บทที่ 188 พลานุภาพเทวะไฟสองดวง
ช่องเวทหกสิบห้าช่องในร่างกายสวี่ชิงกลายเป็นกระแสวนหกสิบห้าวง หมุนวนส่งเสียงครืนครันต่อเนื่อง สนั่นเลื่อนลั่น!
ไฟชีวิตดวงที่สองปรากฏขึ้น เปล่งแสงเจิดจ้า ส่องแสงสว่างพร่างพราวกับไฟชีวิตดวงแรกที่จุดตันเถียนของเขา แสงของมันทำให้วังสวรรค์เผยออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน การเผาไหม้ของช่องเวททั้งหกสิบห้าก็มอบพลังที่น่าสะพรึงให้แก่สวี่ชิง ทำให้ไฟชีวิตสองดวงนั้นกลายเป็นทะเลเพลิง ขณะที่แผ่ออกมาภายนอก พื้นดินรอบตัวสวี่ชิงเกิดการบิดเบี้ยว ความร้อนที่ยากจะพรรณนาปะทุขึ้นรอบตัวเขา
ทั้งหมดนี้ ทำให้สวี่ชิงในตอนนี้ดูแล้วในร่างกายไม่ใช่ภูเขาไฟระเบิดอีกต่อไป แต่เป็นเหมือนกับแผ่นดินใหญ่ทั้งผืนกำลังเผาไหม้!
ในบรรดาผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรเหล่านั้นที่ไล่ตามมาเบื้องหลัง เผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตสองดวงที่แผลหนักหน่อยหลายคนก็พากันร้องเสียงแหลมออกมาตอนที่สวี่ชิงระเบิดไฟชีวิตดวงที่สอง
ดวงตาของพวกเขาในขณะที่จ้องเขม็งไปก่อนหน้าถูกไฟชีวิตในร่างกายสวี่ชิงเผาไหม้ในพริบตา แต่ละคนเลือดสดไหลหยดลงจากดวงตา
ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญสร้างฐานไฟชีวิตสองดวงที่บาดแผลฟื้นฟูไปกว่าครึ่งก็ยังจิตวิญญาณสั่นสะท้าน พลังบำเพ็ญในร่างกายสั่นไหว ไฟชีวิตในร่างกายเหมือนส่อแววจะมอดดับลงภายใต้แรงกดดันนี้
และเผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตสามดวงที่ไล่สังหารสวี่ชิงคนนั้น ตอนนี้ในใจผันผวนอย่างรุนแรง ความสะพรึงก่อเป็นคลื่นยักษ์โหมขึ้นถึงขีดสุด ฝีเท้าที่ไล่ล่าโจมตีมายังต้องผ่อนลง
ไฟชีวิตหนึ่งดวงคือสร้างฐานขั้นต้น ดวงไฟชีวิตสองดวงคือขั้นกลาง!
พลังบำเพ็ญของสวี่ชิงวินาทีนี้ก็ย่างมาถึงขั้นใหม่ในพริบตาจากการก่อไฟชีวิตดวงที่สอง ยกระดับขึ้นไปถึงสร้างฐานขั้นกลาง!
แม้จะเหมือนแค่ทะลวงขั้นเล็กๆ ขั้นหนึ่ง แต่ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ผู้บำเพ็ญที่ระดับต่างกันล้วนแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
รวมปราณอันที่จริงยังพอไหว แต่เมื่อมาถึงสร้างฐาน ความแตกต่างนี้ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นมามหาศาล
ระหว่างสภาวะแสงนภาและยังไม่มีสภาวะแสงนภา ก็สังหารง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ
ระหว่างไฟชีวิตสองดวงและไฟชีวิตหนึ่งดวงก็เป็นเช่นนี้
แต่เนื่องจากสวี่ชิงมีตะเกียงแห่งชีวิตอยู่ ดังนั้นพลังต่อสู้ไฟชีวิตสองดวงของเขาจึงไม่แตกต่างกับสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงขั้นปลาย ประกอบกับกายเนื้อที่น่าสะพรึงในวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณของเขา ก็ทำให้สวี่ชิงพริบตานี้ยกระดับขึ้นมาเหมือนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน!
เวลานี้ทั่วร่างเขาเผาไหม้ครืนครัน พลังทั้งร่างสะท้านฟ้า ขณะที่ทั้งหมดรอบด้านล้วนบิดเบี้ยว แรงกดดันที่มาจากตัวเขาก็แผ่ซ่านไปรอบทิศ
คนที่ไล่สังหารมาด้านหลังตัวเขาเหล่านั้นก็ชะงักค้างทั้งสิ้น แม้แต่พริบตานั้นที่ไฟชีวิตสามดวงยังสูดลมหายใจไม่ยอมไล่ตามต่อ สวี่ชิงก็หันหลังฉับพลัน จิตสังหารเอ่อล้นออกมาจากดวงตา พุ่งทะยานตัวออกไปทันที
สายตาของสร้างฐานไฟชีวิตสองดวงนั้นมองความเร็วนี้ไม่ทัน ต่อให้เป็นเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงคนนั้นยังขนหัวลุก เพราะเขาเองก็ยังต้องฝืนเพ่งมองเงาร่างสวี่ชิงเช่นกัน
แต่ในฐานะที่เป็นสร้างฐานขั้นปลาย ประสบการณ์ต่อสู้ของเขาก็มากล้น จังหวะวิกฤตก็กัดปลายลิ้นพ่นเลือดสดสีฟ้าออกมา ขณะที่เลือดนี้แผดเผาแผ่ลามออกไปทั่วสารทิศ เขาก็เลือกแผดเผาช่องเวทของตนเองอย่างเด็ดขาดทันที!
ในฐานะเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานที่มีชื่อเสียงน้อยนิดในเผ่าสิงซากสมุทร เปิดช่องเวทถึงเก้าสิบสองช่องแล้ว เวลานี้จึงไม่ลังเล ระเบิดช่องเวททั้งเก้าสิบสองขึ้นพร้อมกัน ใช้สิ่งนี้กระตุ้นระดับเผาไหม้ไฟชีวิตสามดวงของตนเองให้โชติช่วงขึ้นไปอีก
แต่พริบตาต่อมา หน้าเขาก็ยังเปลี่ยนสี
เพราะเขามองการเคลื่อนไหวบางส่วนของสวี่ชิงออกภายใต้สภาวะเช่นนี้ และเห็นว่าเป้าหมายของสวี่ชิงไม่ใช่ตนเอง แต่เป็น…ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรเหล่านั้นด้านหลังตัวเขา
ในพริบตานั้น เสียงครืนครันก็ดังก้องไปทั้งฟ้า ร่างของสวี่ชิงในสภาวะที่เทียบเคียงได้กับไฟชีวิตสามดวงรวมถึงการเสริมแรงกายเนื้อของวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ ความเร็วได้เข้าใกล้ถึงระดับสูงสุดที่สร้างฐานจะสำแดงออกมาได้แล้ว พุ่งไปปราฏตัวเบื้องหน้าเผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตสองดวงที่บาดเจ็บมาก่อนหน้าคนหนึ่ง
ไม่มีการชะงักใดๆ กระแทกไปอย่างแรง
เผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตสองดวงคนนี้ร่างกายอ่อนแอราวกับกระดาษ ระเบิดแหลกเละทันที และขณะที่เลือดเนื้อทั่วร่างของเขาซ่านกระเซ็น สวี่ชิงก็มาถึงด้านหน้าเผ่าสิงซากสมุทรคนที่สอง กระแทกไปอย่างแรงอีกที!
จากนั้นก็คนที่สาม คนที่สี่ คนที่ห้า!
ขณะที่มือขวายกขึ้น กริชเปลวเพลิงเล่มหนึ่งปรากฏ เข้าประชิดข้างกายเผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตสองดวงคนหนึ่ง ปาดไปบนคอของเขาอย่างแรง
ศีรษะลอยหวือ!
เลือดสดสาดกระจาย
และยังมีบรรพจารย์สำนักวัชระควบคุมเหล็กแหลมสีดำ ปะทุสายอัสนีที่น่าตกตะลึง พุ่งตรงไปยังสร้างฐานคนอื่น รวมถึงเจ้าเงาทางนั้นก็ทอดยาวออกมาสร้างอาณาเขตด้วย
ขณะที่ดวงตามากมายก่อตัวบนพื้น ไอพลังประหลาดในร่างกายเผ่าสิงซากสมุทรในอาณาเขตทุกคนก็หายไปอย่างมหาศาล
กระบวนการทั้งหมดก็เพียงแค่ชั่วเจ็ดแปดอึดใจ ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่ไล่ตามมานับสิบคน กว่าครึ่งบ้างก็ร่างกายระเบิด บ้างก็ศีรษะลอยหวือ ทยอยดับสูญไป!
ใบหน้าเผ่าสิงซากสมุทรแต่ละคนที่ยังมีชีวิตเผยความพรั่นพรึงและตกตะลึง ถอยหนีออกทั้งหมดโดยไม่ลังเลใดๆ ตั้งท่าจะหนีออกจากที่นี่
พริบตาต่อมา เสียงคำรามก็ดังขึ้น ภาพมายาวิหคทองปรากฏด้านหลังสวี่ชิง หลังจากมองไปรอบๆ อย่างเย็นชาก็บินออกไปจากตัวสวี่ชิง หางลุกไหม้ขึ้นอย่างน่าตกตะลึง กลายเป็นโซ่หลายสายพุ่งไปยังกลุ่มคน
และร่างกายของสวี่ชิงก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง
แม้ปัจจุบันจะยังไม่ออกจากแดนต้องห้าม อยู่ในช่วงเวลาวิกฤต แต่สวี่ชิงก็ยังไม่ลงมือ เพราะถ้าลงมือ สัญชาตญาณเขาก็จะอยากสังหารทิ้งทั้งหมด ตอนนี้พอไหวตัว เท้าขวาก็ย่ำลงพื้นอย่างแรง
กายเนื้อที่น่าตกตะลึงส่งเสียงครืนครันดังสนั่น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความเร็วที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า พุ่งตรงไปยังเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงที่ถอยหลังไปอย่างรวดเร็วคนนั้น
เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงคนนี้ขณะที่ม่านตาหดลงก็รู้ว่าไม่อาจเบี่ยงหลบพ้นได้ ดังนั้นจึงเผยสีหน้าโหดเหี้ยมและบ้าคลั่งออกมา ไม่คิดหลบอีกแต่ยกสองมือโบกไปด้านหน้าอย่างรุนแรง ช่องเวทเก้าสิบสองในร่างกายเขาระเบิดขึ้นอีกครั้งในพริบตา กระทั่งในนี้มีอยู่สองช่องที่เขาระเบิดทิ้งอย่างไม่ลังเล!
ใช้การระเบิดช่องเวทสองช่องนี้ทิ้ง ทำให้พลังของเขายกระดับขึ้นอีกครั้งฉับพลัน กดไปหาสวี่ชิงที่กำลังเข้ามาใกล้อย่างรุนแรง
ทันใดนั้นพื้นด้านหน้าเขาก็ระเบิดขึ้น มือกระดูกขาวหลายข้างยื่นออกมาอย่างบ้าคลั่ง และในอากาศรอบๆ ก็มีแขนกระดูกขาวหลายข้างก่อตัวขึ้น เข้าพัวพันสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไป แขนกระดูกมีมากมายจนกลายเป็นทะเลกระดูกย่อมๆ และสร้างฐานเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้นก็ไม่ชะงัก ขณะที่ความบ้าคลั่งในดวงตาฉายวาบก็กระอักเลือดสดสีฟ้าออกมา
เมื่อพ่นเลือดสดออกมาก็กลายเป็นกระบี่เหินหาวสีฟ้าเล่มหนึ่ง โหมพลานุภาพโถมฟ้า ทันที่ปรากฏตัวออกมาก็ทำให้รอบด้านส่งเสียงครืนครัน ปราณพิฆาตน่าตกตะลึง พุ่งเป้าไปทางสวี่ชิงหวีดหวิวออกไป
จากนั้นเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานคนนี้ก็ประกบปางอีกครั้ง ตบลงไปบนหน้าอกอย่างแรง ร่างกายเขาเลือนรางฉับพลัน ปรากฏเงาซ้อน แยกร่างที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนออกมาสี่ร่าง พุ่งเข้าหาสวี่ชิงจากสี่ทิศทาง
“ตายเสีย!”
สวี่ชิงร้องแค่นเสียงเย็นชา ไม่ลดความเร็วลง ระหว่างโบกมือเปลวเพลิงในร่างกายก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง สัมผัสกับมือกระดูกรอบๆ จนกระพือแรงปะทะที่บ้าคลั่งขึ้นมา ขณะที่กวาดม้วนออกไปรอบด้าน มือขวาก็ยกขึ้นและกดลงอย่างแรง
ขณะเดียวกันบนหัวเขาก็มีภาพมายาดาบสวรรค์ปรากฏ ใช้พลังปัจจุบันของเขากระตุ้นดาบสวรรค์ พลังของมันจึงยิ่งแข็งแกร่ง ความเร็วก็เพิ่มขึ้น พริบตานั้นก็ปะทะเข้ากับกระบี่เล็กสีฟ้าที่ใกล้เข้ามา
จังหวะที่เสียงระเบิดดังขึ้น มือขวาของสวี่ชิงกำหมัด ซัดโดนร่างแยกร่างหนึ่งของเผ่าสิงซากสมุทรที่พุ่งเข้ามาข้างๆ อย่างแรง เสียงครืนครันดังขึ้น ร่างแยกนั้นกระอักเลือดสด ม้วนคว้างกลับไป และร่างของสวี่ชิงก็พุ่งตามไปทันที เสยหัวเข่าไปสุดกำลัง
เสียงเนื้อกับกระดูกแตกหักดังลอดออกมา ร่างแยกถูกสวี่ชิงโจมตีระเบิดหายไปครึ่งตัว
จากนั้นสวี่ชิงจึงหันหน้าไปด้านหลังอ้าปากพ่นเพลิงพิฆาตสีดำผืนหนึ่ง ก่อเป็นทะเลเพลิงคลุมร่างแยกที่สองของชายชราเผ่าสิงซากสมุทรที่ลอบโจมตีมา
ขณะที่เสียงร้องแหลมสะท้อนก้องในทะเลเพลิง ร่างแยกที่สามของอีกฝ่ายก็เข้ามาใกล้ ดวงตาร่างแยกนี้มีความบ้าคลั่ง จังหวะที่เข้าใกล้ร่างของมันก็เน่าเปื่อยลงเองในพริบตา
หลังจากละลายอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก็ก่อตัวขึ้นเป็นตะปูสีดำดอกหนึ่ง พุ่งเข้าหาสวี่ชิงฉับพลัน ราวกับจะตอกเข้าไปที่ระหว่างคิ้วของเขา
“น่าสนใจ”
ดวงตาสวี่ชิงเผยประกายประหลาดใจ ชายชราเผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตสามดวงคนนี้วิธีการหลากหลายจริงๆ โดยเฉพาะพลังสะกดวิญญาณวูบหนึ่งของตะปูสีดำนี้ ทำให้สวี่ชิงรู้สึกแปลกๆ มือขวาจึงยกขึ้นบีบอย่างรุนแรง บีบตะปูดอกนี้ไว้ในมือ
ไม่ว่ามันจะขัดขืนอย่างไร ก็ล้วนไม่เป็นผลทั้งสิ้น
และตอนนี้เองที่ว่างเปล่าไกลๆ ก็บิดเบี้ยวขึ้นมา ร่างจริงของเผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตสามดวงก็เผยออกมา เขาหน้าเปลี่ยนสี คิดจะหนีอย่างรวดเร็ว แต่พริบตาที่ถอยหลัง จู่ๆ ร่างของเขาก็ชะงัก
พริบตาต่อมา ดวงตาเขาก็เผยความสะพรึงและหวาดกลัวขึ้น ในปากกลับส่งเสียงเคี๊ยกๆ วิ่งมาอยู่เบื้องหน้าสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว นั่งชันเข่าลงทันที หลังจากส่งถุงเก็บของให้ ก็หักคอตนเองเสียงดังกร๊อบ
จากนั้นในร่างกายก็มีเสียงปึงปังดังก้อง ช่องเวทในร่างกายระเบิดออกจนสิ้นทันที สวี่ชิงยกมือขวาขึ้น เพลิงพิฆาตแผ่ปกคลุมสูดรับวิญญาณของเขา ขณะเดียวกันวิหคทองก็กวาดตาไปรอบๆ และบินวนกลับมาอย่างปรีดา สูดรับสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงคนนั้น
ร่างกายสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวในดวงตากลายเป็นความสิ้นหวัง วิญญาณของเขาถูกสูบออกมาในพริบตา ร่างกายแห้งเหี่ยว เลือดลมทั้งร่างถูกหลอมกลายเป็นหยดหยดเดียว กลืนลงไปในปากของวิหคทอง
และเจ้าเงาก็อิ่มไปอีกมื้ออย่างพึงพอใจ
มีเพียงเหล็กแหลมสีดำข้างๆ ที่รู้สึกเศร้าซึมอยู่บ้าง ในใจบรรพจารย์สำนักวัชระด้านในเกิดความรู้สึกวิกฤติขึ้นมาอย่างรุนแรง เขารู้สึกว่าจะดูอย่างไร ก็เหมือนตนเองเริ่มเปลี่ยนเป็นไร้ค่าขึ้นมาบ้างเล็กน้อยแล้ว
‘เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!!’
บรรพจารย์สำนักวัชระรู้สึกว่าถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ตนเองคงหนีไม่พ้นโชคชะตากลายเป็นเถ้าถ่านแน่ จึงสัมผัสเลือดวิญญาณเผ่าสิงซากสมุทรที่ตนเองบรรจุมา ตัดสินใจว่าถ้าออกไปแล้วจะหาเวลาทำการทะลวงขั้นต่อ
ในความเป็นจริงตอนนี้ไม่ว่าจะเจ้าเงาหรือว่าวิหคทองก็ค่อยๆ เข้มแข็งขึ้น นั่นเป็นการสะท้อนผลของเลือดวิญญาณบนตัวพวกมัน อย่างเช่นเวลานี้เจ้าเงาสามารถกลืนกินเงาของผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสามดวงได้แล้ว
และท่วงทำนองเต๋าของวิหคทองก็เข้มข้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การสนับสนุนกายเนื้อของสวี่ชิงก็ยกระดับขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน
“ครั้งนี้ คุ้มแล้ว!” สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ร่างกายไหวพุ่งตัวไปยังทางออกแดนต้องห้าม ขณะที่พุ่งทะยานในใจก็รู้สึกทอดถอนใจกับนายกองทางนั้น
“ถูกแก่นลมปราณไล่สังหาร นายกองนี่เหี้ยมหาญเสียจริง…” สวี่ชิงถอนหายใจ ครั้งนี้อันตรายมากจริงๆ ยังดีที่นายกองล่อไปกว่าครึ่ง ไม่เช่นนั้นเขาคิดว่าที่คนไล่สังหารตนเองต้องมีมากกว่านี้แน่
เวลานี้ภายใต้การระเบิดความเร็วสุดกำลัง เมื่อใกล้ถึงทางออก สวี่ชิงก็หรี่ตาลง ไม่ต้องรอคำสั่ง บรรพจารย์สำนักวัชระก็พุ่งออกไปที่ทางออกทันควันเป็นลำดับแรก ไปตรวจสอบล่วงหน้า
เจ้าเงาเองก็เหมือนสติปัญญาฟื้นฟูกลับมาพอสมควร ยืดเงาออกไปเช่นเดียวกัน
ในดวงตาสวี่ชิงเผยความชื่นชม เมื่อเห็นว่าบรรพจารย์สำนักวัชระกับเจ้าเงาพุ่งออกไป ในใจเขาก็เตรียมตัวไว้แล้ว บ่มเพาะพลังบำเพ็ญในร่างกายขึ้นเต็มที่ในตอนนี้
พริบตาต่อมา หลังจากที่เจ้าเงาสำรวจสถานการณ์รอบๆ สวี่ชิงก็มึนงงทันที ดวงตาเผยความเคร่งขรึม พอผ่านไปหลายอึดใจเขาก็กัดฟันกรอด พุ่งอย่างรุนแรงไปยังทางออก
เสียงครืนดังขึ้น ร่างของเขาพุ่งไปที่ทางออก
บทที่ 184 ข่าวประหลาดเผ่าสิงซากสมุทร (3)
ราวกับว่ามีความเคืองแค้นและความบ้าคลั่งฝังลึกกำลังแพร่กระจายออกไป ทำให้เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานขั้นปลายคนนั้น ชะงักฝีเท้าทันที
เขารู้ว่านิสัยขององค์หญิงสาม เข้าใจว่าอีกฝ่ายทุกครั้งที่ออกไปภายนอกล้วนเพื่อไขว่คว้าหาความตาย และยิ่งรู้ว่าทุกครั้งที่องค์หญิงสามคืนชีพกลับมา ราชามักจะจัดคนในเผ่าส่วนหนึ่งส่งไปให้องค์หญิงสามกลืนกิน เพื่อเพิ่มความเร็วขั้นตอนการฟื้นคืนชีพ
ดังนั้นหลังจากที่เขานิ่งงัน ก็มองไปทางสวี่ชิง
“เจ้าไสหัวไปได้แล้ว”
สวี่ชิงสีหน้าเย็นชา พิษศพในร่างแผ่ซ่านออกมา พันล้อมไปรอบๆ จนกลายเป็นลมพายุไร้รูปร่าง ส่งเสียงแหบแห้งพูดออกมา
“จะแย่งคุณงามความดีการส่งตัวของข้าหรือ”
แทบจะพริบตาที่สวี่ชิงส่งเสียงออกมา โลงศพสีดำใบหนึ่งด้านหลังเขาก็เปิดออกกะทันหัน ด้านในมีร่างผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรคนหนึ่งพุ่งออกมาในพริบตา คลื่นพลังไฟชีวิตสองดวงระเบิดออกฉับพลัน พุ่งเข้าประชิดสวี่ชิงด้วยความเร็วสูง
เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เป็นเผ่าเงือกเมื่อครั้งยังมีชีวิต
พริบตาที่เข้าประชิดตัวสวี่ชิงในตอนนี้ นางก็ลงมือสะกดออกมาฉับพลัน ชัดเจนว่าคุณงามความดีที่สวี่ชิงส่งตัวองค์หญิงกลับมา เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานขั้นปลายที่รับหน้าที่คุ้มกันท่าเรือคนนั้นเตรียมตัวจะชิงไปแน่อย่างเห็นได้ชัด
สวี่ชิงสายตาเย็นชา สีหน้าไม่เปลี่ยน พริบตาที่หญิงสาวเผ่าเงือกเข้าใกล้ ร่างของเขาก็กระแทกไปด้านหลังอย่างรุนแรง กระแทกไปกับอีกฝ่ายเสียงครืนครัน
เสียงระเบิดออก สวี่ชิงยกมือขวาตะปบไปยังหญิงสาวเผ่าเงือกอย่างรุนแรง
หญิงสาวเผ่าเงือกคนนี้หน้าเปลี่ยนไป ถูกพลังกายเนื้อของสวี่ชิงกระแทกจนจิตใจสั่นสะเทือน ไฟชีวิตในร่างกายสั่นไหว คิดจะฉากหลบทันที
แต่สวี่ชิงก็รวดเร็วเกินไป ในการตะปบเหมือนมีแรงดึงดูดแผ่ออกมา จนทำให้การเคลื่อนไหวของหญิงสาวเผ่าเงือกชะงักงัน
พริบตาต่อมาสวี่ชิงก็พุ่งตัวออกไปฉับพลัน ชั่วพริบตาก็เข้าประชิดเบื้องหน้าหญิงสาว มือขวาแทงเข้าไปที่หน้าอกนาง คว้าหัวใจไว้แล้วบีบอย่างแรง
เสียงตูมดังขึ้น ผู้บำเพ็ญสร้างฐานไฟชีวิตสองดวงในรูปร่างเผ่าเงือกคนนี้ หัวใจแตกสลายทันที
ต่อให้เผ่าสิงซากสมุทรจะไม่ไวต่อความเจ็บปวด แต่อาการบาดเจ็บเช่นนี้ก็ยังทำให้นางส่งเสียงร้องแหลมออกมา ทว่าผู้บำเพ็ญหญิงคนนี้ก็ไม่ง่ายเลย ดวงตามีความโหดเหี้ยม พุ่งตรงงับไปที่คอของสวี่ชิง
นี่เป็นวิธีที่เผ่าสิงซากสมุทรใช้เป็นประจำ
เขี้ยวของนางแหลมคม จังหวะที่กำลังจะกัดโดนสวี่ชิง สวี่ชิงก็สะบัดหัวยิ้มเย็นชา ออกแรงกระแทกไปบนปากของผู้บำเพ็ญหญิง
เสียงกร๊อบดังขึ้น หญิงสาวฟันหักเลือดเนื้อบนหน้าเหวอะหวะ ขณะที่เสียงร้องยิ่งแหลมกว่าเดิม สวี่ชิงก็มีสีหน้าโหดเหี้ยม อ้าปากขึ้นเช่นกัน แล้วงับลงไปที่คอของผู้บำเพ็ญหญิงเผ่าเงือกทีหนึ่ง!
แรงกัดครั้งนี้ของเขามหาศาลมาก ทำให้สวี่ชิงงับลำคอผู้บำเพ็ญหญิงเผ่าเงือกคนนั้นขาดไปส่วนหนึ่งในพริบตา
จากนั้นเขาก็ทำการสูด ไอพลังประหลาดเข้มข้นจึงหลั่งทะลักออกมาจากในร่างกายผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกเข้าสู่ร่างกายสวี่ชิงอย่างบ้าคลั่ง
ผู้บำเพ็ญหญิงเผ่าเงือกคิดจะกระเสือกกระสน แต่สองมือสวี่ชิงก็พลังมหาศาล กดนางไว้อยู่หมัด ในปากดูดซับโดยไม่พัก ดูแล้วโหดเหี้ยมอย่างมาก
ขั้นตอนทั้งหมดก็แค่หกเจ็ดอึดใจเท่านั้น ไอพลังประหลาดทั่วร่างผู้บำเพ็ญหญิงรูปร่างเผ่าเงือกคนนั้นก็แห้งเหือดลง ไฟชีวิตมอดดับ ช่องเวทเหี่ยวเฉา ร่างทั้งร่างกลายเป็นศพแห้งล้มลงข้างๆ ยังไม่ตาย กำลังชักกระตุก
“โอ้ สนุกเสียจริง พี่สาวคนนี้ทำไมถึงเหี่ยวลงมาล่ะ”
นายกองยิ้มหวาน เดินกะโผลกกระเผลกไปด้านหน้าผู้บำเพ็ญหญิงเผ่าเงือกคนนั้น เลียริมฝีปากขึ้นมา
สวี่ชิงหันหลังไปมองเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าด้านนอกเรือศึกคนนั้น
“เอามาให้ข้ากลืนกินอีกเก้าคน แล้วข้าจะส่งคุณงามความดีให้เจ้า”
มุมปากสวี่ชิงยังมีเลือดสดสีน้ำเงินอยู่ ดวงตาเย็นชาไม่มีคลื่นอารมณ์ใดทั้งสิ้น
แต่ท่าทีของเขาเวลานี้ ทำให้สีหน้าผู้บำเพ็ญสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงคนนั้นเคร่งขรึมขึ้นมา
สาเหตุที่เมื่อครู่เขาเอ่ยขึ้นก็มีความคิดที่จะแย่งคุณงามความดีเหมือนกัน ขณะเดียวกันก็ทำการหยั่งเชิงดูด้วย
อันที่จริงช่วงนี้ ศิษย์บางส่วนของเจ็ดเนตรโลหิตก็ใช้วิธีการต่างๆ นานาแฝงตัวเข้ามาจริงๆ แม้ว่าทั้งหมดจะถูกจับแล้วสังหารทิ้ง แต่การกลับมาขององค์หญิงก็เป็นไปได้ที่จะถูกเจ็ดเนตรโลหิตวางหมากไว้
ถ้าหากเมื่อครู่อีกฝ่ายจากไปจริงๆ เขาจะรายงานเรื่องนี้ขึ้นไป แน่นอนว่าจะมีคนอื่นในเผ่าจัดการตรวจสอบเอง
แต่ตอนนี้เขาก็ทำลายความคิดนี้ทิ้งไปแล้ว ค่ายกลองค์หญิงทางนั้นยืนยันว่าไม่มีปัญหา ส่วนคนที่คุ้มกันองค์หญิงกลับมานี้ ไม่เพียงแค่ค่ายกลยืนยันแล้ว ขณะเดียวกันพฤติกรรมการกลืนกินไอพลังประหลาดของอีกฝ่าย ก็มีเพียงเผ่าสิงซากสมุทรเท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้
แล้วยังดับลูกน้องไฟชีวิตสองดวงของตนเองอย่างง่ายดายไปคนหนึ่ง ก็อธิบายได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ไม่ไกลจากการทะลวงขั้นมาจนถึงระดับของตนแล้ว
เขาจึงยกมือขึ้นโบก โลงศพสีดำสิบหกใบรอบๆ แสงอัสนีบนนั้นสลายหายไปในพริบตา และแต่ละใบก็ร่อนจากลงไปเบื้องล่าง
“ส่งองค์หญิงไปที่แดนต้องห้ามเทวรูปบรรพชนศพที่เจ็ดเสีย!”
หลังจากการผนึกสลายไป เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานคนนี้จึงเอ่ยขึ้นมา
ทันใดนั้นเห็ดหลินจือบนพื้นด้านล่างส่วนหนึ่งก็บิดเบี้ยว แผ่หมอกดำมหาศาลขึ้นมา หลังจากหมอกดำเหล่านี้มารวมเข้าด้วยกันก็ก่อตัวขึ้นมาเป็นปลาหมึกขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง
ปลาหมึกตัวนี้ลอยขึ้นมา หนวดเส้นหนึ่งพันรัดเรือศึกไม้ดำไว้ ส่วนหนวดอื่นก็ทอดแผ่ยืดออกไปบนพื้น พาสวี่ชิงกับนายกองห่างออกไป
ด้านหลังพวกเขา ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตสามดวงคนนั้นก้มหน้าลง ขณะที่ส่งลาอย่างนอบน้อม ก็ส่งเสียงขรึมต่ำออกมาด้วย
“องค์หญิง ข้าน้อยมีภาระหน้าที่ของข้าอยู่ การไม่เคารพเมื่อครู่นี้ องค์หญิงโปรดอย่าได้ถือสา”
พูดจบ เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงนี้จึงยกมือขวาขึ้นวางไว้ข้างปาก กัดลงไปแรงๆ ที่นิ้วหนึ่งจากนั้นโยนมา
ทันใดนั้นนิ้วนี้ก็ระเบิดกลายเป็นพิษศพเข้มข้นแผ่ไปบนเรือศึกของสวี่ชิงกับนายกอง แล้วกลายเป็นตราประทับแสงดำเจิดจ้าตราหนึ่ง
“มีตราประทับนี้อยู่ ระหว่างทางถัดจากนี้ จะไม่มีคนเข้ามารบกวนองค์หญิงอีก ขอโปรดองค์หญิงให้อภัยด้วย”
“เจ้าก็ไปได้แล้ว” นายกองเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
สร้างฐานไฟชีวิตสามดวงคนนั้นก้มหน้าลง หลังจากตอบกลับอย่างสงบก็โยกตัวกลับไปยังเส้นชายฝั่งทะเล ไปปกป้องศัตรูที่เข้ามาจากภายนอกของที่นี่ต่อ
เรือศึกที่สวี่ชิงกับนายกองอยู่ ก็ตรงเข้าใกล้สถานที่ที่เทวรูปบรรพชนศพลำดับเจ็ดอยู่อย่างรวดเร็วเช่นนี้ในขณะที่ปลาหมึกขนาดยักษ์ทะยานอยู่ด้านล่าง
ในความเป็นจริงนี่ก็เป็นทางเลือกโดยเจตนาของพวกเขาเช่นกัน
เผ่าสิงซากสมุทรมีเทวรูปบรรพชนศพทั้งสิ้นเก้าองค์ กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกัน แต่ละองค์ล้วนมีทหารมากมายคุ้มกัน ขณะเดียวกันตำแหน่งของเทวรูปบรรพชนศพลำดับเจ็ดนี้ค่อนข้างอยู่ใกล้มหาสมุทร ยิ่งไปกว่านั้นยังห่างจากเมืองราชาอยู่ระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงกลายเป็นตัวเลือกแรกในแผนการของนายกอง
ที่สำคัญที่สุดก็คือ จากข่าวที่นายกองซื้อมา ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงซากสมุทรแก่นลมปราณที่คอยคุ้มกันเทวรูปบรรพชนศพลำดับเจ็ดนี้ เนื่องจากที่แนวหน้ากำลังตึงเครียด ดังนั้นจึงถูกส่งตัวไปยังสนามรบ
ผู้คุ้มกันในปัจจุบันก็มีเพียงพลังบำเพ็ญสร้างฐานขั้นบริบูรณ์เท่านั้น
เดิมทีสวี่ชิงก็ลังเล แต่นายกองก็มีท่าทีรับประกันว่ารายงานไม่มีผิดพลาด ดังนั้นสวี่ชิงเองก็ไม่คิดจะเค้นถามต่อให้มากความ
ตอนนี้จากการตรงไปเบื้องหน้า จากการที่พวกเขาเข้าสู่ภายในเผ่าสิงซากสมุทร ฟ้าดินผืนนี้ก็เปิดเผยออกมาเบื้องหน้าสวี่ชิงกับนายกอง
แผ่นดินใหญ่ดำสนิทไปทั้งผืน มีหญ้าดำขึ้นเต็มไปหมด หญ้าเหล่านี้แฝงไว้ด้วยไอพลังประหลาดที่เข้มข้นจนตกตะลึง ทำให้ที่นี่กับพื้นที่ต้องห้ามที่สวี่ชิงเคยไปก่อนหน้าก็ดูไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก
และไอพลังประหลาดเช่นนี้ แน่นอนว่าสำหรับเผ่าสิงซากสมุทรแล้วถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับผู้บำเพ็ญที่สูดรับพลังวิญญาณแล้ว ที่นี่ถือว่ามียาพิษอยู่มากมายมหาศาลเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นพออยู่ที่นี่นานไป ไอพลังประหลาดในร่างกายก็จะสะสม ถ้าสะกดกับควบคุมไม่ทัน โอกาสที่จะกลายพันธุ์ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัดเลยทีเดียว
แต่นายกองก็มีวิธีอื่นที่สามารถมองข้ามความร้ายกาจของไอพลังประหลาดได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ อย่างเห็นได้ชัด สวี่ชิงก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เขารู้สึกว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเลือดเนื้อความเป็นเทพ
เห็นได้ชัดว่าในตัวจวีอิงครั้งนั้นนายกองไม่น่าจะบ้าคลั่งเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านั้นนายกองคงจะทำตัวบ้าคลั่งมาแล้วหลายครั้งครา
ขณะเดียวกัน ขณะที่ตรงไปเบื้องหน้า สวี่ชิงเองก็เห็นว่าบนพื้นนอกจากหญ้าดำกับเห็ดหลินจือสีแดงรวมถึงต้นไม้ใหญ่ที่แห้งเหี่ยวหลายต้นแล้ว ยังมีแม่น้ำสีแดงอยู่อีกหลายสายทอดไปบนแผ่นดินใหญ่
และแม้บนท้องฟ้าจะเป็นสีดำสนิท แต่กลับไม่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็น ในชั้นเมฆมีดวงตาอยู่มากมาย ดวงตาเหล่านี้ทั้งหมดล้วนสีแดง ทุกครั้งที่ลืมตาก็จะมีประกายแสงแผ่ไปบนพื้นดิน
ด้วยการเปิดปิดในเวลาที่แตกต่างกันทำให้แผ่นดินใหญ่ที่ถูกแผ่นฟ้าสีดำปกคลุมผืนนี้มีแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา แม้จะมืดทึม แต่กลับเพียงพอให้ผู้บำเพ็ญมองเห็นได้ทั้งแปดทิศ
ส่วนดวงตาเหล่านี้คืออะไร สวี่ชิงเพียงไม่นานก็เข้าใจคำตอบ
เขามองเห็นดวงตาหนึ่งโผล่พ้นหมอกเมฆอย่างชัดเจน เผยให้เห็นร่างของปลาเน่าเปื่อยขนาดใหญ่ หัวของปลาชนิดนี้มีรยางค์งอกออกมาเส้นหนึ่ง ที่ปลายของรยางค์มีดวงตาอยู่
ตอนที่ปิดลงมองไม่ออก แต่พอลืมตาก็เหมือนกับตะเกียงอย่างไรอย่างนั้น เปล่งแสงออกมา
ปลาชนิดนี้อยู่ในหมอกเมฆบนท้องฟ้าของเผ่าสิงซากสมุทรมีจำนวนมากมายเต็มไปหมด บางครั้งพวกมันก็ดิ่งลงมากลางอากาศ ทำให้แสงสว่างแผ่ออกมาตลอดเวลา
สวี่ชิงที่เห็นภาพนี้ก็รู้สึกแปลกประหลาด ขณะเดียวกันเขาก็มองเห็นเผ่าสิงซากสมุทรอีกไม่น้อย ชนเผ่าด้านในก็ปะปนกัน มีที่สวี่ชิงไม่เคยเห็นมาก่อน
นอกจากนี้ ขณะที่ตรงไปเบื้องหน้าสวี่ชิงยังมองเห็นภาพที่ทำให้เขาจิตใจสั่นสะเทือนอีกด้วย
นั่นคือแผ่นดินผืนใหญ่
เห็ดหลินจือกับต้นไม้ใหญ่บนพื้นทั้งหมดล้วนถูกจัดการออกไปจนหมด แต่ตอนที่หนวดปลาหมึกที่สวี่ชิงอยู่ผ่านไป สวี่ชิงมองเห็นว่าบนพื้นมีเผ่าสิงซากสมุทรจำนวนมหาศาลกำลังขุดอยู่
ส่วนที่ถูกขุดไปมองแล้วเหมือนฝ่ามือ เพียงแต่ฝ่ามือนี้ใหญ่โตมาก ขนาดน่าจะนับร้อยจั้ง ราวกับเป็นสถานที่ฝังกระดูกของยักษ์บรรพกาลตนหนึ่งเลย
ตอนนี้พอถูกขุดออก สวี่ชิงก็สังเกตเห็นเผ่าสิงซากสมุทรที่มากยิ่งกว่ารวมตัวอยู่ที่นั่นจากการเปิดเผยของเลือดเนื้อที่เน่าเปื่อย กำลังดำเนินการพิธีการบางอย่างอยู่
จนกระทั่งเรือศึกที่พวกสวี่ชิงอยู่ออกจากพื้นที่ผืนนั้น เสียงคำรามลั่นฟ้าสะเทือนดินก็เสียงหนึ่งก็เปล่งออกมา สวี่ชิงจึงหันกลับมาด้วยจิตใจที่สั่นสะเทือน มองไปยังพื้นที่ที่ห่างออกมาผืนนั้น เวลานี้มีมือใหญ่ยาวพันจั้งข้างหนึ่งยื่นออกมาจากพื้นดินราวกับจะไขว่คว้าท้องฟ้า
“คืนชีพแล้ว!” สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก
นอกเหนือจากนี้ ในเผ่าสิงซากสมุทรนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่มีเฉพาะเจาะจงอยู่อีกอย่าง เป็นผีเสื้อชนิดหนึ่งที่มีใบหน้าผี
จากที่นายกองเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้สวี่ชิงฟังตลอดทาง ตอนที่สวี่ชิงเห็นผีเสื้อเหล่านี้ เขาก็รู้ว่าผีเสื้อนี้ชื่อว่าสุบินภูต ว่ากันว่าบนแผ่นดินใหญ่เกาะนี้ผีเสื้อสุบินภูตชนิดนี้ต่างหากที่เป็นประชากรแต่เดิม
พวกมันเป็นชนเผ่าที่อยู่มาก่อนที่เผ่าสิงซากสมุทรจะปรากฏขึ้น มีปริมาณมากมายมหาศาลบนแผ่นดินเกาะนี้ ตอนนี้ผีเสื้อสุบินภูตแต่ละตัวก็ลอยเข้ามา บินวนอยู่รอบๆ พวกเขาจากการที่สวี่ชิงและนายกองเคลื่อนที่ไปเบื้องหน้า
ภาพนี้ เดิมทีควรจะเป็นภาพที่สวยงาม แต่จากใบหน้าผีบนปีกของผีเสื้อที่เหมือนฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากการกลืนกินไอพลังประหลาดกับความบิดเบี้ยวแล้ว จึงทำให้ลักษณะของภาพนี้เปลี่ยนเป็นน่าขนลุกขึ้นมา
โดยเฉพาะสวี่ชิงทางนี้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ผีเสื้อสุบินภูตจึงมารวมกันมากมาย กระทั่งห่างออกไปยังมองเห็นผีเสื้อสุบินภูตที่มากยิ่งกว่า กำลังตรงมาทางเขา
สิ่งนี้ทำเอาสวี่ชิงต้องเลิกคิ้ว
“ผู้คุ้มครองของข้า เจ้าทำไมจึงมาล่อผึ้งล่อผีเสื้อที่นี่เสียอย่างนั้นล่ะ” ด้านหลังของเขา นายกองก็กระแอมเอ่ยเสียงครางขึ้นมาแผ่วเบา
