ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 493 ตามข้ามา [รีไรท์]

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 493 ตามข้ามา [รีไรท์]

มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีวาสนาต่อกันนะ? คนที่เจ้าต้องการตามหาก็ชื่อนี้ด้วยหรือ?”

เชียงหว่านโจวส่ายหน้า

“ข้าไม่รู้จักชื่อนาง นางให้ข้าเรียกว่าเยว่ ข้าจึงรู้จักแค่ชื่อนี้”

มือของฉู่หลิวเยว่กุมใบหน้าของตัวเองไว้ ตอนนี้อารมณ์ของเขาค่อนข้างลึกซึ้ง

คาดไม่ถึงว่าจะชื่อตรงกับนางพอดี…

นางถามอย่างหยั่งเชิงอีกครั้งว่า

“นางเป็นคนซีหลิงหรือ?”

เชียงหว่านโจวพยักหน้า

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

คนคนนั้นคงไม่ได้โกหกหรอกใช่หรือไม่…

หลังจากที่นางเกิดเมื่อชาติที่แล้ว เสด็จพ่อของนางก็ตั้งชื่อให้นางว่า “เยว่”

หลังจากได้รับการแต่งตั้ง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง ทั้งเมืองซีหลิงจึงไม่มีใครใช้ชื่อนี้อีกเลย

คนที่เกิดหลังจากนั้นก็ต้องหลบเลี่ยงไม่ใช่ชื่อนี้ ส่วนคนที่เคยใช้ชื่อนี้อยู่แล้วให้เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นแทน

คนคนนั้นบอกว่าตนเองเป็นคนซีหลิง แล้วยังบอกว่าชื่อว่า “เยว่” ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริง หรือว่า…แต่งขึ้น

หากเป็นรุ่นแรกๆ คงไม่เป็นไร หากเชียงหว่านโจวเจอคนนั้น เขาจะต้องจำได้อย่างแน่นอน

แต่ถ้าเป็นระยะหลัง…ความหวังของเชียงหว่านโจวก็คงเป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ แล้ว เกรงว่าชาตินี้เชียงหว่านโจวก็คงไม่สามารถหาคนคนนั้นเจอได้แล้ว

“นาง…ดีกับเจ้ามากหรือไม่?” ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น

เชียงหว่านโจวมองนางด้วยสายตาแปลกๆ

“แน่นอน ชื่อของข้า นางก็เป็นคนตั้งให้”

เมื่อเห็นสีหน้าหนักแน่นปราศจากความลังเล ฉู่หลิวเยว่ก็กลืนคำพูดลงคอไปทั้งหมด

หากพูดกับเรื่องนี้ในตอนนี้ เขาจะต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน และอาจจะทำให้เขาโกรธนางด้วย

เช่นนั้นรอให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปก่อน หลังจากเขารู้เรื่องมากขึ้นแล้ว ค่อยบอกเขาอีกทีก็ได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ละทิ้งความคิดที่อยู่ในใจทั้งหมดลง แล้วยิ้มขึ้นพร้อมพูดว่า

“ชื่อของเจ้าเพราะมากจริงๆ”

เชียงหว่านโจวหันหน้าออกไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง เขาก็พูดขึ้นว่า

“แน่นอน”

ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขา จากนั้นก็เห็นว่าใบหูของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย

นางกลั้นยิ้ม จากนั้นก็เบนสายตากลับไปดูการแข่งขันในสนาม

การแข่งขันส่วนใหญ่ก็จบลงแล้ว เหลือเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

แต่บรรยากาศในสนามก็ยังดุเดือดเช่นเดิม

หลังจากนั้นไม่นานฉู่หลิวเยว่ก็นึกเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ จึงหันไปมองเชียงหว่านโจว

“จริงสิ หลังจากการแข่งขันแล้ว เจ้าอย่าไปกัดใครซี้ซั้วนะ”

ปราณที่อยู่รอบตัวของเชียงหว่านโจวก็เย็นลงทันที

“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าป่าเถื่อนหรือ?”

คำพูดเช่นนี้ ช่วงนี้เขาได้ยินมาหลายครั้งแล้ว

ฉู่หลิวเยว่ดีดหน้าผากของเขาเบาๆ

“คิดอันใดอยู่น่ะ? ข้ากลัวว่าเลือดพวกนั้นจะทำให้เจ้าสกปรกต่างหาก! สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ ไม่ใช่แค่ใช้เชื้อเพลิงลูกเดียวแล้วสามารถแก้ไขได้เสียเมื่อไหร่ ถ้าอยากมีชีวิตยืนยาว ก็เชื่อฟังข้าดีๆ ซะ”

เชียงหว่านโจวคิดไม่ถึงว่านางจะหมายความเช่นนี้ ความโหดร้ายที่เขากำลังจะแสดงออกไปกลับเหลือเพียงความกระดากอาย

“ถ้าดูตามฝีมือของเจ้า เจ้าสามารถชนะคนได้เกือบทั้งหมดแล้ว เหตุใดต้องใช้พลังเกินตัวด้วย?”

ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่มีความรังเกียจขึ้นมา

“ต้องสู้กับคนที่ด้อยกว่า เจ้าก็รำคาญไม่ใช่หรือ?”

เชียงหว่านโจวอ้าปากพะงาบๆ แล้วก้มหน้าลงด้วยความสิ้นหวัง

“แต่ว่า…ข้าต้องการเลือดของพวกเขา…”

ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจ

เหมือนว่าเด็กคนนี้จะไม่รู้ถึงสถานการณ์ของตนเองเลยสักนิดเดียว

นางพูดเสียงเบา

“แม้ว่าปราณเย็นในร่างกายของเจ้าจะสามารถใช้เลือดของผู้บำเพ็ญเพียรระงับได้ แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ถ้าในระยะยาว มันจะมีโทษมากกว่าประโยชน์ ต่อจากนี้ไปห้ามทำแบบนี้แล้วนะ เข้าใจหรือไม่?”

เชียงหว่านโจวมองสีหน้าที่จริงจังของฉู่หลิวเยว่ จากนั้นเขาก็พยักหน้าโดยรู้ตัว

ฉู่หลิวเยว่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงรู้สึกว่าเหมือนตัวเองมีลูก…

เป๋ง!

ทันใดนั้นเองเสียงระฆังที่อยู่ห่างออกไปก็ดังขึ้น และดังก้องไปทั่วทั้งสนาม

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย แต่กลับเห็นทหารม้าทมิฬที่อยู่ห่างออกไปแทน

นางหันกลับไปมองกระดานหยกสีดำทันที ตอนนั้นนางก็เห็นว่ารายชื่อบนกระดานเหลือเพียงครึ่งเดียวแล้ว!

ผู้อาวุโสชิวซีทะยานขึ้นไปอยู่กลางท้องฟ้า!

“การแข่งขันรอบคัดเลือกของงานหมื่นทูรได้จบลงแล้ว! ยินดีกับผู้ที่เข้ารอบทั้งหนึ่งร้อยเก้าสิบหกคนด้วย!”

กลุ่มผู้ชมก็ส่งเสียงเชียร์ดังลั่นด้วยความครึกครื้น!

ส่วนคนบางกลุ่มที่จมอยู่กับความเศร้านั้น กลับไม่มีใครสนใจเลย

ผู้ชนะคือราชา คนแพ้คือโจร นี่คือกฎอันยาวนานของซีหลิง!

ผู้อาวุโสชิวซีกวาดสายตามองไป จากนั้นก็มองที่ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ

“พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่นี่เหมือนเดิม การแข่งขันงานหมื่นทูรจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!”

เสียงของชายชราผู้นั้นกลับกังวานอยู่ในหัวของทุกๆ คนอย่างชัดเจน

ผู้เข้าแข่งที่เป็นฝ่ายชนะและนั่งอยู่ด้านข้าง ก็ไม่สามารถเก็บซ่อนความดีใจเอาไว้ได้แล้ว

“หลังจากกลับไปแล้ว หวังว่าทุกคนจะพักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันของพรุ่งนี้! ของรางวัลที่มากมายรออยู่ด้านหน้าแล้ว! สำนักใหญ่ในเมืองซีหลิงก็กำลังเปิดประตูรอต้อนรับพวกเจ้าอยู่!”

คำพูดเหล่านี้ของผู้อาวุโสชิวซีถือเป็นการให้กำลังใจกับผู้เข้าแข่งขันอย่างไม่ต้องสงสัย

ทุกคนจึงตื่นเต้นกันมากยิ่งขึ้น

“ขอรับ!”

ฉู่หลิวเยว่ยิ้มแล้วลุกขึ้น พร้อมหันไปพูดกับเชียงหว่านโจวว่า

“ตามข้ามาเถอะ”

เชียงหว่านโจวพยักหน้าแล้วตามนางไปทันที

คนรอบข้างจำนวนไม่น้อยกระโดดลงจากที่นั่งของผู้ชมทันที พร้อมเข้าไปร่วมฉลองกับผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบ

ทั้งจัตุรัสแห่งนี้คร่าคร่ำไปด้วยผู้คน

ฉู่หลิวเยว่และเชียงหว่านโจวก็เดินผ่านกลุ่มคนที่เนืองแน่นและเบียดเสียดออกไป พวกนางวางแผนที่จะออกจากที่นี่อย่างเงียบๆ

เจียงอวี่เฉิงลุกขึ้นยืน จากนั้นก็มองตามแผ่นหลังของฉู่หลิวเยว่ไป

ตอนที่เห็นว่าเด็กหนุ่มผมทองเดินตามฉู่หลิวเยว่ไป เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

เมื่อครู่เขาก็สังเกตได้ว่าทั้งสองคนคุยกันเป็นเวลานาน คาดไม่ถึงว่าตอนนี้ยังจะเดินออกไปพร้อมกันอีก

“สองคนนั้นรู้จักกันหรือ?” เขาถามเสียงเรียบ

ชายที่อยู่ด้านข้างมองตามไปแล้วพูดขึ้นว่า

“เด็กหนุ่มคนนั้นมาจากชายแดนใต้ เหมือนว่าเขาจะถูกลากเข้ามาในการแข่งขันนี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองคนน่าจะไม่รู้จักกันขอรับ”

เจียงอวี่เฉิงมองไปที่เด็กหนุ่มผมสีทองคนนั้นอย่างละเอียด

“ชีพจรของเขา…ตรวจสอบที่มาของเขาด้วย”

“ขอรับ!”

เจียงอวี่เฉิงหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป แต่ทันใดนั้นเขากลับเห็นรอยยิ้มของฉู่หลิวเยว่ นางกำลังขยี้ผมของหนุ่มคนนั้นอย่างแรง

สีหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นดูโมโหเล็กน้อย แต่เขากลับจ้องมองนางเท่านั้น โดยที่ไม่ได้พูดอันใดออกมาสักคำ

ฉู่หลิวเยว่ลากเขาให้เดินอ้อมฝูงชนออกไป

ในตอนนั้นเจียงอวี่เฉิงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงรู้สึกเช่นนี้ แต่เขาก็โมโหมากจริงๆ

รอยยิ้มแบบนั้น มันไม่ควรปรากฏขึ้นมาอีก

ต่อให้จะคล้ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“คุณชายใหญ่ ต้องการให้ข้าน้อยทำอันใดหรือไม่?” ชายที่อยู่ด้านข้างถามเสียงเบา

เจียงอวี่เฉิงพูดเสียงเย็นว่า

“ไม่ต้อง”

เมื่อพูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไป

ฉู่หลิวเยว่หยอกล้อเชียงหว่านโจวครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่ขาวซีดจนโปร่งแสงของเขาเริ่มมีสีขึ้นมา ในที่สุดนางก็หยุด

หยอกล้อเด็กนิดหน่อยไม่มีปัญหา แต่ถ้ายั่วโมโหเข้าจริงๆ มันไม่ดีแน่

“ที่ที่ข้าพักอาศัยนั้นค่อนข้างจะพิเศษ อีกเดี๋ยวเจ้าตามข้ามาก็จะรู้แล้ว แต่ก่อนอื่นต้องไปซื้อสมุนไพร ปรับสภาพร่างกายของเจ้าให้ดีก่อน”

ฉู่หลิวเยว่พูดกับตัวเอง และได้สร้างรายการสิ่งที่ต้องทำไว้ในใจแล้ว

เป็นผู้ติดตามนี่ก็ไม่ง่ายนะ

เชียงหว่านโจวพูดไม่ค่อยเก่ง เมื่อได้ยินเสียงนางบ่น เขาจึงพยักหน้าคล้อยตาม

“หยุด!”

ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งมายืนขวางทางพวกเขาไว้

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมอง คนคนนี้ไม่คุ้นหน้าเลย

“เจ้าคือ…”

ชายคนนั้นไม่ได้มองมาที่นาง แต่กลับมองไปที่เชียงหว่านโจว แล้วขมวดคิ้วพูดว่า

“ใครใช้ให้เจ้าวิ่งมั่วซั่ว?”

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท