ตอนที่ 611 ปลาเค็มออกเดินทาง
ไม่เหมือนสถานที่ที่เจาะจงโดยเฉพาะบางแห่ง ที่มักจะมีการวางเป็นระเบิดในรถหรือไม่ก็การโจมตีแบบฆ่าตัวตายอัตโนมัติอะไรพวกนี้ ซึ่งฟังจนหูชาไปหมดแล้ว แต่จู่ๆ เกิดระเบิดในประเทศจีน ถือว่ามีผลกระทบที่ใหญ่พอสมควร ถึงแม้จะไม่มีคนเสียชีวิตอะไร แต่ทุกฝ่ายต่างให้ความสำคัญอย่างมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อคงสภาพที่เกิดเหตุไว้สำหรับการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ทำให้เกิดความล่าช้าเป็นอย่างยิ่ง การตกแต่งและซ่อมแซมร้านหนังสือภายในระยะเวลาอันสั้นจึงเป็นไปไม่ได้
ฉวีหมิงหมิงมาหาโจวเจ๋อในวันต่อมา เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อมีสภาพร่างกายและจิตใจที่ไม่ค่อยดีนัก หลังจากช่วยจับชีพจรให้เขาจึงเขียนใบสั่งยาบำรุงเลือดและบำรุงประสาทให้บางส่วน
เดิมทีเขาอยากจะพูดเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ แต่ถูกโจวเจ๋อห้ามเสียก่อน แล้วพูดตามตรงว่าช่วงนี้ตัวเองต้องเดินทางไกล รอเขากลับมาแล้วค่อยว่ากัน ฉวีหมิงหมิงจึงตกลง
กว่าจะหลอกล่อจนเถ้าแก่ของตัวเองยอมตกลงออกเดินทางได้นั้นไม่ง่าย ทนายอันจึงรีบจองตั๋วเครื่องบินจุดหมายปลายทางคือเถิงชง แต่เนื่องจากสนามบินทงเฉิงกับสนามบินถัวเฟิงในอำเภอเถิงชงล้วนเป็นสนามบินเล็ก ดังนั้นจึงไม่สามารถบินตรงจากทงเฉิงไปเถิงชงได้ ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่คุนหมิง
ทนายอันกับโจวเจ๋อได้ปรึกษากันเพื่อสำหรับผู้ถูกเลือกผู้ที่ได้เดินทางไปยูนนานในครั้งนี้ ตอนที่ไปเซี่ยงไฮ้ครั้งที่แล้วทนายอันคอยประจำการอยู่ที่ร้านหนังสือ แต่การปฏิบัติการครั้งนี้เขาเป็นคนจัดการและวางแผนด้วยตัวเอง เขาต้องไปแน่นอน สวี่ชิงหล่างก็ต้องไป เพราะเขาเป็นพ่อครัว เถ้าแก่โจวไม่อยากทารุณกระเพาะของตัวเอง
อิงอิงก็ต้องไป โจวเจ๋อร่างกายตอนนี้ร่างกายของโจวเจ๋อยังไม่ฟื้นตัวดี จำเป็นต้องมีคนคอยดูแล ขณะเดียวกันเขาก็จำเป็นต้องนอนหลับพักผ่อนด้วย เด็กผู้ชายถูกจัดให้เฝ้าร้านหนังสือ เพราะร้านขายยาข้างๆ ยังมีพวกโกวซินทั้งสามคนกำลังถูกรักษาที่ถูกช่วยชีวิตไว้กำลังรักษาตัวอยู่ ที่นี่ยังมีหญิงสาวตัวดำที่จำเป็นต้องมีคนคอยเฝ้าดูไว้อยู่ด้วยแลคนเดียวก็เพียงพอ ด้วยความสามารถของเด็กผู้ชาย คอยนั่งบัญชาการอยู่ที่นี่ด้วยตัวเองก็เหลือเฟือแล้ว
ทนายอันกำชับอิงอิงเป็นพิเศษให้พกกาแฟที่เขาตัวเองชื่นชอบไปเยอะๆ ช่วงนี้เขาไม่สามารถนอนหลับได้ ส่วนสาวน้อยโลลิกับหลิวฉู่อวี่รวมทั้งเหล่าจางและพวกเขาสองสามคนซึ่งเป็นยมทูตที่เป็นลูกน้องของโจวเจ๋อที่เหลือ เขาไม่ได้พาไปด้วยในครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่การจัดการทีมท่องเที่ยวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทีมงานของของร้านหนังสือ จึงเน้นที่คุณภาพไม่ใช่จำนวนคนคนเยอะจึงไม่ดี
นักพรตเฒ่าอุ้มเจ้าลิงน้อย ร้องโวยวายอยากไปด้วย สุดท้ายถูกโจวเจ๋อและทนายอันปฏิเสธพร้อมกันอย่างไม่ลังเล ความหมายของทนายอันคือ ร้านหนังสือจำเป็นต้องมีคนที่ไว้ใจได้คอยดูแล หลังจากการตรวจสอบทางนั้นสิ้นสุดลงยังต้องจัดทีมมาตกแต่งร้านหนังสือใหม่ คนอื่นไม่ไว้ใจไม่ได้และก็ทำได้ไม่ดี มีเพียงนักพรตเฒ่าเท่านั้นที่น่าไว้วางใจที่สุด
นักพรตเฒ่าฟังแล้วชื่นใจเป็นอย่างมาก เพราะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเถ้าแก่อีกครั้ง
เวลาไม่คอยท่า วันถัดมาตอนกลางวัน ทนายนอันจึงเรียกรถแท็กซี่สองคัน เพื่อไปส่งทุกคนที่สนามบินทงเฉิง
ไม่ใช่เพราะไม่อยากขับรถของตัวเอง แต่รถสองคันที่จอดอยู่นอกร้านหนังสือตามปกติ ถูกแจ้งขอเบิกเงินชดเชยที่โดนระเบิดไปเมื่อวานซืนแล้ว
ทนายอันกับสวี่ชิงหล่างกลับไม่ได้ใส่ใจนัก ทนายอันมีเงิน เงินที่ให้อิงอิงซื้อกาแฟให้ตัวเองโดยเฉพาะก็เกือบ ‘สองสามแสน’ แล้ว ทำให้อิงอิงกลายเป็น ‘ลูกค้ารายใหญ่’ ในสายตาของตัวแทนขายกาแฟเนสท์เล่แถบนี้ไปโดยปริยาย
ส่วนสวี่ชิงหล่าง ถึงแม้ช่วงนี้ราคาบ้านในทงเฉิงจะราคาตก ทรัพย์สินส่วนตัวของสวี่ชิงหล่างหดตัวลงเกือบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ว่าอย่างไรตัวเลขพื้นฐานก็ยังคงอยู่ เขาจึงปล่อยวาง
ทั้งสามคนยังร่วมกันปรึกษาหารือว่าจะซื้อรถใหม่ยี่ห้ออะไร แต่ทำไมต้องเป็นสามคน ก็เพราะมีอิงอิงอยู่ในนั้นอีกหนึ่งคน อิงอิงอยากจะซื้อรถดีๆ ให้เถ้าแก่ของตัวเองมานานแล้ว เจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์อิงอิงหนึ่งปีที่ผ่านมาได้ลงทุนไปทั่วสารทิศเกือบทุกที่
ถึงแม้ช่วงนี้อสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี ขาดทุนไม่น้อย แต่เธอซื้อบ้านไม่ได้ทำเพื่อเก็ร็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ แค่อยากแข่งกับสวี่ชิงหล่างที่มีห้องชุดยี่สิบสามห้องล้วนๆ
ไม่ว่าอย่างไรสิ่งของที่ฝังไปพร้อมกับศพของเธอมีเยอะแยะ แค่หยิบออกมามั่วๆ หนึ่งชิ้นก็สามารถซื้อรถหรูได้สบาย
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมสิ่งของที่ฝังมาพร้อมกับศพของตัวเองถึงมีมากมายก่ายกอง แม่นางไป๋ไม่ใช่ลูกคุณหนูตระกูลบัณฑิต แต่เป็นแม่ทัพหญิงของกองทัพไท่ผิง รากษสหน้าหยก ดังนั้นมีทรัพย์สินมากมายจึงเป็นเรื่องที่ปกติเป็นธรรมดา
หลังจากเอะอะโวยวายกันมาตลอดทางแล้ว ในที่สุดก็ถึงสนามบินทงเฉิง สนามบินทงเฉิงเล็กมากถึงมากที่สุด นอกจากคนไม่กี่คนที่สามารถเดินไปที่ประตูขึ้นเครื่องบินเพื่อขึ้นเครื่องได้โดยตรงแล้ว เที่ยวบินส่วนใหญ่ต้องนั่งรถบัสรับส่งไปขึ้นเครื่องบิน
ทุกคนไม่รีบร้อนเข้าไปสแกนก่อนขึ้นเครื่อง หลังจากลงจากรถแล้วยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงหน้าประตูก่อน สูบบุหรี่ เพราะหลังจากเข้าไปแล้วจึงไม่สะดวกที่จะสูบบุหรี่
อิงอิงยืนดูสัมภาระที่อยู่ถัดไป ถึงแม้ทนายอันบอกว่าครั้งนี้ไม่ได้ไปเที่ยว เถิงชงเป็นจุดมุ่งหมายปลายทาง แต่ไม่ใช่สถานีปลายทาง ทว่าอิงอิงก็ยังเตรียมสัมภาระมามากมาย
ไม่ว่าอย่างไรเธอมีแรงเยอะ แบกกระเป๋าคนเดียวเจ็ดแปดใบได้สบาย ทนายอันจึงไม่พูดอะไรอีก เขาก็รู้ว่าผีดิบสาวคนนี้ทนเห็นไม่ได้ที่สุดก็คือเถ้าแก่ของตัวเองต้องใช้ชีวิติอย่างยากลำบาก
โจวเจ๋อ ทนายอัน และสวี่ชิงหล่างสามคนนั่งยองๆ อยู่หน้าประตูใหญ่ของเครื่องสนามบิน พ่นควันบุหรี่ออกมาพร้อมกัน
“สนามบินทงเฉิง เล็กมากจริงๆ เครื่องบินลำใหญ่ก็มีไม่กี่ลำ” ทนายอันบ่นอุบ เพราะเขาซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สต์คลาสได้แค่สามใบ แต่ในตรงนี้มีสี่คน จึงไม่มีทางเลือก วันนี้เขาต้องนั่งชั้นประหยัดธุรกิจ ไม่ใช่เพราะตั๋วเครื่องบินมีคนแย่งกันเยอะ แต่เครื่องบินโดยสารขนาดเล็กเหล่านี้มีที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาสแค่แปดที่นั่งเท่านั้น
โจวเจ๋อได้ยินดังนั้นจึงครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ทงเฉิงถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเขตมณฑลเจียงซูตอนใต้ อันที่จริงหากแบ่งตามกฎระเบียบเดิม ถึงแม้ตอนนี้จะเรียกว่ามณฑลเจียงซูตอนกลาง แต่ก็ถือว่าเป็นเขตมณฑลเจียงซูตอนเหนือ
คนนอกยังเคยได้ยินคำพูดที่ว่าเจียงซูใต้ร่ำรวย เจียงซูเหนือยากจน จะว่าพูดถูกก็ถูก จะว่าพูดผิดก็ผิด เศรษฐกิจของเจียงซูตอนเหนือสู้เศรษฐกิจของเจียงซูตอนใต้ไม่ได้ก็จริง แต่ก็ต้องดูว่าเปรียบเทียบกับใคร ควรทราบว่าในมณฑลเจียงซู หากพูดถึงจีดีพีแล้ว เมืองเอกหนานจิงถูกจัดอันดับอยู่หลังซูโจวและอู๋ซี
และเมือง ‘ยากจน’ ใดๆ ในเจียงซูเหนือ หากอยู่ในมณฑลอื่นก็อยู่ในระดับกลางค่อนไปทางบน อย่างการจัดอันดับจีดีพีของทงเฉิงยังสูงกว่าซีอันเลย แต่ยังไม่พูดถึงความเล็กของสนามบิน รถไฟหัวกระสุนเพิ่งจะสร้างให้ใช้งานได้เมื่อสองสามปีที่แล้วนี่เอง ส่วนรถไฟใต้ดินก็เพิ่งจะสร้าง
“วันนี้อากาศไม่ค่อยดี” สวี่ชิงหล่างพูดด้วยความจนใจอยู่บ้าง
“หวังว่ายูนนานจะท้องฟ้าสดใส” ช่วงนี้ฝุ่นควันรุมล้อมเข้ามา ด้านบนของทงเฉิงในเวลานี้จึงดูขมุกขมัว
“แม่งเอ๊ย ฝุ่นละอองพวกนี้ไม่น่าทำให้คนสำลักขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ” ทนายอันโบกมือ เขาสำลักเข้าจริงๆ จึงเงยหน้ามอง และแล้วมันไม่ใช่ฝุ่นควันจริงๆ
คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจนชิน ภูมิต้านทานฝุ่นควันได้ถูกฝึกมานานแล้ว ดูดฝุ่นละอองเหมือนกับดูดออกซิเจนเข้าไป ถือเสียว่ากินธัญพืชบำรุงก็แล้วกัน
สาเหตุที่ทำให้สำลักเช่นนี้ เป็นเพราะบนถนนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเผาเงินกระดาษอยู่ตรงนั้นผู้หญิงสามคนกับเด็กสี่คนที่อยู่ข้างๆ ถือกระทะมาใบหนึ่งแล้วเผาเงินกระดาษทีละหนึ่งกำมืออยู่ที่นั่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินสองสามคนที่อยู่ข้างๆ ก็กำลังมองดูอยู่ ถึงแม้จะเร่งให้รีบออกไป แต่ก็ไม่ได้ห้ามพวกเขาไม่ให้เผาเงินกระดาษ
“ทำอะไรน่ะ” ทนายอันพูดไม่ออก “เผาเงินกระดาษก็มีที่สนามบินด้วยเหรอ”
“น้องชาย ขอยืมไฟแช็กหน่อย” ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาข้างๆ โจวเจ๋อแล้วกล่าว โจวเจ๋อจ้องนิ่ง กวาดตามองคนที่อยู่ข้างๆ หนึ่งที แต่ก็ยังยื่นไฟแช็กให้กับเขา
การยืมไฟแช็กที่หน้าประตูสนามบินสำหรับสิงห์ค์อมควันแล้วเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าอย่างไรตอนที่เข้าออกสนามบินก็ต้องทิ้งไฟแช็กอยู่ดี
ทนายอันกวาดตามองเขาหนึ่งที เมื่อเห็นเขาใส่ชุดทำงาน จึงหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ทำงานที่นั่นเหรอครับ” ทนายอันชี้ไปฝั่งตรงข้ามสนามบิน ที่นั่นกำลังก่อสร้างสนามบินทงเฉิงแห่งใหม่ และที่อยู่ไกลออกไป ทางยกระดับสนามบินได้สร้างเสร็จแล้ว
“ใช่ครับ” ผู้ชายวัยกลางคนพยักหน้า เขาสูบบุหรี่เข้าไปเต็มปอด แล้วพ่นออกมาอย่างแรง
“เลิกงานแล้วก็รีบกลับบ้านสิครับ มาเดินเอ้อระเหยอยู่ข้างนอกทำอะไรครับ” ทนายอันถาม
ผู้ชายวัยกลางคนถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่เพราะผมไม่เข้าใจกฎระเบียบ ผมอยากกลับ แต่เมื่อวานกลับไปแล้วหนึ่งครั้งพบว่าเกิดเรื่องที่นั่น วุ่นวายไปหมด จึงไม่เดินเข้าไปข้างใน จากนั้นผมจึงกลับมาเตร่อยู่ในเขตก่อสร้าง”
“อย่าเตร่ไปทั่วหวาดหวั่น ระวังเกิดเรื่อง” ทนายอันกล่าว
“ฮิๆ รู้แล้วครับๆ ยังดีที่มีเพื่อนร่วมงานที่พอสนิทบ้างอยู่ที่นี่น จึงอยากอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาเยอะๆ”
ทนายอันไม่พูดอะไรอีกและได้แต่มองโจวเจ๋อ โจวเจ๋อกลับจึงมองไปทางเด็กและผู้หญิงที่กำลังเผาเงินกระดาษอยู่ทางนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนได้เร่งพวกเขาให้รีบออกไป ไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็คือสนามบิน พวกเขาสามารถรับผิดชอบได้ไม่มากจริงๆ สามารถยอมให้พวกเธอเข้ามาเผาเงินกระดาษถือว่าทำลายกฎระเบียบไปแล้ว
ด้านข้างของผู้หญิงเหล่านี้มีผู้ชายเดินเข้ามาสองสามคน ดูเหมือนกำลังปลอบใจไม่ให้พวกเธอเสียใจ
โจวเจ๋อมเม้มปาก สวี่ชิงหล่างจึงเอ่ยว่า “นึกถึงคนงานก่อสร้างห้าคนที่เจอตอนเปิดร้านที่จัตุรัสนานาชาติอู่โจวได้ไหม”
โจวเจ๋อพยักหน้า เมื่อกี้๊เขาก็นึกถึงเหมือนกัน คนงานก่อสร้างห้าคนนั้น ตอนแรกมาที่ร้านของเขาตัวเอง นั่งลงกับพื้นแล้วอ่านนิยาย นั่งอ่านอยู่นานสองนาน โจวเจ๋อยังเคยนั่งสูบบุหรี่หน้าร้านหนังสือกับพวกเขา ฟังพวกเขาเล่าเรื่องของภรรยาและลูกของตัวเอง พูดถึงที่นาของครอบครัวตัวเอง ต่อมาหลังจากนั้นจึงรู้จากหน้าหนังสือพิมพ์ว่า พวกเขาเป็นฮีโร่ที่สละชีวิตตัวเองเข้าไปช่วยชีวิตชาวบ้านที่ไฟไหม้
“มีความปรารถนาอะไรไหม” โจวเจ๋อถาม
ผู้ชายที่ขอยืมไฟแช็กพยักหน้า เอ่ยว่า “ผมยังไม่ได้แต่งงาน พ่อแม่ก็จากไปเร็ว เงินที่เก็บสะสมสองสามปีที่ผ่านมาฝากไว้ในบัตรทั้งหมดนี้ ถูกผมซ่อนไว้ในที่แห่งหนึ่ง มันคือเงินจากหยาดเหงื่อของผม ปกติใช่จ่ายประหยัดจนชิน ไม่กล้าใช้เงิน จึงอยากขอร้องคุณหนึ่งเรื่อง ผมจะบอกตำแหน่งของบัตรและรหัสกับคุณ ช่วยผมนำเงินนี้ไปบริจาคทีครับ”
โจวเจ๋อพยักหน้า “ผมตกลงแล้ว”
“อย่างนั้นก็ดีครับ ขอบคุณนะครับ”
เวลานี้ ผู้หญิงสองสามคนและเด็กถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินไล่ออกไปแล้ว ไม่โกรธหน้าแดงและไม่ลงไม้ลงมือ ทั้งสองฝ่ายต่างเกรงใจซึ่งกันและกัน
ผู้ชายสองสามคนที่เดิมทีปลอบใจเด็กและผู้หญิงอยู่ทางนั้นได้เดินเข้ามา ทักทายและขอยืมไฟแช็กจากคนที่อยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อโบกมือ มองผู้ชายวัยกลางคนที่พูดอยู่ข้างๆ เมื่อครู่แล้วถามว่า “รู้ใช่ไหมว่าอยู่ที่ไหน”
“รู้ครับ เคยไป”
“พาเพื่อนคนงานก่อสร้างของคุณไปด้วย ผมมีธุระต้องออกไปจัดการ ที่นั่นจะมีคนคอยต้อนรับพวกคุณ เรื่องที่คุณไหว้วาน บอกกับนักพรตเฒ่าที่อยู่ที่นั่นก็ได้”
“รู้แล้วครับ” เมื่อทิ้งก้นบุหรี่แล้ว ผู้ชายจึงเรียกเพื่อนคนงานก่อสร้างสามสามคนของตัวเองออกไปพร้อมกันทั้งหมดสี่คน เงาหลังของพวกเขาค่อยๆ เลือนรางห่างเบลอไกลออกไป
โจวเจ๋อจึงสั่งอิงอิง “ส่งข้อความหาสาวน้อยโลลิ บอกให้เธอไปที่ร้านหนังสือต้อนรับคนพวกนี้ แล้วส่งพวกเขาไปสู่สุคติ” พูดจบ โจวเจ๋อก็ทิ้งก้นบุหรี่ ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วพูดว่า “สายแล้ว เข้าไปสแกนตรวจก่อนขึ้นเครื่องกันเถอะ”
……………………………………………………………………….
ตอนที่ 610 แพ้ท้อง
โกวซินที่เคยถูกเทพเซียนลูบหัวมาก่อน จริงๆ แล้วก็ไม่แน่ใจว่ามีเทพเซียนอยู่จริงไหม ทนายอันที่เคยเป็นข้าราชการมากประสบการณ์ในนรก เคยเข้าร่วมการรัฐประหารของยมโลกและถูกขับไล่ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้ว่า บนโลกนี้มีเทพเซียนอยู่จริงไหม
แต่สิ่งส่งเหล่านี้เนื่องจากพบเห็นได้น้อยเกินไป ดังนั้นจึงมีความล้ำค่าอย่างชัดเจน สิ่งที่พบเจอได้น้อย มักจะมีความหมายที่ไม่ธรรมดา
โจวเจ๋อเริ่มคุกเข่าโดยไม่รู้ตัว เวลานี้เสียงรบกวนที่อยู่รอบตัว และยังมีกลุ่มคนกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียงไซเรนตำรวจที่ดังมาแต่ไกลเริ่มใกล้เข้ามาทุกที เสียงดังกึกก้องของรถดับเพลิง ทุกสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกตัดขาดออกไปอย่างสิ้นเชิง
ในดวงตาของโจวเจ๋อมีเพียงมือข้างนี้! ทว่าตอนที่เข่าของโจวเจ๋อเพิ่งงอลงไปได้ครึ่งหนึ่ง เขากลับหยุดการกระทำนี้ทันที ไม่มีเหตุผลอย่างอื่น เพราะหางตาของโจวเจ๋อเหลือบมองเห็นด้านซ้ายของตัวเอง มีผู้ชายชุดขาวคนหนึ่ง เขาทำท่าเดียวกับตัวเองกำลังจะคุกเข่าเหมือนกัน
โจวเจ๋อเคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน ตอนที่ฝันอยู่ในถ้ำของเด็กผู้ชาย และเมื่อครู่ถ้าหากไม่ใช่เพราะหนังสือรับรองยมทูตปรากฏตัวตอนท้าย ภูเขาไท่ซานกดทับทุกสิ่ง ตอนนี้เถ้าแก่โจวน่าจะกลายเป็นหลี่ซิ่วเฉิงไปแล้ว ส่วนด้านขวาของตัวเองกลับปรากฏเงาร่างของผู้ชายที่เปลือยท่อนบน เขาก็เหมือนกับตัวเอง กำลังจะคุกเข่าเช่นกัน
เถ้าแก่โจวได้สติขึ้นมาทันที เขาสามารถคุกเข่าได้ ไม่ว่าอย่างไรก็แค่ชีวิตต่ำตมคนหนึ่ง ถ้าหากคุกเข่าลงไปสามารถได้รับข้อดีมีมหาศาลเหมือนกับโกวซิน แลกกับความราบรื่นโชคดีตลอดชีวิต การคุกเข่านี้ถือว่าคุ้มค่า
หัวเข่าของผู้ชายมีค่าดั่งทองคำ เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว ถ้าหากคุกเข่าแล้วได้ทองจริงๆ คาดว่าผู้ชายส่วนใหญ่คงจะคุกเข่าของตัวเองจนด้านหนาโดยไม่เสียดาย เพียงแต่ตัวเองคุกเข่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าแม้แต่สองคนนี้ก็ยังต้องคุกเข่าเหมือนตัวเองล่ะก็ โจวเจ๋อรู้สึกเกรงใจจริงๆ ทันใดนั้นจึงกัดปลายลิ้น โจวเจ๋อรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว แล้วจึงได้สติกลับมาทันที ลุกขึ้นยืนตัวตรง
ทั้งหมดนี้เป็นเวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น กระทั่งอิงอิงที่อยู่ข้างกายของโจวเจ๋อก็ไม่เห็นถึงความผิดปกติของเถ้าแก่ของตัวเอง
โจวเจ๋อหายใจยาวด้วยความโล่งอก แล้วมองไปรอบๆ จะต้องเกิดคลื่นใหญ่อีกมากแน่นอน แต่เถ้าแก่โจวไม่เป็นห่วงเรื่องนี้ เจ้าหลุมนี้มีปัญหาอะไรกันแน่ เขาต้องค่อยๆ สืบดู
ส่วนเด็กทารกคนนั้นได้หายไปนานแล้ว ดูเหมือนจะหายไปตามสายลม โจวเจ๋อสั่งให้อิงอิงประคองตัวเองกลับร้านหนังสือ และตำแหน่งโซฟาที่ ‘สดใสริมหน้าต่าง’ ที่เขาชื่นชอบมากที่สุดไม่สามารถนั่งได้อีก หน้าต่างกระจกแตกละเอียด โซฟาถูกย้ายตำแหน่ง
ร้านหนังสือมีสภาพย่ำแย่ไปทั่ว โจวเจ๋อรู้สึกจนใจ ครั้งนี้ไม่ได้เสียดายเงิน แต่เป็นเพราะมันทำให้ธุระล่าช้า
“เถ้าแก่ วันพรุ่งนี้ฉันข้าจะไปติดต่อทีมตกแต่งเข้ามาซ่อมแซมเจ้าค่ะ”
โจวเจ๋อพยักหน้า สั่งให้อิงอิงประคองตัวเองขึ้นไปชั้นสอง แต่เนื่องจากห้องของตัวเองอยู่ฝั่งถนนคนเดิน หน้าต่างก็หักพัง เศษกระจกเต็มพื้นและเตียงนอน
ด้วยความจนใจ โจวเจ๋อจึงต้องเดินไปที่ห้องของสวี่ชิงหล่างที่อยู่อีกด้านหนึ่ง โจวเจ๋อไม่ได้นั่งบนเตียงของเขา แต่นั่งเอนพิงเก้าอี้ที่อยู่ในห้อง
อิงอิงคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อรู้สึกสมองเหนื่อยล้า หลังจากที่ต้องเตร็ดเตร่ไปมา จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ต่อสู้กับใครจริงๆ และบาดแผลบนร่างกายเพียงอย่างเดียวคือผลงานที่อิงอิงทิ้งไว้ของอิงอิง
แต่เขาเหนื่อยใจจริงๆ โจวเจ๋อจึงผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว อิงอิงยืนอยู่ข้างกายโจวเจ๋อตลอดเวลา เธอรู้ดีว่า ถ้าหากตัวเองอยู่ห่างจากเขาไกลเกินไป เถ้าแก่จะตื่น และด้วยเหตุนี้ เธอจึงคอยนวดไหล่ให้เถ้าแก่อย่างเงียบๆ
เขานอนหลับนานสิบกว่าชั่วโมง ตอนที่โจวเจ๋อตื่นขึ้นมาอย่างสบาย ด้านนอกเข้าสู่ยามราตรีแล้ว
“เถ้าแก่ ตื่นแล้วเหรอ” อิงอิงอยู่ใกล้ตัวตลอด โจวเจ๋อรู้สึกขอโทษอยู่บ้าง ที่ผ่านมาอิงอิงนอนเป็นเพื่อนตลอด ทั้งสองคนได้นอนบนเตียงเดียวกัน แต่ครั้งนี้กลับต้องลำบากเธอ ตอนที่โจวเจ๋อกำลังจะกุมมือของอิงอิง อยากจะพูดคำพูดของคนรู้ใจกัน สวี่ชิงหล่างเดินเข้ามาพอดี พร้อมอาหารที่อยู่ในมือ
“อ้าว ผมเข้ามาผิดจังหวะ” เหล่าสวี่ยืนพิงขอบประตูด้วยใบหน้าที่สดใส
โจวเจ๋อทำตาขาวกลอกตาใส่เขาหนึ่งที มองของกินที่อยู่ในมือของเขาแล้วก็รู้สึกหิวจริงๆ สวี่ชิงหล่างจึงไม่แกล้งอีก เดินเข้ามาหยิบโต๊ะตัวเล็กแล้ววางอาหารลงไป หม้อดินขนาดเล็กใบหนึ่งกับนกพิราบตุ๋นที่อยู่ในนั้น ผัดผักกวางตุ้งใส่เห็ดหอมหนึ่งจาน ยำแมงกะพรุนหนึ่งจาน และข้าวหนึ่งถ้วย หลังจากดื่มน้ำดอกพลับพลึงแดงแล้ว จึงกินอาหารมื้อนี้อย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เถ้าแก่โจวอยากลงไปนั่งข้างล่างด้วยความเคยนชิน แต่พอนึกถึงสภาพของชั้นล่าง เขาจึงต้องเก็บความคิดนี้กลับไป
เผอิญว่าทนายอันและนักพรตเฒ่าเดินเข้ามาพอดี มีพลาสเตอร์ยาแปะอยู่บนคอของนักพรตเฒ่า ดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อยพอสมควร เขาเองก็ดวงแข็ง ถ้าลงจากรถช้ากว่านี้อีกนิดเดียว คาดว่าตอนนี้คงต้องรีบยื้อชีวิตอยู่ในห้องผ่าตัดของร้านขายยาที่อยู่ถัดไป
“เถ้าแก่ ตำรวจมาแล้ว เข้าล็อกคพื้นที่เกิดเหตุและต้องการตรวจสอบ สงสัยวันพรุ่งนี้จะซ่อมแซมไม่ได้แล้ว อาจจะล่าช้าไประยะหนึ่ง” นักพรตเฒ่าพูดอย่างจนปัญญา
“เหล่าจางก็มาด้วย คอยดูแลอยู่ข้างล่าง เอาแบบนี้ไหม ไม่ว่ายังไงร้านหนังสือก็ต้องปรับปรุงซ่อมแซมอยู่แล้วพวกเราไปยูนนานเลยดีไหม ที่นั่นนี่แสงแดดดีน่าจะดีมาก เหมาะที่จะนอนว่าง…เหมาะที่จะนอนอาบแดด และเป็นผลดีต่อการฟื้นฟูแผลของคุณ”
โจวเจ๋อไม่พูดสักคำ แต่ลังเลเล็กน้อยว่าจะไปหรือไม่ไปยูนนาน เขามักรู้สึกว่าทนายอันเก็บอารมณ์อยากทำข่าวใหญ่
สวรรค์เห็นแล้วยังต้องสงสาร เถ้าแก่โจวหลังกลับมาจากเดินทางท่องนรกจนนถึงตอนนี้ ยังไม่ได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขเลยใช่ไหม เขาอยากพักผ่อนจริงๆ ไม่อยากรีบเดินทางกลับไปกลับมาอีก
“เถ้าแก่ เรื่องของนรก เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ทนายอันหยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งเข้ามาแล้วนั่งตรงหน้าโจวเจ๋อ ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวตายได้แมวขี้สงสัยจะเป็นตายง่าย เมื่อเทียบกับเรื่องของนรกแล้ว เรื่องของแม่นางไป๋ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากเขา
บังเอิญว่าทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันพอดี โจวเจ๋อจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในนรกให้ฟังหนึ่งรอบ พอพูดถึงอิ๋งโกวที่ซัดพญายมหนึ่งหมัดร่วงหนึ่งคน ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างอ้าปากค้าง อ้าปากกว้างใหญ่จนสามารถกลืนไข่ห่านเข้าไปได้สามฟอง
แต่จะห้ามทุกคนไม่ให้ตกตะลึงก็ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรพญายมทั้งสิบก็เป็นบุคคลในตำนานคนหนึ่ง ผลปรากฏว่าถูกคนที่ตัวเองเคยเห็นและรู้จักใช้หมัดซัดร่างธรรมจนแตกสลาย จากเข้าไปในกองทัพใหญ่ของยมโลกราวกับเข้าสู่ดินแดนที่ไร้ซึ่งผู้คน เหี้Xแม่งนี่ที่กำลังดู ‘สุยถังเหยี่ยนอี้ วีรบุรุษกู้พิภพ’ อยู่ใช่ไหม
พอโจวเจ๋อเล่าจบแล้ว ทนายอันจึงถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนทัศนคติที่มีต่อโลกนี้กลับตาลปัตร
โจวเจ๋อเล่าตั้งนานจนคอแห้ง อิงอิงจึงไปเทกาแฟขี้ชะมดให้โจวเจ๋อ ขณะเดียวกันได้ชงกาแฟเนสท์เล่สำเร็จรูปหมดอายุแก้วใหญ่พิเศษให้ทนายอันเช่นกัน
‘อึกๆๆๆ…’ ทนายอันดื่มกาแฟแก้วใหญ่รวดเดียวหมด ทำให้โจวเจ๋อที่รู้เรื่องต้องอ้าปากหวอ
“อิงอิง ขอโทษนะ ช่วยเติมให้ผมอีกหนึ่งแก้ว”
“เอ่อ ได้เจ้าค่ะ” อิงอิงเทแก้วใหม่ให้ทนายอันต่อ
ทนายอันมองโจวเจ๋อแล้วเอ่ยว่า “ตอนที่คุณนอนหลับ อิงอิงได้เล่าเรื่องให้ผมฟังแล้ว เอาแบบนี้ดีไหม คุณลองเล่าอีกที”
โจวเจ๋อจึงเล่าเรื่องสิ่งที่เจอในวิญญาณของตัวเองกับเรื่องเด็กทารกที่เห็นจากเจออยู่ข้างหลุมนั้นให้ฟังอีกหนึ่งรอบ ทนายอันขมวดคิ้วเมื่อฟังจบแล้วพูดว่า “หรือว่าจะมีเทพเซียนจริงๆ”
“ใครจะไปรู้”
สวี่ชิงหล่างเริ่มเก็บถ้วยชามตะเกียบ บนตัวของเขาถึงแม้จะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เทพเจ้าแห่งท้องทะเล’ แต่ก็เป็นแค่งูเหลือมที่บำเพ็ญตบะแก่กล้าตัวหนึ่งเท่านั้น ก็คือพวกปีศาจที่อยู่ในป่าเก่าแก่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ถูกเรียกว่าเป็นเทพเซียนไม่ใช่เหรอ แต่ ‘เซียน’ ในที่นี้กับเซียนพวกนั้น ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
“เรื่องของแม่นางไป๋ พวกเราต้องสืบ แต่คาดว่ายากที่จะสืบเจออะไร เบาะแสที่ควรจะมี น่าจะถูกกลับฝังไปพร้อมกับเสียงนั้น อีกอย่างสืบเรื่องของแม่นางไป๋โคตรเปลืองแรง สืบสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของเธอยากยิ่งกว่า”
ทนายอันถอนหายใจ แล้วพูดต่อ “ตอนนี้ คนนั้นที่อยู่ในร่างของเถ้าแก่ยังนอนหลับอยู่ ไม่อย่างนั้นยังพอที่จะถามเขาได้ ถ้าหากเขาไม่รู้ ก็ไม่น่าจะมีใครรู้แล้ว พวกเราตอนนี้ต้องฟังผม ไปยูนนาน เลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุม จากนั้นเพิ่มพลังพุ่งสู่ผู้ตรวจสอบ ถึงแม้ยมโลกกำลังพังทลาย แต่พญายมทั้งสิบก็คือพญายมทั้งสิบ สิบขันทีก็คือสิบขันที ไม่ต้องสนใจว่าบนกำแพงเมืองของเขาจะเปลี่ยนเป็นธงของผู้นำคนไหน พวกเรารีบทำเวลาเป็นข้าราชการชั้นกลาง ไม่ว่าบ้านไหนได้ครอบครองสวรรค์ ก็จะไม่มีใครฆ่าพวกเราแน่นอน”
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การบุกรุกของศัตรูต่างเมืองหลายต่อหลายครั้งได้พิสูจน์ทฤษฎีนี้แล้ว ตายไปหนึ่งชุดเพราะพวกเขาจำเป็นต้องตาย แต่ข้าราชการชั้นกลางและชั้นผู้ใหญ่กลับอยู่รอดปลอดภัย
สาเหตุที่ทหารชิงสามารถครอบครองแผ่นดินได้ในเร็วในตอนแรก ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้ ตัวเอ๋อร์กุ่นนำทัพเข้าด่านซานไห่ ทางเหนือจึงยอมจำนน
“ไปยูนนานทำอะไรกันแน่” โจวเจ๋อถาม
“เรื่องนี้ดูจงใจเกินไป ถ้าพูดออกมาตามตรงจะไม่ดี อย่างน้อยผมรู้ว่า คุณอย่าเพิ่งรู้ ถึงแม้จะไม่ใช่การขอพรพระหรือเทพ แต่ก็เกี่ยวกับโอกาสของโชคชะตาและความจริงใจ ถ้ามีเจตนามากเกินไป อาจจะไม่ใช่เรื่องดี เอาอย่างนี้แล้วกันเดิมทีผมวางแผนไว้สองที่
ที่หนึ่งคือเจียงอิน บันทึกประวัติศาสตร์เจียงอินเหยียนอิงหยวนต่อต้านราชวงศ์ชิงรู้จักใช่ไหม แสดงความภักดีแปดสิบวัน เขาเป็นตัวแทนแสดงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์คนที่สิบเจ็ดของจักพรรดิไท่จู่ แล้วก็คนแก่คนนั้น ได้ยินว่าก่อนที่พระเจ้าหนูเอ่อร์ฮาซื่อจะยกทัพได้หาเจอแล้ว คนอื่นถึงแม้จะรู้ก็ทำไม่ได้ ถึงทำได้ก็ไม่กล้า แต่เถ้าแก่คุณไม่เหมือนกัน ขนาดเซี่ยจื้อยังถูกคนนั้นในตัวของคุณหักเขาไปข้างหนึ่งฉีกเป็นชิ้น อย่างอื่นจึงเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว ถึงแม้คนนั้นตอนนี้จะนอนหลับ แต่มีแค่ภูเขาไท่ซานอยู่ไม่ใช่เหรอ คุณจึงมั่นใจปลอดภัยแน่นอน ในเมื่อจะเก็บก็ต้องเก็บของใหญ่”
โจวเจ๋อพอเข้าใจแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจมากนัก ทว่าความหมายของทนายอัน ถามมากไปจะไม่ดี เขาจึงไม่ถามต่อ
ความหมายประมาณว่า เลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมเป็นเรื่องเล็ก แต่ต้องเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมที่มีคุณค่าที่สุด! คล้ายกับการเขียนเรียงความของนักเรียนชั้นประถมศึกษา นักเรียนคนหนึ่งเขียน ‘บันทึกอาคารเยวี่ยหยาง’ ได้ที่หนึ่งของห้องเรียนคุณครูให้รางวัลเป็นดอกไม้แดง
ของขวัญถึงแม้จะเล็กน้อยไม่มีค่าอะไร ไม่เหมาะสมกับเนื้อเรื่องสร้างสรรค์ของ ‘บันทึุกอาคารเยวี่ยหยาง’ แต่เด็กคนนี้กลับได้รับความนิยมอย่างมาก ได้พัฒนาไปในทางที่ดี
“โอเค อย่างนั้นคุณก็จัดการเถอะ” โจวเจ๋อพยักหน้า ไปยูนนานก็ไปยูนนาน จะได้ใช้เวลานี้ตกแต่งซ่อมแซมร้านหนังสือพอดี
เวลานี้สี่สวี่ชิงหล่างที่กำลังเก็บชามและตะเกียบรู้สึกตกตะลึงในทันใด จากนั้นจึง ‘โอ้กก!!!’
โจวเจ๋อไม่เข้าใจอยู่บ้าง จึงถามว่า “ท้องเหรอ”
สวี่ชิงหล่างสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ตอบคำถาม ทนายอันกลับหัวเราะแล้วพูดว่า “ควันธูปเทียนมีพิษ กินมากไป จะแพ้ท้อง”
……………………………………………………………………….