ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 288 ไม่ตายใจ (2) [รีไรท์]

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 288 ไม่ตายใจ (2) [รีไรท์]

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังนั้นถูกส่งไปถึงหูของตระกูลใหญ่ในเมืองวังหลวงอย่างรวดเร็ว

ฉู่หลิวเยว่ก็กลายเป็นศูนย์กลางของบทสนทนาของทุกคน

หนึ่งคือการที่นางคว้าอันดับที่หนึ่งถึงสองตำแหน่งในงานสมาคมเยาวชน จากนั้นก็คือเรื่องที่นางมีชีพจรตี้จิง และได้ถูกรับเลือกให้ไปยังราชวงศ์เทียนลิ่งกับมู่ชิงเห่อ

เพียงเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วัน ชื่อเสียงของฉู่หลิวเยว่เลื่องลือขึ้น! กลายเป็นคนที่ทุกคนต่างอิจฉาริษยา!

บางทีคนทั่วไปอาจจะไม่รู้ แต่คนตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลนั้นต่างเข้าใจความหมายของราชวงศ์เทียนลิ่งเป็นอย่างดี

จากนี้ไปเกรงว่าฉู่หลิวเยว่จะพัฒนาขึ้นไปอย่างไม่เปลืองแรง และมีอนาคตที่ก้าวไกลไร้ขอบเขตแน่นอน

งานเลี้ยงนั้นจบลงตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว แต่เมื่อถึงเวลากลางคืน ฉู่หลิวเยว่ก็ได้รับของขวัญไม่น้อย

นางไม่ต้องดูก็รู้ว่าคนพวกนั้นต้องการสร้างสัมพันธไมตรีเพื่อผลประโยชน์กับนางแน่นอน นางจึงปฏิเสธไปทั้งหมด และเมื่อกลับมาถึงสำนักแล้ว นางก็เลือกที่จะเข้าไปในห้องฝึกซ้อมหอคอยจิ่วโยว เพื่อปล่อยให้ข้างนอกชุลมุนกันเอง

บ้านตระกูลฉู่

เมื่อฉู่เซียวกลับมาถึงบ้านฉู่ สีหน้าก็เศร้าหมอง

เมื่อบ่าวรับใช้เห็นสีหน้าของเขาแล้ว ก็พากันอ้ำอึ้ง ไม่กล้าพูดอันใด

แต่สถานการณ์แบบนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

เริ่มตั้งแต่ตอนเย็น ก็มีคนมาขอพบอยู่ตลอด และจุดประสงค์ของพวกเขาก็เหมือนกันหมด

“อะไรนะ ให้ฉู่หนิงสองคนพ่อลูกกลับมาบ้านตระกูลฉู่”

ได้ยินข้อเสนอของพวกเขาแล้ว ฉู่เซียวก็เหมือนไฟที่ถูกจุดให้ลุกโชน จากนั้นก็โมโหทันที

“ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน อย่าแม้แต่จะคิด!”

ฉู่หนิงสองพ่อลูกนั้นตัดขาดกับตระกูลฉู่ของพวกเขาไปแล้ว คนทั้งเมืองก็รู้กันหมดแล้วว่าพวกเขาเป็นศัตรูกัน

ถ้าไปหารือเรื่องนี้กับพวกเขาตอนนี้ ก็เท่ากับว่าพวกเขาเป็นฝ่ายก้มหัวยอมแพ้ก่อน

ถึงเวลานั้น เกรงว่าทั้งตระกูลฉู่จะกลายเป็นตัวตลกของพวกเขาทั้งหมด

เมื่อฉู่เซียวนึกถึงเหตุการณ์แบบนั้น ก็รู้สึกอยู่ไม่สุข และยืนยันที่จะไม่เห็นด้วย

แต่ในเมื่อคนทั้งตระกูลฉู่เชื่อฟังเขามาโดยตลอด แต่ครั้งนี้กลับดูแน่วแน่สุดๆ

“ท่านผู้อาวุโส ครั้งนี้ไม่เหมือนกับคราวก่อน เมื่อความจริงที่ว่าฉู่หลิวเยว่ได้รับเลือกให้ไปราชวงศ์เทียนลิ่ง ได้แพร่กระจายไปในหมู่ตระกูลใหญ่ๆ แล้ว แม้ว่านางจะมีความขัดแย้งกับเรามาก่อน แต่ก็ยังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน เลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน! เหตุใดถึงเป็นไปไม่ได้เล่า?”

“นั่นสิ! ตอนนี้นางไม่ใช่คนไร้ค่าอย่างที่นางเคยเป็นอีกต่อไปแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมากก็รู้ว่าความสำเร็จในอนาคตของนางต้องไม่น้อยแน่นอน นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับตระกูลฉู่ของเราด้วยนี่”

“ผู้เฒ่าที่จริงเราไม่มีความกังวลใดๆ ในใจของท่าน แต่ถ้าตอนนี้เรายังคงสู้ก้บพวกเขาอยู่เราต่างหากที่จะเป็นคนที่ต้องทนทุกข์ทรมาน หลังจากวันนี้มีผู้คนเท่าใดในเมืองหลวงต้องการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับฉู่หลิวเยว่กัน? ถึงอย่างใดนางก็เป็นคนในตระกูลฉู่ของเรา ตราบใดที่เราเอ่ยปากขอร้องให้นางหายกัน นางก็ต้องไว้หน้าเราแน่นอน…”

เห็นพวกเขาแต่ล่ะคนพากันพูดเสริมกันไม่ขาดสายแล้ว ฉู่เซียวก็รู้สึกรำคาญ จึงตะโกนตัดบทสนทนาของพวกเขาด้วยความโมโห

“ฝันไปเถอะ! พวกเจ้าไม่รู้รึไงว่าฉู่หลิวเยว่นิสัยอย่างใด ถ้าไปขอร้องนางตอนนี้ ก็มีแค่ขายขี้หน้าเท่านั้นแหละ!”

ทุกคนมองหน้ากันก่อนจะรู้สึกลำบากใจ

พวกนางไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ หรือ?

แล้วเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้จริงๆ หรือ?

แล้วเราต้องลืมตาปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาอย่างงั้นรึ?

ถ้าเทียบกับราชวงศ์เทียนลิ่งแล้ว ความอับอายจะไปสู้อันใดได้?

ถ้าซ่อมแซมสัมพันธ์กับฉู่หลิวเยว่ ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ในสิ่งที่อยากได้ทั้งหมดหรอกหรือ

“ท่านผู้อาวุโส เรื่องที่ท่านไม่ชอบฉู่หลิวเยว่นั้นเราเข้าใจดี แต่ตอนนี้ไม่ว่าอย่างใดท่านก็ควรจะพิจราณาถึงทั้งตระกูลฉู่ของเรานะไม่ใช่หรือ?”

ผู้อาวุโสซานเอ่ยปากพูดอย่างใจเย็น

ฉู่เซียวทำหน้าตาเคร่งขรึม

“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างใดกัน?”

ผู้อาวุโสซานหัวเราะ

“ไม่ได้หมายความว่าอย่างใดหรอก พวกเรารู้เหตุผลที่ฉู่หลิวเยว่หนีออกจากตระกูลฉู่ไปแล้ว เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นก็เพราะท่าน ถ้าทุกอย่างผ่านไปด้วยดีและสงบสุขก็คงดี แต่ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เราก็ถือเป็นน้ำตาลใกล้มด ถ้าปล่อยให้หลุดมือไปจะไม่เสียดายแย่รึ?”

คนอื่นๆ พากันพยักหน้า

“ฉู่หนิงสองพ่อลูกไม่ได้เป็นคนไม่มีเหตุผล ขอเพียงแค่เราขอโทษเราด้วยความจริงใจ ข้าเชื่อว่าก็สามารถนำพวกเขากลับมาได้แน่นอน…”

ฉู่เซียวตะโกนด้วยความโมโห

“พวกเจ้ามันบ้าไปแล้วจริงๆ!”

“ท่านผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าพวกข้าบ้าหรอก นี่คือสิ่งเดียวที่พวกข้าจะเลือกในตอนนี้”

ผู้อาวุโสซานไม่ได้ตกใจกับความโมโหของฉู่เซียวแต่อย่างใด และสีหน้าก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

“หลายปีที่ผ่านมา ตระกูลฉู่ของเราค่อยๆ ถดถอยและสถานการณ์ก็แย่ลงเรื่อยๆ โดยที่ก่อนหน้านี้กว่าจะฝึกฉูเชียนหมิ่นมาได้คนหนึ่งก็ไม่ง่ายเลย ตอนนี้ก็เขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว และในที่สุดตอนนี้ก็มีฉู่หลิวเยว่ที่เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งแล้ว มีเหตุผลอันใดที่เราจะไม่คว้านางเอาไว้เล่า? ไม่ว่าอย่างใดตอนนี้นางก็ถูกท่านรองแม่ทัพมู่หมายตาไว้แล้ว เราแค่ก้มหัวหน่อยจะเป็นอันใดไป? ถ้าอนาคตนางเจริญก้าวหน้าเข้า เราอยากทำเรื่องพวกนี้คงยากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า!”

คำพูดของผู้อาวุโสซานดึงดูดความสนใจทุกคนทันที

ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ ผลสรุปที่คุยกันก็คือหวังให้ฉู่เซียวเป็นตัวแทนในการไปขอโทษขอโพยฉู่หนิงสองพ่อลูก และเชิญพวกเขาให้กลับมา

ฉู่เซียวรำคาญ

“พวกเจ้าจะว่าอย่างใดก็แล้วแต่! พวกเจ้าอยากจะไปสร้างสัมพันธ์อะไรกัยฉู่หลิวเยว่ก็ไปเองแล้วกัน เพราะให้ตายข้าก็ไม่ไปแน่นอน!”

ผู้อาวุโสซานเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“ท่านผู้อาวุโส ท่านใจแข็งเด็ดขาดถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าถ้าผู้นำตระกูลออกมาแล้วรู้เข้า จะมองอย่างใด?”

สีหน้าฉู่เซียวแข็งกระด้างทันที!

เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไป

ผู้นำตระกูลจำศีลนานมาก ทำให้เขาทะนงตนเป็นที่หนึ่งในตระกูลฉู่ไปแล้ว

ถึงแม้ว่าคำพูดของผู้อาวุโสซานจะไม่เป็นที่ยอมรับ แต่กลับไม่ได้ไม่มีเหตุผล

คนอื่นๆ นั้นเขาสามารถปล่อยวางได้ แต่ผู้นำตระกูลนั้น…

ถึงเวลานั้นเขาก็คงจะอธิบายได้ยาก

ฉู่เซียวลังเลอยู่ครึ่งค่อนวัน ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไป จนสุดท้ายก็ตอบตกลง

“ให้ฉู่หลิวเยว่…ช่างเถอะ! ให้ส่งบัตรเชิญไปให้ฉู่หนิง แล้วบอกว่ามีเรื่องอยากเชิญเขามาปรึกษา!”

ฉู่หลิวเยว่เข้าไปยังหอคอยจิ่วโยว

เพราะตัวนางเองนั้นบรรลุระดับสองแล้ว ฉะนั้นครั้งนี้นางจึงสามารถเข้าสู่ชั้นที่สองได้อย่างรวดเร็ว

งานสมาคมเยาวชนเพิ่งจะจบไป คนที่มายังหอคอยจิ่วโยวจึงมีไม่มาก

ฉู่หลิวเยว่เดินวนรอบชั้นสองไปหนึ่งรอบ ก็เห็นว่าที่นี่นั้นนอกจากจะมีพลังจิตที่ท่วมท้นกว่าหน่อยแล้ว ไม่ได้มีความแตกต่างมากนัก

นางจึงหาห้องๆ หนึ่ง ก่อนจะเริ่มฝึกทันที

เพิ่งนั่งได้ไม่นาน ฉู่หลิวเยว่ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังขึ้น

เสียงนั้นค่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อยๆ!

และการบีบบังคับอันแข็งแกร่งนั้นก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก!

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าเลือดในร่างกายก็แข็งตัวตามไปด้วย!

ฮูก!

เสียงกรีดร้องดังราวกับอยู่ข้างหูของนาง และเกือบจะทำให้แก้วหูแตกแล้ว!

ฉู่หลิวเยว่จึงลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน!

และทันใดนั้น กลับเห็นดวงตาสีแดงเข้มและเฉียบคมคู่หนึ่งอยู่ตรงหน้านางพอดี!

จู่ๆ ดวงตาคู่นั้นก็มีเฟลวไฟเกิดขึ้น! ครอบคลุมทั่วทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท