ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 187 ไฟชีวิตดวงที่สอง เปิด!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 187 ไฟชีวิตดวงที่สอง เปิด!

‘ไอ้บ้าเอ๊ย!!’

สวี่ชิงเห็นภาพนี้ก็สูดสมหายใจ ในดวงตาฉายแววตื่นตะลึงออกมา

เสี้ยวขณะนี้เขารู้สึกว่านายกองที่ตาแดงก่ำพุ่งตัวเข้าไปหาจวีอิงคนนั้นกลับมาอีกแล้ว

ตอนนี้จากเสียงสะท้อนก้องดังกร๊อบ นายกองกัดเต็มแรงด้วยใจเด็ดเดี่ยว ก็กัดนิ้วเท้าของเทวรูปได้ชิ้นเล็กชิ้นหนึ่ง!

ยิ่งไปกว่านั้นคือทิ้งรอยฟันชัดเจนเอาไว้บนนิ้วเท้านิ้วนั้นอีกด้วย

ความพิเศษของเทวรูปนี้โดยปกติแล้วถูกทำลายได้ยาก ทว่านายกองอาศัยเนื้อของจวีอิงกระตุ้นคุณสมบัติเทพของเขาเต็มกำลัง ถึงจะแลกกัดคำนี้มาได้

และไม่รอให้เทวรูปฟื้นสภาพเอง นายกองก็กลืนหินเทวรูปชิ้นที่กัดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวชิ้นเล็กชิ้นนั้นลงไป

ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่รักษาอาการบาดเจ็บอยู่รอบๆ แต่ละคนต่างอึ้งตะลึงกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอันเฉียบพลันนี้ พากันผุดลุกขึ้นมา

แล้วยังมีผู้บำเพ็ญบนเสาหลายสิบคนนั่น ต่างลืมตาขึ้นมาพร้อมด้วยระลอกคลื่นอารมณ์รุนแรง มองไปทางนายกองทางนั้น

ในขณะเดียวกันนี้ กลิ่นอายแก่นลมปราณน่ากลัวกลุ่มหนึ่งก็พลันปะทุมาจากฝ่ามือที่วางไว้บนหน้าอกของเทวรูปบรรพชนศพข้างนั้น

เด็กระดับแก่นลมปราณคนนั้นตอนนี้ลืมตาทั้งสองขึ้น สีหน้าแฝงด้วยความสงสัย มองลงไปข้างล่าง

เขาเห็นสวี่ชิงแล้ว

สวี่ชิงเหมือนถูกสายฟ้าฟาดทั้งร่าง จิตใจเกิดคลื่นยักษ์ถาโถม

เด็กระดับแก่นลมปราณคนนั้นมองไปทางนายกอง นายกองตัวสั่นสะท้าน ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

เด็กคนนี้ไม่ได้สนใจนายกองที่ถอยไป แต่สายตาจับจ้องอยู่ที่นิ้วเท้าของรูปสลัก

เขามองเห็นรอยฟันที่ตรงนั้นและชิ้นส่วนเล็กๆ ที่หายไป

แม้รูปสลักจะกำลังฟื้นสภาพอย่างรวดเร็ว แค่รอยฟันก็ยังคงปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

“ไม่มีใครบุกเข้ามาที่นี่นานแล้ว น่าสนใจ เจ้าสองคนอยากตายอย่างไร”

เด็กระดับแก่นลมปราณเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เห็นได้ชัดว่าเรื่องเล็กๆ อย่างโจรกระจอกระดับสร้างฐานสองคนบุกเข้ามาแบบนี้ เขาไม่ได้สนใจเท่าไรนัก ผู้ที่บุกเข้ามาฆ่าให้ตายก็สิ้นเรื่อง ดังนั้นตอนนี้พลังกดดันระดับแก่นลมปราณทั่วทั้งร่างจึงแผ่มาทั่วทุกทิศ

เพียงเสี้ยวพริบตาสายฟ้าฟาดเปรี้ยงปร้าง ทั่วทุกทิศสั่นคลอน ประดุจมีพลังทำลายล้างโลกสยบทุกสรรพชีวิต

แต่ในเสี้ยวขณะที่เขาเพิ่งพูดจบแล้วลุกขึ้นยืน เด็กระดับแก่นลมปราณที่ดูเหมือนสงบนิ่งคนนี้ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป สะบัดหน้าหันไปมองเทวรูปข้างๆ แวบหนึ่ง

ตอนนี้ในเทวรูปองค์นี้มีคลื่นพลังใต้น้ำที่ไม่เสถียรมากๆ กลุ่มหนึ่งกำลังลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว ผ่านเด็กคนนั้นทะลักไปที่เศียรของเทวรูป ในเสี้ยวพริบตาที่เด็กเพิ่งจะพูด มันก็ทะลักมาถึงบริเวณจมูกของเทวรูป แล้วชนเข้าเบาๆ ข้างในผนังเทวรูป

เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังไปทั่วแดนต้องห้าม แล้วพลันระเบิดออกมาจากบริเวณจมูกของเทวรูปในชั่วเสี้ยวขณะนั้นเอง!

เสียงนี้กึกก้องเลื่อนลั่นนัก!

มิติทั้งแดนต้องห้ามสั่นคลอน กระทั่งว่าส่งผลกระทบไปยังโลกภายนอกด้วย

และพลังของการระเบิดนี้ก็รุนแรงมหาศาลนัก ทำให้…จมูกของเทวรูปพังทลายในทันที

แตกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นเศษหินร่วงลงมา

เด็กระดับแก่นลมปราณคนนั้นอยู่ใกล้ที่สุดจึงถูกกระแทกทั้งตัวจากการระเบิดนี้ก่อนใคร เลือดกระอักออกมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างม้วนกระเด็นไปชนกับกำแพงที่อยู่ห่างออกไปไกลลิบ

ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเผ่าสิงซากสมุทรที่อยู่ข้างล่างก็มีที่ถูกเศษพลังไปด้วยไม่น้อย ต่างกระอักเลือดออกมา ใบหน้าเผยแววตื่นกลัวและไม่อาจเชื่อออกมา พากันมองไปทางเทวรูปที่ตอนนี้ไม่มีจมูกแล้ว

จากนั้น ความโกรธแค้นที่มากพอจะทำให้เผ่าสิงซากสมุทรทุกตนตาแดงก่ำก็ปะทุขึ้นมาในเสี้ยวขณะนี้เอง ลมเมฆทั่วทั้งมิติแดนลับแห่งนี้เปลี่ยนสี จิตสังหารท่วมฟ้า

ยิ่งมีเสียงคำรามน่าครั่นคร้ามดังสะท้อนกึกก้องไปทั่วทั้งแดนลับออกมาจากปากของเด็กระดับแก่นลมปราณที่ถูกซัดไปบนกำแพงที่ไกลๆ กระอักเลือดอย่างบ้าคลั่งคนนั้น

“เจ้าทำอะไร!!!”

เสียงคำรามยิ่งกว่าเสียงอัสนีสวรรค์ ทำให้ที่แห่งนี้สะเทือนเลื่อนลั่น และสายตาทุกคู่ตอนนี้ต่างจับจ้องไปที่นายกองทางนั้นอย่างโกรธเดือดดาล

จิตสังหารท่วมฟ้า!

จริงๆ ที่คำที่นายกองกัดไปก่อนหน้านี้คำนั้นไม่นับเป็นเรื่องอะไรเลย ก็แค่ชิ้นเล็กๆ เท่านั้น ทว่าการพังทลายของจมูกเทวรูปร้ายแรงนัก ความร้ายแรงของทั้งสองเรื่องแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

และทุกอย่างนี้ทุกคนต่างคิดว่าจะต้องมีเหตุผลอยู่

ที่เห็นคือเจ้าคนนั้นที่ปลอมตัวเป็นองค์หญิงสามแทะนิ้วเท้าของเทวรูปไปคำหนึ่ง จากนั้นจมูกของเทวรูปก็ระเบิด เห็นได้ชัดว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างแนบแน่น!

นายกองอึ้งตะลึง

ในชั่วขณะนี้ ไม่ต้องพูดว่าผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรคิดแบบนี้ ต่อให้เป็นตัวเขาเองก็คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับตนเองเช่นกัน น่าจะเป็นคำที่ตัวเองกัดไปคำนั้นทำให้เกิดปฏิกิริยาอะไร ดังนั้นเทวรูปบรรพชนศพจึงจมูกระเบิด

“แต่ห่างกันเกินไปกระมัง…”

นายกองหายใจถี่กระชั้น ในเสี้ยวขณะที่ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณคำรามอย่างโกรธแค้น สวี่ชิงก็เก็บเศษจมูกเทวรูปที่ตกอยู่ข้างตัวชิ้นนั้นไปอย่างไม่ลังเล หมุนตัวก็พุ่งออกไปข้างนอกทันที

ตอนนี้เขาไม่ใช่จุดที่สำคัญเท่าไรแล้ว ความบ้าคลั่งและโกรธแค้นกว่าครึ่งของที่นี่ตอนนี้ล้วนถูกนายกองดึงดูดไปหมดแล้ว

จากเสียงคำรามอย่างโกรธแค้นของเด็กระดับแก่นลมปราณดังขึ้น เงาร่างของเด็กคนนี้ก็พุ่งออกไปหานายกองทันที ขณะเดียวกันทางสวี่ชิงทางนั้น แม้เขาจะไม่มีเวลาไปสนใจ และไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไร แต่ก็ไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาดเช่นกัน

“ไปเอาหัวของไอ้อีกคนมาให้ข้า!”

นายกองตาเบิกโพลง เก็บเศษจมูกชิ้นหนึ่งข้างตัว ความเร็วปะทุขึ้น ผนึกในร่างแต่ละทางๆ ปลดออก จากไฟชีวิตที่สองเป็นไฟชีวิตดวงที่สามทันที จากนั้นก็ปะทุอีกครั้ง มาถึงขั้นงไฟชีวิตดวงที่สี่ ยิ่งมีคุณสมบัติเทพมหาศาลแผ่ออกมาจากร่างของเขา แล้วพลันทะยานจากไปไกลทันที

แม้เขาจะเร็ว แต่เด็กระดับแก่นลมปราณเร็วกว่า เพียงพริบตาก็ตามมาแล้ว นายกองกระอักเลือดออกท่ามกลางเสียงดังสนั่นมา แต่ไม่รู้ว่าสำแดงเคล็ดวิชาลับอะไรจึงหนีมาได้อีกครั้ง

เด็กระดับแก่นลมปราณดวงตาแดงก่ำ บ้าคลั่งไม่มีใครเปรียบ ในช่วงเวลาที่เขาดูแลเกิดเรื่องที่ร้ายแรงถึงเพียงนี้ นี่เป็นความอัปยศอย่างยิ่งยวดสำหรับเขา จิตสังหารทางนายกองจึงรุนแรงจนถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว

โดยเฉพาะเรื่องร้ายแรงแบบนี้ไม่เกิดขึ้นในเผ่าสิงซากสมุทรนานหลายปีมากแล้ว หากผู้บำเพ็ญที่มาเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจต่อกรได้ก็ช่างเถิด แต่นี่กลับเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเท่านั้น

นี่ทำให้เด็กระดับแก่นลมปราณคนนี้โมโหจนเกิดคลื่นอารมณ์รุนแรง และสิ่งที่ยิ่งทำให้เขาจิตใจเกิดคลื่นยักษ์ซัดโหมปั่นป่วนคือเขาพบว่า…นิ้วเท้าของเทวรูปบรรพชนศพฟื้นสภาพเดิมแล้ว แต่จมูกกลับไม่คืนสภาพเดิม

“เป็นไปไม่ได้ น่าจะเพราะแตกเป็นชิ้นค่อนข้างใหญ่ แต่จะต้องคืนสภาพได้อย่างแน่นอน!” ภาพนี้ทำให้ในใจของเด็กระดับแก่นลมปราณสั่นสะท้าน คืนสภาพได้หรือไม่สำหรับเผ่าสิงซากสมุทรแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสองเรื่อง

หากคืนสภาพได้ เรื่องนี้แม้จะร้ายแรง แต่ขอเพียงฆ่าคนร้ายแจ้งทุกฝ่ายแล้ว เรื่องนี้ก็นับว่าคลี่คลาย

อย่างมากการป้องกันในวันข้างหน้าหนาแน่นขึ้นอีกเล็กน้อยก็เท่านั้น

แต่หากคืนสภาพไม่ได้…

เรื่องนี้เด็กระดับแก่นลมปราณไม่กล้าไปคิด เขารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ นับแต่โบราณมาเทวรูปเผ่าสิงซากสมุทรก็มีการเสียหายและถูกคนระเบิดทำลายเช่นกัน แค่ทั้งหมดล้วนคืนสภาพกลับมาเหมือนเดิมได้ในเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น

ต่อให้ระดับความเสียหายมากกว่า แค่เพียงหนึ่งก้านธูปก็คืนสภาพกลับมาได้

“ดังนั้น เป็นไปไม่ได้!” เด็กระดับแก่นลมปราณสูดลมหายใจ อดมองไปอีกครั้งไม่ได้ พบว่าจมูกของเทวรูปก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นี่ทำให้ความกระวนกระวายในใจของเขากลายเป็นความโกรธแค้นที่ท่วมฟ้ารุนแรงยิ่งกว่าเดิม ไล่ตามนายกองไปอย่างบ้าคลั่ง

เขาจะต้องเอาสมาธิไปไว้กับการไล่ตามจับ ไม่เช่นนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะไปคิดถึงผลน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นหากว่าคืนสภาพกลับมาไม่ได้จริงๆ

เพราะความพิเศษของวัสดุ หากคืนสภาพกลับมาไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นจมูกที่หายไปก็จะกลายเป็นตลอดกาล

ซึ่งก็หมายความว่าในอนาคตไม่ว่าจะอีกกี่ปี เผ่าสิงซากสมุทรเมื่อใดก็ตามที่ใช้หรือเห็นเทวรูปบรรพชนศพที่เจ็ดก็จะสัมผัสได้ถึงความอัปยศโต้งๆ แบบนี้ทุกครั้งไป!

และเมื่อขยายขอบเขตความคิด หากอีกฝ่ายมีพลังในการทำลายเทวรูปจริงๆ เช่นนั้น…ก็เท่ากับว่ามีพลังในการลบอนาคตของเผ่าสิงซากสมุทรทั้งเผ่า!

เรื่องนี้ส่งผลกระทบวงกว้างมาก กระทั่งว่าเหนือกว่าสงครามกับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตในตอนนี้

ดังนั้นเด็กระดับแก่นลมปราณคนนี้บ้าคลั่งไปแล้วโดยสมบูรณ์

ส่วนสวี่ชิงในตอนนี้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ กำลังหลบหนีอย่างรวดเร็ว

ดีที่เป้าหมายของเด็กระดับแก่นลมปราณไม่ใช่เขา ดังนั้นในการห้อตะบึงในตอนนี้ ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่ไล่สังหารเขาจึงเป็นระดับสร้างฐานทั้งหมด

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้รูม่านตาสวี่ชิงหดเล็ก เพราะผู้ที่เปิดสภาวะแสงนภามาถึงยี่สิบกว่าคน ในนั้นส่วนมากล้วนเป็นผู้บำเพ็ญระดับฟชีวิตสองดวง กระทั่งว่าสามดวงก็มีหนึ่งคน!

ผู้บำเพ็ญระดับไฟชีวิตสามดวงเป็นชายชรา สร้างความกดดันให้สวี่ชิงมหาศาลนัก

ระลอกคลื่นความน่ากลัวในตัวชายชราบิดม้วนพื้นที่รอบกาย ปกติแล้วพลังบำเพ็ญระดับไฟชีวิตสามดวงไล่โจมตีระดับสองดวงแค่พริบตาก็ได้แล้ว แต่ภายใต้การปะทุพลังกายเนื้อของสวี่ชิง รวมกับการฝ่าทะลวงไปด้วยพลังตะเกียงแห่งชีวิตในร่างทำให้ผู้บำเพ็ญระดับไฟชีวิตสามดวงตนนั้นไม่อาจไม่ตามได้ทันในทันที แต่ระยะห่างของพวกเขาก็ใกล้กันเข้ามาด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

และหากถูกไล่ตามมาได้ทัน ภายใต้การลงมือจากผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานมากมายเช่นนี้ สวี่ชิงรู้ดีว่าตัวเองยากที่จะรับมือได้ โดยเฉพาะระลอกคลื่นที่นี่ใหญ่ขนาดนี้ จินตนาการได้ว่าเผ่าสิงซากสมุทรต่อจากนี้จะโกรธแค้นเดือดดาลรุนแรงเพียงใด

ถึงตอนนั้นมีระดับแก่นลมปราณปรากฏตัวเพิ่มขึ้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

เมื่อนึกถึงผลลัพธ์เช่นนี้ สวี่ชิงก็หนังศีรษะชาวาบ ครั้งนี้เขารู้ดีว่า เรื่องที่เขากับนายกองทำใหญ่ไปนิดหนึ่งแล้ว

และตอนนี้คืออยู่ในมิติแดนลับ ยันต์ส่งข้ามไร้ขั้นตอนไม่อาจใช้ได้ หากจะใช้ก็ต้องไปจากพื้นที่ต้องห้าม ฝ่าทะลวงออกไปแล้วถึงจะใช้ได้

“ต้องทะลวงเปิดช่องเวทเท่านั้น!” สวี่ชิงดวงตาแดงก่ำ เขารู้ว่าวิธีเพียงหนึ่งเดียวของตัวเองก็คือทะลวงเปิดช่องเวทอย่างรวดเร็ว ให้ตัวเองก่อดวงไฟชีวิตดวงที่สองให้ได้ท่ามกลางการหนีอย่างบ้าคลั่งนี้

หากก่อไฟชีวิตดวงที่สองได้ รวมกับตะเกียงแห่งชีวิตของเขาในตอนนี้ เขาก็จะเท่ากับว่ามีพลังไฟชีวิตสามดวง รวมกับกายเนื้อที่แปลงจากวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณของเขา เขามั่นใจว่าสามารถกำราบผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสามดวงได้ทั้งหมด!

เขารู้สึกกระทั่งว่าตัวเองในตอนนั้นน่าจะทำลายความเข้าใจที่ว่าระหว่างผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานด้วยกันไม่สามารถสู้ข้ามระดับได้ หากเผชิญหน้ากับไฟชีวิตสี่ดวงก็สามารถสู้ข้ามระดับได้เช่นกัน

สวี่ชิงขับเคลื่อนวารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดในกายที่ดูดซับมาจนเต็มในตันเถียนไปด้วยความคิดเช่นนี้ ทะลวงไปยังช่องเวทช่องที่ห้าสิบของตัวเองทันที

ชั่วขณะต่อมา สวี่ชิงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ช่องเวทที่ห้าสิบเปิดในทันที!

พลังเวทยิ่งมาก ความเร็วของสวี่ชิงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น แต่เขายังไม่สิ้นสุดการทะลวงเปิดช่องเวท ตอนนี้ยังทะลวงเปิดต่อไป เสี้ยวพริบตาต่อมา ในร่างของสวี่ชิงก็เสียงดังเลื่อนลั่นปานอัสนีสวรรค์ ในขณะที่ดังกึกก้องไปทั่ว ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญที่ไล่ตามมาข้างหลังต่างจิตใจสั่นสะท้าน

พลังเวทปะทุขึ้นต่อเนื่องระลอกแล้วระลอกเล่าในตัวสวี่ชิง

ช่องเวทช่องที่ห้าสิบเอ็ด ช่องเวทช่องที่ห้าสิบสอง ช่องเวทช่องที่ห้าสิบสาม ทะลวงเปิดอย่างต่อเนื่อง

ยังไม่สิ้นสุด วารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดที่สวี่ชิงดูดซับมาตอนนี้ยังคงปะทุบ้าคลั่ง เพียงพริบตาช่องเวทช่องที่ห้าสิบสี่ของเขาก็เปิดออก ช่องเวทช่องที่ห้าสิบห้าก็เช่นกัน

เหตุการณ์ทั้งหมดไม่มีหยุดชะงักเลย หนึ่งอึดใจทะลวงเปิดหนึ่งช่อง!

หลังจากผ่านไปเจ็ดอึดใจ ช่องเวทช่องที่ห้าสิบหกในร่างสวี่ชิงก็เปิดออกอีก!

อึดใจที่แปด ช่องเวทช่องที่ห้าสิบเจ็ดของเขาก็เปิดออก พลังเวททั้งร่างส่งเสียงดังเลื่อนลั่น ไฟชีวิตลุกไหม้โชติช่วงยิ่งขึ้น การโหมกระหน่ำจากพลังกระทั่งว่าทำให้เกิดลมพายุ ทำให้ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรข้างหลังเขาพวกนั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี

โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสามดวงเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้น ตอนนี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขามองสวี่ชิงที่หลบหนีข้างหน้าก็เกิดความรู้สึกหวาดผวา

เห็นผู้บำเพ็ญข้างหน้าทะลวงเปิดช่องเวทน่ากลัวถึงเพียงนี้ เขาจึงกัดฟันสำแดงเคล็ดวิชาลับ ความเร็วเพิ่มพลังขึ้นทันที ทำให้ในขณะที่ทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ในสายตาดูช้าเนิบ พุ่งประชิดเข้าไปหาสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

“ตายซะ!”

ช่วงวิกฤตอันตราย สวี่ชิงตาแดงก่ำ ไม่สนใจอะไรมากแล้ว ใช้พลังกายเนื้อเป็นสิ่งค้ำจุนของตัวเอง ปะทุวารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดในร่างกายทั้งหมดเพียงเสี้ยวพริบตาทันที!

“เปิดๆๆ!!”

ในดวงตาสวี่ชิงฉายความคลุ้มคลั่ง เพียงพริบตาในกายของเขาก็ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ช่องเวทช่องที่ห้าสิบแปด ช่องเวทช่องที่ห้าสิบเก้า ช่องเวทช่องที่หกสิบ เปิดออกทั้งหมด!

กระทั่งว่ายังทีพลังทะลวงเปิดต่อไปจนเปิดได้ถึงช่องเวทช่องที่หกสิบห้า!

“ไฟชีวิต!” สวี่ชิงตาแดงก่ำ ทั่วร่างสั่นสะท้านรุนแรง เส้นนับไม่ถ้วนจากในช่องเวทช่องที่สามสิบเอ็ดจนถึงช่องเวทช่องที่หกสิบพวยพุ่งมารวมในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงดังครืนท่ามกลางการปะทุขึ้นจากแสงสีทองทั่วทั้งร่างสวี่ชิง

ไฟชีวิตดวงที่สองส่องประกายทั่วผืนนภา!

บทที่ 184 ข่าวประหลาดเผ่าสิงซากสมุทร (2)

“อาเสี่ยวชิงเอ๋ย เจ้ามองข้าเช่นนี้ คือกำลังมองข้าหรือว่ากำลังมององค์หญิงสามที่รักของเจ้ากันล่ะ โถ่เอ๊ย ถ้าเรื่องนี้โดนศิษย์หญิงในสำนักเหล่านั้นรู้เข้าล่ะก็ คงได้น้ำตาตกกันเป็นแถวแน่”

นายกองยิ่งพูดก็ยิ่งดีอกดีใจ หน้าบานเป็นกระด้งเก็บยาลูกกลอนแล้วล้วงเอาผลส้มออกมา ปอกเปลือกแล้วกิน

เห็นสวี่ชิงค่อยๆ เลิกคิ้ว เขาก็ยังพูดต่อไปเรื่อย แต่ก็ถูกสวี่ชิงตัดบท

“องค์หญิง อีกสามวันก็จะถึงเผ่าสิงซากสมุทรแล้ว บาดแผลของเจ้าต้องเริ่มสร้างใหม่ได้แล้ว”

คำพูดนายกองชะงัก สวี่ชิงเดินเข้าไป ล้วงกริชแทงท้องนายกองไปทีหนึ่ง อีกฝ่ายขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สูดลมหายใจ ล้วงกริชออกมาบ้างเช่นกัน ถลึงตามองสวี่ชิง

“ผู้คุ้มกันขององค์หญิง เจ้าเองก็ต้องมีบาดแผลขึ้นบ้างเหมือนกัน!”

พูดพลาง เขาก็ตั้งท่าจะแทง แต่ถูกสวี่ชิงถอยหลังหลบเลี่ยง

“องค์หญิงพลังบำเพ็ญแค่รวมปราณขั้นบริบูรณ์ ความเร็วการฟื้นฟูบาดแผลก็เชื่องช้า ข้าที่ปกป้องเจ้า ภายใต้สถานการณ์ถูกไล่สังหาร อาการบาดเจ็บของเจ้าก็จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถรักษาตนเองได้

“และข้าในฐานะผู้บำเพ็ญสร้างฐาน ความเร็วในการฟื้นฟูร่างกายดีมาก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเพิ่มบาดแผลแล้ว นั่นมันปลอมเกินไป”

สวี่ชิงพูดจบ นายกองก็นิ่งงันอยู่พักหนึ่ง

ถือโอกาสที่นายกองกำลังตกตะลึง สวี่ชิงจึงแทงแล้วก็แทงเข้าไปอีก ในที่สุดนายกองก็กุมท้องเบี่ยงหลบ จ้องสวี่ชิงอย่างโกรธเคือง แต่ในสีหน้าที่ตั้งใจของสวี่ชิง เขาก็ถอนหายใจออกมา

“องค์หญิงอย่างข้ากับผู้คุ้มครองถูกไล่สังหาร แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเวลาพัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่ใกล้จะถึงเผ่าสิงซากสมุทรแล้ว คนที่ไล่สังหารก็ต้องหวาดกลัวบ้าง ดังนั้นจึงไม่ไล่สังหารต่อ”

สวี่ชิงคิดๆ ตอบกลับประโยคหนึ่ง

“ถูกต้อง แต่ยิ่งเข้าใกล้เผ่า แผลเก่าขององค์หญิงก็ยังสาหัส จะตายอยู่รอมร่อ ดังนั้นจึงจะถูกส่งไปยังแดนต้องห้ามเพื่อรักษาเป็นอันดับแรก”

นายกองหน้าขมขื่น มองไปยังบาดแผลตนเอง จากนั้นก็มองไปทางสวี่ชิงที่มีสีหน้าจริงจัง เขาจึงถอนหายใจยาว หลับตาลง

สวี่ชิงรื่นเริงในใจ แทงไปอีกห้าที ทำให้นายกองยิ่งบาดเจ็บหนักขึ้น หลังจากที่ร่างทั้งร่างอ่อนแอ จึงเสร็จสิ้นการ ‘ไล่สังหาร’ ครั้งนี้ลง

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปสามวันอย่างรวดเร็ว เรือศึกไม้ดำที่พวกเขาอยู่ลำนี้ หลังจากแหวกอากาศมาตลอดทางจนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็เข้าใกล้ดินแดนของเผ่าสิงซากสมุทรเสียที

ขณะที่มองเห็นแผ่นดินเกาะเผ่าสิงซากสมุทรอยู่ไกลๆ สีหน้าสวี่ชิงก็เคร่งขรึมขึ้นมา

เขาสูดลมหายใจลึกสำรวจร่างกายตนเอง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีปัญหาก็ยังไม่วางใจ จึงให้เจ้าเงาแผ่กลิ่นอายเผ่าสิงซากสมุทรบางส่วนออกมาด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงก็ไม่แตกต่างอะไรกับเผ่าสิงซากสมุทรเลย

กระทั่งร่างของเขาเองก็สามารถแผ่พรสวรรค์พิษศพเผ่าสิงซากสมุทรภายใต้วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณออกมาได้เล็กน้อยด้วย หลังจากอำพรางแล้ว การปลอมตัวของเขาก็สมบูรณ์แบบ

แม้นายกองจะไม่มีวิธีการเหล่านี้ แต่เขาก็เตรียมตัวมานานแล้วอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่กังวลปัญหาที่เขาจะถูกเปิดโปงเลย

“ในที่สุดก็หนีกลับมาได้แล้ว…กลับบ้าน…”

ตอนนี้นายกองที่อยู่ข้างๆ กุมท้องอยู่ ร่างกายอ่อนแอพิงอยู่กับราวจับ เมื่อลมพัดเข้ามาผมดำเปื้อนเลือดของนางก็ปลิวสยาย เผยใบหน้างามมีเสน่ห์ใต้เส้นผมออกมา

ผิวที่ขาวซีด บวกเข้ากับความซับซ้อนในดวงตา ทำให้นายกองเวลานี้แทบไม่แตกต่างอะไรกับองค์หญิงสามตัวจริงเลย กระทั่งเขายังเลียนแบบจิตใจขององค์หญิงสามมาจนหมดเสียด้วยซ้ำ

ถ้าไม่ใช่เพราะสวี่ชิงเห็นอีกฝ่ายปลอมตัวมาระหว่างทางจนคุ้นชินแล้วล่ะก็ ไม่เช่นนั้นจะมองอย่างไร เขาก็ยังมองตัวตนนายกองออกได้ยาก

“ระหว่างทางนี้ ลำบากเจ้าเสียแล้ว”

นายกองร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้ม เสียงระโหยโรยแรงมีความนุ่มนวลอยู่ด้วย

มือที่จับราวจับของเขาก็สั่นเทา อาการบาดเจ็บในร่างกายทั้งหมดถูกเขาสะกดไว้สุดกำลัง ราวกับว่าถ้าผ่อนลงเพียงนิดเดียว อาการเจ็บปวดทั้งหมดจะกำเริบขึ้นจนลมหายใจวูบดับขึ้นมา

โดยเฉพาะหน้าอกของเขา ที่นั่นมีบาดแผลที่ล่อแหลมมาก แทงเข้าไปแทบจะชิดกับหัวใจเขาเลยทีเดียว ถ้าเอียงเพียงนิดเดียวหัวใจคงล้มเหลวไปแล้ว แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ยังคงทำให้ชีพจรดวงใจบาดเจ็บ

ส่วนสวี่ชิง ชุดนักพรตสีขาวแต่เดิมเวลานี้ก็ย้อมไปด้วยเลือดสีฟ้า เดิมทีที่ซีดอยู่แล้วก็ยิ่งซีดลงไปอีก

กลิ่นอายของเขาเองก็ไม่มั่นคงอย่างชัดเจนเหมือนกำลังฝืนทนอยู่ และแผลที่ร้ายแรงที่สุดบนคอนั้น ก็เหมือนหลอดลมถูกตัดจนขาดอย่างไรอย่างนั้น

ตอนนี้แม้จะฟื้นฟูไปแล้วเล็กน้อย แต่กลับยังไม่สามารถเอ่ยปากพูดคุยได้มากนัก กระทั่งตำแหน่งขอบๆ ยังมองเห็นเลือดไหลซึมออกมาอยู่

ขณะที่เผชิญหน้ากับคำพูดของนายกอง สวี่ชิงก็สีหน้าไร้อารมณ์ราวกับว่าไม่มีความผันผวนทางอารมณ์มากนัก และไม่สนใจอาการบาดเจ็บอีกด้วย ประสานมือให้นายกองและคารวะ

ตอนนี้เอง คลื่นที่แข็งแกร่งวูบหนึ่งกวาดเข้ามาฉับพลันจากเบื้องหน้า ปกคลุมเรือของพวกเขาไปในพริบตา ปกคลุมลงมาบนตัวสวี่ชิงและนายกอง

เรือศึกที่พวกเขาอยู่ก็หยุดชะงักลงกลางอากาศ ไม่เคลื่อนไปข้างหน้าต่ออีก

คลื่นพลังที่แข็งแกร่งนี้ ไม่ได้แผ่ออกมาจากผู้บำเพ็ญ แต่เป็นพลังจากค่ายกล!

นั่นเป็นค่ายกลใหญ่คุ้มครองเผ่าของดินแดนเผ่าสิงซากสมุทร

ตอนนี้คือช่วงเวลาทำสงคราม ดังนั้นค่ายกลใหญ่เผ่าสิงซากสมุทรจึงเปิดไว้ตลอด ขณะที่คอยขัดขวางการเข้ามาของสิ่งภายนอกทั้งหมด ยังสามารถทำให้การวางหมากทั้งหมดของเผ่าสิงซากสมุทรในเผ่าเสร็จสิ้นได้เร็วขึ้นอีกด้วย

เวลานี้สวี่ชิงเข้าใจอย่างดีว่าการตรวจสอบชั้นที่หนึ่งของเผ่าสิงซากสมุทรมาถึงแล้วจากการเข้ามาของคลื่นค่ายกล

แต่ว่าสำหรับเรื่องนี้สวี่ชิงกับนายกองเตรียมการไว้แล้ว ขณะที่ค่ายกลแผ่ซ่านในตอนนี้ บนตัวนายกองก็แผ่คลื่นตอบกลับออกมา สวี่ชิงทางนี้ก็เช่นกัน กระตุ้นขวดเล็กใบหนึ่ง และมีคลื่นแผ่ออกมาเช่นเดียวกัน

ดังนั้นเพียงไม่นานค่ายกลก็กวาดผ่านไป ยอมรับตัวตนของพวกเขา

ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงรู้สึกชื่นชมต่อการเตรียมการของนายกองมาก

ตอนนี้เขาก้มหน้าลงมองแผ่นดินใหญ่เกาะเผ่าสิงซากสมุทรเบื้องล่าง

สิ่งที่เห็น เกาะที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดราวกับแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ ลักษณะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับทิวทัศน์ทั้งหมดที่เขาเคยเห็นมา

สถานที่นี้คือเขตแดนชายทะเล สามารถมองเห็นพืชคลุมดินที่เหมือนเห็ดหลินจือขนาดยักษ์โตอยู่เต็มไปหมด

เพียงแต่สีเป็นสีดำ ขณะที่ปล่อยพิษศพเข้มข้นออกมา ก็ยังแผ่พลังกดดันที่น่าตกตะลึงออกมาด้วย

เห็ดหลินจือสีดำเหล่านี้ทุกดอกล้วนใหญ่เกินร้อยจั้ง

เวลานี้บนชายทะเลและในทะเลล้วนมีทั้งสิ้น มองผ่านๆ ก็มีมากนับร้อย ทอดแผ่ยาวออกไปตามชายฝั่งทะเล

และด้านบนหลินจือทุกดอกก็ล้วนเป็นจุดจอดเรือที่สร้างขึ้นจากกระดูกขาวอีกหลายแห่ง

มองเห็นเรือศึกสงครามที่รูปร่างเหมือนโลงศพอีกมากมาย กำลังรอการทะยานขึ้นอยู่ที่นั่น

ขณะเดียวกันด้านล่างของเห็ดหลินจือเหล่านี้ก็มีรยางค์อีกนับไม่ถ้วน ห้อยทอดไปบนพื้นรวมถึงในทะเล

ด้านหนึ่งคือกำลังดูดซับไอพลังประหลาด อีกด้านหนึ่งคือรยางค์เหล่านั้นก็มีเชือกจำนวนมหาศาลกระจายตัวเชื่อมต่อกับเรือที่กำลังลอยอยู่บนทะเลแต่ละลำ

ที่นี่เป็นท่าเรือแห่งหนึ่งอย่างชัดเจน และพอมองเส้นชายฝั่งทะเลทั้งหมดของเผ่าสิงซากสมุทร ก็เหมือนจะเป็นท่าเรือทั้งหมด

มองไกลออกไปอีก ท้องฟ้าของที่นี่สีดำสนิททั้งผืน ถูกเมฆดำเข้มข้นปกคลุมไว้

ในนั้นมีแสงค่ายกลส่งข้ามเจิดจ้า มีผู้บำเพ็ญถูกส่งข้ามออกไป และส่งกลับเข้ามาเป็นระยะ

เรือศึกสงครามของเผ่าสิงซากสมุทรหลายลำรวมถึงเงาของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรอีกหลายสาย กำลังเดินทางอยู่ในโลกฝั่งนี้

ขณะที่เสียงแหวกอากาศดังขึ้นครืนครัน แต่กลับได้ยินเสียงพูดคุยกันน้อยมาก

นอกจากนี้แผ่นดินของเกาะเผ่าสิงซากสมุทรก็เป็นสีดำ มีสิ่งที่คล้ายเห็ดหลินจือขนาดยักษ์ที่เติบโตอยู่เต็มเส้นชายฝั่งทะเลเช่นกัน แต่สีนั้นแตกต่างกับเห็ดหลินจือบนฝั่งที่ส่วนใหญ่เป็นสีแดง

ขณะเดียวกันต้นไม้ขนาดยักษ์หลายต้น ก็เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่สะดุดตาที่สุดบนเกาะนี้ด้วย

ต้นไม้เหล่านั้นล้วนกำลังเน่าเปื่อย แผ่ไอพลังประหลาดเข้มข้นออกมา และยังมีผีเสื้อสีดำนับไม่ถ้วนโบยบินอยู่ในฟ้าดินผืนนี้

และบนแผ่นดินใหญ่ ยังมีแม่น้ำสีแดงเหมือนเลือดอีกหลายสาย ทอดยาวทอดขวางอยู่เต็มไปหมด

โลกทั้งใบนี้ราวกับเป็นยมโลก ขณะที่ดูขนพองสยองเกล้า ก็ยังมีแรงกดดันน่ากลัวที่ยากจะพรรณนาได้แผ่ซ่านกระจายไปทั่วทิศ

ขณะเดียวกัน ตอนที่คลื่นค่ายกลกวาดเข้ามาจากการที่เรือศึกไม้ดำของสวี่ชิงกับนายกองถูกหยุดไว้กลางอากาศเหนือผืนทะเล บนแนวชายฝั่งทะเลด้านล่าง ก็มีโลงศพพุ่งขึ้นมาบนฟ้าทันทีอีกหลายโลง

เพียงพริบตาก็เข้าประชิดเรือศึก ตั้งตรงลอยอยู่รอบๆ

โลงศพผุพังทั้งหมดสิบหกโลง ขณะที่ล้อมเรือศึกก็เหมือนรวมตัวขึ้นเป็นค่ายกลหนึ่ง

แสงอัสนีสีดำหลายสายแผ่ซ่านออกมาระหว่างกัน เชื่อมเข้าด้วยกันในพริบตา ล้อมเรือศึกสีดำเอาไว้

จากนั้นโลงศพที่อยู่ด้านหน้าของสวี่ชิงกับนายกองก็สั่นสะเทือนขึ้นฉับพลัน ฝาโลงเปิดออก มีเผ่าสิงซากสมุทรที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยหมอกดำคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน

รูปร่างของเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้ดูเลือนรางอยู่ภายในปราณหมอก มองเห็นรางๆ ว่าเป็นรูปร่างเผ่ามนุษย์

พอเดินออกมาสายตาของเขาก็หยุดที่สวี่ชิงและนายกองราวสายอัสนีทันที

คลื่นพลังสร้างฐานขั้นปลายชัดเจนเป็นพิเศษบนตัวเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้ ร่างกายที่ยังไม่เปิดสภาวะแสงนภา แต่กลิ่นอายที่เกิดขึ้นจากช่องเวทเก้าสิบช่อง ก็ยังทำให้สวี่ชิงเคร่งขรึมในใจ

คนผู้นี้ชัดเจนว่าเป็นผู้บำเพ็ญที่รับผิดชอบท่าเรือชายฝั่งทะเล เนื่องจากพวกของสวี่ชิงเข้ามาทางนี้ ดังนั้นจึงปรากฏตัว

มองคนที่เข้ามา สวี่ชิงก้มหัวลง ทำตามมารยาทของเผ่าสิงซากสมุทรที่ศึกษามาระหว่างทางเพื่อแสดงความเคารพ

ผู้บำเพ็ญไฟสามดวงเผ่าสิงซากสมุทรนี้ สายตาของเขากวาดผ่านตัวสวี่ชิงกับนายกอง จากนั้นจึงเอ่ยเสียงต่ำกับนายกอง

“คารวะองค์หญิงสาม”

“ท่านพ่อล่ะ” นายกองยันราวจับ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“ท่านราชาอยู่ในสนามรบ ยังไม่กลับเข้ามา”

“ดังนั้นพอเจ้าเห็นข้าแต่กลับไม่คุกเข่าหรือ แล้วยังมาผนึกไว้เช่นนี้อีกหมายความว่าอย่างไรกัน!”

จู่ๆ นายกองก็ยกมือซ้ายขึ้น ไข่มุกสีดำเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ โยนออกไปทางผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้น

เสียงตูมดังสนั่น ไข่มุกสีดำระเบิดออกจงๆ ที่ร่างของเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้

เผ่าสิงซากสมุทรคนนี้ร่างสั่นสะเทือน ทว่าไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เขามองนายกองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ผาดหนึ่ง ก้มหน้านั่งชันเข่า

และการลงมือครั้งนี้สะเทือนไปถึงบาดแผลอย่างเห็นได้ชัด นายกองกระอักเลือดสดออกมา พยายามฝืนร่างกายไว้ไม่ให้ล้ม เอ่ยต่อด้วยเสียงอึมครึม

“ส่งข้าไปที่เทวรูปบรรพชนศพด้วย ข้าจะไปรักษาตัว!”

“ก่อนที่ราชาจะออกไปกำชับว่า ถ้าองค์หญิงกลับมา ให้ส่งไปยังวังนอก และห้ามออกไปที่ใดอีก”

เผชิญหน้ากับเงื่อนไขขององค์หญิงสาม สร้างฐานไฟชีวิตสามดวงคนนี้ก็ตอบกลับมาเสียงเรียบ ยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นในโลงศพรอบด้านทั้งหมดก็แผ่กลิ่นอายผู้บำเพ็ญออกมา

ขณะเดียวกันสายฟ้าสีดำหลายสายนั้นก็เชื่อมต่อกับเรือศึกสีดำ ดึงไปเบื้องหน้า

ภาพนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของสวี่ชิงกับนายกอง ระหว่างทางที่มาในแผนการของพวกเขามีวิธีรับมืออยู่

นายกองจึงกระอักเลือดสดอีกครั้ง ขณะที่ความอ่อนแอของร่างกายกับความใกล้จะดับสูญแจ่มชัดขึ้น เขาก็มองไปทางสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้น จู่ๆ ก็ยิ้มหวานขึ้นมา

“ก็ดีเหมือนกัน ให้ข้าไปตายในวังนอกก็ได้ หลังจากฟื้นชีวิตขึ้นมา ข้าก็มีเหตุผลที่จะเขมือบเจ้ารวมถึงคนทั้งหมดในกลุ่มของเจ้าแล้ว น่าสนุกเสียจริง เอาเช่นนี้แล้วกัน เจ้าก็เร่งมือหน่อย”

องค์หญิงสามที่นายกองปลอมตัวมา รอยยิ้มหวานหยดย้อยบนใบหน้าดูงดงามมาก ให้ความรู้สึกไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย

แต่ความหมายแฝงในคำพูดที่ส่งออกมา กลับดูชั่วร้ายเสียเหลือเกิน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง… รายละเอียด กำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท