ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 790 เจ้าข้าวเจ้าของ

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 790

คำพูดนี้เห็นชัดว่าเป็นคำเตือน เตือนนางว่าห้ามจากเขานานเกินไป

คิ้วดกดำของหนานหว่านเยียนขมวด

ตอนนี้ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของกู้โม่หานท่วมท้นจริงๆ ปกติยังดี สามารถรักษามาดของกษัตริย์ของแว่นแคว้นได้ แต่ถ้าหากนางคลาดสายตาเขา เขาก็จะซ่อนหางจิ้งจอกของเขาเอาไว้ไม่ได้…

แต่ดีร้ายอย่างไรตอนนี้นางได้มีเวลาอยู่ตามลำพังกับท่านน้าแล้ว จึงไม่ชักช้าอีก “ข้าจะพยายามรีบที่สุด”

พูดจบ นางก็หันกายเดินขึ้นชั้นสอง

กู้โม่หานจ้องเงาร่างหนานหว่านเยียนค่อยๆ ไกลออกไป นัยน์ตาสวยงามอึมครึมเต็มไปด้วยความลึกล้ำ

เขาพยักหน้าเล็กน้อย นิ้วเรียวยาวกำหมัดแน่น ความเย็นยะเยือกปกคลุมทั่วร่างเขา

จนเมื่อร่างของหนานหว่านเยียนหายไปจากสายตาของเขา กู้โม่หานถึงหันหลังไป หาที่นั่งกับซาลาเปาน้อย

เขาอารมณ์ขุ่นมัว แต่มองซาลาเปาน้อยน่ารักน่าทะนุถนอมในอ้อมแขน สีหน้าอดนุ่มนวลขึ้นมาไม่ได้

ทันใดนั้น กู้โม่หานสังเกตเห็นสายตาของบุตรสาวจ้องไปที่หนึ่งในโรงน้ำชา จึงมองตามสายตาของซาลาเปาน้อย เขาก็เห็นกระดานหมากรุกที่ทำจากหยกอยู่ตรงมุมห้อง

เขาเอ่ยถามเสียงเบาว่า “เจ้าอยากเดินหมากรึ”

เกี๊ยวน้อยเหลือบมองเขา พูดด้วยน้ำเสียง “อื้อ”

เมื่อได้ยิน อารมณ์ของกู้โม่หานก็ดีขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะเดินหมากเป็น บิดามารดาเคยสอนเจ้ารึ”

ซาลาเปาน้อยได้แต่โบกมืออย่างตื่นตระหนก เพื่อไม่ให้ความลับแตก “ไม่ใช่ ไม่มีใครสอนข้า ข้าไม่เคยเดินหมาก เพียงมองก็คิดว่ามันน่าสนุก อยากลองดู…”

กู้โม่หานหลังได้ยินก็ไม่ได้หยอกนางอีก พาซาลาเปาน้อยเดินไปตรงกระดานหมาก “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นข้าสอนเจ้าเดินละกัน”

“แต่ว่า แพ้แล้วห้ามร้องไห้ขี้มูกโป่งนะ”

ซาลาเปาน้อยพยักหน้าอย่างเขินอาย รู้สึกอบอุ่นในใจ สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้นางอดนึกถึงฉากที่นางกับเสด็จพ่อแข่งหมากล้อมกับท่านปู่หมิง ที่จวนอี้อ๋องเมื่อก่อนไม่ได้

เฟิงยางตามกู้โม่หานกับซาลาเปาน้อยทุกย่างก้าว ก่อนหนานหว่านเยียนกลับมา นางต้องปกป้องความปลอดภัยของคุณหนูน้อย

แต่นางเห็นสีหน้ามีความสุขของซาลาเปาน้อยตอนอยู่กับกู้โม่หาน ความคิดพลันเปลี่ยนเป็นซับซ้อน

หลังหนานหว่านเยียนเดินขึ้นชั้นสองไปแล้ว ก็ตรงไปยังห้องที่อยู่สุดทางเดิน

นางเร่งฝีเท้า กำลังจะเปิดประตู ประตูห้องพลันถูกคนเปิดออกมาจากด้านในอย่างร้อนอกร้อนใจ

หนานหว่านเยียนชะงัก สบตาดุจดอกท้ออ่อนโยนของโม่หวิ่นหมิง และยิ้มทันที “ท่านน้า”

โม่หวิ่นหมิงจ้องมองหนานหว่านเยียน รู้สึกตื่นเต้นลิงโลด

เมื่อครู่ก็มีคนมารายงานแล้ว ว่าหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานและยังมีซาลาเปาน้อยมาที่นี่

เขาจึงอดอยากเจอนาง เร็วขึ้นอีกหน่อยไม่ได้

เขามีความต้องการจะสวมกอดหนานหว่านเยียนไว้ในอ้อมแขน ข้อนิ้วคมขัดสั่นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายเขาก็ซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ในใจ

“เข้ามาคุยกัน”

เขาหันกลับเดินเข้าห้องไป หนานหว่านเยียนตามเขาเข้าไป แล้วปิดประตูลง เขาหยิบเบาะรองนั่งที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมา ปูลงบนเก้าอี้อย่างใส่ใจ ประคองหนานหว่านเยียนนั่งลง

หนานหว่านเยียนรู้สึกอบอุ่นในใจ “ขอบคุณท่านน้า”

“ไม่เจอกันไม่กี่วัน เจ้าก็ห่างเหินกับข้าแล้ว ข้าบอกแล้วไม่ต้องพูดขอบคุณข้า” โม่หวิ่นหมิงมองใบหน้าเรียวเล็กของนาง เต็มไปด้วยความทุกข์ระทมรู้สึกผิด “เจ้าดูซีดเซียวไปไม่น้อย อยู่ในวังเป็นอย่างไร มีใครรังแกเจ้าหรือไม่”

หลังพูดไปมากมาย โม่หวิ่นหมิงก็ตระหนักถึงการเสียกิริยาของตนเอง ยิ้มขมขื่นเอ่ยว่า “ขออภัย ข้าถามมากเกินไปแล้ว”

“เพราะหลายวันมานี้ข้าไม่ได้ข่าวคราวเจ้าเลย จึงรู้สึกกังวลจริงๆ”

“ด้านซาลาเปาน้อย ข้าส่งคนดูอยู่ตลอด ไม่มีปัญหาอะไร แต่ติดต่อเจ้าไม่ได้ ทำให้ข้าวางใจไม่ลง”

หนานหว่านเยียนมองใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่เปรียบของโม่หวิ่นหมิง นึกถึงเรื่องกวนใจที่เกิดขึ้นในวังไม่กี่วันก่อน ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

นางไม่อยากให้โม่หวิ่นหมิงกังวลมากเกินไป จึงเอ่ยว่า “ข้าอยู่ในวังยังพอได้ แม้จะอิสระไม่เท่าข้างนอก แต่มีเกี๊ยวน้อย ก็ไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น”

โม่หวิ่นหมิงมองท่าทางยิ้มแย้มของนาง แต่ในใจกลับ

โม่หวิ่นหมิงมองท่าทางยิ้มแย้มของนาง แต่ในใจกลับเหมือนกับกระจกใส หนานหว่านเยียนออกวังมาได้ แต่เป็นภาพเหมือนกลับมา ยืนยันว่าตัวตนของนางแตกออกหมดแล้ว

ในเมื่อกู้โม่หานรู้ว่านางกลับมาแล้ว คงไม่มีทางปล่อยมือไปง่ายๆ อีก…

ดวงตาของเขาแข็งค้าง เทน้ำอุ่นให้นาง “ดื่มน้ำ ดับกระหายหน่อยเถอะ ”

หนานหว่านเยียนดื่มน้าหนึ่งอึก จากนั้นรงเข้าประเด็นทันที “ท่านน้า ที่ข้าออกจากวังมาหาท่านครั้งนี้ หนึ่งคือต้องการฝากซาลาเปาน้อยกับท่าน ให้ท่านดูแลต่อ สองคือต้องการบอกท่านว่า แคว้นต้าเซี่ยส่งคณะทูตมา อยู่ระหว่างทางมาแคว้นซีเหย่แล้ว”

“พวกเราสามารถใช้การที่แคว้นต้าเซี่ยมาเยือน ฉวยโอกาสนี้พาเด็กน้อยหนีไปพร้อมกันได้”

ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับกู้โม่หาน ไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้ เขาไม่ยอมปล่อย และไม่มีใครหยุดเขาได้

แต่เมื่อนางได้ตัวตนแคว้นต้าเซี่ยจวิ้นจู่กลับคืนมา มันก็จะไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างนางกับกู้โม่หานเท่านั้น แต่เป็นเรื่องระหว่างราชไมตรีระหว่างทั้งสองแคว้นด้วย

โม่หวิ่นหมิงพอเข้าใจความหมายของหนานหว่านเยียน แต่สีหน้าเขากลับไม่มีความแปลกประหลาดใจเลย กลับกัน แอบมีความกังวลอยู่หลายส่วน

“ที่จริงไม่กี่วันก่อน ไท่เฟยได้มาหาข้า และคุยกับข้าเรื่องนี้แล้ว ซึ่งหลังจากนั้น ข้าก็ยืนยันเวลาที่ทูตจะมาถึงแคว้นซีเหย่ กับทางแคว้นต้าเซี่ยแล้ว ”

“บนจดหมายกล่าวว่า สองวันก็น่าจะมาถึงแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จนมาถึงตอนนี้ทางคณะยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย” สองวันมานี้เขาก็กังวลเรื่องนี้อยู่ตลอด มักรู้สึกจะมีเรื่องใหญ่ที่ควบคุมไม่ได้กำลังเกิดขึ้น

เมื่อได้ยิน หนานหว่านเยียนพลันรู้สึกไม่สบายใจทันที

เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่จวนแม่ทัพวันนี้ นางก็มักจะรู้สึกมีแผนการร้ายอะไรบางอย่างกำลังครอบงำทุกคน

นางมองทางโม่หวิ่นหมิงทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ท่านน้า ที่จริงข้าออกจากวันมาได้วันนี้ เป็นเพราะข้าใช้ข้ออ้างตอบแทนบุญคุณ รักษาให้ฮูหยินแม่ทัพ กู้โม่หานถึงอนุญาตปล่อยข้าออกวังมา แต่เมื่อข้าถึงจวนแม่ทัพก็พบว่า ฮูหยินนางถูกคนจงใจวางยา”

“ทั้งพิษนั้น ก็คือ เจี้ยนโส่วชิงจากแคว้นต้าเซี่ย!”

เจี้ยนโส่วชิง?!

ดวงตาโม่หวิ่นหมิงสั่นไหว ใบหน้าดุจหยกขาวบริสุทธิ์เต็มไปด้วยความเย็นชา “นี่เป็นอาหารเฉพาะของแคว้นต้าเซี่ย แล้วหาคนร้ายเจอหรือไม่”

หนานหว่านเยียนเอ่ยว่า “หาเจอแล้ว คือองครักษ์คนหนึ่งในจวนแม่ทัพ แต่บนกายองครักษ์คนนั้นมีกลิ่นตะไคร้ ข้าจึงแน่ใจว่าเขาไม่ได้มาจากแคว้นต้าเซี่ย แต่ไส้ศึกเป็นที่แคว้นเทียนเซิ่งส่งมา”

“แต่คนคนนั้นฆ่าตัวตายในฐานะชาวต้าเซี่ย และยังยุยงความแค้นมิอาจอยู่ร่วมโลกระหว่างแคว้นซีเหย่กับแคว้นซีเหย่ พูดกระทั่งว่าจักรพรรดินีของแคว้นต้าเซี่ยตอนนี้เกลียดชังแคว้นซีเหย่เป็นอย่างมาก การส่งคนมาครั้ง เพราะต้องการล้าง”

“สรุปโดยรวม องครักษ์คนนั้นสาดน้ำสกปรกทั้งหมดใส่แคว้นต้าเซี่ย ต้องการยัดความผิดให้แคว้นต้าเซี่ย ข้าจึงคิดว่า พวกคณะทูตมาถึงช้า เป็นเพราะเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่”

ยิ่งคิดเช่นนี้ ในใจนางยิ่งรู้สึกใจไม่ดี

และไม่รู้ว่าคนที่แคว้นต้าเซี่ยส่งมาเป็นบุคคลระดับไหน พบเจอกับอันตรายหรือไม่…

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท