องกระเบื้องงดงามก็เผยให้เห็นใบหน้าของเขาในแสงอาทิตย์

นั่นเป็นใบหน้าที่งดงามยิ่งนัก คิ้วยาวดุจใบหลิว สง่างามองอาจ ผมดำยาวสยายอยู่ที่ท้ายทอย ในขณะที่ดูดุดันก็มีความงดงามอย่างน่าอัศจรรย์

ในดวงตามีแววที่ชวนให้คนหลงใหล ความน่าหลงใหลของเขาไม่ใช่แค่ใบหน้าที่ชวนให้คนลุ่มหลงดวงนี้เท่านั้น แต่เป็นบุคลิกลึกลับที่แผ่ออกมาจากทั่วทั้งตัวของเขา

ตอนนี้เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นดึงฟันบนด้านในของอสูรสมุทรบรรพกาล เท้าทั้งสองดุจตะปู แทงลึกลงไปในฟันล่างของมัน

ใช้พลังของตัวเองตรึงปากมหึมาของอสูรสมุทรบรรพกาลเอาไว้ ไม่ให้มันอ้าได้!

เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือสวี่ชิงนั่นเอง!

ครึ่งเดือนมานี้ เขาฆ่าอสูรทะเลไปมากมาย ทำให้ภาพสัญลักษณ์ข้างหลังอยู่ไม่ไกลจากขั้นที่สองเสร็จบริบูรณ์แล้ว และตัวของเขาภายใต้การกลืนกินเลือดพลังดั้งเดิมจากภาพสัญลักษณ์วิหคทอง ภายใต้การหล่อเลี้ยงของเคล็ดวิชาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

ไม่ใช่เพียงร่างกายฟื้นฟูเป็นปกติ การเพิ่มขึ้นของพลังและความเร็วก็พูดได้กระทั่งว่าน่ากลัวเหนือกว่าในอดีตมหาศาลนัก กระทั่งว่าตอนนี้ลำพังเพียงกายเนื้ออย่างเดียวก็สามารถทำให้อสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้ไม่สามารถดิ้นรนอ้าปากได้แล้ว

เพียงเรื่องนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นได้หมด!

ตอนนี้ประกายแสงเย็นเยียบฉายวาบในดวงตาของเขา เพลิงสีดำพลันปะทุขึ้น ในขณะที่ปกคลุมไปยังอสูรสมุทรบรรพกาลที่เขาไล่ฆ่ามาครึ่งวันตัวนี้ ภาพสัญลักษณ์ที่หลังของเขาก็แปลงขนหงส์สีทองนับไม่ถ้วนออกมา

ขนหงส์พวกนี้หมุนวนไม่หยุด สำแดงแรงดูด ดูดซับอสูรสมุทรบรรพกาล

อสูรสมุทรบรรพกาลคำราม ดิ้นรนสุดพลังทิ้งตัวสู่ทะเลอีกครั้ง และในเสี้ยวพริบตาที่มันดำดิ่งลงไป ใต้ทะเลก็พลันมีอสูรคอยาวบรรพกาลตัวหนึ่งพุ่งเข้าชนอย่างเต็มแรง ทำให้มันถูกขัดขวาง

แม้อสูรคอยาวบรรพกาลจะแตกสลายไปในทันที แต่การขัดขวางนี้ สวี่ชิงก็สามารถใช้เพลิงสีดำปกคลุมมันได้สำเร็จ และวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็สำแดงได้โดยสมบูรณ์ในเสี้ยวขณะนี้เอง

เสียงคำรามดังออกมาจากไรฟันของมัน ร่างของอสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้ส่งเสียงดังตูมออกมา เลือดลมมหาศาลแผ่ซ่าน ถูกหลอมรวมดูดซับไม่หยุด สุดท้ายก็กลายเป็นเลือดพลังดั้งเดิมกลุ่มหนึ่ง ผสานเข้าไปในขนหงส์

และวิญญาณของมันในเสี้ยวขณะนี้ก็ปรากฏขึ้นในร่างกายของสวี่ชิง กลายเป็นฟืนลุกไหม้ ทะลวงเปิดช่องเวทที่สี่สิบเจ็ดและสี่สิบแปดสองช่องนี้ของเขา!

เวลาในช่วงนี้ การฆ่าสังหารของสวี่ชิงจำนวนมหาศาลนัก ช่องเวทก่อนหน้านี้ทะลวงเปิดได้สี่สิบหกช่อง

ในขณะเดียวกับที่พลังเวทในกายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในพริบตาจากการทะลวงเปิดในตอนนี้ การหล่อเลี้ยงจากวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็ทะลักมาอีกครั้ง ทำให้ในขณะเดียวกับที่ทั่วทั้งร่างมีเสียงกร๊อบๆ ดังขึ้น ใบหน้าที่แต่เดิมก็งดงามอยู่แล้วของเขายิ่งเป็นที่ดึงดูด พลังกายเนื้อเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง!

“ขอแค่กลืนกินอสูรทะเลอีกไม่ที่ตัว ขั้นที่สองของวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นเมื่อภาพสัญลักษณ์แปลงออกมา ก็นับว่าเคล็ดวิชาระดับราชันของข้าวิชานี้ผสานไปในร่างกายได้อย่างแท้จริง ไม่มีทางถูกช่วงชิงไป”

ในขณะที่พึมพำ สวี่ชิงร่างกายไหวววูบไปที่ไกลทันที ส่วนอสูรสมุทรบรรพกาลที่สูญเสียทุกอย่างกลายเป็นซากแห้ง ตอนนี้ก็จมสู่ก้นทะเล เจ้าเงาพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว รีบร้อนติดตามสวี่ชิง ในขณะเดียวกันก็ส่งอารมณ์หงุดหงิดออกมา

มันรู้สึกตัวเองกลืนเงาช้าเหลือเกิน…ยังไม่ทันจะได้แสดงศักดา อสูรสมุทรบรรพกาลก็ถูกจัดการไปแล้ว ดังนั้นแล้วจึงส่งอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจบางอย่างออกมาไปหาบรรพจารย์สำนักวัชระที่อยู่ข้างๆ

บรรพจารย์สำนักวัชระไม่ได้ฉวยโอกาสรังแกเจ้าเงาอย่างหาได้ยาก เขาเงยหน้ามองสวี่ชิงที่จากไปไกล มองเงาแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่รัศมีมงคลเปล่งประกาย ผมยาวสะบัดพริ้วใต้แสงอาทิตย์นั่น ในใจเกิดระลอกคลื่นมหาศาลตั้งนานแล้ว

เขาเห็นการฆ่าของสวี่ชิง เห็นความบ้าคลั่งของสวี่ชิง เห็นเสน่ห์ดึงดูดอันรุนแรงของสวี่ชิงต่อต่างเพศ ยิ่งเห็นเส้นทางที่อีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อยู่ตลอด

ทั้งหมดนี้ทำให้ในใจของเขามีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างแรงกล้า

‘นี่ถึงจะเป็นตัวละครหลักในนิยาย!

‘หากมีโอกาสข้าจะต้องบันทึกเอาไว้ ในอนาคตจะเขียนนิยายขายสักเรื่อง!’

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง… รายละเอียด กำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท