ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 253 หึง [รีไรท์]

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 253 หึง [รีไรท์]

เมื่อซือถิงหันไปมอง

หลีอ๋องเสด็จมาที่นี่ในเวลานี้ และ…นั่นก็คือคนที่นางชอบ

เขาชะงักฝีเท้าไป และไม่ได้เดินขึ้นไปด้านหน้า

ในเมื่อเป็นเขา ก็ต้องยอมรับละว่าแม้หลีอ๋องผู้นี้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงมาเป็นเวลานาน แต่ก็เป็นบุรุษที่อยู่ในความสนใจของผู้คนตลอด

ซือหยางที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเอาศอกกระทุ้งซือถิง แล้วพูดเสียงเบาว่า

“แต่ว่าเขาก็เป็นคนขี้โรคคนหนึ่งนะ ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าโรคจิตน่าตายนั่นชอบอะไรในตัวเขา…หน้าตางั้นหรือ?”

เพียงชายรูปงามมันใช้ประโยชน์อันใดได้?

ตอนแรกที่ได้ยินว่าฉู่หลิวเยว่ชอบหลีอ๋องผู้นี้ ในใจของเขายังรู้สึกไม่ยอมรับ

เมื่อเทียบกับพี่ใหญ่ของบ้านเขาแล้ว นอกจากฐานะที่ต่างกันนิดหน่อย เรื่องอื่นล้วนเหนือกว่าทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?

ยิ่งไปกว่านั้นพี่ใหญ่ของบ้านเขา อนาคตจะต้องกลายเป็นประมุขตระกูลซือแน่นอน ถ้าพูดตามตรงแล้ว ก็ไม่มีตรงไหนที่ด้อยกว่าเลย

ไม่รู้จริงๆ ว่าฉู่หลิวเยว่คิดอย่างไรกันแน่!

ซือถิงมีสีหน้าราบเรียบ และมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง

ซือถิงพูดอันใดไม่ออกทันที จึงได้แต่หุบปากเงียบไป

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าในใจของซือถิงนั้นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

หลีอ๋องที่บอกว่าตนเองเป็นคนอ่อนแอขี้โรค ไม่มีอำนาจ ไม่มีแม้กระทั่งพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียร

แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังชอบเขา

ต่อให้คนอื่นดีมากเท่าไร นางก็ไม่ชอบ แล้วจะทำอันใดได้อีกเล่า?

อีกทั้ง…เขารู้สึกว่าตลอดว่าคนผู้นี้ไม่ค่อยเหมือนกับข่าวลือเท่าไรนัก

เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามเล็กๆ ที่แผ่ออกมาจากร่างกายของหรงซิว

นี่ไม่ใช่ปราณของคนป่วยที่เอาแต่นอนติดเตียงแน่นอน!

ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สังเกตประกายแสงระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเลย นางจึงเดินไปที่ด้านหน้าของหรงซิว

“หรงซิวมาได้อย่างใดเพคะ? มีอันใดให้หม่อมฉันช่วยหรือเพคะ?”

หรงซิวหัวเราะเบาๆ

“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่าต้องรบกวนให้คุณหนูหลิวเยว่ไปกับข้าเสียหน่อย”

ฉู่หลิวเยว่ตำหนิอีกฝ่ายอยู่ในใจ

พวกเขาเพิ่งแยกจากกันได้ไม่ถึงสองชั่วยามเลย มีเรื่องอันใดที่ต้องรีบร้อนจนต้องมาหานางให้ช่วยเช่นนี้?

นี่มันตั้งใจมาชัดๆ

แต่เมื่อเห็นสายตาที่อบอุ่นของหรงซิว หัวใจของนางก็อ่อนยวบ ราวกับว่ามีกลิ่นความหวานซ่อนเปรี้ยวอยู่ด้านใน

มุมปากของนางยกยิ้มขึ้น

“ในเมื่อหลีอ๋องตรัสเช่นนี้ออกมาแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วย”

แววตาของหรงซิวมีประกายความพึงพอใจสว่างวาบขึ้นมา

หากว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาจะต้องดึงนางมาอยู่ในอ้อมกอดแล้ว

เฉินหู่เกาศีรษะเบาๆ มองคนสองคนที่เดินออกไป แล้วถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า

“หลิวเยว่ เจ้าจะไปแล้วหรือ? ไม่มาฉลองกับพวกเราหน่อยหรือ?”

เมื่อวานฉู่หลิวเยว่สามารถคว้าที่หนึ่งของการแข่งขันประเภทการต่อสู้มาได้ พวกเขาก็ต้องการชวนนางไปฉลองเช่นกัน แต่เมื่อคิดว่าวันรุ่งขึ้นนางมีแข่งปรมาจารย์ค่ายกล พวกเขาจึงเลื่อนเวลาออกมา

วันนี้นางยังสามารถคว้าที่หนึ่งมาได้อีกครั้ง ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องฉลองเสียหน่อย

“ครั้งก่อนเจ้าเพิ่งบอกว่าจะไปหอคอยเฟิ่งหวง!”

เฉินหู่กุมศีรษะด้านหลังของตัวเอง จากนั้นก็หันไปมองมู่หงอวี่ด้วยสายตาไม่ได้รับความเป็นธรรม

นางตีเขาด้วยเหตุใดเนี่ย?

“หลีอ๋องมีเรื่องที่ต้องให้ฉู่หลิวเยว่ช่วย พวกเราจะไปทำให้พวกเขาเสียเวลาได้อย่างใด? เรื่องฉลอง รอให้ฉู่หลิวเยว่กลับมาก็จัดก็ได้เหมือนกัน”

ไม่รู้ว่าเหตุใดเฉินหู่ถึงเห็นความอาฆาตออกมาจากแววตาของมู่หงอวี่ แต่ว่าการเอาตัวรอดของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก

“ใช่ๆ เจ้าไปเถอะ พะ…พวกเรารอเจ้ากลับมาก่อน!”

มู่หงอวี่มองไปที่ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวด้วยแววตาเปล่งประกาย

นางคิดว่า นางเดาออกแล้วเมื่อวานฉู่หลิวเยว่หายไปที่ไหนมา…

ฉู่หลิวเยว่ตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของนาง

“งั้น..ข้าจะรีบไปรีบกลับ”

เมื่อพูดจบก็เดินตามออกไปพร้อมหรงซิวทันที และมีเยี่ยนชิงติดตามไปด้านหลัง

“ข้าชอบของชิ้นหนึ่งที่เจินเป่าเก๋อ ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูหลิวเยว่มีความเกี่ยวข้องกับที่นั่น…”

หรงซิวพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ

บางคนที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาอย่างกะทันหัน

ที่แท้ก็เป็นเรื่องของเจินเป่าเก๋อ…มิน่าล่ะ!

ในเมืองหลวงแห่งนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าฉู่หลิวเยว่กับเจินเป่าเก๋อมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา?

แม้กระทั่งองค์รัชทายาทหรงจิ้นหรือองค์หญิงสี่หรงเจิน ก็ยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ใดๆ จากเจินเป่าเก๋อ หลีอ๋องรอบคอบเช่นนี้ จึงมาขอความช่วยเหลือจากฉู่หลิวเยว่โดยตรง เหมือนว่าจะสมเหตุสมผลไม่น้อย…

ซือถูซิงเฉินกัดฟันจนฟันแทบแตก ไม่รู้ว่านางต้องใช้พลังเท่าไร ถึงจะระงับอารมณ์ภายในจิตใจลงไปได้

คนอื่นคงคิดว่าไม่มีอันใด แต่ในสายตาของนางแล้ว ทั้งสองคนที่พูดแล้วเดินไปด้วยนั่นช่างเสียดสายตาของนางเหลือเกิน

ช่วยหรือ?

เกรงว่าจะเป็นข้ออ้างเพียงเท่านั้น!

นางไม่รู้มาก่อนว่าหรงซิวที่เย็นชา และเย่อหยิ่ง จะสามารถใช้สายตาแบบนั้นมองผู้หญิงคนหนึ่งได้

อ่อนโยน อาลัยรัก เอาใจใส่

นี่ยังถือว่าสามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองไม่ได้อีกหรือ?

ซือถูซิงเฉินรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก

นางคิดว่าต่อให้หรงซิวไม่ได้คิดกับนางเช่นคนรัก แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนางบ้าง ในเมื่อพวกเราอยู่ที่หมิงเยว่เทียนซานมาตั้งนานขนาดนั้น

แต่วันนี้นางเพิ่งได้รู้ว่า เรื่องทั้งหมดเป็นแค่ความฝันสวยงามที่นางเพิ่งตื่นขึ้นมาเท่านั้น

เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านางคือใคร!

ในสายตาของเขาเย็นชาราวกับมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง!

“อาจารย์ ข้ารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย ขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”

ซือถูซิงเฉินพูดขึ้นเสียงต่ำ

เฉินหันถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง

“ก็ดี พรุ่งนี้เป็นการแข่งขันเซียนหมอเจ้ารีบกลับไปพักผ่อน แล้วก็เตรียมตัวให้ดี”

ซือถูซิงเฉินขานรับหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หมุนกายเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ฉู่หลิวเยว่ที่เดินตามหรงซิวออกมา ทันใดนั้นก็เห็นรถม้าที่คุ้นเคย

หรงซิวนั่งรถม้าออกมา?

เมื่อลองคิดไปแล้วก็ถูก ในเมืองหลวงมีสายตาคนมากมายคอยจับจ้อง เขาเป็นแค่หลีอ๋องขี้โรคต้องแดดต้องลมไม่ได้

เยี่ยนชิงก้าวขึ้นไปด้านหน้าเพื่อเตรียมตัวขี่ม้า

หรงซิวเดินขึ้นไป จากนั้นก็เปิดม่านขึ้นด้วยตนเอง

ฉู่หลิวเยว่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน สายตากวาดมองไปบนตัวของหรงซิวอย่างช้าๆ

โดยเฉพาะแขนเสื้อ และมุมของเสื้อผ้า

“ลวดลายบนเสื้อผ้าของหลีอ๋องนั้นเป็นเอกลักษณ์มาก มีชิ้นเดียวในโลกหรือ?”

หรงซิวหรี่ตาลง

นางหึงเขาหรือเนี่ย…

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท