ตอนที่ 632 ค่ายกลพิฆาต!
โจวเจ๋อเดินไปข้างตัวเต่าตัวใหญ่ด้วยความสงสัยอยู่บ้าง และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ห่างจากน้ำ หรือว่าถูกเฝิงซื่อเอ๋อร์ฟาดด้วยแส้หนังจนพลังต้นกำเนิดพังทลาย ตอนนี้ มันเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า น้ำหนองสีดำ สีขาว สีแดงไหลออกมาจากท้องของมัน ส่งกลิ่นเหม็นเป็นระยะ มองแค่แป๊บเดียว โจวเจ๋อก็ทนไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นเดินห่างออกไปไกลเล็กน้อย
“เถ้าแก่ ยาหม่องน้ำ” อิงอิงเดินมาข้างหน้าอย่างใส่ใจ ยื่นขวดขนาดเล็กที่ใส่ยาหม่องน้ำให้โจวเจ๋อ ออกมาครั้งนี้อิงอิงขนสัมภาระมามากมาย ดังนั้นของที่เตรียมมามีเยอะแยะหลากหลายเป็นธรรมดา
โจวเจ๋อเทออกมาพอประมาณ และถูไปที่ระหว่างปากและจมูก ถึงได้รู้สึกโล่งสบายขึ้นบ้าง ขณะเดียวกันยังไม่ลืมที่จะพูดแซวว่า “เทพเจ้าแห่งแม่น้ำตายแล้ว ไม่ควรออกมาถามคุณว่า ผู้ตรวจสอบหนุ่ม เจ้าทำขวานทองหรือว่าขวานเงินหายล่ะหรือไง”
เฝิงซื่อฟังแล้ว จึงหัวเราะอย่างมีมารยาท สวี่ชิงหล่างมอง ‘ญาติสนิท’ ของตัวเองที่อยู่บนพื้นตรงหน้าด้วยความสงสัยอยากรู้ อันหนึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล อันหนึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งแม่น้ำ สามารถพูดได้ว่าเป็น ‘ญาติสนิท’ จริง
จู่ๆ โจวเจ๋อก็รู้สึกว่าช่วงนี้เหล่าสวี่รสนิยมเปลี่ยนไปอย่างน่าเหลือเชื่อ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะการหลอมรวมเข้ากับเทพเจ้าแห่งท้องทะเล หรือว่าช่วงนี้เขาค่อนข้างทำตามอำเภอใจ โจวเจ๋อเห็นสวี่ชิงหล่างหยิบกิ่งไม้เขี่ยเต่าแก่เน่าตัวนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนว่า “อาหารหมดอายุนะ”
เขากลัวว่าสวี่ชิงหล่างจะมีความคิดบ๊องๆ อยากนำเต่าแก่ตัวนี้ไปทำอาหาร และด้วยฝีมือการทำอาหารของแม่นางสวี่ ไม่แน่เขาอาจจะมีความสามารถทำให้เนื้อเน่านี้ไร้กลิ่นคาวได้ สามารถทำอาหารให้หอมเย้ายวนใจ แล้วยกมาเสิร์ฟให้โจวเจ๋อกับทนายอันได้กินอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นเขาก็ยืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าที่พึงพอใจ
“เสียดาย เต่าเน่าเสียแล้ว” สวี่ชิงหล่างเสียดายอยู่บ้าง เนื้อไม่สามารถกินได้แน่นอน แต่กระดองเต่ายังมีประโยชน์ ทว่าตอนนี้เต่าแก่ตัวนี้ไม่ไหวแล้ว คุณหยิบมาใส่ถุง ไม่แน่หลังจากสิบห้านาทีผ่านไปอาจจะกลายเป็นถุงน้ำหนองทั้งถุง แม้แต่จะเก็บชิ้นเนื้อสักชิ้นขึ้นมาก็หาไม่เจอ
และในเวลานี้ มีคนลอยออกจากผิวน้ำอีกครั้ง เป็นหญิงชราคนหนึ่ง “ท่านสี่ ข้าขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะ!”
เฝิงซื่อพยักหน้า เห็นได้ชัดว่า นี่คือชุ่ยฮวาเอ๋อร์ ชุ่ยฮวาว่ายน้ำขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ทั้งตัวถูกพันไปด้วยสาหร่าย แต่ก็ดี ถือว่าใส่เสื้อผ้าอีกหนึ่งชั้น
เธอขี้เกียจวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนนี้ จึงพูดรายงานโดยตรง “ท่านสี่ ปากถ้ำนั่นเหมือนถูกขยายทางแล้ว มีร่องรอยทิ้งไว้เมื่อไม่นานมานี้เจ้าค่ะ” นั่นคือฝีมือของอิงอิงก่อนหน้านี้ อิงอิงได้รับคำสั่งจากโจวเจ๋อให้ลงไปขยายทางหน้าปากถ้ำ เพื่อที่จะเข้าไปได้สะดวก “จากนั้นข้าก็เข้าไปด้านใน แต่ใครจะรู้ว่าข้างในมีแขนขาถูกอัดแน่นไปหมด ข้าจึงดึงออกมาทีละอันเจ้าค่ะ มันเยอะมากจริงๆ ท่านดู…”
ขณะที่พูด ชุ่ยฮวาชี้ไปที่ผิวน้ำ “ตอนที่ดึงแขนกับขาออกมาหมดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเต่าขนยาวตัวหนึ่งติดอยู่ในนั้น ปิดทางเข้าเอาไว้เหมือนกับที่เสียบก้น ติดแน่นมากเจ้าค่ะ ข้าผ่ามันอยู่นาน และดึงอยู่พักใหญ่ ถึงดึงเต่าแก่ตัวนี้ออกมาได้ เต่าแก่ตัวนี้มีเคล็ดวิชาเล็กน้อย แต่หลังจากดึงมันออกมาแล้วข้าก็ไม่สนใจเจ้าค่ะ ไม่ว่ายังไงข้ารู้ว่ามีท่านสี่อยู่ข้างบน เต่าแก่ตัวนี้คงแผลงฤทธิ์อะไรไม่ได้
ใครจะรู้ว่าหลังจากดึงเต่าแก่ตัวนี้ออกมา ในนั้นกลับมีน้ำเลือด ‘ปุดๆ’ ออกมา กลิ่นเหม็นเปรี้ยวมาก เปรี้ยวมากกว่าผักดองที่ข้าหมักอีกเจ้าค่ะ พอรอให้น้ำเลือดผ่านไป ข้าจึงเข้าไปดูข้างใน ในนั้นมีแท่นอันหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าด้วยสาเหตุใด บนแท่นนั้นไม่เปียกน้ำ และยังมีราวเหล็กอันหนึ่งอยู่ข้างบน บนนั้นยังมีโซ่และเครื่องทรมานแขวนอยู่ บางอันทำจากเหล็ก บางอันทำจากหิน พื้นที่ไม่ใหญ่มาก ของก็ไม่เยอะ มีแค่ไม่กี่อย่าง”
“อืม” เฝิงซื่อยื่นมือตบศีรษะของชุ่ยฮวาเอ๋อร์เบาๆ แล้วเอ่ยว่า “เจ้าทำดีมาก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”
“เจ้าค่ะ ท่านสี่” ชุ่ยฮวาเอ๋อร์เดินมาตรงหน้าอิงอิง เนื่องจากเป็นคนแก่ ทั้งหัวและตัวจึงมีการหดตัว ชุ่ยฮวาเอ๋อร์เวลานี้เงยหน้ามองอิงอิง “นี่ ขอยืมเสื้อผ้าของเจ้าใส่หน่อย!”
อิงอิงมองไปทางโจวเจ๋อ เมื่อเห็นโจวเจ๋อพยักหน้า อิงอิงจึงพาชุ่ยฮวาเอ๋อร์เข้าไปในเต็นท์หาเสื้อผ้า
ทนายอันเดินมาข้างๆ เฝิงซื่อเอ๋อร์ เหมือนปรึกษากับเขา โดยไม่ได้กดเสียงต่ำ แต่พูดเสียงดังชัดเจน “เทพเจ้าแห่งแม่น้ำติดอยู่ข้างล่าง เพื่อปิดผนึกเหรอ”
เฝิงซื่อพยักหน้าเล็กน้อย “น่าจะใช่ ดูท่าแล้ว น่าจะอยู่มานานแล้ว อย่างน้อยก็ก่อนสาธารณรัฐจีน”
ก่อนสาธารณรัฐจีน ห่างจากตอนนี้อย่างน้อยหนึ่งร้อยปี โจวเจ๋อขยับเข้าหาสวี่ชิงหล่าง ใช้ศอกกระทุ้งเขาเล็กน้อย สวี่ชิงหล่างกำลังจะขยับเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาสองสามประโยค แต่ถูกโจวเจ๋อกระทุ้ง จึงเข้าใจทันที เถ้าแก่กำลังถามเขาว่า ‘ปิดผนึก’ หมายความว่าอะไร
“นี่คือวิธีการพูดอย่างหนึ่งในภาษาของฮวงจุ้ย อย่างเช่น สถานที่หนึ่งเกิดเคราะห์ร้ายมาตลอด คนท้องถิ่นจะรู้สึกว่ามีปัญหาที่ฮวงจุ้ย การปิดผนึกก็เหมือนกับฝังเข็มตามร่างกายของคน ใช้ฮวงจุ้ยเพื่อปรับแก้ให้ถูกต้อง ถึงแม้ในยุคปัจจุบัน ในหมู่บ้านตามชนบทบางแห่ง ยังสามารถเห็นกำแพงอิฐหรือกำแพงปูนตั้งอยู่อย่างไม่มีสาเหตุอยู่ในไร่นาบางแห่ง ไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้ กลับตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้นอย่างเดียวดาย นี่อาจจะเกิดเรื่องแปลกประหลาดอะไรในท้องถิ่น ถึงได้เชิญซินแสหยินหยางมาช่วย ‘ปิดผนึก’”
ทนายอันหัวเราะ ยื่นมือชี้ไปที่แม่น้ำ แล้วพูดกับเฝิงซื่อว่า “ซื่อเอ๋อร์ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ล้วนเป็นโบราณวัตถุ”
โจวเจ๋อเพิ่งตระหนักได้ว่า แขนขาที่ถูกตัดขาดบนแม่น้ำได้กระจุกรวมตัวกันอยู่ในแม่น้ำช่วงนี้ ตั้งแต่ที่พวกมันลอยขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่ไหลไปตามกระแสน้ำเลย
ท่ามกลางความมืดมิด ดูเหมือนจะมีบางสิ่งนำพวกมันมาพันธนาการไว้ที่นี่ รวมตัวกันไม่ให้กระจายไปไหน
เฝิงซื่อเอ๋อร์ดึงแส้หนังของตัวเองออกมาอีกครั้ง แล้วฟาดไปบนแม่น้ำสามที ชั่วเวลาเดียว แขนขาที่ขาดเหล่านี้เริ่มไหลไปตามกระแสน้ำตอนล่าง คาดว่าเด็กๆ ที่พักอยู่ตรงแม่น้ำตอนล่างไม่ช้าจะต้องตกใจกับฉากนี้
“ฝีมือประณีตมาก ผมอยากจะเก็บกลับไปสะสมสักหนึ่งอัน” สวี่ชิงหล่างพูดอย่างเสียดาย
โจวเจ๋อกลอกตาใส่สวี่ชิงหล่างหนึ่งที พลางคิดในใจว่าช่วงนี้ตัวเองละเลยเขาเกินไปหรือเปล่า ทำให้เขากลายเป็นเช่นนี้ แต่พอนึกถึงตอนแรกที่เพิ่งรู้จักกัน เหล่าสวี่ก็ทำหนังคนสองตัวแล้ว กินข้าวเย็นเป็นเพื่อนพวกเขาทุกวัน ดูเหมือนว่าตอนแรกเหล่าสวี่จะมีรสนิยมค่อนข้างหนักอยู่แล้ว เพียงแต่เขาค่อนข้างหน้าตาดี ดังนั้นจึงทำให้คนละเลยไปโดยไม่รู้ตัว
“นั่นสิ โบราณวัตถุ ถึงแม้วัสดุจะทำมาจากคนก็ตาม แต่ก็เหมือนศพโบราณโหลวหลานกับมัมมี่ในอียิปต์ น่าจะมีมูลค่ามาก” ทนายอันกล่าว
หลายปีก่อน หลังจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ความสนใจเรื่องโบราณคดีจึงเกิดขึ้น มีคนจำนวนไม่น้อยถ่อไปถึงทะเลทรายเพื่อขุดมัมมี่ออกมาขายโดยเฉพาะ ในนั้นยังมีคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ขุดศพมัมมี่โบราณเหล่านั้นขายให้กับชาวอังกฤษโดยเฉพาะ ทำเงินได้มหาศาล แต่หลังจากนั้นก็ถูกจับโดนยิงตายทันที
อันที่จริงแค่เห็นมือและเท้าพวกนี้ถูกแช่อยู่ในน้ำนานหลายปี กลับยังสดใหม่เหมือนเดิม หากตัดปัจจัยซับซ้อนหลายอย่างออกไป สิ่งของเหล่านี้แต่ละชิ้นถือเป็น ‘ผลงานศิลปะ’ จริงๆ และยังนับได้ว่าเป็นการตกผลึกทางภูมิปัญญาของคนทำงานในสมัยโบราณ
“ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองโบราณค่อนข้างใกล้ หากไม่มีอะไรผิดคาด ในตอนนั้นน่าจะเกิดปัญหาบางอย่างในจวนมู่หวัง จากนั้นจึงไปหาผู้ฝึกเต๋าที่มีตบะแก่กล้า ภายใต้การแนะนำของคนผู้นั้น จึงได้ทำการปิดผนึกที่นี่ไว้”
เขตแดนของลี่เจียง ก่อนและหลังเกือบหกร้อยปี ตระกูลที่มีเงินและอำนาจมากที่สุดก็คือตระกูลของมู่หวัง ‘เจ้าพ่อท้องถิ่น’ ที่ไม่เคยล้มหลายต่อหลายรุ่น
เมื่อนึกเชื่อมโยงกับผู้ใหญ่บ้านแถวบ้านคุณหนึ่งปีสามารถหาเงินได้เท่าไรก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว นับประสาอะไรกับทำเงินได้หกร้อยกว่าปี
“เต่าแก่ตัวนี้น่าจะโดนปิดผนึกในตอนนั้น ถูกบังคับให้โดนผนึกอยู่ที่นี่ เดี๋ยวนี้เทพเจ้าต่างๆ ตามภูเขา แม่น้ำ และทะเลสาบมีน้อย ถึงแม้เมื่อก่อนจะมีตำแหน่งข้าราชการ แต่ก็ถูกทำลายยับเยิน ตลกเจ้าเต่าแก่ตัวนี้เมื่อกี้เหมือนอยากจะแว้งกัดข้า ปลอมตัวเป็นชุ่ยฮวาคิดอยากจะหลอกข้า” เฝิงซื่อหัวเราะขณะที่พูด
ปีศาจตามภูเขาและแม่น้ำเหล่านี้ มีวิชาที่เป็นของพวกมันเอง และน้ำก็คือตัวนำของ ‘ภาพมายา’ อย่างหนึ่ง เนื่องจากสามารถสะท้อนแสงได้ ดังนั้นจึงแฝงไว้ด้วยการหลอกลวงจิตใจคน ปีศาจที่อุบัติขึ้นในน้ำส่วนใหญ่จะมีความสามารถที่คล้ายกันแบบนี้
เวลานี้ชุ่ยฮวาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกมา เธอใส่ชุดกีฬาชุดหนึ่ง
“เห็นอะไรข้างล่างบ้าง วาดออกมาก่อน” เฝิงซื่อออกคำสั่ง
“ได้เลยเจ้าค่ะ ท่านสี่”
“ผมมีปากกากับกระดาษครับ” สวี่ชิงหล่างหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากเต็นท์ของตัวเอง แล้วจึงหยิบปากกากับกระดาษยื่นให้ชุ่ยฮวา ปกติเขาชอบวาดยันต์อยู่แล้ว ดังนั้นจึงพกของพวกนี้เป็นประจำ
ชุ่ยฮวาก็ไม่เกรงใจ รีดกระดาษให้เรียบ หยิบของสิ่งหนึ่งทำเป็นที่รอง แล้วจึงนั่งลงยองๆ เริ่มวาดทันที
“โอ้ว ฝีมือการวาดภาพ มองไม่ออกจริงๆ ซ่อนเก่งเชียวนะ” โจวเจ๋อพูดชม อิงอิงที่อยู่ข้างๆ เบะปาก! หึงแล้ว! อีกฝ่ายเป็นทาส ตัวเธอเป็นสาวใช้ จะยอมให้คนอื่นมาเปรียบเทียบได้อย่างไร!
เดิมทีโจวเจ๋อคิดว่าสาวโก๊ะคนนี้นอกจากผักดองแล้วอย่างอื่นทำไม่เป็น คิดไม่ถึงว่าจะมากความสามารถเช่นนี้ สักพักหนึ่ง ภาพสเก็ตช์ให้ความรู้สึกเหมือนภาพสามมิติใบหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาบนกระดาษ
นี่คือแท่นอันหนึ่ง บนแท่นมีราวเหล็กอันหนึ่ง บนนั้นยังมีโซ่ตรวน ข้างๆ มีขวานคล้าย ‘เครื่องประหารหัวสุนัข’ ของเปาบุ้นจิ้น แล้วก็ยังมีของอย่างอื่นเรียงกันเป็นตับ ล้วนเป็นเครื่องทรมานทั้งสิ้น
ทนายอันกับเฝิงซื่อสบตากันหนึ่งที ก่อนหน้านี้ตอนที่ฟังการบอกเล่าจากปากของชุ่ยฮวา พวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลังจากที่เห็นรูปแบบการจัดวางของภาพวาดใบนี้แล้ว สีหน้าของทั้งสองคนนิ่งขรึมกว่าก่อนหน้านี้อยู่ไม่น้อย
“เป็นอะไร” โจวเจ๋อถาม
สวี่ชิงหล่างนั่งลงยองๆ หยิบปากกาที่ชุ่ยฮวาเพิ่งวางลงไป จากนั้นชี้ขวาน ดาบเล่มใหญ่ ราวเหล็ก และเครื่องทรมานต่างๆ เหล่านี้แล้วพูดว่า “ตำแหน่งการจัดวางของสิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับวิชาฮวงจุ้ยโดยบังเอิญ ถือว่าเป็นค่ายกลพิฆาตอย่างหนึ่ง”
“ค่ายกลพิฆาต” โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย “เอาไว้ฆ่าคนเหรอ”
สวี่ชิงหล่างส่ายหน้า หันไปมองโจวเจ๋อที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเองอย่างตั้งใจแล้วเอ่ยว่า “นี่คือรูปแบบการจัดฮวงจุ้ยทำลายพลังพิฆาต เอาไว้ฆ่าผีดิบโดยเฉพาะ!”
เฝิงซื่อพยักหน้า แล้วพูดเพิ่มเติมว่า “ถูกแล้ว จัดเพื่อฆ่าผีดิบโดยเฉพาะ เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนอาจจะมีผีดิบก่อความวุ่นวาย คนของจวนมู่หวังจึงเชิญซินแสหยินหยางที่มีความรู้วิชาเต๋าระดับลึกมาปิดผนึกที่นี่ ถือว่าเป็นการสร้างหลุมกับดัก แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร กับดักนี้กลับไม่ได้ใช้งาน เมื่อดูแบบนี้แล้ว คนที่วางแผนตลบหลังคุณชายโจว น่าจะเป็นคนพื้นเมือง ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้จักสถานที่แบบนี้ คนผู้นั้น มีจุดประสงค์ตรงไปตรงมามาก ก็คือจะหลอกฆ่าเจ้า”
……………………………………………………………………….
ตอนที่ 629 ฆ่าปิดปาก
ทนายอันบีบป้ายชิ้นนี้อยู่ในมือ พลางถูนิ้วบนนั้นเบาๆ แล้วจึงมองผู้หญิงน่ารักคนนี้ที่อยู่ข้างกายตัวเองอีกครั้งหัวเราะเหอะๆ จากนั้นยื่นมือดีดใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา ต่อจากนั้นทนายอันจึงโยนป้ายชิ้นนี้เข้าไปใต้เตาปิ้งย่างอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้น อุ้มหญิงสาวเดินลงมาข้างล่าง
โจวเจ๋อ อิงอิง รวมทั้งสวี่ชิงหล่างได้รออยู่ที่หน้าประตูแล้ว เงินกระดาษเผาหมดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในโฮมสเตย์แห่งนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา และในความเป็นจริงแล้วเดิมทีก็ไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเพิ่งทำธุระเสร็จแล้วจึงตั้งใจมาพักผ่อนที่นี่ ใครจะคิดว่าจะเจอเรื่องอย่างนี้ ทุกคนก็ไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องดัดจริต ไม่ถึงขั้นหาเหาใส่หัวให้ตัวเองเป็นแพะรับบาป
ทนายอันพาหญิงสาวมาส่งที่มุมหนึ่งของเมืองโบราณ แล้วหยิบโทรศัพท์ของหญิงสาวออกมาโทรแจ้งความ ไม่ช้าตำรวจในเมืองโบราณก็ได้เร่งมาถึงที่นี่ทันที หลังจากพวกเขาพบหญิงสาวทนายอันถึงเดินกลับไปขึ้นรถ
บนรถออฟโรดถ โจวเจ๋อ อิงอิง รวมทั้งสวี่ชิงหล่างนั่งอยู่ด้านหลัง ผู้หญิงสวมชุดขี่ม้านั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับรถ เธอคอยชี้ทางให้ทนายอันขณะที่เขาขับรถ
อันที่จริงระยะทางใกล้มาก ถึงขนาดที่ว่าใกล้กว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้เสียอีก สถานที่ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโบราณไม่ถึงสิบกิโลเมตร ที่นั่นมีแม่น้ำหนึ่งสาย ได้ยินว่าแม่น้ำไหลลงมาจากบนภูเขาหิมะมังกรหยก ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขา
“ทางเข้าอยู่ใต้แม่น้ำสายนี้ มีช่องว่างช่องหนึ่ง ร่างกายของผู้ใหญ่เข้าไปไม่ได้” ก่อนหน้านี้ผู้หญิงได้แนะนำตัวเองตอนที่อยู่บนรถ เธอชื่อฉินโหย่วหลาน เป็นคนลี่เจียง แต่ไม่ใช่ชาวน่าซี เป็นชาวฮั่น แน่นอนว่าเธอตายเป็นยมทูตไปแล้วยังจะมาคิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับชนเผ่าอะไรอีกไร้สาระ
หลังจากที่เห็นความตัวอ่อนเหมือนครูสอนโยคะหรือครูสอนเต้นของฉินโหย่วหลานแล้ว โจวเจ๋อจึงไม่ถามคำถามโง่เง่าว่าเธอเข้าไปได้อย่างไร แต่มองไปที่อิงอิง “ร่างกายฟื้นฟูเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ เถ้าแก่” อิงอิงเข้าใจ เดินไปที่ริมแม่น้ำถอดเสื้อคลุมออก หลังจากสั่งให้ฉินโหย่วหลานชี้ตำแหน่งคร่าวๆ แล้วจึงกระโดดลงไปในแม่น้ำโดยตรง บนผิวน้ำเกิดฟองอากาศขึ้นมาเป็นพรวนทันที ซึ่งเกิดจากอิงอิงได้กำลังขยายทางเข้าอยู่ด้านล่างได้สำเร็จ
โจวเจ๋อนั่งยองๆ อยู่ริมแม่น้ำ สูบบุหรี่ไปพลาง ทนายอันกับโจวเจ๋อนั่งใกล้กัน เขาใช้ศอกกระทุ้งโจวเจ๋อเบาๆ แต่โจวเจ๋อกลับเซเล็กน้อยล้มไปนั่งกับพื้น
“…” ทนายอัน
โจวเจ๋อคลานขึ้นมาแล้วมองไปทางทนายอัน ทนายอันพยักหน้า สายตาเป็นประกายแวบหนึ่ง โจวเจ๋อก็จึงหพยักหน้าเช่นกัน ทนายอันพยักหน้าอย่างมีความหมายลึกซึ้งอีกครั้ง
โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งที เผยสีหน้าว่าเหมือนดั่งที่ตัวเองคาดการณ์ไว้ ทนายอันถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ดูเหมือนจะพึงพอใจต่อความมีใจตรงกันเช่นนี้
สักครู่หนึ่ง โจวเจ๋อจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา ผ่านไปอีกสักพัก ทนายอันรู้สึกว่าโทรศัพท์ของตัวเองสั่น เขาหยิบออกมาเห็นว่าบนนั้นเป็นข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามาโดยโจวเจ๋อ
‘“พิมพ์แล้วส่งออกมาเลย’” จากนั้นที่แท้ก่อนหน้านี้คือการแสดงของคนโง่สองคนที่เล่นละครตบตาเหมือนตอนก่อนหน้านั้น
‘“มีคนตั้งใจนำป้ายของผู้จับกุมมาทิ้งไว้ในโฮมสเตย์ จีพีเอสของฉินโหย่วหลานมาถึงที่นี่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก’”
ไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างนั้นคือวางแผนไว้อย่างดีแล้ว หลังจากอ่านตัวหนังสือแต่ละบรรทัดติดต่อกัน โจวเจ๋อจึงมั่นใจในที่สุด ต้นเหตุของเรื่องนี้ ไม่ได้เกิดจากตัวเขาเองไม่ได้ ‘ปิดเครื่อง’ แต่มีคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง
กระทั่งรวมไปถึงตอนนี้ที่ตัวเขาและคนอื่นๆ ตอนนี้มาถึงริมแม่น้ำสายนี้ เตรียมตัวลงไปในสุสาน ก็เป็นแผนที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าของคนคนนั้น ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นวางแผนเล่นงานลับหลัง มันแย่มากจริงๆ และเห็นได้ชัดว่า คนคนนั้นมองตัวเขาและพรรคพวกเป็นเครื่องมือโจมตีคนอื่น โจวเจ๋อหันหน้ามาอีกครั้ง มองฉินโหย่วหลานที่นั่งอยู่ตรงนั้น พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘“ตัวเธอเองน่าจะไม่รู้เหมือนกัน’” ทนายอันส่งมาอีกหนึ่งข้อความ นิ้วมือของโจวเจ๋อหยุดอยู่บนหน้าจอพักหนึ่งและไม่ได้ตอบประโยคนี้
ทนายอันเหมือนจะเข้าใจความหมายของโจวเจ๋อ จึงตั้งใจหันหน้ามองไปที่ฉินโหย่วหลานที่นั่งอยู่ตรงนั้นหนึ่งที บนตัวของผู้หญิงคนนั้นถูกเขาบังคับควบคุมไว้ เป็นไปไม่ท่ได้ที่จะเล่นแรงขนาดนั้น
หลังจากสิบนาทีผ่านไป อิงอิงลอยขึ้นมาเหนือน้ำ “เถ้าแก่ จัดการเรียบร้อยเจ้าค่ะ ตรงทางเข้าค่อนข้างแคบ แต่พอเข้าไปก็ไม่แคบแล้ว ข้าฉันทำตามคำสั่งของท่าน ไม่ได้เข้าไปลึกมากเจ้าค่ะ”
โจวเจ๋อพยักหน้า ไม่พูดอะไร เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ถึงแม้อิงอิงเพิ่งจะลงไปทำงานในน้ำอันหนาวเย็นอยู่นาน แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็มีความแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป แม้แต่คำพูดไร้สาระอย่างดื่มน้ำอุ่นเพื่อรักษาความอบอุ่นของร่างกายก็ไม่ต้องพูด เถ้าแก่โจวอยากจะแสดงตัว แต่ก็ไม่มีโอกาสให้แสดงตัวเลย
“ลงไปไหม” ทนายอันถาม
โจวเจ๋อส่ายหน้า หากไม่จัดการเรื่องยุ่งยากที่มาจะตามมาภายหลัง โจวเจ๋อจะไม่ยอมลงไป
คนตายเพราะเงิน นกตายเพราะอาหาร ถ้าหากเพื่อให้ได้ก้อนหินสีเขียวมากกว่านั้น และสามารถหาวิธีปลุกเจ้าโง่ให้ตื่นขึ้นมาได้ แม้ต้องเสี่ยง โจวเจ๋อก็ยอม แต่ถ้าหากมีคนวางแผนให้ต้องลงไป ช่วยทำงานแทนคนอื่น เถ้าแก่โจวไม่ได้มีความตระหนักรู้ที่สูงขนาดนั้น
“ไม่ว่ายังไงสุสานก็อยู่ที่นี่ไม่หนีไปไหน ไม่ต้องรีบ” พูดจบ โจวเจ๋อจึงลุกขึ้น มองไปที่ฉินโหย่วหลานที่นั่งอยู่ตรงนั้น“ถือโอกาสนี้ ลืมสืบเรื่องของผู้จับกุมเฉินออกมาให้ได้ ผมจำได้เมื่อก่อนที่ทงเฉิง มีผู้จับกุมคนหนึ่งเคยใช้ป้ายผู้จับกุมเรียกยมทูตที่อยู่ในละแวกนั้นนี้ อย่างนั้นผมก็อยากจะลองดู ดูซิว่าจะสามารถเรียกยมทูตจากลี่เจียงหรือที่อยู่บริเวณนี้ได้สองสามคนไหม พวกเราลองดูกันเถอะ คุณไปพูดกับเฉินโหย่วหลานหน่อย ลองถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนกว่านี้อีกหน่อย”
“ได้เลย” ทนายอันเห็นด้วยกับการเลือกของโจวเจ๋อ พึงระวังให้มากถึงแม้จะคุมเรือนานมาหมื่นปีก็ปลอดภัย
“ไม่ลงไปเหรอ” สวี่ชิงหล่างที่อยู่ข้างๆ รอนานแล้ว “ถ้าไม่ลงไป ผมจะไปย้ายของกินลงมาจากรถ ถือเสียว่าจัดปิกคนิกคก็แล้วกัน”
“ฉันไม่หิว” โจวเจ๋อส่ายหน้า หยิบป้ายของตัวเองออกมาแล้วลูบสองสามที
ทนายอันลุกขึ้นเดินไปหาฉินโหย่วหลาน แต่เวลานี้ ฉินโหยว่หลานที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับตัวสั่นขึ้นมากะทันหันจากนั้นก็ดิ้นคลานลงไปบนพื้นอย่างสุดแสนจะทรมาน ใบหน้าของเธอมีเส้นเลือดปูด น่ากลัวสุดขีด
“อา!!!” เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พยายามใช้สองมือตะกุยหินกรวดที่อยู่บนพื้น เงยหน้าจ้องมองโจวเจ๋อกับทนายอันสองคนด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยการวิงวอน
“ให้ตายเถอะ บนตัวของเธอถูกคนอื่นควบคุมจริงๆ!” ทนายอันรีบเดินไปข้างหน้า เตรียมจะดูสภาพของเธอ แต่ก้าวออกไปได้สองก้าว รูม่านตาของทนายอันหดตัวทันที โจวเจ๋อก็รู้สึกถึงความผิดปกติ มีการตอบสนองที่เร็วกว่าทนายอัน แบฝ่ามือไปด้านหน้า ม่านกั้นที่ก่อตัวจากหมอกสีดำหนึ่งสายปรากฏขึ้นมาทันที นำตัวเองและคนอื่นที่อยู่ข้างกายให้ไปอยู่ข้างหลัง
‘“ปึ้ง!’” ร่างกายของฉินโหย่วหลานเหมือนลูกโป่งที่อัดแน่นไปด้วยแก๊สระเบิดออกมาโดยตรง เลือดสดกระเด็นกระดอน เลือดสดที่กระเด็นมาติดม่านกั้นสีดำเกิดเสียง ‘ฉ่า’ ทันที และเลือดสดที่กระเด็นโดนตำแหน่งอื่นๆ ก็ได้ทำให้หินกรวดละลายไปด้วยเป็นจำนวนมาก บนพื้นเต็มไปด้วยควันสีดำ
จากนั้นโจวเจ๋อจึงเก็บม่านกั้นสีดำ ตอนที่มองไปทางตำแหน่งที่เฉินโหยว่หลานอยู่ก่อนหน้านี้ เขามองเห็นแต่รอยไหม้เป็นรูปร่างคนที่อยู่บนพื้น ยมทูตคนหนึ่งตายไปเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ร่างกายที่ระเบิดเท่านั้น แม้แต่วิญญาณก็ไม่รอด
สถานที่เกิดเหตุเงียบวิเวกอย่างยิ่ง ถึงแม้ตัวของโจวเจ๋อก็เคยฆ่ายมทูตไม่น้อย แต่ถ้าไม่เป็นเพราะมีเหตุผลเพียงพอให้ลงมือหากยมทูตไม่ถือว่าอาจารย์ตัวเองมีชื่อเสียง อย่างนั้นก็ต้องถือว่าหนังสือรับรองยมทูตของตนมีความพิเศษไม่เหมือนใครถึงกล้าก่อเรื่องใหญ่โต สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและการลงโทษจากนรกได้
แต่ยมทูตก็คือยมทูต เป็นตัวแทนหน้าตาของยมโลก นึกจะ ‘ทำลาย’ ก็โดน ‘ทำลาย’ แบบนี้ ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
“ตายแล้วเหรอ” ทนายอันเดินไปข้างๆ รอยไหม้เกรียม ยื่นเท้าใช้รองเท้าถูเขม่้าสีดำ
“คนที่อยู่เบื้องหลังมีความเด็ดขาดมากกว่าที่พวกเราคิดไว้” โจวเจ๋อมองไปรอบๆ ถ้าเป็นแบบนี้ ฉินโหย่วหลานคนนี้น่าจะรู้เรื่องอะไรบางอย่าง และข้ออ้างที่พูดว่านัดกับผู้จับกุมเฉินและผ่านมาทางนี้ อาจจะไม่ถูกต้องเสียทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คนที่คอยขับเคลื่อนเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังตัวจริง การกระทำที่ไม่เพียงแต่มีความเด็ดขาดเท่านั้น แต่ยังโหดเหี้ยมอย่างมาก กระทั่งสามารถพูดได้ว่าทำคตามอำเภอใจไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
คนธรรมดาพวกนั้นที่ถูกฆ่าอยู่ในโฮมสเตย์ ฆ่าปิดปากยมทูตคนหนึ่งอย่างโจ่งแจ้ง นี่คือไม่เห็นหน้าตาของโลกมนุษย์กับยมโลกอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ กำเริบเสิบสานขนาดนี้เชียวหรือ
“ต่อไป ทำยังไงดี” สวี่ชิงหล่างถาม
“ตั้งเต็้นท์ก่อน ตั้งเต็้นท์พักที่นี่กันเถอะ” โจวเจ๋อยื่นมือชี้ไปที่รอยขี้เถ้ารูปคนตรงนั้น “ทำความสะอาดตรงนี้ด้วย”พูดจบ โจวเจ๋อจึงเดินไปที่ริมแม่น้ำแล้วนั่งลง ฟ้ากำลังมืดลง แต่ที่นี่ดวงดาวสวยงามเป็นอย่างมาก
ทนายอันเดินเข้ามาแล้วนั่งลงยองๆ “แจ้งข่าวหรือยัง” ทนายอันถาม
โจวเจ๋อส่ายหน้า
“ก็จริง ไอ้หมอนั่นทำอะไรเด็ดขาด ต่อให้เรียกคนตัวเล็กตัวน้อยในท้องถิ่นมาก็สืบอะไรไม่ได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านั้นถึงแม้พวกเราจะอยู่นอกเขตชายแดน แต่สามารถสร้างชื่อเสียงได้อย่างยิ่งใหญ่ เถ้าแก่คุณพาวิญญาณทหารหลายหมื่นนายเดินทางสองวันสองคืน คนที่อยู่แถวนี้จะต้องสัมผัสอะไรได้แน่นอน แต่จัดส่งคนมาเตรียมตัววางแผนมาจัดการพวกเราภายในระยะเวลาสั้นๆ ถือว่า…” พอพูดถึงตรงนี้ทนายอันจึงตกตะลึงเล็กน้อย
“นึกอะไรออกแล้วใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม
ทนายอันพยักหน้าด้วยสีหน้าดูไม่ได้เล็กน้อย
โจวเจ๋อแสยะมุมปาก เล็บคีบหินไข่ห่านที่อยู่ตรงหน้าแล้วบีบแตกละเอียดภายในพริบตา ขณะเดียวกันได้พูดด้วยน้ำเสียงที่โมโหว่า “พวกเรามาลี่เจียงไม่ใช่การวางแผนก่อนล่วงหน้า แต่ฉุกคิดขึ้นจึงตัดสินใจมาที่นี่ พวกเราสามมารถไปที่ต้าหลี่หรือไม่ก็ทะเลสาบหลูกูหูก็ได้ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในยูนนานมีเยอะถมไป ในเมื่อเรื่องนี้เป็นแผนของเขา อย่างนั้นจะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้ยังไง” ขณะที่พูด โจวเจ๋อหยิบก้อนหินขึ้นมาหนึ่งก้อน แล้วโยนลงไปในแม่น้ำ ‘แปะๆๆๆ!!!!’ หินกระดอนบนผิวน้ำสี่ครั้ง
“คาดว่า ไม่น่าจะมีสุสานมู่หวังอะไรเลยด้วยซ้ำ และหินก้อนนั้น ฉินโหย่วหลานไม่ได้หยิบมาจากในสุสาน แต่หยิบมาเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้พวกเราติดกับ”
“ฮู่ว…” ทนายอันพ่นลมหายใจออกมา ไม่ตอบโต้
“อย่างแรกคือเรื่องของแม่นางไป๋ในร้านหนังสือยังสืบไม่ได้ความ มาพักผ่อนที่ลี่เจียงยังถูกคนอื่นวางแผนตลบหลังโดยไม่รู้สาเหตุ น่ารำคาญจริงๆ”
“แต่อย่างน้อยสามารถพิสูจน์ได้เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือคนที่วางแผนทำร้ายพวกเรา ในมือของเขามีก้อนหินสีเขียวแบบนั้น มิฉะนั้นฉินโหย่วหลานก็เอามาไม่ได้”
“แต่ต้องตามหาเขาใช้เจอใช่ไหม” โจวเจ๋อย้อนถาม
“ด้วยความสามารถของพวกเรา หาไม่เจอแน่นอน ในเมื่ออีกฝ่ายในเมื่อเด็ดขาดขนาดนี้ใช้การพันธนาการที่ซ่อนไว้ฆ่าปิดปากโดยตรง ก็เพราะคือไม่อยากให้พวกเราสืบได้ว่าเขาเป็นใครกันแน่”
“จากนั้นล่ะ”
“แต่เขาทำพลาดอย่างหนึ่ง” ทนายอันชี้ไปที่ใต้รองเท้าของตัวเองที่มีขี้เถ้าดำ “ยมทูตคนหนึ่ง คิดจะฆ่าก็ฆ่า ชีวิตมากมายในโฮมสเตย์ อยากจะฆ่าก็ฆ่า เถ้าแก่ ตอนนี้คุณเป็นผู้จับกุมแล้ว จึงมีสิทธิ์รายงานข่าวให้กับยมโลกนรก การดูถูกหน่วยงานราชการ ถ้าไม่ใช้ประโยชน์ก็เสียของเปล่าๆ ไม่ทำก็ต้องทำรายงานให้ยมโลกนรกทราบ เพื่อให้ยมโลกนรกส่งผู้ตรวจสอบมาตรวจสอบ ผมไม่เชื่อว่าผู้ตรวจสอบตัวจริงมาแล้ว ไอ้หมอนั่นจะซ่อนตัวได้อีก!”
……………………………………………………………………….