ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 625 นี่มันแค่เริ่มต้น

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 625 นี่มันแค่เริ่มต้น

พลังปราณดั้งเดิมในกายของฉู่หลิวเยว่ปะทะกับพลังจากทัณฑ์สวรรค์อย่างรุนแรง จนโมเลกุลในร่างแทบฉีกออกจากกัน

ความร้อนระอุนั่นเผาไหมเนื้อหนังและกระดูกทั่วทุกตารางนิ้วในร่างกายของนางครั้งแล้วครั้งเล่า

ทว่านอกจากความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือนแล้ว ความอดทนของร่างกายนางก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน

นางยืนหยัดตัวตรงอยู่ที่นั่นเสมือนไรความเจ็บปวด และน้อมรับทัณฑ์สวรรค์ที่ฟาดผ่าลงมา

อสนีบาตสายที่สามพุ่งลงมาตรงๆ

ตามมาด้วยสายที่สี่

และสายที่ห้า

กระทั่งสายที่เก้า

บนกระบี่เทพเมฆาสำริด มีกลุ่มแสงแวบวาวปรากฏขึ้น ราวกับทางช้างเผือกที่พาดผ่านท้องฟ้ายามราตรี

สุกสกาวและแพรวพราวจับตา

เปลวไฟสีน้ำเงินบริสุทธิ์เผาไหม้อย่างเงียบๆ และเกือบจะรวมเข้ากับตัวกระบี่

เปลวไฟที่ดูร้อนแรงและแสงดาวที่ดูเยือกเย็น

ครั้งสองสิ่งประสานกันเข้าด้วยกัน ก็ก่อให้เกิดการควบแน่นที่น่าอัศจรรย์

ลวดลายที่คล้ายกับสายฟ้าพลันปรากฏบนด้ามกระบี่

“สาวน้อย ลวดลายอักขระนี่ บรรจุพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าสายไว้!”

องค์ไม่จู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นที่ปิดไม่มิด

แม้ก่อนหน้านี้เขาจะมั่นใจในตัวฉู่หลิวเยว่แล้วก็ตาม แต่เมื่อได้เห็นฉากนี้จริงๆ เขาก็ยังรู้สึกอดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้

เขามองคนไม่ผิดจริงๆ

ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ช่างมีความเพียรและความอดทนเหนือจินตนาการยิ่งนัก!

ด้วยนิสัยอันเด็ดเดี่ยว ประกอบกับความสามารถอันน่าทึ่งของนาง และไพ่ตายลึกลับนั่น…

ในอนาคต นางจักต้องกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่และไร้ขีดจำกัดเป็นแน่

ฉู่หลิวเยว่ได้ยินคำพูดนั้น พลันมุมปากของนาง ก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา

พร้อมความเจ็บปวดทรมานก่อนหน้านี้ ที่หายเป็นปลิดทิ้ง

ตราบใดที่นาง…

ครืน!

ทันใดนั้นก็มีเสียงบางอย่างดังก้องอยู่ในหู

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นว่าเมฆดำบนท้องฟ้านั้นไม่ได้สลายไปเลยแม้แต่น้อย และในความผันผวนสีดำ ก็มีอสนีบาตสายหนึ่งก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

“นะ…นั่นมันอะไรกัน?”

รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่ขยายใหญ่ขึ้น

องค์ไท่จู่กระแอมไอทันควัน

“อ่อ นั่นน่ะหรือ? ก็ทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบอย่างใดเล่า”

ฉู่หลิวเยว่ “ก่อนหน้านี้ท่านพูดว่าแค่เก้าสาย…”

“อะแฮ่ม สาวน้อย ก่อนหน้านี้ข้าพูดว่าอย่างน้อยเก้าสายต่างหาก…”

ฉู่หลิวเยว่ผงะไปครู่หนึ่งและคิดอย่างรอบคอบอีกครั้ง

เช่นนั้นก็หมายความว่า…ยังมี

เมื่อครู่นางมัวตื่นเต้นที่รอดชีวิตจากทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าสายมาได้ จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท และพอมองไปยังทัณฑ์สวรรค์สีเงินเจิดจ้า ที่หนากว่าเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด ฉู่หลิวเยว่ก็ถึงกับคอแห้งผาก

“องค์ไท่จู่ อย่าบอกนะว่า…นี่ข้าต้องทนรับทัณฑ์สวรรค์อีกเก้าครั้งหรือ?”

องค์ไท่จู่ไพล่มือไว้ข้างหลังและเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า พยายามไม่ให้ฉู่หลิวเยว่มองเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของตน

“เอ่อ…ก็คงเป็นเช่นนั้นกระมั้ง”

ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ว่าองค์ไท่จู่ดูผิดปกติ แต่ก็พูดไม่ได้เต็มปากเขาแปลกไปอย่างใด

ทว่าครุ่นคิดได้ไม่นาน ทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบก็ผ่าลงมาอย่างเร็ว

ขาเรียวสองข้างเตรียมพร้อม พลางงอเข่าเล็กน้อย แล้วกระชับกระบี่เทพเมฆาสำริดในมือแน่น

เพียงพริบตา แสงระยิบระยับก็บดบังทัศนวิสัยของนางในทันที

พลังที่รุนแรงกว่าทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าครั้งก่อนหน้านี้ แผ่กระจายไปตามกระบี่เทพเมฆาสำริด และไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างรวดเร็ว

โลหิตที่ไหลเวียนทั่วร่างของฉู่หลิวเยว่ทะลักออกมาราวเขื่อนแตก

หยาดเลือดสีแดงสดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ

ณ วินาทีนั้น นางแทบจะกลายเป็นก้อนเลือดเดินได้

ซึ่งครั้งนี้ ในที่สุดนางก็ไม่สามารถกลั้นความเจ็บปวดไว้ได้ และหลุดเสียงครางอู้อี้ในลำคอออกมาเบาๆ

องค์ไท่จู่ที่ได้ยินเสียงนั้น ก็รีบหันกลับไปมองด้วยความวิตกกังวล

เมื่อเขาเห็นว่าร่างของฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยเลือดและรอยฟกช้ำ สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อทันที

ทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบนั้นมีพลังรุนแรงกว่าเก้าสายเมื่อครู่มาก…

“สาวน้อย…”

ไม่รู้ว่าเพราะอันใด แต่พอเห็นสภาพของฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ เขากลับยิ่งปวดใจ

ราวกับมีบางอย่างบีบหัวใจของเขาไว้ มันเจ็บเสมือนโดยเข็มเล่มหนาแทงทะลุหัวใจตลอดเวลา

เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน แต่มันฝังลึกเข้าไปในกระดูกของเขา และไม่สามารถหายไปได้ ชั่วขณะหนึ่ง เขาคิดอยากจะเข้าไปแบกรับความเจ็บปวดเหล่านี้แทนฉู่หลิวเยว่…

องค์ไท่จู่หลับตาและขมวดคิ้ว

ตัวเขาเองรู้ดีว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น หากเขากระตุ้นทัณฑ์สวรรค์เพื่อหลอมกระบี่

เพราะเขาคือคนที่หล่อหลอมกระบี่หลงหยวนขึ้นมาเอง

ดังนั้นเขาจึงคิดไว้แล้วว่ามันจะเป็นเช่นนี้

โดยเฉพาะ…เมื่อตอนที่เขาสังเกตเห็นว่าความเร็วของทัณฑ์สวรรค์เส้นที่สอง นั้นสูงกว่าค่าประมาณก่อนหน้านี้มาก

เขาก็เข้าใจได้ในทันทีเลยว่า เรื่องราวจักดำเนินต่อไปอย่างไร

หากว่าตามความเข้าใจของเขาที่มีต่อฉู่หลิวเยว่ นางจะสามารถอยู่รอดได้ในรอบนี้

ทว่าเมื่อฉากนี้ปรากฏต่อหน้าเขา เขาพบว่าตัวเองไม่เต็มใจที่จะเห็นฉู่หลิวเยว่ทนทรมานกับสิ่งเหล่านี้แล้ว

เขาระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่านในหัวใจ และควบคุมตัวเองให้ยืนกับที่ ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย

เพราะหากเขาเข้าไปแทรกแซง มันจะเป็นการขัดกับกระบวนการทันที

เช่นเดียวกับตอนที่เขาพูดกับเชียงหว่านโจวก่อนหน้านี้ว่า ความพยายามของฉู่หลิวเยว่ทั้งหมดจะไร้ประโยชน์ และความทรมานที่นางต้องทนแบกรับจะไม่มีความหมาย!

องค์ไท่จู่มองดูภาพตรงหน้าและครุ่นคิดไปพร้อมกัน

ทั้งชีวิตเขาเป็นคนที่เด็ดขาดมาตลอด และเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะประสบกับเหตุการณ์บีบหัวใจและน่าวิตกเช่นนี้

มันอาจจะเป็นเพราะ…ช่วงนี้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับฉู่หลิวเยว่?

หรือเพราะกระบี่หลงหยวน?

อันที่จริงเมื่อก่อนเขาเองก็เคยมีความรู้สึกแบบนี้

และดูเหมือนว่าระหว่างเขากับฉู่หลิวเยว่ จะมีความรู้สึกคุ้นเคยและลึกซึ้งที่เชื่อมโยงกันอยู่

ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกใกล้ชิดกับฉู่หลิวเยว่มาก

ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นกระบี่หลงหยวนที่เลือกฉู่หลิวเยว่

ทว่าตอนนี้เขาเริ่มไม่คิดเช่นนั้นแล้ว…

ในอีกด้านหนึ่ง เชียงหว่านโจวเองก็คอยเฝ้าดูสถานการณ์อยู่เช่นกัน

เมื่อแสงเหล่านั้นจางลง เขาก็เหลือบมองฉู่หลิวเยว่ พลันเห็นเงาของนางที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า

รูม่านตาของเขาหดลงทันที

ก่อนจะเห็นร่างของฉู่หลิวเยว่ที่เต็มไปด้วยบาดแผล! มันทำให้เขาอึ้งไปพักใหญ่!

แต่เพราะนางสวมชุดสีแดง ทำให้คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตามตัวนั้น กลืนไปกับเสื้อผ้าจนยากที่จะระบุได้

ทว่าในเวลานี้ เสื้อผ้าเกือบทั้งหมดบนร่างกายของนางนั้น แนบลู่ชิดแนบติดไปตามกายบาง จึงทำให้เขามองเห็นเลือดที่ไหลลงมาจากมุมเสื้อ

ไม่อยากจะคิดเลยว่านางต้องเสียเลือดไปมากมายเพียงใด!

เชียงหว่านโจวจุกอกจนแทบหายใจไม่ออก เลือดลมในกายแทบแข็งตัว แต่พลังปราณดั้งเดิมกลับพุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง

ดวงตาที่สวยงามของเขาแดงก่ำ

แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องใช้พละกำลังมากเพียงใด เพื่อยับยั้งไม่ให้ตัวเขาพุ่งไปข้างหน้า…

ในหัวของเขาตอนนี้มีเพียงประโยคเดียวที่ดังก้องซ้ำๆ

…ที่นางทำเช่นนี้และอดทนขนาดนี้ ก็เพราะเขาทั้งนั้น!

ตู้ม!

แต่แล้วบางอย่างที่ถูกกดไว้ในจิตใต้สำนึกของเขา ก็เกิดระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

ขณะนี้ ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้เลยว่าองค์ไท่จู่และเชียงหว่านโจวเป็นเช่นใด

เพราะในสายตาและในใจของนาง มีเพียงกระบี่เทพเมฆาสำริดที่อยู่ในมือเท่านั้น

นางยังคงอดทนรองรับทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบ และถ่ายเทพลังลงไปในกระบี่อย่างต่อเนื่อง

เหนือคมกระบี่ เปลวไฟลุกโชนรุนแรงยิ่งขึ้น

และแสงสว่างเสมือนกลุ่มดาวเหล่านั้น ก็ยิ่งส่องประกายมากขึ้นกว่าเดิม

กระทั่งสิ้นสุดทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบ

แต่ทันใดนั้น สายที่สิบเอ็ดก็ฟาดผ่าลงมา

เปรี้ยง!

มันมาพร้อมพลังอันหนักหน่วงและดุดัน

ในที่สุดร่างกายของฉู่หลิวเยว่ก็ทนต่อไปไม่ไหว พลันทรุดเข่าลงดัง “ตุบ”

หัวเขาทั้งสองข้างกระแทกศิลาดวงดาวอย่างแรง จนได้ยินเสียงดังกึก

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท