ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 457 สู้กัน [รีไรท์]

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 457 สู้กัน [รีไรท์]

ซือถูซิงเฉินตกใจกับสายตาของฉู่หลิวเยว่ พลันใจดวงน้อยก็ค่อยๆ รู้สึกกลัวขึ้นมาทีละนิด

ทว่าไม่นานนางก็ได้สติ กลัวอย่างนั้นหรือ?

ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่สู้นางไม่ได้ด้วยซ้ำ คนที่ต้องหวาดกลัวน่ะ ควรเป็นฉู่หลิวเยว่มากกว่า!

ซือถูซิงเฉินระงับอารมณ์ตื่นกลัวในใจ ดวงตาของนางจ้องมองสิงโตสีขาว พลันม่านตาหดลงราวประหลาดใจ

มันคือสัตว์อสูรของหรงซิว!

แต่ไหนแต่ไรหรงซิวไม่เคยเรียกมันออกมาต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ และมีแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่องสัตว์อสูรของเขา แม้แต่นางเองยังรู้เรื่องนี้โดยบังเอิญเลย

ทว่ายามนี้มันกลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่ อีกทั้งยังช่วยเหลือฉู่หลิวเยว่อีก!?

เช่นนี้ก็หมายความว่า มันเลือกอยู่ข้างฉู่หลิวเยว่ใช่หรือไม่!?

นางกัดฟันแน่นอย่างโกรธเคือง พลันเอ่ยเสียงเย็นเยียบ

“อันใด เจ้าคิดจะสู้กับข้าหรือ?”

ร่างกายของฉู่หลิวเยว่หมุนวนด้วยพลังปราณดั้งเดิมที่สั่งสมมา และพลังมากมายก็ไหลออกจากจุดตันเถียนของนางอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะไหลไปทางมือขวาและจรดที่ปลายนิ้วชี้ของนาง!

“เมื่อครู่เจ้ายังหมายเอาชีวิตข้าเลย แล้วข้าจะทำบ้างมิได้หรือ?”

ซือถูซิงเฉินไม่สนใจการกระทำของฉู่หลิวเยว่ แต่นางกลับหัวเราะเยาะเย้ยเสมือนได้ยินเรื่องตลก

“เจ้าน่ะหรือ? นักรบที่เพิ่งผ่านระดับสามเช่นเจ้านี่นะ?”

นางเสียดสีฉู่หลิวเยว่อย่างออกนอกหน้า!

ฉู่หลิวเยว่เหยียดยิ้ม พลางหัวเราะเบาๆ

“ข้านี่แหละ”

ตอนนี้นางเป็นนักรบระดับสามแล้ว แต่ทว่า… นางไม่เคยบอกหนิว่าทักษะของนางไม่ได้จำกัดอยู่ที่ระดับสามเท่านั้น!

ซือถูซิงเฉินคิดว่าฉู่หลิวเยว่นั้นบ้าไปแล้ว!

“ดี! เช่นนั้นก็แสดงให้ข้าเห็นหน่อย ว่าวันนี้เจ้าจะจองหองใส่ข้าได้นานแค่ไหนเชียว!”

สิ้นเสียงแส้โลหิตในมือของนางก็ลอยขึ้นอีกครั้ง! แล้วฟาดลงมา!

เปรี้ยง!

ครานี้เธอใช้พลังปราณที่แข็งแกร่งกว่าครั้งก่อน!

เมื่อแส้โลหิตพุ่งผ่านอากาศ มันได้ฉีกช่องว่างของชั้นอากาศออกอย่างง่ายดาย และทิ้งรอยดำไว้มากมาย!

และในชั่วพริบตา แส้โลหิตก็ถูกห่อหุ้มด้วยพลังกดขี่ ก็พุ่งตรงเข้ามาใส่ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่!

เสวี่ยเสวี่ยรีบหลบอย่างไว!

ความเร็วของมันเร็วมาก ราวกับสายฟ้าที่แวบให้เห็นเพียงเรากะพริบตา!

ส่งผลให้แส้โลหิตนั่นฟาดโดนเพียงความว่างเปล่า!

ซือถูซิงเฉินทำหน้าบึงตึงจนดูน่าเกลียด

ด้วยการช่วยเหลือของสัตว์อสูรระดับสูง อย่าว่าแต่ฆ่าฉู่หลิวเยว่เลย แค่เพียงจะหาจังหวะทำร้ายนางยังยาก

นางกระตุกข้อมือขึ้นอีกครั้ง!

แล้วโบกสะบัดให้แส้โลหิตพุ่งตามฉู่หลิวเยว่ไป!

เปรี้ยง!

เสวี่ยเสวี่ยเคลื่อนไหวอีกครา ซึ่งง่ายต่อการหลบหลีกยิ่งนัก!

ทว่าซือถูซิงเฉินยังคงเชื่อมั่นในตัวเอง นางสะบัดมืออีกรอบ!

แส้โลหิตเส้นนั้นยังคงอัดแน่นไปด้วยชั้นพลังปราณที่มีแสงสีน้ำเงินและสีแดงอ่อนๆ!

ซึ่งพลังปราณที่อยู่ในนั้น แข็งแกร่งกว่าสองครั้งก่อนหน้านี้มาก!

และในขณะที่แส้โลหิตพุ่งออกไป ซือถูซิงเฉินก็ตะโกนด้วยความโกรธ

“แน่จริงก็อย่าหนีสิ!”

ทว่าฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง เสวี่ยเสวี่ยก็หันหลังกลับแล้วยกอุ้งเท้า และเหวี่ยงไปข้างหน้าอย่างดุเดือด!

แควก!

แส้โลหิตเส้นนั้นพุ่งเข้ามาสุดแรง แต่ก็ถูกกรงเล็บของเสวี่ยเสวี่ยตะปบฉีกออกเป็นชิ้นๆ!

ซือถูซิงเฉินพ่นลมหายใจเย็นชาออกมา!

เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ช่างแข็งแกร่งเสียจริง!?

เสวี่ยเสวี่ยเหลือบมองซือถูซิงเฉิน ดวงตาสีฟ้าของมันเย็นชาและไม่แยแส

ราวกับกำลังมองมดตัวเล็กตัวน้อยที่ไร้ค่า

ฉู่หลิวเยว่ลูบหัวเสวี่ยเสวี่ยเบาๆ

“ยอดเยี่ยมที่สุด!”

เสวี่ยเสวี่ยหันกลับมา พลันความเย็นในดวงตาของมันก็จางลงในทันที ก่อนจะเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ

แผงคอนุ่มฟูและหัวกลมๆ ของมันถูไถกับฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่อย่างออดอ้อน แตกต่างจากรูปลักษณ์ที่เยือกเย็นและสง่างามเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง

ซือถูซิงเฉินอัดอั้นใจจนแทบระเบิดออกมา

การตอบโต้เมื่อครู่ส่งผลต่อนางเช่นกัน ตอนนี้อวัยวะภายในของนางบีบเน้นและเจ็บปวดอย่างมาก!

เดิมทีนางต้องการใช้โอกาสที่จะแก้แค้นฉู่หลิวเยว่และกำจัดอีกฝ่ายให้หายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะยากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

เว้นเสียแต่ว่า…ค่ายกลของนางจะฟื้นคืนกลับสู่สภาพเดิม!

ใช่แล้ว!

ขอเพียงแค่นางสามารถทะลวงให้สูงกว่านี้และกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย แค่นี้นางก็สามารถบดขยี้ฉู่หลิวเยว่ได้แล้ว!

เมื่อคิดเช่นนั้น ซือถูซิงเฉินก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และเสริมพลังปราณให้ค่ายกลที่เหลืออยู่รอบตัวนางอีกครั้ง จากนั้นจึงหลับตาลงและเริ่มกลืนกินพลังปราณรอบข้างต่อไป!

ความจริงแล้ว พลังปราณที่บรรจุอยู่ในแสงสีน้ำเงินและแดงจากหม้อไฟสัมฤทธิ์ทองคำ ได้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง

ตราบใดที่นางจดจ่อกับช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนี้ และพยายามทะลวงเข้าไป นางก็จะทำสำเร็จแน่นอน!

ฉู่หลิวเยว่มองดูซือถูซิงเฉิน พลันหยุดชะงัก และหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็เข้าใจความตั้งใจของอีกฝ่ายทันที

คิดจะสู้ก็สู้ คิดจะหยุดเพื่อทะลวงขอบเขตก็หยุด ขอคนปกติให้นางหน่อยไม่ได้หรืออย่างใด?

ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังคิดเรื่องนี้ จู่ๆ ก็มีเงาสีแดงปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตานาง

เป็นถวนจื่อที่พุ่งใส่ซือถูซิงเฉิน!

หากฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ด้านหน้ามัน คงได้เห็นเจ้าพังพอนน้อยพองแก้มด้วยท่าทางโกรธจัดไปแล้ว

เจ้าแสบนั่น!

หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ยังคิดจะลองดีอีก!

แต่เพราะยามที่มันนึกถึงภาพที่ตัวเองดึงฉู่หลิวเยว่ให้กลับมายืนตัวตรงไม่ได้ ซ้ำยังโดนพลังปราณของฝั่งนู้นซัดจนกระเด็นกระดอนไปอีกทางอีก แค่นี้มันก็อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!

เมื่อเทียบกับฉากของพระเอกอย่างสิงโตขาวเมื่อครู่ มันก็ยิ่งรู้สึกแพ้เข้าไปใหญ่!

และเมื่อซือถูซิงเฉินเห็นถวนจื่อที่พุ่งเข้าใส่ตน นางก็ยิ้มเยาะออกมาทันควัน

ค่ายกลนี้แข็งแกร่งมาก แม้แต่มังกรเพลิงโลกันต์หางแดงก็ยังไม่สามารถทะลุทะลวงได้เต็มร้อย แล้วจะเอาอันใดกับสัตว์อสูรพังพอนระดับสามกระจอกๆ นี่กัน?

ตัวมันก็มีความสามารถนะ แต่ทว่า…

ถวนจื่อกระโดดใส่ค่ายกลตรงหน้าทันที พลันเปิดปากแล้วกัดลงไป!

แกร็ก!

เกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่จากแรงกัดของมัน!

รอยยิ้มบนใบหน้าของซือถูซิงเฉินหยุดค้างอยู่แบบนั้น พร้อมดวงตาเบิกโพล่งอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

เป็นไปได้อย่างใด!?

ดูเหมือนถวนจื่อจะอยากระบายความโกรธทั้งหมดที่มีออกมา มันกัดลงไปด้านข้างรูใหญ่อย่างดุเดือด!

แกร็ก แกร็ก!

พลันฉากเหตุการณ์คล้ายกันนี้ที่เกิดขึ้นในงานสมาคมเยาวชน ก็ฉายเข้ามาในโสตประสาท!

แม้แต่ฉู่หลิวเยว่เองก็ยังอดแปลกใจไม่ได้

ถวนจื่อเอ๋ย…เหตุใดฟันของเจ้าจึงดูแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนอีกล่ะ…

แม้ว่าค่ายกลรอบตัวซือถูซิงเฉินนั้นจะหนามาก แต่ก็ไม่สามารถหยุดถวนจื่อให้หยุดแทะได้

ทีแรกนางอยากจะเพิกเฉยต่อเหตุการณ์นี้ และบุกเข้าไปให้เร็วที่สุด แต่พอเห็นว่าถวนจื่อเจาะรูได้ใหญ่จนตัวมันมุดเข้ามาหานางได้แล้ว นางก็จำต้องหยุดชะงัก!

“ฉู่หลิวเยว่! หากเจ้าเก่งจริงก็มาสู้กับข้าตัวต่อตัวสิ! เจ้าจะอาศัยแต่พลังของสัตว์อสูรหรืออย่างใด!?”

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบ และหัวเราะ

“เพราะข้าเก่งจริงอย่างใดเล่า ถึงเรียกสัตว์อสูรเหล่านี้ออกมาได้! และข้าก็ไม่เคยห้ามให้เจ้าเรียกใช้สัตว์อสูรนะ? ในเมื่อเจ้าเกลียดข้าขนาดนี้แล้ว เจ้าก็คิดหาวิธีล้มข้าให้ได้สิ!”

ซือถูซิงเฉินถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง ใบหน้าของนางเดี๋ยวแดงก่ำ เดี๋ยวซีดเผือด

สัตว์อสูรธรรมดาจะไปสู้สัตว์อสูรสองตัวนี้ได้อย่างใด!

จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ตะโกนว่า

“เสวี่ยเสวี่ย!”

ราวกับว่าเสวี่ยเสวี่ยกำลังรอคอยคำเสียงเรียกจากนางอยู่ เมื่อได้ยินสองอุ้งเท้าของมันก็กระโดดถีบตัวพุ่งออกไปหาฉู่หลิวเยว่ทันที!

เมื่อเห็นภาพนี้ หลายๆ คนที่ยืนดูอยู่ก็ยิ่งตกตะลึงกันมากกว่าเดิม

“นั่นฉู่หลิวเยว่คิดจะสู้กับซือถูซิงเฉินอย่างนั้นหรือ?!”

“สิงโตขาวตัวนั้นเป็นสัตว์อสูรระดับสูง เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันทำลายการโจมตีของซือถูซิงเฉินได้ และด้วยความช่วยเหลือของมัน ฉู่หลิวเยว่อาจชนะก็ได้!”

“แต่จริงๆ แล้ว ซือถูซิงเฉินนั้นแข็งแกร่งกว่านางหลายระดับ… ฉู่หลิวเยว่อาจจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการปะทะกันตรงๆ เช่นนี้…”

พลันบนฝ่ามือของซือถูซิงเฉินก็ปรากฏลูกไฟสีน้ำเงินและสีแดง พวกมันค่อยๆ รวมผสานเข้าด้วยกัน!

จากนั้นนางก็ประกบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน!

ก่อนที่ลำแสงทั้งสองจะชนกันแล้วรวมเป็นหนึ่ง!

“สองมือประสาน!”

ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นบ้าง

และจู่ๆ ก็มีประกายแสงคล้ายดวงดาว ปรากฏขึ้นที่มือขวาบริเวณปรายนิ้วชี้ของนาง!

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท