ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 613 ตอบจดหมาย [รีไรท์]

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 613 ตอบจดหมาย [รีไรท์]

ไม่นับที่ก่อนหน้านี้เอาเชียงหว่านโจวมาเป็นผู้ติดตามข้างตัว ตอนนี้ชื่อของนายท่านยังไม่หลุดออกมาจากปากคู่หมั้นของตัวเองเลย…

เยี่ยนชิงหลุบสายตาลงต่ำ จึงหวังว่านายท่านจะไม่เห็นว่าเขายังอยู่ตรงนี้

เขาไม่รู้ ไม่เห็นอันใดทั้งนั้น…

“เยี่ยนชิง”

หรงซิวพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

เยี่ยนชิงรับขานรับมา

“ขอรับ!”

“ข้าออกจากเมืองหลวงมากี่วันแล้ว?”

“เรียนนายท่าน ยี่สิบวันขอรับ”

“ข้ากับเยว่เอ๋อร์ออกจากเมืองหลวงวันเดียวกัน นับไปแล้ว น่าจะประมาณยี่สิบเจ็ดวันที่ไม่ได้เจอกัน”

น้ำเสียงของเขายังคงสงบราบเรียบเช่นเดิม ราวกับเรื่องที่กำลังพูดอยู่นั้น เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

แต่เยี่ยนชิงกลับสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่เพิ่มมากขึ้น

เขารีบเงยหน้าขึ้นมามอง น้ำที่อยู่บนโต๊ะนั้นได้กลายเป็นน้ำแข็งอย่างไร้เสียง

เขาจึงต้องพูดต่ออย่างจำใจว่า

“…ขอรับ”

ด้านล่าง

เมื่อเย่ว์หลิงได้ยินดังนั้นก็แข็งค้างไป

สหาย…

สหาย?!

นายท่านบอกว่า…แม่นางคนนี้เป็นฮูหยินของเขาไม่ใช่หรือ?

แต่เหตุใดถึงตอนของฉู่หลิวเยว่ นางถึงพูดว่าสหายได้เล่า?

เขาจึงพยายามถามขึ้นว่า

“คงไม่ใช่สหายธรรมดาเท่านั้นสินะขอรับ? ของที่มีราคาสูงและสำคัญเช่นนี้…”

“ประมุขเย่ว์วันนี้ท่านเป็นอันใดไปหรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงสนใจเรื่องของข้ามากขนาดนี้เล่า?”

ฉู่หลิวเยว่ถามตัดบทด้วยรอยยิ้ม

เย่ว์หลิงจึงเห็นสายตาตักเตือนของนาง นี่นางอาจจะเข้าใจเขาผิดไปแล้วใช่หรือไม่?

เขาไม่ได้มีความหมายแฝงอย่างอื่นจริงๆ นะ เขาเพียงแค่อยากทักทายคนของนายท่านสักคำสองคำเท่านั้นเอง!

เย่ว์หลิงอยากจะอธิบายมากกว่านี้ แต่ว่าก็กลัวว่ายิ่งอธิบาย นางจะยิ่งเข้าใจผิดมากขึ้น จึงฝืนหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า

“คุณหนูฉู่ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าแค่ถามไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง”

ตอนนั้นเองพนักงานตัวน้อย ก็นำสมุนไพรที่เตรียมไว้มาส่งพอดี

ฉู่หลิวเยว่จึงไม่ได้ไล่ถามต่อ นางจึงหยิบสมุนไพรเหล่านั้นแล้วนำใส่เข้าไปแหวนเฉียนคุน

“จริงสิ ความจริงแล้ววันนี้ที่ข้ามาที่นี่ เพราะมีเรื่องที่ต้องการรบกวนประมุขเย่ว์เสียหน่อย สมุนไพรที่ข้าจองไว้เมื่อก่อนหน้านี้ มันใช้ไม่ค่อยพอ ดังนั้นข้าจึงอยาก…เพิ่มจำนวนสมุนไพรให้มากกว่าเดิมเท่าหนึ่ง ไม่ทราบว่าประมุขเย่ว์…”

“ได้ขอรับ! เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!”

เย่ว์หลิงตอบตกลงทันที

ฉู่หลิวเยว่เห็นว่าเป้าหมายของตนเองสำเร็จแล้ว จึงไม่คิดที่จะรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป ดังนั้นจึงรีบออกไปทันที

ทันใดนั้นร่างของนางก็ได้หายไปจากสายตา เย่ว์หลิงก็หมุนตัวกำลังจะเดินเข้าไปห้อง

ทันทีที่เดินมาถึงที่หน้าประตู แต่เขายังไม่ทันได้เข้าไป ก็สัมผัสได้ว่าด้านในนั้นมีอากาศเย็นเยียบผิดปกติ

เย่ว์หลิงรีบเงยหน้าขึ้นไปสบสายตากับเยี่ยนชิง

ในสายตาของเยี่ยนชิงเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ

เขาคุยกับฉู่หลิวเยว่ไม่ดีตรงไหนหรือ แค่พูดเรื่องแหวนเฉียนคุนเท่านั้น

แค่คุยกันก็ช่างมันเถิด แต่นี่เขาดันไปถามว่าใครเป็นผู้ให้มา!

แบบนี้มันดีมากเลย!

เมื่อเขาถามออกไปเช่นนั้นแล้ว เย่ว์หลิงก็รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น

คำพูดที่คุยกันเมื่อครู่นี้ นายท่านได้ยินหมดแล้วจริงๆ ด้วย!

แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะพูดเช่นนั้นออกมา!

นี่เขายกหินมาทับเท้าของตนเองใช่หรือไม่?

“…นายท่าน…”

เย่ว์หลิงพูดขึ้นด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นเต็มแผ่นหลังของเขา

หรงซิวถามขึ้นเสียงเรียบว่า

“เมื่อครู่นางบอกว่าต้องการสมุนไพรเพิ่มหรือ?”

เย่ว์หลิงรีบพูดขึ้นมาว่า

“ขอรับ! เมื่อครู่คุณหนูเยว่บอกว่าต้องการสมุนไพรมากกว่าเดิมสองเท่า…”

“หอร้อยโอสถมีสมุนไพรเยอะขนาดนั้นเลยหรือ?”

“เรื่องนี้…ตอนนี้ก็ยังมีขอรับ แต่เมื่อปริมาณที่คุณหนูฉู่ต้องการ ก็ต้องออกไปรวบรวมให้ได้เร็วที่สุดขอรับ ถึงจะสามารถตอบสนองความต้องการของนางได้”

ความจริงแล้วส่วนใหญ่สมุนไพรเหล่านั้นเป็นสมุนไพรที่ไม่แพงมาก และพบเห็นได้ทั่วไป แต่ก็มีสมุนไพรหลายชนิดที่มีราคาแพง และจำนวนน้อย

ต่อให้เป็นหอร้อยโอสถอย่างพวกเขาก็ไม่สามารถนำสมุนไพรเหล่านี้ออกมาจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง และมันก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

“แต่นายท่านวางใจได้เลย คำขอร้องของฮูหยิน ข้าน้อยไม่กล้าละเลยอย่างเด็ดขาด ข้าน้อยจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้!”

เย่ว์หลิงกล่าวสาบานขึ้น

หรงซิวยิ้มขึ้น

“หื้ม?”

เยี่ยนชิงก็หลับตาลงอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า สมองของเย่ว์หลิงนั้นไม่ค่อยสันทัดเรื่องแบบนี้เสียเท่าไหร่…

ในที่สุดเย่ว์หลิงก็สามารถสัมผัสได้แล้วมีอันใดบางอย่างผิดแปลกไป จากนั้นก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นในสมองของเขา!

…สมุนไพรเหล่านั้นต้องเพิ่มเป็นจำนวนมาก และต้องเตรียมเพื่อเชียงหว่านโจว ตอนนี้นางสั่งซื้อสมุนไพรเพิ่มมากขึ้น นั่นก็หมายความว่า นางไม่เพียงช่วยเชียงหว่านโจวอยู่เท่านั้น และยังช่วยเขามากขึ้นกว่าเดิมด้วย!

แต่เมื่อเทียบกับสถานการณ์ของนายท่านที่ยังไม่ยอมบอกแม้กระทั่งชื่อเรียก…

เย่ว์หลิงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

เหมือนว่าเขา…ได้กลับมาเดินบนเส้นทางแห่งความตายอีกครั้งแล้ว…

หรงซิวลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกจากห้องพักไป

ตอนที่ฉู่หลิวเยว่เดินออกจากหอร้อยโอสถมา นางก็เดินไปด้วยคิดไปด้วย

ก่อนหน้านี้นางประทับใจในตัวของเย่ว์หลิงมาก แต่ว่าวันนี้เขาทำตัวแปลกไปจริงๆ

คำถามเหล่านั้น คนทั่วไปจะต้องไม่ถามมากอย่างแน่นอน

แต่เย่ว์หลิงเป็นประมุขของหอร้อยโอสถ มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าการกระทำเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่สมควร

แต่เขาก็ยังถามต่อไป…ถ้าไม่ใช่ว่านางสามารถตัดบทได้ทันเวลา ก็เหมือนว่าเขายังต้องการจะถามมากกว่านี้อีก

นี่ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาต้องการจะทำอันใดกันแน่…

คิดไปคิดมา ฉู่หลิวเยว่ก็เดินมาถึงสถานที่ที่นางเคยส่งจดหมาย

นางเดินเข้าไปด้านใน เมื่อมองไปเพียงครู่เดียวก็สามารถมองเห็นคนที่นางเคยขอให้ช่วยส่งจดหมายวันนั้นเจอ

นางรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที…บางทีอาจจะมีจดหมายตอบกลับก็เป็นไปได้!

นางก็สาวเท้าก้าวขึ้นไปด้านหน้าเพื่อไปหาชายผู้นั้น แล้วถามขึ้นว่า

“สวัสดีเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าที่ส่งจดหมายไปแคว้นเย่าเฉินเมื่อครั้งที่แล้ว มีจดหมายตอบกลับมาหรือไม่?”

ชายผู้นั้นหยุดมือทันที จากนั้นก็หันมามองหน้าฉู่หลิวเยว่

ทั้งสองคนสบสายตาอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ก็แข็งค้างไป

สายตาแบบนี้มัน…หรือว่า…

เหมือนชายคนนั้นจะดูออกว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ จึงพูดขึ้นอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า

“ข้าเพิ่งมาถึง ยังไม่ทันได้จัดการสัมภาระ รบกวนท่านไปรอที่ด้านข้างสักครู่”

ฉู่หลิวเยว่จึงค่อยได้สติกลับคืนมา แล้วพยักหน้าเบาๆ

“ได้”

เมื่อพูดจบนางก็ออกไปยืนที่ด้านข้าง

ชายผู้นี้กำลังแยกจดหมายอย่างชำนาญ พร้อมส่งให้คนอื่นๆ

ทันใดนั้นเองก็มีชายคนหนึ่งหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังลั่น

“ฉินชี! หลังจากที่เจ้ากลับมาครานี้ เจ้าทำงานได้ดีขึ้นไม่น้อยเลยนะ”

ชายผู้นั้นหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้พูดอันใด

ส่วนชายคนที่หัวเราะนั้นก็เหมือนจะคุ้นชินกับนิสัยของเขามานานแล้ว จึงได้แต่ยิ้มขึ้น แล้วเบนสายตาออกไปด้านข้าง

คนอื่นก็กำลังทำงานของตนเองอยู่

ชายคนที่ชื่อว่าฉินชี ก็ทำงานของตนเองด้วยความเงียบมาโดยตลอด

เมื่อผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ในที่สุดเขาก็หันมามองทางฉู่หลิวเยว่ ในมือของเขาก็ถือจดหมายฉบับหนึ่งอยู่

“นี่คือจดหมายตอบกลับ”

ฉู่หลิวเยว่มองจดหมายฉบับนั้นครู่หนึ่ง จ่าหน้าซองของจดหมายฉบับนั้นเขียนถึง มู่หงอวี่

น่าจะเป็นพระชายาผิงเจียงเขียนถึงมู่หงอวี่

นางเงยหน้ามองฉินชีแล้วพูดว่า

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท