ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 554 ความลับแตก [รีไรท์]

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 554 ความลับแตก [รีไรท์]

เจี่ยนเฟิงฉือหยิบแหวนเฉียนคุนออกมาแปดวง!

“แค่นี้ก็…น่าจะพอแล้วนะ ข้าว่า…”

เจี่ยนเฟิงฉือพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่มองแหวนเฉียนคุนทั้งแปดวง แต่ในใจก็ยังเจ็บปวดจนแทบกระอักเลือด

หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่ตรวจสอบแหวนทีละวง ในที่สุดนางก็เผยรอยยิ้มพออกพอใจออกมา

แค่นี้ถือว่าพอคุ้มค่าหน่อย

นางค่อยๆ เก็บแหวนเฉียนคุนทั้งแปดวงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะมองไปที่เจี่ยนเฟิงฉือ และพูดด้วยความจริงใจ

“นายน้อยเจี่ยน หากไร้ซึ่งเงินของเจ้าแล้ว ข้าคงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในซีหลิงแห่งนี้ได้ ต้องขอขอบคุณเจ้ามากจริงๆ!”

เจี่ยนเฟิงฉือแทบหมดแรงเมื่อเสียทรัพย์จำนวนมากไป พลันโบกมือหยอยๆ อย่างสิ้นหวัง

“เจ้า…เจ้าไปเถอะ…ไม่ต้องขอบคุณแล้ว…”

คราวก่อนนางก็ “ขอบคุณ” เขา แล้วก็ชิงเอาเงินเขาไปตั้งมากมายเฉกเช่นครั้งนี้นี่แหละ!

และพอเขาได้ยินคำๆ นี้ออกมาจากปากของนางอีกครั้ง หัวใจของเขาก็ถึงกับหวาดผวา

แม่นางผู้นี้…ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!

ส่วนสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็มองดูฉากตรงหน้าอย่างตกตะลึง

ขนาดขอบเขตพื้นที่ของวงแหวนเฉียนคุนนั้นแตกต่างกันไปตามระดับ

และแหวนที่เจี่ยนเฟิงฉือเพิ่งหยิบออกมาล้วนเป็นแหวนคุณภาพสูงทั้งสิ้น แถมยังสามารถบรรจุของใส่ไว้ได้มากมาย

โดยที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าข้างในนั้นมีอันใด!

เขายอมเอาแหวนออกมาทีละวงจนครบแปด…และยกแหวนทั้งหมดนั่นให้ฉู่หลิวเยว่!

แต่ประเด็นหลักก็คือ ดูเหมือนแปดวงนี้จะเป็นแค่หนึ่งในสิบของกำไรที่เขาได้รับเท่านั้น!

นี่เขาไปปล้นบ่อนทั้งหมดในเมืองซีหลิงมาหรือไร?

เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่เก็บแหวนเฉียนคุนใส่กระเป๋า สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็เข้าใจทันทีว่า เพราะอันใดเจี่ยนเฟิงฉือถึงพยายามยืดเยื้อไปเรื่อย ที่แท้ก็เพราะอยากหาเรื่องผัดวันประกันพรุ่งไม่ยอมจ่ายนี่เอง

เพราะถ้านางต้องสูญเสียเงินมากมายขนาดนั้น…นางเองก็คงลังเลใจเหมือนกัน!

เจี่ยนเฟิงฉือมองดูนางด้วยสายตาเศร้าสร้อย

หากเมื่อครู่นางไม่จี้เขา เขาก็คงจะสามารถชะลอมันออกไปอย่างน้อยอีกหนึ่งวัน!

ถึงเขาไม่ได้ตั้งใจจะหนีหนี้ แต่ความรู้สึกนี้มัน…ช่างน่าเจ็บใจเสียจริง!

หลังจากฉู่หลิวเยว่ทวงหนี้ได้สำเร็จ ก็ไม่ได้คิดจะอยู่ต่อให้เสียเวลา พลันเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพ

“เช่นนี้ ข้าก็จะไม่อยู่รบกวนเวลาสุนทรีของน้อยนายเจี่ยนแล้ว”

เจี่ยนเฟิงฉือโบกมือไหวๆ อย่างเหนื่อยหน่าย

ยิ่งเห็นฉู่หลิวเยว่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าตัวเองโดนขูดรีดอีกครา

ฉู่หลิวเยว่โค้งคำนับ พลันถอยตัวออกไป

ทว่าขณะที่หันหลังกลับ หางตาดันเหลือบไปเห็นแผ่นหยกสี่เหลี่ยมบนเก้าอี้นั่งของเจี่ยนเฟิงฉือ

ดูเหมือนว่ามันจะร่วงออกมาจากตัวเขา

แผ่นหยกนั่นดูโปร่งแสงและดูธรรมดามาก

ทว่าขอบของแผ่นหยกนั้นถูกสลักเป็นลายก้อนเมฆอันละเอียดอ่อน

และบริเวณตรงกลาง ก็มีอักษรตัวเล็กๆ สลักไว้ว่า

หมอ!

ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงทันตา!

ชัดเจนว่าแผ่นหยกนี้ถูกสงวนไว้สำหรับเซียนหมอที่ประจำการให้ราชวงศ์เทียนลิ่งเท่านั้น เหตุใดเจี่ยนเฟิงฉือถึงมีสิ่งนี้ในครอบครองได้!?

เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่ลังเลไม่ยอมก้าวออกไปเสียที เจี่ยนเฟิงฉือจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“หือ? เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่พลันได้สติ ก่อนจะมองข้อมือที่สะบัดโบกไล่กลายๆ ของเจี่ยนเฟิงฉือนิ่งๆ และยิ้มออกมา พลางหมุนตัวแล้วเดินออกไปจากห้อง

กระทั่งคล้อยหลังของฉู่หลิวเยว่แล้ว สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ถึงได้เดินไปหาเขา

“เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าฉู่หลิวเยว่ผู้นั้นช่างคล้ายกับ…เหตุใดเจ้าสิ่งนั้นถึงมาอยู่ที่นี่!”

นางตกใจโพล่งถามทันที แล้วชี้ไปที่แผ่นหยกบนม้านั่ง

เจี่ยนเฟิงฉือหันมองทันควัน ก่อนจะเห็นแผ่นหยกที่หล่นลงมาตอนไหนก็ไม่รู้!

เขารีบเก็บซ่อนแผ่นหยกนั่น พร้อมกับสีหน้าเหนื่อยหน่ายเกียจคร้านที่สลายไปในทันที!

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ขมวดคิ้วฉับ พลางเอ่ย

“หรือเมื่อครู่ฉู่หลิวเยว่จะเห็นสิ่งนี้?”

เจี่ยนเฟิงฉือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม

“น่าจะเห็นแล้ว แต่คงไม่มองเห็นรายละเอียดทั้งหมด”

“เหตุใดเจ้าถึงไม่ระมัดระวัง? ของสำคัญเช่นนี้เจ้ารักษาไม่ได้หรือไร? เกิดนางรู้ว่า…”

“วางใจเสีย น้อยคนนักที่จะรู้จักเจ้าสิ่งนี้ ถึงนางจะเห็น แต่นางย่อมไม่รู้ความหมายของมัน” เจี่ยนเฟิงฉือโคลงศีรษะไปมา

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ฟัง และคิดว่าที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล

ฉู่หลิวเยว่มาจากนอกเขตพรมแดนม่านฟ้า ถึงนางจะเห็น นางก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออันใด

“ทีหลังก็ระวังให้มากหน่อยแล้วกัน”

สุ่ยหลิ่วเอ่อร์เอามือถูหว่างคิ้วเพื่อคลายกังวล

เจี่ยนเฟิงฉือรู้ดีว่าเขาพลาด จึงไม่ได้แก้ตัวแต่อย่างใด และทำเพียงแต่พยักหน้าตามอย่างเคร่งขรึม

“ข้าจะส่งคนไปคอยดูพวกของฉู่หลิวเยว่ หากมีสิ่งผิดปกติอันใด…ไว้ค่อยมาหารือกันอีกที!”

อันที่จริงเขาเองก็ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับฉู่หลิวเยว่เช่นกัน

และถ้าเป็นไปได้จริงๆ เขาก็ไม่อยากเป็นคนจัดการกับนางด้วยตัวเอง

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์พยักหน้ารับ

จากนั้นเจี่ยนเฟิงฉือก็หันมองนางอย่างสงสัย

“ถ้าเป็นเจ้าเมื่อก่อน คงไม่ยอมง่ายๆ เช่นนี้แน่…ไฉนครานี้ถึงดูว่าง่ายเล่า?”

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์จ้องหน้าเขาเขม็ง

“พอข้าทำเจ้าก็ถาม พอข้ายอมเจ้าก็สงสัย เหตุใดจึงเรื่องมากเพียงนี้? ข้าแค่คร้านเกินกว่าจะทำอันใดนาง ไม่ได้หรือ?”

เจี่ยนเฟิงฉือยกมือยอมแพ้

สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์กระชับพิณในอ้อมแขนด้วยความหงุดหงิด พลันท่วงทำนองไพเราะเหล่านั้น ก็เต็มไปด้วยจิตสังหารที่แผ่ออกมาไม่หยุด

อีกด้านหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่เดินออกจากหอคอยชุนเฟิง และพร้อมที่จะกลับจวนของตน

ผู้คนที่เดินรายล้อมบางคนจำนางได้ พลางมองนางด้วยสายตาที่ต่างกันไป

ฉู่หลิวเยว่แสร้งทำเป็นหูหนวกไม่สนใจเสียงรอบข้าง และเดินต่อไปด้วยสีหน้าปกติดังเดิม

ทว่ายามนี้กลับมีคลื่นอารมณ์บางอย่าง ผุดขึ้นมาในหัวใจของนาง

ภาพที่นางเพิ่งเห็นเมื่อครู่ ยังคงฉายซ้ำในสมอง

ตราสัญลักษณ์ของเซียนหมอแต่ละคนประจำราชวงศ์เทียนลิ่งนั้นถูกทำขึ้นเป็นพิเศษ และมันไม่มีทางเป็นของปลอมแปลง

แผ่นหยกนั่นต้องเป็นของจริงแน่ๆ!

ทว่าเซียนหมอประจำราชวงศ์นั้นมีหลายคน แล้วแผ่นนั่นเป็นของผู้ใดกัน?

ไม่มีทางที่เจี่ยนเฟิงฉือจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขากลับไม่ยอมส่งมันคืนเจ้าของ ซึ่งชัดเจนว่าเขาต้องการเก็บมันไว้

แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์เหนือเหล่าเซียนหมอ แต่เพราะเขามีนิสัยไม่ชอบถูกบังคับ เขาจึงไม่เคยคิดจะเป็นเซียนหมอของราชวงศ์

และที่สำคัญกว่านั้น นางเห็นว่า…มีอันใดบางอย่างอยู่ตรงข้อมือของเจี่ยนเฟิงฉือ

แต่เพราะตอนนั้นนางแค่ชำเลืองมอง จึงไม่ค่อยแน่ใจเสียเท่าไร

แต่ถ้าสิ่งที่นางเดานั้นถูกต้องละก็…

เขาจะใช้เจ้าสิ่งนั้นไปเพื่ออันใด?

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท