ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 555 ร้องขอความเมตตา [รีไรท์]

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 555 ร้องขอความเมตตา [รีไรท์]

ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ได้เงื่อนงำใดๆ นางจึงระงับเก็บเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว และหมุนตัวสาวเท้าไปยังหอร้อยโอสถทันที

ใจหนึ่งนางวางแผนที่จะไปไถ่ถอนทุกอย่างที่อวี้ฉือซงจำนองไว้คืน ทว่าอีกด้านหนึ่ง ก่อนหน้านี้เชียงหว่านโจวได้กินสมุนไพรทั้งสามชนิดในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่งเข้าไป และตอนนี้ก็ได้เวลาที่นางควรซื้อวัตถุดิบ เพื่อกลั่นยาสมุนไพรชนิดใหม่ขึ้นมาแล้ว

พลังงานชั่วร้ายอันเยือกเย็นสะสมอยู่ในร่างกายของเขามานานหลายปี และไม่สามารถแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน

แต่โชคดีที่ตอนนี้นางมีเงินมากพอ ไม่เช่นนั้นนางคงเลี้ยงดูเด็กน้องเชียงหว่านโจวไม่ได้แน่ๆ

“นายท่าน ได้โปรดยกโทษให้พวกข้าด้วยเถิด! พวกข้ารู้แล้วว่าผิด จากนี้ไปจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว!”

“ใช่แล้ว! ครอบครัวข้าบอกว่า ถ้าไม่สามารถทำให้ท่านลบชื่อเราออกจากบัญชีดำได้ล่ะก็ พวกเขาจะไม่ยอมให้พวกข้ากลับบ้าน! ท่านช่วยข้าด้วยเถิด!”

“วันนั้นพวกข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ! ท่านจะบีบพวกข้าให้จนมุมเลยหรือ? ต่อให้ ต่อให้พวกข้าไม่ได้เข้าไปก็ไม่เป็นไร! ขอเพียงอย่าพาดพิงถึงครอบครัวพวกข้าเลยนะ…”

ทันทีที่ฉู่หลิวเยว่มาถึงหอร้อยโอสถ นางก็เห็นกลุ่มคนรวมตัวกันที่ประตูจากระยะไกล

นางสาวเท้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะเห็นเด็กสาวหลายคนกำลังยืนอ้อนวอนอยู่หน้าประตูหอร้อยโอสถด้วยสีหน้าขมขื่น

พร้อมกับเด็กรับใช้หนุ่มยืนที่อยู่บนขั้นบันไดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นช่างโหดร้ายและไม่แยแส

“ข้าต้องขอโทษจริงๆ นะ คุณหนูทั้งหลาย แต่นี่เป็นคำสั่งจากหัวหน้าข้า ข้าเป็นแค่เด็กรับใช้ แล้วข้าจะกล้าขัดคำสั่งผู้เป็นนายได้อย่างใด พวกท่านกลับไปเถิด! ในเมืองซีหลิงนี้ ไม่ได้มีแค่เราเจ้าเดียวที่ขายสมุนไพร มิใช่หรือ?”

เด็กสาวที่มีใบหน้าซีดเซียวคนหนึ่งเหยียดยิ้ม

“แต่มีแค่พวกเจ้า ที่มีสมุนไพรพิเศษนั่น!”

หอร้อยโอสถนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองซีหลิง และมีเพียงที่นี่เท่านั้นที่มีการซื้อขายสมุนไพรนานาชนิด

และมีเพียงบางชนิดที่หาได้เฉพาะที่นี่

เด็กรับใช้หนุ่มหัวเราะเยาะ

“เช่นนั้นก็ไม่เกี่ยวกับหอร้อยโอสถของเราอยู่ดี พวกท่านไปหาทางอื่นกันเอาเองเถอะ!”

หลังจากพูดจบ เขาก็ขยิบตาให้ทหารรักษาการณ์ที่อยู่ข้างๆ

พลันทหารหลายนายก็ก้าวไปข้างหน้าทันที

“เชิญพวกท่านออกไปเสีย”

การที่คนเหล่านี้ยืนอยู่หน้าประตู จะส่งผลต่อธุรกิจของพวกเขา!

ทว่าเด็กสาวเหล่านั้นกลับไปยอมทำตาม

ถ้าออกไปแล้ว จะให้ไปไหนล่ะ?

เด็กสาวคนหนึ่งคุกเข่าลงพร้อมน้ำตานองหน้า

“ข้าจะคุยกับประมุขเย่ว์!”

และเมื่อเห็นเช่นนี้ เด็กสาวอีกสองคนก็คุกเข่าลงตาม

สีหน้าของคนรับใช้ตัวน้อยเริ่มเย็นชาขึ้นทีละนิด

ดูเหมือนว่าเด็กสาวเหล่านี้จะไม่ใช่แค่ไร้สำนึกเท่านั้น แต่พวกนางยังกล้าสร้างปัญหาตรงหน้าหอร้อยโอสถอีกด้วย!

“ยังไม่รีบไล่พวกนางไปอีกหรือ!”

ทหารรักษาการณ์เดินเข้าไปและตั้งใจจะใช้กำลังบังคับพวกนางออกไป

แม้ว่าเด็กสาวเหล่านี้จะเป็นผู้ฝึกตน แต่ก็สู้กำลังของเหล่าทหารไม่ได้ และทำได้เพียงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง

เสียงกรีดร้องแหลมดังเสียดหู

จนฉู่หลิวเยว่ถึงกับขมวดคิ้ว

นี่หอร้อยโอสถกำลังทำการณ์ใดกัน?

เหตุใดจู่ๆ จึงไล่ลูกค้าอย่างอุกอาจเช่นนั้น?

การทำธุรกิจเพื่อให้ได้เงินนั้นจำเป็นต้องควบคู่ไปกับการบริการที่ดี และเหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้หอร้อยโอสถพัฒนาไปสู่ระดับสูงเฉกเช่นในปัจจุบัน ก็คือ การที่พวกเขาปฏิบัติต่อลูกค้าด้วยบริการที่เป็นเลิศ

ซึ่งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับหอร้อยโอสถเลย

ขณะเดียวกัน คนใช้หนุ่มก็เงยหน้าขึ้นแล้วเห็นฉู่หลิวเยว่

รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเขาในทันที ก่อนจะรีบเข้ามาทักทายนาง

“คุณหนูฉู่! สายลมใดหอบท่านมาที่นี่กัน? เชิญเข้ามาเลยขอรับ!”

ฉู่หลิวเยว่ไม่คิดว่าผู้รับใช้ตัวน้อยจะมีสายตาที่เฉียบแหลม ถึงขั้นจำนางได้ในพริบตาเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงต้องก้าวไปข้างหน้า

และที่นางไม่รู้ก็คือ หลังจากครั้งนั้น นางก็กลายเป็นลูกค้าที่คนรับใช้ในหอร้อยโอสถทั้งหมดชื่นชอบ และหวังให้มาที่นี่มากที่สุด

นั่นเพราะนางมีเงิน ไม่เรื่องมาก บอกจะซื้ออันใดก็ซื้อ จนคนทั้งหมดต่างตกตะลึง!

อีกทั้งยังเข้าถึงได้ง่าย! ไม่แบ่งชนชั้นด้วย!

ทว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ใช่ลูกค้าพิเศษเพียงคนเดียวของหอร้อยโอสถ แต่โดยพื้นฐานแล้ว ลูกค้าพิเศษทั้งหมดล้วนเป็นคนร่ำรวยและมีอำนาจ และพวกเขาก็มักจะบังคับคนรับใช้ตัวน้อยๆ เหล่านี้ให้ปรนนิบัติพัดวีอย่างทรหด

แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่ใช่แบบนั้น!

นางเป็นคนใจดี สายตาหลักแหลม เพียงแค่นางกวาดตามองไปรอบๆ ก็สามารถเลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเองได้แล้ว

ยังจะมีลูกค้าที่ประเสริฐไปกว่านี้อีกหรือ?

ขณะที่ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไป นางก็เหลือบมองเด็กสาวด้วยหางตา และลองหยั่งเชิงถาม

“เกิดเหตุอันใดขึ้น?”

คนรับใช้ก้มตัวลงและยิ้มตอบ

“ไม่มีอันใดมากหรอกขอรับ แค่เรื่องที่เด็กสาวพวกนั้นเคยพูดจาหยาบคายในหอร้อยโอสถ แล้วหัวหน้าก็สั่งห้ามไม่ให้ต้อนรับพวกนางและครอบครัวอีก พวกนางได้สร้างความเดือดร้อนให้ท่านด้วยหรือไม่?”

ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า

“ก็ไม่นะ”

ไม่รู้ว่าเด็กสาวกลุ่มนั้นพูดอันใดออกไป ถึงได้ถูกโทษทัณฑ์ร้ายแรงเช่นนี้

แต่ก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดพวกนางถึงมานั่งร้องไห้และสร้างปัญหาที่นี่ โดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของตัวเองเลย

นั่นเป็นเพราะพวกนางโดนครอบครัวบีบบังคับมา

แต่สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของหอร้อยโอสถ ฉะนั้นแล้ว ฉู่หลิวเยว่จะไม่เข้าไปแทรกแซงและไม่ถามต่อ

แต่ในขณะที่นางกำลังจะเข้าประตู ทันใดนั้นเด็กสาวคนหนึ่งก็หลุดจากการควบคุมของนายทหาร และรีบวิ่งไปข้างหลังฉู่หลิวเยว่ พลันคุกเข่าลงดัง “ตุบ” และตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง

“คุณหนูฉู่! ได้โปรดช่วยพวกข้าด้วย!”

ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองอย่างประหลาดใจ

เพราะนางไม่เคยพบเจอเด็กสาวผู้นี้มาก่อน

ในเมื่อหอร้อยโอสถไม่ยอมรับฟังเสียงของพวกนาง เลยคิดจะมาขอความช่วยเหลือจากตนสินะ?

สีหน้าของคนรับใช้ตัวน้อยเย็นชาขึ้นทันที พลันก้าวไปยืนอยู่หน้าฉู่หลิวเยว่ แล้วตะโกนใส่ทหารรักษาการณ์

“พวกเจ้ามันไร้ความสามารถ! ทำคุณหนูฉู่เสียขวัญเช่นนี้แล้ว จะรับผิดชอบอย่างใด!?”

นายทหารที่อยู่ด้านหลังรีบวิ่งไปจับเด็กสาวคนนั้นออกไป

แต่ดูเหมือนว่าเด็กสาวคนนั้นจะไม่ยอมทิ้งโอกาสสุดท้ายนี้ และร้องขอความช่วยเหลือจากฉู่หลิวเยว่ต่อไป

“คุณหนูฉู่! พวกข้าผิดไปแล้ว! พวกข้าไม่ควรนินทาเจ้าลับหลัง! แต่พวกข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ เลยนะ! ตอนนี้พวกข้าได้รับการลงโทษแล้ว ได้โปรดช่วยบอกให้ประมุขเย่ว์ยกโทษให้พวกข้าด้วยเถอะนะ! ได้โปรด!”

นางตะโกนพร้อมร้องไห้ ร่างที่เพิ่งจะถูกดึงขึ้นจากแรงของนายทหาร ทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้ง

ช่างดูน่าเวทนาจริงๆ

ทว่าฉู่หลิวเยว่ยังคงสบสน

ระ…เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้าด้วยหรือ?

ฉู่หลิวเยว่หันไปสั่งบอกนายทหารสองสามคนนั้น

“พวกเจ้าปล่อยนางก่อน ข้าขอฟังนางพูดให้จบ”

นายทหารต่างมองหน้ากัน

พลันเด็กรับใช้หนุ่มก็รีบเอ่ย

“ไม่ได้ยินที่คุณหนูฉู่พูดหรือ? พาพวกนางมาทางนี้เร็ว!”

เขาจ้องมองเด็กสาวคนนั้น พลางเอ่ยอย่างเย็นชา

“ไม่ว่าคุณหนูฉู่จะถามอันใด เจ้าต้องตอบด้วยความสัจจริง!”

เด็กสาวคนนั้นพยักหน้ารัวเสมือนโขลกกระเทียม แล้วอธิบายสั้นๆ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นเกี่ยวข้องกับฉู่หลิวเยว่อย่างใด

แต่แน่นอนว่าพวกนางไม่ได้เจาะลึกเรื่องเนื้อหาที่ใช้วิจารณ์ฉู่หลิวเยว่ และพูดถึงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น

ส่วนที่เหลือก็เป็นเพียงฉากการร้องขอความเมตตาอย่างดุเดือด

“…คุณหนูฉู่ พวกข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ! และจากนี้ก็ไม่กล้าทำเช่นนั้นแล้ว แต่ตอนนี้ ได้โปรดช่วย…”

ทว่าหลังจากที่ฉู่หลิวเยว่ฟังจบ นางก็ตกอยู่ในความเงียบและไม่พูดอันใดพักหนึ่ง

แค่ลองฟังคร่าวๆ ก็รู้แล้วว่าคนเหล่านี้พูดถึงตนเสียๆ หายๆ เช่นไร ในใจจึงพลอยไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจไปด้วย

แต่ในความเป็นจริงแล้วมีคนมากมายที่พูดลับหลังนาง และถ้านางต้องรับผิดชอบพวกเขาทั้งหมดล่ะก็ คงได้ตายเพราะความเหน็ดเหนื่อยใจเป็นแน่

แต่หอร้อยโอสถ…เคร่งครัดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

และความจริงแล้วสถานะของลูกค้าพิเศษนั้น สูงส่งเพียงนี้เลยหรือ?

“อันที่จริง…”

“นั่นพวกเจ้ากำลังทำอันใดกัน?”

ทันใดนั้นก็มีเสียงที่เรียบตึงและชัดเจนดังขึ้น

ทำให้คนรับใช้และคนอื่นๆ รีบหันไปทำความเคารพทันที

“คารวะ ประมุขเย่ว์!”

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท