ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 626 คิดหนี

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 626 คิดหนี

“หลิวเยว่!”

องค์ไท่จู่ตะโกนด้วยความตกใจ พลันไปข้างหน้า

ทว่าเพียงก้าวได้ครึ่งก้าวเดียว ก็จำต้องหยุดฝีเท้าลง

เพราะตอนนี้…มันยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าไป

ฉู่หลิวเยว่คุกเข่าลงทั้งสองข้าง และวางกระบี่เทพเมฆาสำริดในมือลงบนศิลาดวงดาว

พรึบ!

เกิดประกายไฟจำนวนหนึ่งพุ่งออกมา

ก่อนจะเกิดรอยแตกร้าวขึ้นบนศิลาดวงดาว

ฉู่หลิวเยว่หันไปจับด้ามกระบี่ไว้แน่น พลางพยุงร่างของนางไว้ และลุกขึ้นยืนช้าๆ

การเคลื่อนไหวของนางช้ามาก และทุกครั้งที่นางขยับตัว บาดแผลบนร่างกายของนางก็จะยิ่งแตกออกอย่างรุนแรง

นางไม่รู้เลยว่าตัวเองมีบาดแผลบนร่างกายมากแค่ไหน และเสียเลือดไปมากเท่าไร

แต่นางยังคงกัดฟัน และเผาพลานพลังปราณดั้งเดิมในร่างกายของตนต่อไปอย่างดุเดือด

ทันใดนั้น ก็มีแสงสีเงินส่องสว่างออกมาจากกระบี่เทพเมฆาสำริด

องค์ไท่จู่ขมวดคิ้วพลางลอบมองฉากตรงหน้า พร้อมหัวใจที่สั่นไหว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ฉู่หลิวเยวก็ยังคิดรวบรวมพลังของทัณฑ์สวรรค์ และถ่ายเทมันลงในตัวกระบี่ต่อไป…

สุดท้ายแล้ว พลังใจของนางจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน?

เมื่อแสงสีเงินไหลจากด้ามกระบี่ถึงปลายกระบี่ ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ยืนขึ้น

หยาดเลือดที่ไหลออกมาจากใบหน้าของนาง ไหลเข้าไปในตา จนทำให้ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดงฉาน

นางเช็ดเลือดออกจากใบหน้าลวกๆ และหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกกระบี่ขึ้นอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน นางก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พร้อมแววตามุ่งมั่นที่เต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้อันบ้าคลั่ง

องค์ไท่จู่ถึงกับผงะ

เด็กคนนี้…

คิดจะสู้จนตัวตายเลยหรือไร?

สายที่สิบสองฟาดลงมา

ตามด้วยสายที่สิบสาม

จนถึงคราของทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบแปด

ทั่วทั้งตัวของฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยรอยแผล และพลังปราณดั้งเดิมภายในก็ใกล้จะหมดลงทุกที

นางกลั้นหายใจ และส่งพลังของทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบแปดเข้าไปในกระบี่เทพเมฆาสำริด

พลันลวดลายอักขระสีเงินเส้นที่สอง ก็ปรากกขึ้นบริเวณด้ามกระบี่ และในเวลานี้ รอยขีดข่วนที่หยาบกร้านบนตัวกระบี่ ที่เกิดจากการเจียระไนลบคมเป็นเวลานาน ก็ได้หายไปนานแล้ว มันดูเรียบขึ้น สม่ำเสมอ คมกริบมากเช่นกัน

ยามสะบัดข้อมือเบาๆ ก็สามารถได้ยินเสียงของกระบี่ดังแผ่วขึ้นมา

ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ไล่มองมองจากปลายกระบี่ลงมา

ตัวกระบี่ทั้งเล่มกลายเป็นสีน้ำเงินที่ทั้งหนาและทึบแสง มีจุดแสงดาวประดับประดาอยู่ทั่ว ช่วยเพิ่มสีสันให้มันดูสดใส

เสมือนน้ำแข็งและความร้อน…มันคือการผสมผสานที่ลงตัว

พลังปราณอัดแน่นและการข่มพลังที่แผ่ออกมานั้นช่างน่าทึ่ง

ในใจของฉู่หลิวเยว่รู้สึกภูมิใจ และพอใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่ากระบี่เล่มนี้จะไม่สามารถเทียบได้กับกระบี่หลงหยวนได้ แต่เมื่อเทียบคราแรกที่ได้มา ตอนนี้มันกลับดีกว่าเดิมหลายเท่า

หากมีกระบี่เล่มนี้ละก็ แม้แต่ผนึกศิลาขาวแสนชิ้นก็ยังไร้ค่า

ฉู่หลิวเยว่หายใจออกยาวๆ และเงยหน้าขึ้นทันที

ยามนี้กระบี่ได้ถูกหลอมขึ้นแล้ว เช่นนั้นนิมิตสวรรค์โลกาที่ถูกกระตุ้น ก็ควรจะสลายไปด้วย…

พลันการแสดงออกของฉู่หลิวเยว่ก็จำต้องหยุดชะงัก

เพราะเมื่อมองไปรอบๆ เมฆดำหนาทึบเหนือท้องฟ้ากลับไม่ได้สลายไปเลยแม้แต่น้อย!

ก้อนเมฆสีดำยังคงเคลื่อนตัวไปมา และกระแสความผันผวนขนาดใหญ่ยังคงหมุนอย่างช้าๆ

ฉู่หลิวเยว่เริ่มไม่สบายใจขึ้นมาทันที

“องค์ไท่จู่ องค์ไท่จู่? เพราะอันใดกัน? เหตุใดเมฆดำเหล่านั้นถึงยังไม่สลายไปเล่า?”

พลันร่องรอยของขลาดอาย ก็ปรากฏบนใบหน้าขององค์ไท่จู่

“คะ…คือเพราะขั้นตอนการหลอมกระบี่…ยังไม่เสร็จสมบูรณ์”

ฉู่หลิวเยว่ชะงัก

“อันใดนะ?”

องค์ไท่ยังจู่รั้นพูดต่อว่า

“คือว่า…จากนี้มันยังมี”

แต่ก่อนจะได้พูดจบ ก็มีเสียงคำรามดังขึ้น

ครืน!

เปลือกตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกถี่ยิบ

ถ้าพูดตรงๆ…นางเบื่อเกินจะฟังเสียงนี้แล้ว

ทีแรกก็บอกเก้าสาย

จากนั้นก็บอกสิบแปดสาย

แล้วตอนนี้เล่า ยังจะมีมาอีกหรือ?

เหตุใดจึงผ่าลงมาไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้!

นางกรอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเห็นอสนีบาตสีเงินปรากฏขึ้นเหนือชั้นเมฆอีกครั้ง และไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าสิ่งนี้ต้องทรงพลังกว่าอันก่อนแน่ๆ

หากทัณฑ์สวรรค์สายนี้ผ่าลงมาใส่ร่างของนางละก็…

ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านางยังจะทนไหวหรือไม่

ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบเก้าก็ผ่าลงมา

ฉู่หลิวเยว่กัดฟัน แล้วยืนหยัด

ตอนแรกองค์ไท่จู่วิตกกังวลอย่างมาก ทว่าต่อมากลับคิดไม่ถึง ว่าฉู่หลิวเยว่จะก้าวเท้าแล้วกระโดดพุ่งทะยานใส่ทัณฑ์สวรรค์เสียอย่างนั้น!

นะ…นาง นั่นนางคิดจะทำบ้าอันใดกัน!

องค์ไท่จู่ตกตะลึงจนพูดไม่ออก

จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็พลิกตัวบนอากาศและชูกระบี่ขึ้นสุดแขน ท่ามกลางสายตาตะลึงงึนงันของเขา

นางเลือกที่จะเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์สายที่สิบเก้าแบบตัวต่อตัว

เปรี้ยง!

ทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงบนกระบี่อย่างจัง จนเกิดวงแสงเจิดจ้า

และร่างของฉู่หลิวเยว่ ถูกแสงอันเจิดจรัสกลืนกินอีกครั้ง

“หลิวเยว่!”

องค์ไท่จู่ร้องตะโกนลั่น

แสงสีเงินกะพริบปริบๆ และเสียงอึกทึกของอตสนีบาตก็ดังขึ้น

ภายในกลุ่มแสงนั้น ไร้การเคลื่อนไหวจากฉู่หลิวเยว่เป็นเวลานาน

องค์ไท่จู่ร้อนใจอย่างมาก และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจทำอันใดบางอย่าง

เพราะเมื่อเทียบกับกระบี่เล่มนั้น ชีวิตของฉู่หลิวเยว่สำคัญกว่าเป็นไหนไหน!

แต่ในขณะที่เขาก้าวออกไป เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันน่าสะพรึงกลัว ที่แผ่ออกมาจากกลุ่มแสงพร่างพราวนั่น

เขาหยุดฝีเท้าทันที

ก่อนจะเห็นเปลวเพลิงสีแดงที่พุ่งออกมาจากกลางกลุ่มแสง

เปลวเพลิงสีแดงนั่นเปรียบเสมือนมีดคมๆ ที่ผ่ากลุ่มแสงออกเป็นสองซีกในพริบตา

พลันร่างเงาของใครบางคนก็ปรากฏแก่สายตา

คนผู้นั้นคือฉู่หลิวเยว่

ขณะนี้นางถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิงสีแดง ชุดคลุมสีแดงลู่ไปตามลมพร้อมผมสีดำที่ปลิวไสว นางกำกระบี่เทพเมฆาสำริดแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ดุร้าย กำลังลุกโชนอยู่ในดวงตากลมสวยเสมือนหยกดำของนาง

พลังปราณอันยิ่งใหญ่และรุนแรงกำลังวิ่งวนไปรอบๆ ตัวนาง อำนาจของมันช่างน่าทึ่ง

ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด นางคือสีสันเจิดจ้าเพียงสีเดียวที่ส่องสว่างท่ามกลางทมิฬ

องค์ไท่จู่แอบตกใจกับภาพตรงหน้า

เหตุใดจู่ๆ นางถึงได้…แข็งแกร่งเพียงนี้?

แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันคิดหาคำตอบ หางตาก็หันไปเห็นฉู่หลิวเยว่ที่กำลังยกกระบี่ขึ้น

ขณะเดียวกัน ลำแสงนับไม่ถ้วนก็กระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ราวกับว่าพวกมันต้องการหลบหนี

ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ฉายแววเย็นชา พร้อมรอยยิ้มเย็นยะเยือกที่ปรากฏขึ้นตรงมุมปาก

“คิดจะหนีรึ? ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก!”

สิ้นคำ กระบี่เล่มยาวก็ร่วงลงสู่พื้น

พรึบ!

เปลวเพลิงสีแดงลุกลามไปทั่วอาณาบริเวณ! พลันกลืนกินลำแสงที่กำลังหลบหนี

องค์ไท่จู่ผงะไปพักใหญ่

ฉู่หลิวเยว่เจ้าเด็กนั่น…คิดจะสังหารพลังของทัณฑ์สวรรค์อย่างนั้นหรือ

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท