ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี – บทที่ 25 มีเงินก็ทำอะไรได้ดั่งใจปรารถนา

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

จากนั้นเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นต่อเนื่อง ภายใต้สายตาคนที่ยืนมุงดู ผลสุดท้ายก็เห็นรปภ.แต่ละคนนอนกองอยู่บนพื้น หลิงไป่เสียงพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “นี่คือเหตุผลของพวกคุณใช่ไหม?”

ใครจะไปรู้หลิงไป่เสียงยังแสดงสีหน้าดุดัน ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล “แล้วจะยังไง? คุณกล้าที่จะทำร้ายผมอีกเหรอ?!”

“ผมจะให้คุณชดใช้อย่างสาสมในการกระทำครั้งนี้!”

“สภาพบาดแผลของลูกสาวคุณผ่านมาแล้วสองชั่วโมง หากไม่ดำเนินการผ่าตัดภายในหนึ่งชั่วโมง บาดแผลจะลุกลามไปรอบ ๆดวงตา ถึงเวลานั้นต่อให้เป็นเทพเจ้ามาจากที่ไหนก็ไม่สามารถฟื้นฟูใบหน้าของเธอได้!”

“อีกทั้งภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง คนที่สามารถทำการผ่าตัดแบบพิเศษอย่างนี้ให้กับเธอ ก็มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้น!”

“ผมจะคอยดูลูกสาวของคุณต้องเสียโฉมกลายเป็นคนอัปลักษณ์กับตาตนเอง!!”

“ฮ่า ฮ่า……”

หัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง!

อวิ๋นเสว่เหยนตกใจมากจนเกือบเป็นลม เซี่ยงเส้าหลงท่วงท่าว่องไว รีบเข้าไปประคองตัวไว้ทัน “เหยนเหยน! เหยนเหยน!”

เพียะ!

อวิ๋นเสว่เหยนใบหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ตบหน้าไปหนึ่งฉาดพูดว่า “เซี่ยงเส้าหลง!หากเยนเอ๋อเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ปล่อยคุณไว้!”

หลิงไป่เสียงหัวเราะเสียงดัง “แกหักนิ้วของฉันไปหนึ่งนิ้ว ฉันจะให้ลูกสาวของแก ทนทุกข์ทรมานไปทั้งชีวิต!”

“เกรงว่า จะต้องทำให้ผิดหวังแล้วล่ะ!”

พลันมีเสียงจากปลายทางเดิน จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้ามากมายดังขึ้น ขณะที่เซี่ยงเส้าหลง มองเห็นใบหน้าของคนที่เดินนำหน้าอย่างชัดเจน จิตใจก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที ในเมื่อเขามาแล้ว เรื่องทุกอย่าง ก็คงจะไม่เป็นอะไร!

ซ่งจื้อตงพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเซี่ยงเส้าหลง จากนั้นก็พูดซักถามชายสูงอายุสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ว่า “ท่านหลี่ ส่วนที่เหลือก็ต้องให้คุณจัดการแล้ว คงจะไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

ชายสูงอายุแย้มยิ้มด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ผมทำงานแพทย์ประจำคลินิกมาห้าสิบกว่าปี ทำการศัลยกรรมผ่าตัดมานับไม่ถ้วน ถึงมือผมแล้ว สบายใจได้หายห่วง!”

พูดจบ ชายสูงอายุ ก็พากลุ่มคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาว เข้าไปในห้องผ่าตัดอย่างรีบเร่ง มองดูด้านหลังคุ้นเคยเป็นอย่างมาก หลิงไป่เสียงถึงกับตกตะลึง จากนั้นชำเลืองสายตามองไปที่ซ่งจื้อตง และมีอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็คือคณบดีโรงพยาบาล ชี้นิ้วไปด้วยท่าทีไม่สนใจความเจ็บปวด “ท่านผู้อำนวยการ ชายสูงอายุคนนั้นเป็นใครกัน?เดินเข้าไปในห้องผ่าตัดตามใจชอบได้อย่างไร?”

“หากเกิดอุบัติเหตุระหว่างการรักษา ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ?”

ผู้อำนวยการมองดูเขาด้วยสายตาเย็นชาพูดว่า “เกิดอุบัติเหตุระหว่างรักษาเหรอ? ใครรับผิดชอบงั้นเหรอ?”

จากนั้นชี้ไปที่ห้องผ่าตัดและพูดว่า “หรือว่าคุณพูดถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมคลินิกแห่งชาติหลี่กั๋วเฟิงท่านหลี่ คนนั้นเหรอ?”

ตึ่ง!

หลิงไป่เสียงกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ดวงตาตกตะลึง!

หลี่กั๋วเฟิงเป็นใคร เขาย่อมรู้ดีอย่างชัดเจน!

เขามีอิทธิพลอย่างมากในวงการศัลยกรรมคลินิก!

ศัลยกรรมพิเศษแบบนี้ ในฐานะเขาที่เป็นผู้จัดการแผนกก็ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ด้วยสถานะของท่าหลี่แล้ว ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!

บุคคลที่เป็นสมบัติระดับชาติเช่นนี้ จะมาปรากฏตัวในสถานที่เล็ก ๆอย่างเมืองเทียนไห่ได้อย่างไร?!

อีกทั้งยังทำการผ่าตัดให้กับลูกของ ครอบครัวคนจนคนหนึ่งด้วยตนเอง?!

เขาในตอนนี้ ทั้งตื่นตระหนกและไม่เข้าใจ มิหนำซ้ำยังลืมอาการบาดเจ็บของนิ้วมือที่ถูกหักไป

ซ่งจื้อตงมองดูหลิงไป่เสียง ส่งเสียงฮึเบา ๆด้วยท่าทีเหยียดหยาม จากนั้นจึงพูดว่า “คณบดีหวัง คนที่ไม่มีจรรยาบรรณทางการแพทย์เช่นนี้ สามารถรับผิดชอบหน้าที่เป็นอาจารย์หมอหลัก ในโรงพยาบาลที่มีเกียรติเช่นนี้เหรอ ทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวลจริง ๆกับโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นอย่างมาก……”

คำพูดอธิบายได้อย่างตรงประเด็นของซ่งจื้อตง ทำให้หวังตั๋วถึงกับเหงื่อไหล หลิงไป่เสียงไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่หวังตั๋วรู้เป็นอย่างดี กำลังเผชิญหน้ากับมหาเศรษฐีแห่งเทียนไห่ หวังตั๋วไม่กล้าที่จะทำอะไรชักช้า โค้งตัวด้วยความนอบน้อมพูดว่า “ประธานซ่ง โปรด…… โปรดให้โอกาสโรงพยาบาลของเราอีกสักครั้ง ผม…… ผมขอรับรองว่า จะปรับปรุงบรรยากาศการทำงานของโรงพยาบาลให้ดีขึ้น!”

หลังจากพูดจบ ก็หันหลังไปพูดกับหลิงไป่เสียง ด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “หลิงไป่เสียง ผมขอจะประกาศอย่างเป็นทางการให้คุณฟังว่า คุณได้ถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว!”

“อีกทั้ง ฉันจะทำรายงานพฤติกรรมของคุณทั้งหมดส่งให้กับหน่วยงานภายใน ฮึ อย่าคิดที่จะทำอาชีพหมอในเมืองเทียนไห่ได้อีก!”

เวลานี้หลิงไป่เสียงตกใจจนลนลาน คลานเข้าไปด้านข้างของคณบดีพูดอ้อนวอนว่า “ไม่นะ คณบดี คุณอย่าทำกับผมแบบนี้!”

“ผมมีผลงานมากมาย และทำทุกอย่างก็เพื่อโรงพยาบาล ครั้งนี้ผมทำผิดไปแล้ว ขอร้องคุณให้โอกาสผมอีกสักครั้ง อย่าไล่ผมออกเลย……”

“ครอบครัวผมทั้งเด็กเล็กและคนชรา ต่างก็มีผมคอยเลี้ยงดู……”

ในขณะเดียวกัน เซี่ยงเส้าหลงอยู่ด้านข้างมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า “ผู้จัดการหลิน ครอบครัวของคุณมีคุณคอยเลี้ยงดู ถ้าอย่างนั้นคุณเคยคิดบ้างไหม ผู้ป่วยเหล่านั้นที่เคยถูกคุณปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร ใครคอยดูแล?”

“คนไข้เหล่านั้นที่มาหาคุณอย่างมีความหวัง กลับถูกคุณปิดประตูความเป็นความตายของพวกเขา ฉะนั้นแล้ว ชีวิตของพวกเขา ใคร จะเป็นคนรับผิดชอบล่ะ!”

น้ำเสียงไม่ดัง แต่คำพูดแต่ละคำก็ช็อกถึงใจ!

ซ่งจื้อตงเข้าใจถึงความหมายในดวงตาของเซี่ยงเส้าหลงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คณบดีหวัง คุณยังไม่จัดการ ชายคนนี้ให้ออกไปจากที่นี่อีกเหรอ?”

หลิงไป่เสียงนั่งฟุบลงกับพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เมื่อได้ยินคำสั่งของซ่งจื้อตง คณบดีหวังจึงไม่มีท่าทีลังเลอีก รีบสั่ง รปภ.ว่า “พวกคุณสองสามคน เอาตัวเหลือบไรของวงการแพทย์คนนี้โยนออกไปนอกโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”

“เกิดอะไรขึ้น ?! หลิงไป่เสียงล่ะ! คนที่ผมเรียกให้ไปตามมาทำไมยังมาไม่ถึงล่ะ? !”

ในขณะนั้นเอง มีเสียงฝีเท้าเดินมาตามทางเดิน ขณะที่เห็นคนที่เดินนำหน้ามาอย่างชัดเจน หลิงไป่เสียง ดีใจขึ้นทันที ไม่สนใจทั้งเนื้อทั้งตัวที่ดูยุ่งเหยิง ลุกขึ้นยืนวิ่งไปหาคนคนนั้นพูดด้วยสีหน้าประจบประแจงว่า “รองประธานจาง ผมอยู่ตรงนี้!ผมอยู่ตรงนี้!”

จางเหล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เสื้อคลุมสีขาวสะอาดของหลิงไป่เสียง เปรอะเปื้อนไปหมด เขาถอยออกไปยืนข้าง ๆด้วยท่าทีรังเกียจถามขึ้นว่า “คุณไปทำอะไรมาถึงได้อยู่ในสภาพเช่นนี้?”

รู้สึกเหมือนมีฝ่ายสนับสนุนมาช่วยแล้ว หลิงไป่เสียงจึงแสดงความกล้าหาญเฮือกสุดท้ายพูดออกมาว่า “รองประธานจาง ผมได้ข่าวอาการป่วยคุณหนูใหญ่ จึงเป็นกังวลมาก!”

“อยากจะรีบไปหาคุณหนูใหญ่ในทันที เพื่อรักษาอาการป่วยของคุณหนูใหญ่กับมือตนเอง!”

“แต่ว่า เป็นเพราะพวกเขา!”

หลิงไป่เสียงชี้ไปที่พวกเซี่ยงเส้าหลง “พวกเขายึดห้องผ่าตัดไว้ จะเป็นจะตายยังไงก็ไม่ยอมให้ ผมต่อสู้อย่างสุดความสามารถ พวกเขายังกล้าที่จะทำร้ายผมอีก และยังพูดอีกว่า……ว่า……”

จางเหล่ยส่งสายตาเย็นชาพูดเสียงต่ำว่า “พูดว่าอะไร?”

“คุณหนูใหญ่เป็นใครกัน อาการโรคไส้ติ่งอักเสบแค่เพียงเล็กน้อย ไม่ตายง่าย ๆหรอกให้เธอนอนปวดอยู่ข้าง ๆไปก่อนเถอะ!”

“พูดจาเหลวไหล!”

ได้ยินคำพูดกลับผิดเป็นถูกของหลิงไป่เสียง อวิ๋นเสว่เหยนจ้องมองหลิงไป่สียงโดยไม่เชื่อกับตาตัวเอง “พวกเราไม่เคยพูดคำพูดพวกนี้!ผู้จัดการหลิน คุณ……คุณทำไมถึง ปั้นน้ำเป็นตัวล่ะ?”

ดวงตาเซี่ยงเส้าหลงถมึงทึง จ้องมองหลิงไป่เสียงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุจดั่งคืนเดือนหนาว “หลิงไป่เสียง จะพูดจาอะไร ต้องรับผิดชอบคำพูดด้วยนะ!”

หลิงไป่เสียงตกใจในแววตาของเขา จากนั้นคิดได้ว่า ตนยังมีคนคอยช่วยเหลืออยู่ จึงรวบรวมความกล้าพูดด้วยท่าทีได้ใจว่า “ผมพูดอะไรผิดเหรอ? หรือว่าคนที่ครอบครองห้องผ่าตัดไม่ใช่พวกคุณ?”

“ผู้จัดการหลิน ลูกสาวของฉัน เธอ……”

“พอได้แล้ว!”

เสียงของจางเหล่ยดังขึ้นมาแทรก เป็นเสียงที่แสดงถึงความเย่อหยิ่งจองหอง จ้องมองไปที่อวิ๋นเสว่เหยน “เรื่องก่อนหน้านี้ เดี๋ยวพวกเราค่อยว่ากันอีกครั้ง!”

“ตอนนี้ รีบให้คนทั้งหมดในห้องผ่าตัดออกมาเดี๋ยวนี้ ผู้จัดการหลิน คุณรีบไปเตรียมการทำการผ่าตัด!”

“โอเค!”

หลิงไป่เสียง ดีใจลิงโลด “ผมจะรีบไปเตรียมการผ่าตัดเดี๋ยวนี้!”

ในขณะนั้น นางพยาบาลคนที่เดินมาส่งข่าวครั้งแรกรีบถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ผู้จัดการหลิน บาดแผลที่นิ้วมือของคุณล่ะ……”

หลิงไป่เสียง แสดงท่าทีขึงขัง เด็ดเดี่ยวขึ้นมาและพูดขึ้นว่า “นิ้วหักนิดเดียวไม่เห็นเป็นอะไร เจ็บแค่เพียงเล็กน้อย จะมีอะไรสำคัญไปกว่า อาการป่วยของคุณหนูใหญ่ล่ะ!”

“รีบไปเตรียมการผ่าตัดเดี๋ยวนี้!”

“ยังมีอีกอย่าง เคลียร์พื้นที่คนที่อยู่ข้างในให้หมด!”

ตึ่ง!

เซี่ยงเส้าหลงเดินเข้ามาขวาง เหมือนดั่งเทพเจ้ายืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัด กวาดสายตาเย็นชามองไปรอบ ๆพูดขึ้นว่า “ด้านในยังทำการผ่าตัดไม่เสร็จ ใครหน้าไหนก็อย่าคิดที่จะเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว!”

“ฮ่าฮ่า……”

จางเหล่ย หัวเราะด้วยท่าทีขึงขัง “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ในเมืองเทียนไห่นี้ ยังมีคนกล้าที่จะมีเรื่องกับบริษัทอวี้ไห่กรุป!”

เซี่ยงเส้าหลงไม่มีทีท่าหวาดกลัวแม้แต่น้อย ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ เรื่องทุกอย่างก็ต้องกล่าวถึงการมาก่อนได้ก่อน อีกทั้งบาดแผลบนใบหน้าของลูกสาวผม ชักช้ากว่านี้อีกไม่ได้แล้ว แต่อาการป่วยของคุณหนูใหญ่พวกคุณเป็นเพียงไส้ติ่งอักเสบ ไม่ว่าโรงพยาบาลไหน หรือหมอที่มีประสบการณ์คลินิกไหนก็ตาม สามารถทำการผ่าตัดเล็กๆนี้ได้ เหตุใดจะต้องมาหาเรื่องกับพวกเราด้วย?”

“หาเรื่องกับคุณงั้นเหรอ? คุณคู่ควรเหรอ?”

จางเหล่ยมองดูเซี่ยงเส้าหลงที่สวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ในแววตาแฝงด้วยท่าทีเหยียดหยาม ผายสองมือออกไป แล้วพูดว่า “ผมจะบอกให้คุณฟัง คำพูดของบริษัทอวี้ไห่กรุปในเมืองเทียนไห่นี้ ก็คือวาจาศักดิ์สิทธิ์!”

“ถึงแม้ว่าหลานสาวของฉัน จะไอเพียงเล็กน้อย หากต้องการให้หมอทั่วทั้งเมืองเทียนไห่มาดูแล ทุกคนก็ต้องมาดูแล!”

“นับประสาอะไรกับความเป็นความตายของคนอื่น? ฮึฮึ พวกยาจกต่ำต้อย แค่เพียงชีวิตเดียว ไม่ได้มีค่าเท่ากับเส้นผมเพียงเส้นเดียวของหลานสาวของฉัน!”

การโต้เถียงในตอนนี้ ได้ดึงดูดผู้ป่วยหลายคนเข้ามามุงดู หลังจากได้ยินคำพูดของจางเหล่ย คนจำนวนไม่น้อย ก็แสดงท่าทีไม่พอใจอย่างมาก แต่ไม่มีสักคนหนึ่งเลยที่จะกล้าโต้เถียง มิหนำซ้ำ ไม่มีสักคนเดียวกล้าที่จะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ สิ่งที่จางเหล่ยพูดมานั้นถูกต้องทั้งหมด บริษัทอวี้ไห่กรุปในเมืองชิงโจว มีชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างมาก ไม่มีใครสักคนกล้าที่จะไปทำให้โกรธเคือง!

“พวกคุณสี่ห้าคน!”

จางเหล่ยโบกไม้โบกมือ เรียกชายฉกรรจ์ชุดดำสี่ห้าคนเข้ามาพูดว่า “จัดการคนที่อยู่ข้างในโยนออกมาให้หมดทุกคน!”

“ใครกล้ามาขวางทาง อัดมันให้น่วม!”

“ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ทุบตีกระดูกหัก ส่งไปแผนกกระดูก ทุบตีจนตาย ส่งไปแผนกดับจิตได้ทันที!”

ใบหน้าจางเหล่ยเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ดุดันน่ากลัว “ผมจะบอกคำพังเพยที่มีชื่อเสียงให้กับคุณ มีคำพูดอยู่ว่า เงินเท่านั้นที่บันดาลได้ทุกสิ่งตามใจปรารถนา!”

ชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งกำลังที่จะลงมือ ก็มีเสียงหัวเราะที่แสนเย็นชาดังขึ้น จากทางด้านหลังและพูดขึ้นว่า “ฮ่าฮ่าพูดจาเหลวไหลไปตั้งมากมาย มีเพียงประโยคเดียวที่พูดได้ถูกต้อง!”

ซ่งจื้อตงเดินมาอย่างช้า ๆ เขาผู้ที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจมานาน ย่อมมีรัศมีอันน่าเกรงขามเผยขึ้นให้เห็น

ค่อย ๆเงยหน้าขึ้น ยิ้มมุมปากเล็กน้อยพูดขึ้นว่า “เงินเท่านั้นที่บันดาลได้ทุกสิ่งตามใจปรารถนา!”

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

ภินท์ฟ้าฆาตปฐพี

Status: Ongoing
ลูกสาวถูกขายให้เป็นเจ้าสาวเด็ก ภรรยาตกเป็นหมากให้คนอื่น เซี่ยงเส้าหลงกลับมาพร้อมกับความโกรธ รวบอำนาจแห่งความยิ่งใหญ่ เทพสงครามเดือดผนึกโลก ยกกองทัพออกศึกสะท้านปฐพี

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท