ตอนที่ 631 รูปหล่อกิริยางดงาม!
เฝิงซื่อที่แต่เดิมรูปหล่อกิริยางามสง่ากลายเป็นผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างอ้วนคนหนึ่ง ชุ่ยฮวาสาวใช้ของเขาถึงกับกลายเป็นหญิงชราอายุเจ็บสิบกว่าปี ใบหน้าเหี่ยวย่น แต่ลูกตากลับสดใสเป็นประกาย เวลาที่พูดจายังแฝงไปด้วยความออดอ้อนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอ
แต่เพราะว่าเป็นแบบนี้ กลับยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าไม่เข้ากัน ผู้หญิงอายุสิบสามปีทำตัวน่ารักอ้อนคุณ อย่างนั้นคือน่ารัก ผู้หญิงอายุยี่สิบสามยี่สิบสี่ปีอ้อนคุณ นั่นคือวัยสาว ผู้หญิงอายุสามสิบกว่าปีอ้อนคุณ นั่นคือเซ็กซี่ อายุสี่สิบปียังมีเสน่ห์ของวัยผู้ใหญ่เหมือนลูกท้อน้ำผึ้งที่สุกงอม แต่อายุเจ็ดสิบปี… จึงไม่แปลกใจเลยที่ทนายอันจะหัวเราะร่าขนาดนี้ เพราะเป็นฉากที่ชวนให้ตลกขบขันจริงๆ
ที่นี่มีเต็นท์เพียงสองหลัง เวลานี้เป็นช่วงบ่ายพอดี โจวเจ๋อ ทนายอัน รวมทั้งเฝิงซื่อจึงนั่งกับพื้น ไม่มีพิธีรีตองอะไร หลังจากนั่งลงแล้ว โจวเจ๋อจึงนึกได้เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหอฌาปนกิจท้องถิ่นของลี่เจียงไม่มีศพที่เหมาะสมแล้วจริงๆ หรือว่าเฝิงซื่อจงใจ
ถึงแม้ทนายอันจะมาพึ่งพิงทางนี้ก่อนแล้ว เฝิงซื่อก็ไม่สามารถทำตามทนายอันคุกเข่าต่อหน้าโจวเจ๋อ แล้วกล่าวว่า ‘ข้าน้อยเสี่ยวซื่อเอ๋อร์ขอน้อมคารวะท่าน’ แบบนั้นได้โดยตรง ทนายอันถูกลิดรอนอำนาจ มีความผิดติดตัว แต่เฝิงซื่อเป็นผู้ตรวจสอบของยมโลกตัวจริง
จำได้ว่าตอนที่เข้าร่วมการฝึกอบรมในตอนแรก ทุกคนยืนรออยู่หน้าประตูวัง เพื่อรอการมาถึงของท่านผู้พิพากษา ชุ่ยฮวาชี้หน้าด่าทุกคนว่าไม่มีจิตใจเห็นแก่ส่วนรวมเหยียบผักที่ตัวเองปลูกไว้ แม้แต่ผู้ตรวจสอบสองสามคนที่เป็นคนนำทีมก็ไม่พูดสักแอะ จึงมากพอที่จะแสดงให้เห็นว่า อย่างน้อยในแวดวงของผู้ตรวจสอบ เฝิงซื่อมีหน้ามีตาอย่างมาก ไม่อย่างนั้นสาวใช้ซึ่งเป็นลูกน้องของเขาคงไม่หยิ่งจองหองเช่นนี้
ชุ่ยฮวาเซ่อๆ ทึ่มๆ เล็กน้อย ชอบท่องคำคมของท่านสี่ แต่ชุ่ยฮวาไม่ใช่คนปัญญาอ่อน ควรพูดอะไรกับคนแบบไหน ทำอย่างไรถึงจะไม่ก่อเรื่องให้กับนายของตัวเอง เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ
แต่กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในเมื่อเฝิงซื่อได้ตกลงรับคำขอของทนายอันมาก่อนแล้ว ช่วยเขาสร้างหมอกหนาที่นั่น เห็นได้ชัดว่า เฝิงซื่อคอยสังเกตโจวเจ๋อมานานแล้ว เจ้านายของเขาในอดีตเข้ามาพึ่งพิงโจวเจ๋อก่อนแล้ว ทั้งยังเคยเผชิญหน้ากันเรื่องหยกผี และเจอหน้ากันตอนที่อยู่ในนรกอีก ได้กินบะหมี่ผักดองที่ต้มโดยชุ่ยฮวาด้วยกัน เมื่อมาถึงขั้นนี้ คุณคิดว่าเฝิงซื่อมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว อาจจะไม่ใช่เสมอไป แต่ถ้าจะมองอะไรไม่ออกเลย คงจะดูถูกไอคิวของเขามากเกินไป
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าวางมาดอะไร ด้วยฐานะผู้ตรวจสอบบวกกับฐานะอันสูงศักดิ์อย่างข้าหลวงใหญ่ผู้แทนที่ยมโลกส่งมาตรวจสอบเป็นพิเศษ หากวางอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าผู้จับกุมคนใหม่อย่างโจวเจ๋อ แลจะโง่เกินไป เขาจะไม่ทำเช่นนี้
เพราะฉะนั้นตอนที่มาที่นี่ตัวเขาเองรวมทั้งชุ่ยฮวาจึงจงใจเลือกกายเนื้อเช่นนี้เข้าไปอาศัยชั่วคราว ไม่ว่าอย่างไรสามารถแก้ไขปัญหาที่ติดขัดได้โดยตรง
ทุกคนหัวเราะ บรรยากาศครึกครื้น
“เรื่องราว พี่อันได้พูดกับข้าแล้ว คุณชายโจว ตอนนี้ข้าอยากจะถามความคิดของเจ้า เจ้าอยากจะสืบเรื่องของคนผู้นั้นออกมาให้ได้ใช่ไหม”
โจวเจ๋อพยักหน้า
เฝิงซื่อพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว” มีแค่สามคำ เขาไม่พูดว่าตัวเองจะไปทำอะไร และไม่พูดว่าจะเริ่มสืบจากตรงไหน แต่คิดว่าในเมื่อทนายอันเรียกเขามาอย่างกระตือรือร้นขนาดนี้ น่าจะรู้ดีถึงพลังของผู้ตรวจสอบของจริงคนนี้
อาจจะมีบางเรื่องที่ทนายอันเนื่องจากไม่มีตำแหน่งข้าราชการรองรับยากที่จะทำได้จริง แต่เขารู้ว่าผู้ตรวจสอบที่มีตำแหน่งทางการสามารถทำได้ ก็เพียงพอแล้ว
“หาเบาะแสของคนผู้นั้น ต้องใช้เวลานิดหน่อย ตอนนี้มีอะไรอยู่ใต้น้ำไม่ใช่เหรอ พวกเราลองค้นหาที่ใต้น้ำดู เพื่อเป็นการฆ่าเวลาก็แล้วกัน” เฝิงซื่อพูดจบ แล้วจึงมองไปทางโจวเจ๋อ “คุณชายโจว เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร” ผู้ตรวจสอบใหญ่คนหนึ่งให้เกียรติเป็นอย่างมาก เวลานี้ขอความคิดเห็นจากผู้จับกุมถึงสองสามครั้ง ทนายอันที่นั่งอยู่ข้างๆ มองเห็นฉากนี้แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเริ่มหายไป
ในพระราชวังสมัยโบราณหรือในบ้านของผู้ร่ำรวย ถ้าหากผู้หญิงท้องหรือมีประจำเดือน มักจะเป็นฝ่ายจัดหาพี่สาวน้องสาวของตัวเองหรือสาวใช้ที่แต่งเข้าบ้านตามภรรยาไปคอยปรนนิบัติผู้ชายของตัวเอง นี่คือวิธีการรั้งตำแหน่งคนโปรดให้แน่น และไม่ยอมแบ่งผลประโยชน์ออกไปให้คนนอกเด็ดขาด
แต่ความเจ็บปวดรวดร้าวใจแบบนี้ มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่เข้าใจ
“ได้” โจวเจ๋อพยักหน้า แล้วลุกขึ้น เฝิงซื่อลุกขึ้นตาม สายตาประสานกับทนายอัน
แม่น้ำไม่ใหญ่มาก ดังนั้นจึงไม่ถึงกับมีคลื่นใหญ่ซัดสาดอะไร แน่นอนว่า โจวเจ๋อยังไม่เห็นสถานที่ใดที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเหมือนในความฝันของตัวเอง
“ในเมื่อคนผู้นั้นอยากให้พวกเจ้าลงไป เช่นนั้นข้างล่างนี้จะต้องมีการเตรียมการของเขาถึงจะถูก” ขณะที่พูด เฝิงซื่อมองไปทางอิงอิงที่อยู่ข้างหลังโจวเจ๋อแล้วเอ่ยว่า “ลงไปสืบดู…”
“เธอกลัวน้ำ” โจวเจ๋อตัดบทคำพูดของเฝิงซื่อ โดยไม่ใช่น้ำเสียงของการปรึกษาหารือ
“…” อิงอิง
เฝิงซื่อพยักหน้า มองสีหน้าไม่ออกแต่อย่างใด แล้วจึงดีดนิ้วทันที
“ท่านสี่!” ชุ่ยฮวาที่อายุเจ็ดสิบกว่าปีเดินเข้ามา
“ลงไปดูแล้วทำลาย”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านสี่” ชุ่ยฮวาเริ่มถอดเสื้อผ้า ทุกคนหมุนตัวหลบทันที ถ้าหากชุ่ยฮวาอยู่ในอายุที่ปกติ ตอนที่ถอดเสื้อผ้าทุกคนจะไม่อาย หลบหน้ากลับยิ่งเหมือนการเสแสร้งมากกว่า ทว่าชุ่ยฮวาเวลานี้อยู่ในร่างของหญิงชราวัยเจ็ดสิบกว่าปี ไม่ใช่เพราะเจตนาป้องกันเรื่องระหว่างชายหญิง แต่ทนดูไม่ไหวจริงๆ
‘ตู้ม!’ ชุ่ยฮวากระโดดลงไปในน้ำ
เฝิงซื่อจ้องมองแม่น้ำ ไม่พูดอะไร โจวเจ๋อยืนอยู่ข้างๆ เฝิงซื่อ พูดจริงๆ นะ รู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย เดิมทีทุกคนเป็นคนรู้จักกัน สามารถทำตัวเป็นกันเองได้ แต่หลังจากเฝิงซื่อมาถึง ถึงแม้จะแสดงท่าทีถ่อมตัว แต่ม่านกั้นที่ฝังอยู่ในกระดูกยังคงอยู่ เหมือนกับเวลามีแขกอยู่ในบ้าน ต้องทำตัวมีระเบียบเพื่อไม่ให้แขกรู้สึกขำบ้านของตัวเอง
ผ่านไปไม่นาน เริ่มเกิดฟองอากาศบนผิวน้ำอย่างต่อเนื่อง เป็นฟองอากาศขนาดใหญ่ หลังจากผุดขึ้นมาแล้วระเบิดออก กระจายไอร้อนออกมา เฝิงซื่อแบมือ เดินไปริมแม่น้ำสองก้าว เวลานี้มีบางสิ่งลอยขึ้นมา เป็นขาข้างหนึ่ง เนื่องจากมันกลับหัว ส่วนที่โผล่มาเหนือน้ำมีเพียงเท้ากับน่องเท่านั้น คล้ายกับการแสดงระบำใต้น้ำ
โจวเจ๋อหรี่ตา ทนายอันแปลกใจอยู่บ้าง อิงอิงเอามือป้องปากของตัวเอง เพราะนี่ไม่ใช่ขาของชุ่ยฮวา พวกคนแก่บ้ากามบางคนหรือไม่ก็พวกที่คลั่งไคล้ส่วนเท้าของผู้หญิงสามารถทำได้ถึงขั้นที่ว่าเห็นเท้าก็รู้ว่าใคร แต่เวลานี้กลับไม่จำเป็น เพราะชุ่ยฮวาอยู่ในร่างของหญิงชรา ขาของคนอายุปูนนั้นถือว่าแยกแยะได้อย่างง่ายดาย
ขาที่ลอยขึ้นมาในเวลานี้ เป็นขาที่ขาวนวลข้างหนึ่ง ข้อเท้าถูกแขวนด้วยกระดิ่งอันหนึ่ง ถ้าหากอิงอิงลงไป และเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างในตอนนี้ โจวเจ๋อคงอยู่ไม่นิ่งแน่นอน แต่เวลานี้เฝิงซื่อกลับเหมือนคนไม่เป็นอะไร ยืนแบมือดูอยู่ตรงนั้นต่อไป
ต่อจากนั้นมีมือข้างหนึ่งลอยขึ้นมา จากนั้นก็เป็นขาอีกแล้ว ภายในเวลาห้านาที ภาพที่ปรากฏอยู่ในความฝันของโจวเจ๋อได้กลายเป็นความจริง บนแม่น้ำเต็มไปด้วยแขนขาที่ถูกตัด และแขนขาเหล่านี้ไม่บวมอืดเลยสักนิด ควรทราบว่าต่อให้เป็นคนธรรมดาที่แช่น้ำเป็นเวลานานก็จะเกิดหนังสีขาว แต่แขนขามากมายเหล่านี้กลับมีความ ‘สดใหม่’ อย่างเห็นได้ชัด มีความสดมากกว่าอาหารทะเลในตลาดด้วยซ้ำไป
สวี่ชิงหล่างเดินเข้าไป ยื่นมือหยิบแขนข้างหนึ่งขึ้นมา เหมือนเด็ดรากบัวจากในแม่น้ำ เหล่าสวี่เหมือนพ่อครัวที่เลือกดูวัตถุดิบอาหารในตลาดอย่างละเอียด จากนั้นจึงหมุนตัว ยื่นแขนข้างนี้ไปทางโจวเจ๋อ มือของโจวเจ๋อสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง ไม่ยื่นมือมารับของพรรค์นี้
“เหอะๆ แขนขาขาดพวกนี้ถูกทำให้กันน้ำและกันเน่า นอกจากนี้ยังทำอย่างประณีตมาก ดูตำแหน่งที่ถูกตัด ตัดได้กลมเกลี้ยง ลายเส้นก็เป็นธรรมชาติเหลือเกิน เป็นงานตัดที่ละเอียดละเมียดละไม” สวี่ชิงหล่างกล่าวแนะนำ
“อย่างนั้นนายอยากเอาไปอบซอสแดงหรือนึ่งล่ะ” โจวเจ๋อเห็นเหล่าสวี่ตั้งใจขนาดนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะให้ความร่วมมือ
สวี่ชิงหล่างตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าเอ่ยว่า “ของที่ใส่ยากันบูดแล้วจะกินได้ยังไง” ขณะที่พูด สวี่ชิงหล่างโยนมือข้างนี้ลงไปในแม่น้ำอีกครั้ง
“ถ้านายยังไม่ล้างมือ ห้ามทำกับข้าว…อ้อไม่ วันนี้นายไม่ต้องทำกับข้าว พวกเราจะสั่งอาหารมาจากข้างนอก” โจวเจ๋อพูดเตือน
สวี่ชิงหล่างพยักหน้า ขานรับ จนกระทั่งตอนนี้ ชุ่ยฮวาที่ลงไปยังไม่ขึ้นมา เฝิงซื่อนั่งลงยองๆ อยู่ริมแม่น้ำ หยิบธูปออกมาหนึ่งดอก ปักลงไปริมแม่น้ำ กลิ่นธูปหอมเป็นธรรมชาติ หมุนเกลียวเป็นควันลอยขึ้นไป
หลังจากรอประมาณสิบนาทีผ่านไป เกิดการเปลี่ยนแปลงบนผิวน้ำอีกครั้ง สีแดงฉานผุดออกมาจากด้านล่าง แปดเปื้อนไปทั่วแม่น้ำสายนี้ ประกอบกับซากแขนขาที่ถูกตัดบนแม่น้ำสายนี้ ยิ่งเสริมซึ่งกันและกันให้เด่นชัดมากขึ้น
และในเวลานี้เอง เงาร่างสีดำของคนผู้หนึ่งได้ลอยขึ้นมาจากใต้น้ำ “ท่านสี่!”
คือชุ่ยฮวา เฝิงซื่อยิ้มเล็กน้อย แต่โจวเจ๋อกลับขมวดคิ้วทันที
เพราะเปื้อนไปด้วยน้ำเลือด ชุ่ยฮวาในเวลานี้เหมือนเป็นคนละคน เมื่อลองคิดเชื่อมโยงกับความฝันของตัวเองแล้ว โจวเจ๋อมองไปทางเฝิงซื่อทันที เตรียมจะพูดเตือน แต่ยังไม่ทันที่โจวเจ๋อจะเอ่ยปาก ในมือของเฝิงซื่อได้ปรากฏแส้หนังเส้นหนึ่ง แล้วฟาดลงไปบนผิวน้ำอย่างแรง ฟาดไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่เรียกเขาว่าท่านสี่เมื่อครู่
ในปากของผู้หญิงเหมือนมีลำแสงสีขาวพ่นออกมา แต่ลอยออกไปไม่ไกลก็ถูกแส้หนังฟาดจนแตกสลาย และแรงตีจากแส้หนังเหมือนจะไม่ลดละ ฟาดลงไปบนร่างกายของผู้หญิงโดยตรง
‘ครืน!’
“อาๆๆๆๆ!!!!!!!!” ไอสีดำเป็นกลุ่มก้อนลอยขึ้นมา ทั่วทั้งแม่น้ำเริ่มเกิดเสียงปุดๆๆ เหมือนน้ำต้มเดือดในกะละมังหลังจากเฝิงซื่อเอ๋อร์เหวี่ยงแส้ออกไป ก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งกดลง จากนั้นธูปหอมที่เผาไหม้ไปครึ่งหนึ่งจึงลอยขึ้นมา
“หยินหยางแยก คนผีจาก ถอย!” ควันสีขาวเป็นสายผุดออกมาอย่างรวดเร็ว และเงาดำแต่ละเงาที่โผล่ออกมาบนผิวน้ำเมื่อครู่ก็ถูกควบคุมโดยตรง
“ประตูนรกเปิด!” ด้านหน้าของเฝิงซื่อปรากฏวงกลมสีดำอันหนึ่ง เงาดำที่ถูกควบคุมตัวเหล่านั้นถูกยัดเข้าไปในวงกลมสีดำทันที ซึ่งก็คือถูกส่งไปยังนรก ชั่วเวลาเดียว ผิวน้ำที่เกิดเสียงดังวุ่นวายแต่เดิมฟื้นคืนสู่ความสงบในพริบตา ผู้หญิงคนนั้นเหมือนคิดจะมุดเข้าไปในแม่น้ำ แต่เห็นเพียงเฝิงซื่อพลิกข้อมือ ม้วนแส้หนังหนึ่งทีแล้วฟาดลงไปอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นถูกมัดก่อน จากนั้นจึงถูกดึงขึ้นมาบนฝั่ง
หลังจากอยู่บนฝั่งแล้ว ร่างกายของผู้หญิงจึงหดตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเต่าแก่ๆ ตัวหนึ่ง และกระดองของเต่าแก่ตัวนี้เต็มไปด้วยขนยาวสีดำปกคลุม และยังงอกยาวไปตามข้างลำตัว
“นี่คือตัวอะไร” สวี่ชิงหล่างมองไปทางทนายอัน
ทนายอันเหลือบตามองแม่นางสวี่หนึ่งที แล้วเอ่ยว่า “ญาติสนิทของคุณ เทพเจ้าแห่งแม่น้ำ”
……………………………………………………………………….
ตอนที่ 628 สิ่งผิดปกติย่อมมีผี!
ในที่สุดโจวเจ๋อก็จึงคิดออก มีทนายอันที่ช่วยล่อตัวประหลาดสองตัวให้ตัวเองเมื่อครู่ยังอยู่ด้านล่าง โจวเจ๋อรีบวิ่งออกจากห้อง มองเห็นทนายอันกำลังเล่นเกมซ่อนแอบกับอัศวินโครงกระดูกสองคนอยู่ในลานกว้าง มือกระดูกขาวของทนายอันปล่อยหมอกสีชมพูออกมาเป็นสาย ซึ่งดูเหมือนจะรบกวนการตัดสินใจของอัศวินโครงกระดูกทั้งสอง ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้าลง จึงทำให้ทนายอันมีโอกาสกระโดดหนีได้ทัน
แต่สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจคือ กลิ่นคาวเลือดที่ได้กลิ่นตั้งแต่อยู่ในห้อง หลังจากตัวเขาเดินออกมากลับยิ่งฉุนมากขึ้น เห็นได้ชัดว่า ลูกค้าที่พักอยู่ในโฮมสเตย์แห่งหลังนี้หลายคนน่าจะถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอัปมงคลใด ถึงแม้จะก่อกวนอยู่ในโลกมนุษย์ แต่ส่วนมากจะพิถีพิถันกลัวจะสร้างบาปกรรมให้ตัวเอง คนที่ไม่ยี่หระต่อสิ่งใดกล้าปละฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างโจ๋งครึ่มเช่นนี้ ถือว่ามีน้อยมากจริงๆ เราทำอะไรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนมองเห็น เล่นมากไปก็จะโดนทำโทษ
พอเงยหน้า โจวเจ๋อจึงเห็นว่าเหนือโฮมสเตย์แห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยแหสีดำหนึ่งชั้น ถูกตัดขาดจากทำให้ภายนอกและภายในตัดขาดจากกัน หลอกทั้งตัวเองและผู้อื่นอย่างนั้นหรือต้องทำร้ายกันถึงขั้นนี้เชียวหรือ พอดูจากตอนนี้แล้วอัศวินโครงกระดูกเหล่านี้น่าจะได้รับการกระตุ้นจากก้อนหินสีเขียวที่ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปขโมยในสุสาน จึงไล่ตามมาจากในสุสาน และน่าจะอาศัยการทำงานตาม ‘สัญชาตญาณ’ ที่กำหนดคิดไว้ล่วงหน้า ดังนั้นจึงไม่กลัวและกังวลอะไรเลย
ถ้าหากมีคนคอยควบคุมจะต้องไม่กล้าฆ่าคนธรรมดาแบบนี้แน่นอน สิ่งนี้ทำให้โจวเจ๋อนึกถึงเจ้าโง่ที่ปรากฏตัวครั้งที่แล้ว “สาร…เลว…”
‘ปัง!’
ตอนที่โจวเจ๋อยังไม่ทันลงมาข้างล่าง ประตูใหญ่ของโฮมสเตย์ถูกเปิดออกกะทันหัน อัศวินโครงกระดูกสี่คนขี่ม้าพุ่งเข้ามาโดยตรง ทนายอันงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อเงยหน้ามองพบว่าเถ้าแก่ยืนอยู่ตรงนั้น จึงรีบร้องขอให้ช่วย “เถ้าแก่ ผมต้านไม่ไหวแล้ว!”
“สววรรค์และโลกไร้ขอบเขต จิตใจลึกล้ำคือธรรมมะ!” บนขอบกำแพง สวี่ชิงหล่างท่องคาถา ขณะเดียวกันได้กัดปลายลิ้น จากนั้นจึงพ่นเลือดที่ปลายลิ้นไปบนดาบเหรียญทองแดง “ไป!” ดาบเหรียญทองแดงกลายเป็นลำแสงหนึ่ง ตัดศีรษะด้านหลังหน้าอกของอัศวินเหล่านั้นทันที ‘ปึ้งๆๆๆ!’ เสียงลมรั่วดังติดต่อกัน อัศวินโครงกระดูกทั้งหกคนที่อยู่ข้างล่างสลายกลายเป็นฝุ่นผง กองอยู่บนพื้น
“จริงๆ เลย!” ทนายอันอ้าปากหวอทมองสวี่ชิงหล่างที่นั่งยองๆ อยู่ริมบนกำแพง แล้วพูดด้วยความทึ่งว่า “คุณบรรลุอีกแล้วเหรอ” เก่งจริงๆ!
“คอยสังเกตมาพักหนึ่งแล้ว” สวี่ชิงหล่างกระโดดลงมาจากกำแพง แล้วอธิบายว่า “สายตาของผมค่อนข้างดีสามารถมองเห็นเส้นไหมที่อยู่หลังศีรษะของพวกเขาได้”
นับตั้งแต่ที่บังคับพยายามผนึกพลังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลส่วนหนึ่งไว้ในร่างกายแล้ว นัยน์ตาของสวี่ชิงหล่างจะกลายเป็นนัยน์ตาของงูเป็นบางครั้ง จึงมีความรู้สึกไวต่อสิ่งที่ผิดปกติสูงมาก
“ผมก็ว่าอยู่ แม่งไอ้พวกนี้เป็นหุ่นเชิดนี่เอง ต่อสู้ยังไงก็ไม่มีประโยชน์” ทนายอันเดาะปากเสียงดัง ก่อนหน้านี้เขาเห็นเถ้าแก่เปิดโหมดผีดิบ ยังจัดการอัศวินโครงกระดูกพวกนี้ไม่ได้เลย แน่นอนว่า จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้หากจะพูดถึงความแข็งแกร่งอันที่จริงก็ไม่ได้แข็งแกร่งนัก ถึงแม้จะเป็นในหมู่หุ่นเชิดด้วยกัน ก็แต่ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่มีตัวตนอันน่าทึ่ง เพราะจุดอ่อนของพวกเขาชัดเจนเกินไป
จากนั้นสวี่ชิงหล่างจึง ‘ฟึบ’ จัดการไปเลยหกคน และอีกฝ่ายก็ไม่มีเวลาตอบโต้ แต่ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด อาศัยร่างของหุ่นเชิดนี้ ไม่แน่อาจจะมีผลกระทบที่น่ากลัวกว่ามากกว่านี้ อย่างน้อยที่สุด ก็รับมือกับคนทั่วไปได้อย่างไม่มีปัญหา
โจวเจ๋อนำคำพูดของผู้หญิงคนนั้นมาเล่าอีกรอบ แล้วจึงพูดถึงประสิทธิภาพของก้อนหินสีเขียวอีกหนึ่งรอบ
“สิ่งนี้มีไว้ใช้เฝ้าสุสานเหรอ” ทนายอันยื่นเท้าเตะไปที่ชุดเกราะ ด้านในของชุดเกราะมีอักขระที่ปลุกเสกแล้วโดยเฉพาะ หลังจากเส้นไหมนั่นถูกสวี่ชิงหล่างตัดขาด อักขระถูกทำลาย ชุดเกราะจึงกลายเป็นเหล็กธรรมดา “ตัวเร่งความซวยนี้ หากใครเข้าไปในสุสานแห่งนี้ พกเครื่องยิงจรวดไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพวกมันสามารถทะลุกำแพงได้ และตรงชั้นสองนั่น ตอนที่ผมฉันลงมา คู่รักคู่ทรหดที่กำลังสื่อสารกันอยู่บนเตียง ถูกแทงติดอยู่ด้วยกันเหมือนขนมเสียบไม้ถังหูลู่ติดอยู่ด้วยกัน”
“คุณไม่ได้ไปผ่อนคลายเหรอ” สวี่ชิงหล่างถาม
“เหอะๆ” ทนายอันหัวเราะเย็นชา “ผมเงยหน้ามองปรากฏการณ์ดวงดาวตามหลักโหราศาสตร์ รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องในคืนนี้ จึงระวังตัวอยู่ตลอดเวลา” แต่จริงๆ แล้วในใจคิดว่า เขาอันปู้ฉี่ถึงแม้จะไม่ขาดเงิน แต่สามารถทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมก่อกวนสภาพแวดล้อมของตลาดได้
สวี่ชิงหล่างเหมือนจะนึกอะไรออกจึงถามว่า “ เถ้าแก่ คุณบอกว่าพิษผีดิบในของหินก้อนนั้นใช้ได้ผลกับคุณ อย่างนั้นก็เท่ากับยาบำรุงใช่ไหม”
โจวเจ๋อหรี่ตาเล็กน้อย เขาเข้าใจความหมายของสวี่ชิงหล่างแล้ว อันที่จริงเขาได้คาดเดาถึงเรื่องนี้แล้ว แต่อยากให้มั่นใจกว่านี้ “ยังต้องดูว่าก้อนหินพวกนั้นมีเท่าไร ถ้าหากมีนิดหน่อยก็ปล่อยให้วางไว้เป็นของล้ำค่าอยู่ที่นั่นแค่นิดหน่อย ไม่มีประโยชน์อะไร”
“มีเยอะมาก มีทั่วทั้งหุบเขา สุสานหลักก็อยู่บนหุบเขานั่้น หินประเภทนี้มีอยู่ทุกที่ในที่แห่งนั้น จะหยิบอย่างไรก็ได้!” ผู้หญิงเอ่ยทันที ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นเกินเหตุ
โจวเจ๋อไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ไม่รู้ความ การสื่อสารกับคนยังต้องระวังอยู่บ้าง นับประสาอะไรกับผี
“คุณวิ่งไปทำอะไรที่นั่นตอนว่างเหรอ” อันปู้ฉี่ถามพลางหัวเราะเหอะๆ ถาม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับจ้องมองผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลา
“นี่คือเรื่องที่ฉันกับผู้จับกุมอีกคนหนึ่งได้ตกลงกัน เขาต้องการสิ่งนี้ ฉันจึงช่วยไปเอามาให้เขา จากนั้นเขาจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับฉัน”
“ค่าตอบแทน เงินกระดาษเหรอ”
“เขากับฉันเดินสายเดียวกัน เขาสามารถช่วยสร้างกระดูกให้ฉันได้” ผู้หญิงตอบ
“อ้อ” ทนายอันพยักหน้า รู้สึกน่าเบื่ออยู่บ้าง เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องของยมทูตกับผู้จับกุมในเมืองลี่เจียงเท่าไร แต่ก็ยังถามต่อ “แล้วเขาล่ะ”
“ฉันไม่รู้ ฉันออกมาจากสุสาน ก็วิ่งสิ่งไปตามจีพีเอสบนหนังสือรับรองยมทูต จากนั้นก็มาถึงที่นี่”
“โอเคๆ พอก่อนๆ ต่อไปก็พาพวกเราไปดูสุสานนั่นเถอะ เวลาไม่ค่อยท่า เถ้าแก่ โฮมสเตย์นี้มีคนตายไม่น้อย เผาเงินกระดาษหน่อยแล้วค่อยไปกันเถอะ”
“พวกคุณสามารถใช้ฉัน…”
“พวกเราไม่ต้องการชีวิตของคุณ” ทนายอันยังคงพูดตัดบทผู้หญิงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม บรรยากาศกร่อยไปชั่วขณะ “พวกเราไม่เหมือนคนอื่น ฆ่ายมทูตคนหนึ่งสำหรับพวกเราแล้วไม่มีผลกระทบอะไร และไม่ต้องกังวลว่าจะโดนลงโทษจากยมโลก” ขณะที่พูดไปเรื่อยๆ ทนายอันพลางเกาศีรษะแล้วพูดด้วยความเสียใจอยู่บ้าง “เถ้าแก่ ผมแข็งทื่อเกินไปแสดงไม่ถึงบทบาท ถ้าหากผู้หญิงคนนี้เกิดแค้นขึ้นมาหลอกทำร้ายพวกเราหลังจากที่เข้าไปในสุสานพวกเราจะทำยังไง ถ้าอย่างนั้นผมตอนนี้ผมจึงดึงวิญญาณของเธอออกมาก่อนดีไหม เธอแค่เจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ช้าก็จะแตกดับไป”
“…” ผู้หญิง
“แล้วแต่คุณเลย” โจวเจ๋อกำชับทนายอัน จากนั้นจึงมองอิงอิง “หยิบเงินกระดาษออกมาหน่อย พวกเราเผาแล้วก็ออกเดินทางไป”
“ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่!”
ทนายอันเลียปาก ยื่นมือจับไหล่ของผู้หญิง “มา พวกเราไปตกลงราคากันทางโน้น อ้อไม่ ตกลงเงื่อนไข ไม่ว่ายังไงต้องให้คุณไปกับพวกเราอย่างสบายใจ”
อิงอิงไปหยิบเงินกระดาษจากข้างในกระเป๋าเดินทาง โจวเจ๋อจุดบุหรี่ เห็นสวี่ชิงหล่างนั่งลงยองๆ พลิกชุดเกราะไปมา “เป็นอะไร สนใจเหรอ”
สวี่ชิงหล่างมีความสนใจด้านอักขระเป็นอย่างมาก ในเรื่องของยันต์กระดาษและค่ายกล ก็มีความรู้อยู่ในระดับที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลอยู่ในร่างกายของเขา ก็เป็นเพราะเขาคือการใช้เวลาฝึกฝนเรียนรู้ด้วยตัวเองถึงทำได้สำเร็จ และได้แต่พูดว่าโอกาสและโชคชะตาของทุกคนไม่เหมือนกัน อาจารย์ของเขาถ้าหากตัดปัจจัยอื่นออกไป เขาจะเป็นคนที่มีฝีมือคนหนึ่งแน่นอน
“อักขระพวกนี้เสียหายหนักมาก ผมจะลองจำบางส่วนไว้ ดูว่ากลับไปแล้วจะซ่อมคืนได้ไหม”
โจวเจ๋อได้ยินดังนั้น ในหัวของเขาปรากฏภาพคนตัวใหญ่เหล่านี้อยู่ในร้านหนังสือและมีภาพขนาดใหญ่ของคนตัวอ้วนใหญ่ทันที พอลิงลองคิดดูก็ไม่แย่ ถ้ารู้จุดอ่อนแล้วคนตัวใหญ่เหล่านี้สามารถพูดได้ว่าไร้ประโยชน์ แต่ถ้าหากคนอื่นบุ่มบ่ามเข้ามา และมีคนตัวใหญ่เหล่านี้อยู่ด้วยถือว่าสะดวกเป็นอย่างมาก
“อีกสักพักถ้าเข้าไปในสุสาน น่าจะมีโอกาสได้เห็น ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นของอย่างอื่น” โจวเจ๋อกล่าว
“อืม” สวี่ชิงหล่างพยักหน้า ลุกขึ้น ปัดตบมือ มองโจวเจ๋อแล้วเอ่ยว่า “จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมสนใจมากกว่า คืออักขระบนตัวของคุณ เดี๋ยวกลับไปร้านหนังสือแล้ว ตอนที่คุณอาบน้ำ เข้าสู่สภาวะผีดิบ ผมจะหยิบกระดาษและปากกากันมาบันทึกไว้”
โจวเจ๋อไม่ปฏิเสธ อันที่จริงตัวของเขาเองก็ได้สังเกตเช่นกัน ดูเหมือนจะได้รับการกระตุ้นจากภูเขาคะฉิ่นบวกกับการปลุกวิญญาณทหารหลายหมื่นนาย จึงเป็นผลทำให้รูปแบบการแสดงออกของสภาวะผีดิบเปลี่ยนแปลงไป
น่าจะเกิดการวิวัฒนาการขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น แต่พอนึกถึงคนนั้นที่อยู่ในศูนย์วิจัยใต้ดินของกองทัพญี่ปุ่น ถึงแม้จะตายไปแล้ว แต่ยังคงมีอานุภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เช่นนั้นถ้าหากยังมีชีวิตอยู่เล่า ทุกคนตอนเริ่มต้นเล้วนเป็นหมือนคนโง่เหมือนกัน เขายกระดับกายเนื้อถึงระดับสูงสุดแล้ว ตัวเองก็น่าจะทำได้เหมือนกันใช่ไหม
“เถ้าแก่ เงินกระดาษมาแล้ว” โจวเจ๋อรับเงินกระดาษมาจากในมือของอิงอิง แล้วหยิบไฟแช็กจุดไฟเผาอยู่ตรงหน้าประตูโฮมสเตย์นี้ เวลานี้แหสีดำยังไม่เลือนหาย จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนนอกเข้ามารบกวน
ทนายอันโอบผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา ดูเหมือนคุ้นเคยกันอย่างมากแล้ว เขาเอ่ยว่า “ตกลงเรียบร้อยแล้ว ผมออกเงิน รับรองว่าไม่ต้องทำให้ยมทูตหญิงคนนี้ของพวกเราต้องพอใจ ไม่คิดตุกติกแน่นอน” ดูเหมือนจะพูดตรงเกินไป ยมทูตหญิงรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
สวี่ชิงหล่างกลับสังเกตเห็นว่า ที่คอของยมทูตหญิงมีรอยเล็บ น่าจะเป็นทางหนีทีไล่ที่ทนายอันทิ้งไว้เมื่อครู่ ใช้ผลประโยชน์ผูกมัดคน ไม่ว่าจะมีผลประโยชน์มากน้อยแค่ไหนล้วนต้องเจอกับความเสี่ยง วิธีที่ดีที่สุดคือ หยิบชีวิตของคนคนนั้นมาข่มขู่ ถึงจะสามารถลดอัตราความเสี่ยงได้ในระดับที่มากใหญ่ที่สุด สวี่ชิงหล่างหันหน้ากวาดตามองโจวเจ๋อที่เผาเงินกระดาษอยู่ตรงนั้น เขามองออกไหม หรือว่ามองออกแต่กลับทำเป็นมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าทำไม สวี่ชิงหล่างนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาสองครั้งอาลัยรักในตอนแรก เธอเป็นถือถุงมือสีขาว[1]ที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลส่งมายังโลกมนุษย์
เช่นนั้นทนายอันที่อยู่ในร้านหนัังสือ ตอนนี้ก็กำลังรับบทกลายเป็นตัวละครนี้ใช่ไหม เถ้าแก่ยังคงขี้เกียจเหมือนเดิม ไม่กระตือรือร้นต่อสิ่งภายนอกเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มิอาจให้คนรู้ได้หรือวิธีที่โดนดูถูกเหยียดหยาม ทนายอันเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด
เมื่อจุดไฟเผาเงินกระดาษใบสุดท้ายแล้ว โจวเจ๋อจึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน รอเดี๋ยว เถ้าแก่ บนดาดฟ้ายังมีคนเป็นที่ถูกผมทำให้สลบ ผมจะไปหามเธอลงมาก่อน เวลาเธอตื่นขึ้นมาแล้วจะได้ไม่ตกใจ” ทนายอันเอ่ยแล้วจึงหมุนตัวขึ้นไปข้างบน ผู้หญิงที่อยู่บนดาดฟ้านอนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว คาดว่าคงโดนลมพัดจนไม่สบายไปแล้ว ทนายอันมองสาวงามที่ตกลงราคากับตัวเองอยู่พักหนึ่ง รู้สึกเสียดายและเสียใจอยู่บ้าง
“คิดจะตกลงราคากับฉัน ชีวิตของเธอฉันเป็นคนช่วยไว้ ยังคิดจะพูดเรื่องราคา ต่ำช้าจริงๆ!” พูดจบ ตอนที่ทนายอันอุ้มเธอเตรียมตัวเดินลงมา กลับหยุดการเคลื่อนไหวทันที แล้ววางเธอกลับไป จากนั้นหมุนตัวยื่นมือเข้าไปคลำหาของใต้เตาปิ้งย่าง ทันใดนั้นสายตาของเขาพลันนิ่งงัน ตอนที่ชักมือกลับมา กลับมีป้ายของผู้จับกุมเพิ่มมาอยู่ในมือ!
“หึฮิๆ” ทนายอันหัวเราะเย็นชาเล็กน้อย “ฉันว่าแล้ว ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้”
……………………………………………………………………….
[1] ถุงมือสีขาว หมายถึง เป็นมือที่คอยทำเรื่องสกปรกโดยแอบซ่อนไว้ภายใต้ถุงมือสีขาว