ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 184 ลงทัณฑ์

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 184 ลงทัณฑ์

นางลุกขึ้นทันทีและเดินไปที่ประตู

เมื่อนางเดินออกไปข้างนอก นางก็เห็นว่าในพื้นที่อันกว้างใหญ่นั้นช่างอ้าว้างวังเวงนัก

โดยเฉพาะบริเวณบนบันไดเวียนตรงกลางนั้นที่มีร่างในอาภรณ์สีขาวที่แสนคุ้นเคย

“หรงซิว?”

นางรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

เขาไม่ใช่ศิษย์ของสำนักนี้ แล้วเขาเข้ามาได้อย่างไร

ดูจากท่าทางเขาแล้ว เขาน่าจะกำลังขึ้นไปข้างบน

เมื่อหรงซิวได้ยินเสียงฝีเท้าและมองย้อนกลับไป แรงกดดันในดวงตาของเขาหายไปทันที และเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเจื่อน

“ท่านอ๋อง คำถามนี้น่าจะเป็นของข้ามากกว่า หอคอยจิ่วโยวมีเพียงศิษย์สำนักเทียนลู่เท่านั้นที่เข้ามาได้ พระองค์เข้ามาได้อย่างไรเพคะ”

แววตาของหรงซิวเป็นประกาย

“ข้ามาดูว่าสถานที่ที่เสด็จแม่ทรงโปรดปรานสมัยยังมีชีวิตอยู่เป็นอย่างไร ข้าก็แค่เข้ามาเดินชมเท่านั้น เจ้ากลับไปฝึกฝนต่อไปเถิด”

ผู้อื่นอาจจะเชื่อคำพูดนี้ แต่ไม่ใช่กับฉู่หลิวเยว่

แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ทว่านางก็รู้สึกเสมอว่าจุดประสงค์ของการมาที่สำนักเทียนลู่ของหรงซิวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

นางมองไปรอบๆ และพบว่านอกจากนาง ห้องอื่นๆ ก็ไม่มีผู้ใดอยู่เลยสักคน

“ท่านอ๋อง เมื่อครู่นี้พระองค์ทรงได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่าเพคะ” นางถามอย่างไม่มั่นใจ

หรงซิวดูเหมือนจะสงสัย

“เสียงอะไรหรือ”

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

หรือว่าหรงซิวจะไม่ได้ยินจริงๆ

คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ออกมากัน ดูเหมือนจะไร้ซึ่งความผิดปกติใดๆ

กระนั้นนางสามารถยืนยันได้ว่า เมื่อครู่นี้นางไม่ได้หูแว่วอย่างแน่นอน!

นางได้ยินเสียงคำรามหวีดแหลมนั้นเต็มสองหู!

“หืม?”

หรงซิวเชิดคางขึ้น

“ขึ้นไปดูข้างบนด้วยกันกับข้าดีหรือไม่”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มให้แก่เขา

“ท่านอาจไม่ทรงทราบว่าหอคอยจิ่วโยวนี้มิได้ขึ้นกันไปง่ายถึงเพียงนั้น ข้าคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ดังนั้นตอนนี้จึงยังมิสามารถขึ้นไปข้างบนได้ มีเพียงผู้ที่บรรลุเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปยังชั้นสองได้”

แม้ว่าตามความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางแล้ว การขึ้นไปยังชั้นสามไม่ใช่ปัญหา แต่นางยังไม่คิดที่จะทำเช่นนั้นในเวลานี้

นางจงใจเหลือบมองไปที่หรงซิว แล้วเอ่ยหยอกล้อ

“ท่านอ๋องร่างกายอ่อนแอ หม่อมฉันว่าทรงระวังหน่อยก็แล้วกัน”

หรงซิวเชิดริมฝีปากบางขึ้นเล็กน้อย

นี่จงใจกระแนะกระแหนเขาเรื่องเมื่อวานนี้ชัดๆ

“ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะออกไปเอง”

หลังจากที่หรงซิวพูดจบ เขาก็เดินขึ้นข้างบนต่อไป

ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาทั้งสองข้างเล็กน้อย

อันที่จริง นางพอจะเดาออกว่าบางทีสัตว์อสูรดุร้ายที่ส่งเสียงคำรามอย่างกะทันหันนั้น อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับหรงซิวก็เป็นได้!

จากนั้นนางเงี่ยหูตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่ง นางกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีกเลย

ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตา

เวลานี้หรงซิวได้ขึ้นมาถึงชั้นสองแล้ว และเมื่อเขาก้าวขึ้นเขาก็หายตัวไปจากสายตาของฉู่หลิวเยว่

ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ที่เดิมสักพัก ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปที่ห้องฝึกของนาง

ความแข็งแกร่งของหรงซิวนั้นมิอาจหยั่งรู้ได้ ทว่าต้องมากเกินพอที่จะขึ้นไปบนชั้นสองได้อย่างสบาย

ถึงกระนั้นก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายเขาจะไปถึงชั้นที่เท่าไหร่

แล้วเขามาที่นี่เพื่ออะไร

หลังจากปิดประตู ฉู่หลิวเยว่ก็นั่งขัดสมาธิหลับตาและเริ่มฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง

หรงซิวเดินขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ

เมื่อก้าวขึ้นไปที่ชั้นสอง เขาหยุดฝีเท้าและมองไปรอบๆ

จำนวนห้องชั้นนี้น้อยกว่าชั้นแรกอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งแต่ละห้องก็มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่กว่ามาก

ผู้อ่อนแอที่สุดที่สามารถมาฝึกชั้นนี้ได้คือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง

ปัจจุบันศิษย์ส่วนใหญ่กำลังรักษาอาการบาดเจ็บ ดังนั้นชั้นแรกจึงไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ และชั้นสองก็ยิ่งเงียบเหงามากขึ้นไปอีก

หรงซิวยังคงเดินขึ้นไปเรื่อยๆ

ความกดดันบนชั้นต่างๆ ก็มีแตกต่างกันตามไปด้วย โดยทั่วไป ความก้าวหน้าในการฝึกฝนของนักเรียนจะช้าลงเมื่อมาถึงชั้นนี้ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามก็ยังต้องพยายามหลายครั้งเพื่อไปถึงหอคอยชั้นที่สามได้สำเร็จ

ทว่าฝีเท้าของหรงซิวก็สงบมั่นคงเหมือนเช่นเคย และเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุด จนกระทั่งเขาข้ามขึ้นบันไดไปที่ชั้นสาม!

ทว่า…เขาก็ไม่ได้หยดอยู่เพียงเท่านั้น!

ตึก

ตึก

ตึก

เสียงฝีเท้าที่ละเอียดอ่อนและชัดเจนดังก้องอยู่ในหอคอยจิ่วโยว

ในไม่ช้า หรงซิวก็รู้สึกว่ามีชั้นอาคมอันโปร่งใสบนบันไดด้านบน

นี่คือค่ายอาคมของหอคอยชั้นที่สี่!

ภายในสำนักเทียนลู่ นอกเหนือจากผู้อาวุโสและอาจารย์ท่านอื่นแล้ว มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่บรรลุถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่

ดังนั้นชั้นนี้จึงมีผู้คนขึ้นมาน้อยมาก

ถัดจากค่ายอาคมของชั้นนี้ หรงซิวยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งฟ้าดินที่อุดมสมบูรณ์บนชั้นสี่อย่างชัดเจน!

ความเข้มข้นของพลังแห่งฟ้าดิน ณ ที่แห่งนี้เข้มข้นกว่าโลกภายนอกหลายเท่า ถ้าหากฝึกฝนที่นี่ได้ ก็มิรู้ว่าความเร็วจะเพิ่มขึ้นอีกแค่ไหน!

ในขณะเดียวกัน ความกดดันและอันตรายก็ทวีคูณขึ้นเช่นกัน!

เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาอันลุ่มลึกและเรียบนิ่งของเขาก็จับจ้องไปที่ค่ายอาคมนั่น

วูบ!

เพียงแค่ชำเลืองมอง ระลอกคลื่นก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วบนค่ายอาคม จากนั้นมันก็เปิดทางออกตรงกลาง!

หรงซิวเดินตรงเข้าไป เมื่อเขาเดินผ่านค่ายอาคมนั้นและโบกมือเบาๆ ค่ายอาคมก็เกิดซ่อมแซมอย่างรวดเร็วแล้วกลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม

ดูเหมือนจะไม่เคยมีผู้ใดผ่านค่ายอาคมนี้ขึ้นไปแม้แต่ผู้เดียว

ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นนอนเอนหลังบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เอนกายพิงศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งด้วยความง่วงซึม

ในช่วงเวลาหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น และดวงตาที่ขี้เกียจแต่เดิมของเขาก็เฉียบคมขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็มองขึ้นไปยังหอคอยจิ่วโยว!

เมื่อครู่นี้…เขารู้สึกชัดเจนว่ามีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นภายในหอคอยจิ่วโยว!

เมื่อคิดจะตรวจสอบอย่างละเอียดก็พบว่าคลื่นผิดปกตินั้นได้หายไปแล้ว

ผู้อาวุโสเว่ยอวิ๋นขมวดคิ้ว จากนั้นก็ยืนขึ้นและเดินเข้าไปใกล้อีกสองก้าว

ทว่าภายในหอคอยจิ่วโยวไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีกต่อไปแล้ว

ผู้อาวุโสยืนอยู่กับที่แล้วมองดูหอคอยจิ่วโยวด้วยแววตาสับสน

เขาไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเบาใจลง กลับยิ่งกังวลมากกว่าเดิมอีก

อันที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุการณ์เยี่ยงนี้เกิดขึ้นกับหอคอยจิ่วโยว

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หอคอยจิ่วโยว

มักจะมีความเคลื่อนไหวที่ยากจะพรรณนา ทว่ามันกลับหายไปอย่างรวดเร็ว

เขาได้พยายามตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล

บางทีเขาควรจะหารือกับหัวหน้าสำนักโดยเร็วที่สุด…

ระหว่างทางที่หรงซิวเดินขึ้นไป ไม่ได้เป็นที่สนใจของผู้ใดเลย จนกระทั่งเขาขึ้นไปถึงชั้นหก

เมื่อมาถึงชั้นนี้ นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่เคยมีผู้ใดขึ้นมาถึงชั้นนี้เลย

แม้แต่อาจารย์ในสำนักก็ไม่สามารถทนต่อความรุนแรงของพลังแห่งฟ้าดินของที่แห่งนี้ได้

อย่างไรก็ตาม สีหน้าท่าทางของหรงซิวยังคงเป็นปกติ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกอึดอัดกับพลังเหล่านี้เลย

เขาเปิดผนึกค่ายอาคมชั้นหกอีกครั้ง และในที่สุดเขาก็หยุดลง

เขาช้อนสายตามองขึ้นไปข้างบน

อันที่จริง สามชั้นบนนั้นก็มีค่ายอาคมอยู่เช่นกัน ถ้าหากมองจากตรงนี้ขึ้นก็มองไม่เห็นอะไรอยู่ดี

ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถมองทะลุผ่านพวกมันจนกระทั่งเห็นส่วนชั้นบนสุดได้

“ยังจะไปต่ออีกหรือไม่”

เสียงทุ้มและเย็นเยียบดังก้องไปทั่วชั้นที่หกที่ว่างเปล่า เสียงก้องกังวานนี้มาพร้อมกับพลังอำนาจอันเด็ดขาดที่มีเพียงผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าเท่านั้นถึงจะมี

ไม่มีผู้ใดตอบคำถามนี้

“ผ่านมาหลายปี เจ้ายังคงเจ้าอารมณ์เหมือนเดิมเลยนะ”

หรงซิวมีสีหน้าเรียบนิ่ง

“หวีดๆ…”

เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นมาพร้อมกับความบ้าคลั่ง แต่ก็ยากที่จะซ่อนความหวาดกลัว

แน่นอนว่าผู้ที่เขาเกรงกลัวก็คือหรงซิว

หรงซิวกำฝ่ามือเล็กน้อย จากนั้นกระแสพลังสีเงินก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ควบแน่นเป็นแส้ยาวที่เต็มไปด้วยหนามแหลม!

เขายกมือขึ้นแล้วฟาดลงไปอย่างไร้ความปรานี!

เพียะ!

แส้ยาวฝาดโดนค่ายอาคมของชั้นเจ็ดอย่างรุนแรง!

เสียงหวีดแหลมของพญาอินทรีดังขึ้นอีกครั้ง!

“แส้นี้ เพื่อลงทัณฑ์ที่เจ้าเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา”

เพียะ!

แส้ที่สองฟาดตามลงมาติดๆ!

“แส้นี้ คือลงโทษที่เจ้าวางแผนแย่งชิง!”

แววตาของหรงซิวเย็นเฉียบ แล้วเอ่ยช้าๆ ว่า

“ถ้าหากว่าเจ้ายังไม่เชื่อฟังข้าอีก แส้ที่สามนี้ต้องทำลายหยวนตันของเจ้าอย่างแน่นอน เข้าใจหรือไม่”

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท