ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 473 กลับมาแล้ว [รีไรท์]

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 473 กลับมาแล้ว [รีไรท์]

ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ฉู่หลิวเยว่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า นางเป็นคนสุภาพ และไม่เคยแม้แต่จะพูดอันใดให้ผู้อื่นขุ่นเคืองใจ

แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขากลับเหมารวมนางเข้าไปด้วย และวางแผนจะแก้แค้นนางในอนาคต

ซึ่งตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายอันใดแล้ว และนางก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอันใดกับพวกเขา

ในเมื่ออีกฝ่ายขู่ว่าจะจัดการกับนาง ดังนั้นนางจะเผชิญหน้ากับมันอย่างใจเย็น แล้วเดินตามเกมไปอย่างแยบยล

ทว่าปฏิกิริยาเช่นนี้ของฉู่หลิวเยว่ กลับดูจองหองสำหรับจ้าวอวิ๋นจื่อยิ่งนัก

มิใช่ว่าผู้ชายคนนั้นแข็งแกร่งที่สุดหรอกหรือ!?

ทว่าอย่างใดเสีย เมื่อถึงซีหลิงแล้ว ชายคนนี้ย่อมไม่สามารถปกป้องนางได้ตลอดเวลา!

และเมื่อถึงตอนนั้น อีกฝ่ายจะต้องได้ชดใช้สำหรับความอับอายและความคับแค้นใจที่นางได้รับในวันนี้!

เจี่ยนเฟิงฉือยกเท้าขึ้นและเดินไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้าย ทว่าเมื่อเขาเดินผ่านคู่ของเฉินเซียหยวน เขาก็หยุดฝีเท้าลง

เฉินเซียหยวนเผลอหดตัวทันที

เจี่ยนเฟิงฉือปรายตามองเขาแวบหนึ่ง พลันเอ่ยเสียงเรียบ

“คนของหลิงอวิ๋นจงเป็นเช่นนี้กันทุกรุ่นเลยหรือไร”

เฉินเซียหยวนหน้าแดงก่ำ ทว่าขณะที่เขากำลังจะโต้กลับ ก็ดันนึกถึงลมปราณที่น่ากลัวของชายผู้นี้เมื่อครู่ พลันจำต้องเก็บคำพูดนั้นกลืนลงคอไป

จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เดินตามเขาไป

เจี่ยนเฟิงฉือเปิดการทำงานของค่ายกลเคลื่อนย้าย

พลันร่างทั้งร่างก็หายวับไปทันตา

เมื่อแน่ใจว่าพวกเขาจากไปแล้ว เฉินเซียหยวนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยความช่วยเหลือของจ้าวอวิ๋นจื่อ

“น้องชาย… มันเป็นความผิดของข้าเอง ถ้าข้าไม่เร่งเจ้า เรื่องพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น และพวกเขาคงไม่ให้ทำร้ายเจ้าเช่นนี้”

จ้าวอวิ๋นจืออยากจะร้องไห้

เฉินเซียหยวนจึงรีบกลืนเลือดเหล่านั้นกลับไป แล้วจ้องมองค่ายกลเคลื่อนย้ายนั่น พลางเอ่ยเสียงแข็ง

“สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร! รอให้ข้าตรวจสอบสถานะของพวกนั้นเสียก่อนเถอะ…แล้วพวกนั้นจักต้องเสียใจ! ข้า ผู้เป็นลูกศิษย์ของหลิงอวิ๋นจง ไม่ใช่ผู้ที่ใครสามารถรังแกได้ง่ายๆ!”

ทั้งเจี่ยนเฟิงฉือและฉู่หลิวเยว่ต่างก็ไม่ได้สนใจเหตุการณ์เล็กๆ นี้มากนัก

หลังจากที่ทั้งสองเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว การเดินทางก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น

และเนื่องจากระดับของค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้สูงมาก ความเร็วในการลำเลียงจึงมีมากตามไปด้วย

แม้ว่าชายแดนทางเหนือและซีหลิงจะอยู่ห่างกันมาก แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่

ทว่าสำหรับฉู่หลิวเยว่แล้ว ทุกนาทีและทุกวินาทีที่เข้าใกล้ซีหลิงนั้นดูยาวนานเป็นพิเศษ

แต่โชคดีที่พวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยความมืด เจี่ยนเฟิงฉือจึงมองไม่เห็นสีหน้าของนาง

“เมื่อถึงซีหลิงแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปหามู่ชิงเห่อ”

เจี่ยนเฟิงฉือเอ่ยอย่างเกียจคร้าน

นั่นทำฉู่หลิวเยว่ตื่นจากภวังค์ ก่อนจะตอบ “อืม” กลับไปเบาๆ

ท่ามกลางความเงียบ ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า

“ดูเหมือนคราวนี้จะมีผู้ฝึกตนที่ครอบครองชีพจรตี้จิงไว้กับตัว พากันหลั่งไหลมาที่พรมแดนม่านฟ้าหลายคนเลยนะ”

ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกอย่างมาก

ราชวงศ์เทียนลิ่งไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะเช่นนั้น และการใช้กำลังคนและทรัพยากรจำนวนมาก เพื่อออกไปคนหาคนเหล่านั้นนอกพรมแดนม่านฟ้านั้น จัดเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวและยุ่งยากเอาการ

เจี่ยนเฟิงฉือหัวเราะเบาๆ ราวเย้ยหยัน

“พวกเขาชอบทำเรื่องยุ่งยากอยู่แล้ว ใครจะไปรู้ว่าครั้งนี้ฝ่ายนั้นกำลังวางแผนทำอันใดอีก”

หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นรัว พลันถามเสียงแผ่ว

“…พวกเขา?”

เดิมทีนางคิดว่าเจี่ยนเฟิงฉือจะไม่ตอบ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคราวนี้เขาจะพูดออกมาตรงๆ

“ก็องค์หญิงสามกับราชบุตรเขยอย่างใดเล่า”

ซั่งกวนหว่านกับเจียงอวี่เฉิง!

เป็นพวกเขาเองหรือ!

โชคดีมากที่ตอนนี้นางยังอยู่ในค่ายกลเคลื่อนย้าย เจี่ยนเฟิงฉือจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้

และเมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่เงียบไป เจี่ยนเฟิงฉือจึงเอ่ยต่อ

“โอ้ แล้วสถานะในปัจจุบันขององค์หญิงสามนั้นเทียบเท่ากับผู้ปกครองของราชวงศ์เทียนลิ่งทั้งหมด ครั้นเจ้าถึงซีหลิง เมื่อไหร่ เจ้าก็จะรู้เอง”

ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่บอกนางก็เพราะ เขายังไม่สนิทกับฉู่หลิวเยว่ อีกทั้งตอนนั้นนางก็ยังอยู่ที่แคว้นเย่าเฉิน

แต่ตอนนี้นางกำลังจะไปที่ซีหลิง แม้ว่าเขาจะพูดหรือไม่ นางก็สามารถได้ยินเรื่องนี้จากคนอื่นๆ อยู่ดี

อีกทั้งด้วยความจริงที่ว่าเขากับได้ใช้เวลาร่วมกันพักหนึ่ง จนเขาเกิดซาบซึ้งกับการกระทำของนาง เขาถึงยอมเป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกนางเอง

ความคิดของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปทันที นางพยายามระงับอารมณ์ของตนไว้ แล้วถามเขาด้วยความประหลาดใจ

“นี่มันหมายความว่าอย่างใด? หรือว่าจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เทียนลิ่งจะ…”

“ฝ่าบาททรงล้มป่วย และทรงมอบพระราชกรณียกิจส่วนใหญ่ให้องค์หญิงสามดูแล”

เจี่ยนเฟิงฉือกล่าวเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกดูแคลน

ส่วนฉู่หลิวเยว่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่หรือ?!

นางคิดว่าหลังจากที่นางจุดไฟเผาตัวเองแล้ว ซั่งกวนหว่านกับเจียงอวี่เฉิงจะจัดการท่านพ่อต่อเสียอีก

คิดไม่ถึงว่าผ่านไปนานขนาดนี้ พวกเขาก็ยังไม่ได้ลงมืออีก

นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พลันลดเสียงลง แล้วถามว่า

“…เหมือนนายน้อยเจี่ยนจะ…กับองค์หญิงสามท่านนี้…”

ดูถูก? เหยียดหยาม? หรือรังเกียจ?

ทว่านางก็ไม่ได้พูดอันใดต่อ

เจี่ยนเฟิงฉือหัวเราะร่าทันที

“ข้าเคยบอกเจ้าหรือไม่ว่า บางครั้งเจ้าดูฉลาด และบางครั้งก็น่ารำคาญ? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าดูเหมือน…”

แต่จู่ๆ เขาก็หยุดพูด

พลันกระแอมไอ

“มันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว อย่าพูดถึงมันเลยดีกว่า แต่เจ้าก็เดาถูกแล้ว”

เขาเกลียดซั่งกวนหว่านจริงๆ

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ ด้วยความสงสัยเล็กน้อย

เท่าที่นางรู้มา ตอนนั้นเจี่ยนเฟิงฉือชอบพอในตัวซั่งกวนหว่านอยู่ไม่น้อย และถึงขนาดเคยช่วยซั่งกวนหว่านหาเรื่องนางด้วย

และแน่นอนว่าในเวลานั้น นางไม่ได้ตระหนักว่าซั่งกวนหว่านจงใจหาเรื่องนาง แต่นางกลับคิดแค่ว่า มันเป็นเพราะความบ้าของเจี่ยนเฟิงฉือ ที่ยั่วยุให้นางกับซั่งกวนหว่านทะเลาะกัน

ซึ่งคิดไม่ถึงว่า ทัศนคติของเขาที่มีต่อซั่งกวนหว่าน ความจริงแล้วจะพลิกแพลงถึงเพียงนี้…

ทว่าในขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังจะถามเรื่องแผนการของพวกนั้น นางก็หันไปเห็นแสงสว่างด้านหน้าเสียก่อน!

ฝ่ามือของนางกำแน่นในทันที!

มาถึงแล้ว!

“ไปกัน!”

เจี่ยนเฟิงฉือเดินนำออกไปก่อน!

ส่วนฉู่หลิวเยว่ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินตามไปด้านหน้า!

ภาพวิวของท้องฟ้าและโลกเปลี่ยนไป รวมทั้งความมืดที่จางหายโดยแสงแดดที่สาดส่องลงมา!

ทว่าครานี้ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ยกมือขึ้นมาบังตา

ดวงตาเรียวสวยของนางมองตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่

เมืองซีหลิงตระหง่านและสง่างามราวกับสัตว์ร้ายที่คอยเฝ้าดินแดนของตน! มันคือจุดกึ่งกลางของสวรรค์และโลก! ทั้งงดงามและดูน่าเกรงขาม!

แสงแดดนั้นเจิดจ้าและแสบตา จนน้ำตาแทบไหล

ซีหลิงเอ๋ย!

ข้ากลับมาแล้ว!

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท