ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 739 พรมแดนไวฑูรยะ

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 739 พรมแดนไวฑูรยะ

เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก!

บาดแผลที่ข้อมือของนางฉีกอีกครั้ง หยางซิ่นเอ๋อร์ก็ลอบคิดในใจว่าแย่แล้ว!

เดิมทีซ่งชิงเหนียนคิดว่าจะเข้ามาช่วยพยุงนางขึ้น แต่เมื่อได้กลิ่นนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!

“ซิ่นเอ๋อร์ นี่เจ้าเป็นอันใดไป…”

ความเคร่งขรึมฉายประกายผ่านสายตาของหยางซิ่นเอ๋อร์ หลังจากนั้นนางก็หมุนตัววิ่งหนีออกไปโดยไม่ได้พูดอันใด!

คาดไม่ถึงว่าความเร็วของนาง จะเร็วกว่าก่อนหน้านี้ที่แสดงอีก!

ถวนจื่อรีบตามไปทันที!

ชั่วพริบตาเดียวก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าของหยางซิ่นเอ๋อร์แล้ว!

ปีกทั้งสองข้างสยายขึ้น!

เปลวเพลิงสีแดงชาด พุ่งออกไป แล้วควบรวมตัวกลายเป็นม่านพลังอยู่กลางอากาศ!

หยางซิ่นเอ๋อร์ไม่ได้สังเกตเลย จนกระทั่งเมื่อนางสังเกตได้มันก็หยุดไม่ทันแล้ว

นางต้องสะบัดปราณดั้งเดิมออกไปอย่างรีบร้อน นางต้องการใช้พลังสะท้อนกลับเพื่อหลีกเลี่ยง เปลวเพลิงนั้น!

แต่อย่างใด

ก็ตามเปลวเพลิงนั้นกระจายอย่างรวดเร็วมาก!

หยางซิ่นเอ๋อร์เพิ่งจะหันกลับมา ก็พบว่าตัวเองติดอยู่กรงขังที่ทำมาจากเปลวเพลิงแล้ว!

อุณหภูมิสูงมากจนเกือบจะแผดเผาร่างทั้งร่างได้แล้ว!

นางกัดฟันแล้วกางม่านพลังให้กับตัวเอง

แต่ม่านพลังของนางจะต้านทานพลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างถวนจื่อได้อย่างใด?

หลังจากนั้นไม่นานม่านพลังของนางก็เริ่มสั่นไหว ราวกับว่าสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ!

ฉู่หลิวเยว่รีบพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

ความคิดของหยางซิ่นเอ๋อร์เปลี่ยนไปทันที นางหันไปมองซ่งชิงเหนียนด้วยน้ำตาคลอ

“ศิษย์พี่ชิงเหนียน ช่วยข้าด้วย!”

เดิมทีซ่งชิงเหนียนก็รู้สึกสงสัยอยู่เช่นกัน แต่เมื่อเห็นท่าทางทุกข์ทรมานของหยางซิ่นเอ๋อร์แล้ว ในใจของเขาก็รู้สึกสงสารอย่างมาก เขาจึงรีบพุ่งตัวเข้าหาฉู่หลิวเยว่แล้วพูดว่า

“ฉู่หลิวเยว่! รีบให้อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าปล่อยนางออกมา! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะต้องรับไม่ไหวแน่นอน”

ฉู่หลิวเยว่ทำเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงของเขา จากนั้นนางก็เดินตรงไปที่กรงเพลิง

ซ่งชิงเหนียนรู้สึกกระวนกระวายอย่างมาก เขายื่นมือไปจับตัวของฉู่หลิวเยว่โดยไม่ทันคิด

“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูด…”

เมื่อฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง

การกระทำของซ่งชิงเหนียนก็หยุดชะงักลง

ด้านหน้าของเขาคือ แม่นางใบหน้าเย็นชา สายตาคมกริบราวกับใบมีด!

แค่เพียงสายตาที่เย็นชาก็ทำให้เขารู้สึกหนาวยะเยือกไปสู่ก้นบึ้งของหัวใจแล้ว!

มือของซ่งชิงเหนียนค้างอยู่กลางอากาศ เป็นไปไม่ได้แล้วที่เขาจะยื่นมือไปจับต่อไป

เหมือนว่าการยั่วยุฉู่หลิวเยว่…เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง!

เขาชะงักไปเล็กน้อย ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตาที่เป็นดั่งคำเตือนออกมาแล้ว ก่อนจะมองไปที่หยางซิ่นเอ๋อร์ด้วยสายตาเย็นชา

“แผลที่ข้อมือของเจ้า เกิดขึ้นได้อย่างใด?”

หยางซิ่นเอ๋อร์ร้อนตัวอย่างมาก นางจึงเบนศีรษะออก

“แค่โดนรากไม้ข่วนเท่านั้น…ไม่มีอันใด…”

“หา?”

ฉู่หลิวเยว่ถามกลับเสียงเรียบ

“แล้วกลิ่นเมื่อครู่นี้ ก็ติดออกมาอย่างไม่ตั้งใจด้วยหรือไม่? น่าแปลกนะ กลิ่นเมื่อกี้นี้…เหมือนว่าจะไหลออกมาจากบาดแผลของเจ้าเลย?”

นั่นต้องไม่ใช่กลิ่นคาวเลือดปกติอย่างแน่นอน!

กลิ่นนั้นเหมือนกลิ่นตอนที่นางฟันรากไม้เหล่านั้นไม่มีผิด!

และนั่นก็หมายความว่า…ภายในร่างกายของหยางซิ่นเอ๋อร์ ได้ดูดกลืนพลังของรากไม้เหล่านั้นแล้ว!

แต่ว่านางทำได้อย่างใด?

แม้กระทั่งเจียงอวี่เฉิงและคนอื่นๆ ยังต้องหลีกเลี่ยงรากไม้เหล่านี้ แต่หยางซิ่นเอ๋อร์ไม่ใช่!

หยางซิ่นเอ๋อร์กัดฟันกรอด

นางต้องการจะเถียงออกไป แต่เมื่อประสายสายตาของฉู่หลิวเยว่ที่มองนางตาเขม็งนั้น มันเหมือนกับฉู่หลิวเยว่สามารถมองออกทะลุปรุโปร่ง!

ในตอนนี้ไม่ว่านางจะพูดอันใดออกไปล้วนเป็นเรื่องน่าขันทั้งสิ้น!

เมื่อเห็นว่าหยางซิ่นเอ๋อร์ไม่พูด คนที่ทนไม่ได้กลับเป็นซ่งชิงเหนียน

“ซิ่นเอ๋อร์ นี่มันเรื่องอันใดกันแน่?”

เมื่อครู่นางก็ยังถูกรากไม้พันอยู่ด้วยกันแท้ๆ แต่เหตุใดตอนนี้ถึงได้…

แต่ไม่ว่าอย่างใดหยางซิ่นเอ๋อร์ก็คงยังไม่พูดอันใดออกไปสักคำ

ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้าอย่างกะทันหันหนึ่งก้าว

พี่เหลยสี่ก็ตามมาด้วยอย่างเป็นห่วง ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปมองเขาครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า

“ข้าแค่จะมาถามนางเท่านั้น ไม่ต้องเป็นห่วง”

พี่เหลยสี่จึงหยุดยืนอยู่ตรงนั้น

แต่ทุกคนรวมถึงเขาก็จ้องมองไปยังฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ตาเขม็ง

ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง ในใจก็สามารถคาดเดาอันใดขึ้นมาได้บางอย่าง

ก่อนหน้านี้เหมือนหยางซิ่นเอ๋อร์กับซั่งกวนหว่านน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันบางอย่าง นางยังต้มโจ๊กให้กับซั่งกวนหว่านด้วย

ตอนแรกฉู่หลิวเยว่ก็แค่รู้สึกผิดปกติเล็กน้อย

ซั่งกวนหว่านเป็นถึงองค์หญิงสาม เรื่องทุกอย่างมีคนจัดการให้อยู่แล้ว แต่แค่โจ๊กหม้อเดียวเหตุใด

หยางซิ่นเอ๋อร์ต้องจัดการให้?

ซั่งกวนหว่านบอกว่านางถูกชะตากับหยางซิ่นเอ๋อร์ ถึงได้ให้นางอยู่ในวังตั้งหลายวัน แต่ก็ไม่มีใครโง่เชื่อเรื่องนี้

แต่ที่ยิ่งแปลกกว่านั้นก็คือ ช่วงเวลานั้นความจริงแล้วหยางซิ่นเอ๋อร์เป็นคนชี้ว่าฉู่หลิวเยว่เป็นคนเอากระบี่หลงหยวนไป แต่สุดท้ายก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่นางพูดนั้นไม่ใช่เรื่องจริง

ต่างจากนิสัยของซั่งกวนหว่าน นางไม่เพียงไม่ลงโทษหยางซิ่นเอ๋อร์แต่นางกลับยังให้อีกฝ่ายรับใช้อยู่ข้างๆ

ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากแน่น แล้วพูดออกมาโดยไร้เสียง

เพราะว่าเบื้องหลังของนางมีทุกคนคอยจ้องมองอยู่ ดังนั้นนางจึงทำให้หยางซิ่นเอ๋อร์ “เห็น” คำพูดของนางเพียงคนเดียว

…ซั่งกวนหว่านใช้เส้นชีพจรของเจ้าไปแล้วใช่หรือไม่?

หยางซิ่นเอ๋อร์เบิกตากว้างราวกับเห็นผี!

เรื่องนี้พวกนางทำอย่างลับๆ แล้วฉู่หลิวเยว่สามารถเดาได้อย่างใด?

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหยางซิ่นเอ๋อร์ การคาดเดาของฉู่หลิวเยว่ก็ได้รับการยืนยันแล้ว

เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย!

ตั้งแต่ตอนนั้นซั่งกวนหว่านก็ได้ลงมือกับหยางซิ่นเอ๋อร์ไว้ก่อนแล้ว!

เป็นเรื่องปกติมากที่นางจะทำเช่นนี้ แต่เหตุใดหยางซิ่นเอ๋อร์ถึงตอบตกลง?

หรือว่าเพราะโดนซั่งกวนหว่านข่มขู่?

แต่ฉู่หลิวเยว่ยังจำสีหน้าตอนยื่นโจ๊กของหยางซิ่นเอ๋อร์ได้

ท่าทางไม่เหมือนถูกบังคับ

อีกทั้ง เรื่องมันผ่านไปนานขนาดนี้ นอกจากร่างกายของหยางซิ่นเอ๋อร์ที่อ่อนแอลงเล็กน้อย เรื่องอื่นๆ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบเลย

เมื่อครู่ที่นางเปิดเผยพลัง เหมือนว่าฝีมือของนางก็ไม่ได้อ่อนแอ!

สายตาฉู่หลิวเยว่จดจ้องไปยังบาดแผลที่ข้อมือของหยางซิ่นเอ๋อร์

ทันใดนั้น…สายตาของนางก็เปล่งประกายขึ้นมา

…พลังภายในของหยางซิ่นเอ๋อร์ ความจริงแล้วมาจากซั่งกวนหว่าน!

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทั้งสองคนใช้วิธีอันใดกันแน่ แต่ที่สามารถมั่นใจได้ นั่นคือ…พลังของหยางซิ่นเอ๋อร์ผกผันตามความแข็งแกร่งของซั่งกวนหว่าน!

เช่นนั้น…

บางทีซั่งกวนหว่านอาจจะรู้สถานการณ์ของทางนี้แล้ว!

ฉู่หลิวเยว่รีบถอยตัวกลับอย่างไม่ลังเล!

หยางซิ่นเอ๋อร์กลับเงยหน้าแล้วหัวเราะเสียงเย็น

“คิดจะหนีหรือ? ช้าไปแล้ว!”

ทันใดนั้นกลางหน้าผากของหยางซิ่นเอ๋อร์ก็มีอักขระยันต์สีดำปรากฏขึ้นมา ก่อนจะหายไปในชั่วพริบตา

วินาทีต่อมาปราณในร่างกายของนางก็ระเบิดขึ้น!

ฉินอีหน้าเปลี่ยนสีแล้วรีบพูดขึ้นว่า

“ถอยไป! นางจะระเบิดตัวเองแล้ว!”

เมื่อสิ้นเสียงนั้นนางก็พุ่งตัวเข้าหาฉู่หลิวเยว่!

พี่เหลยสี่รู้สึกว่ามีอันใดผิดปกติจึงรีบวิ่งเข้าไปทันที!

แต่ทั้งสองคนสายไปหนึ่งก้าว

ตู้ม!

เสียงระเบิดดังสนั่น!

พลังที่รุนแรงและบ้าคลั่งสาดกระจายไปทั่วสี่ทิศแปดทาง!

ในตอนนั้นเอง เปลวเพลิงก็พุ่งทะยานเต็มท้องฟ้า!

ในตอนนั้นกายเนื้อของหยางซิ่นเอ๋อร์ก็ถูกทำลายจนแหลกละเอียด กลางอากาศมีระลอกคลื่นสีดำปรากฏขึ้น

พลังที่ยิ่งใหญ่ถูกดูดเข้าไปในนั้น! ชั่วพริบตาเดียวก็กลืนฉู่หลิวเยว่เข้าไปในนั้น!

เงาร่างของนางหายไปท่ามกลางสายตาของทุกคน!

“หลิวเยว่!”

“คุณหนูฉู่!”

ทุกคนต่างอุทานพร้อมกัน!

ในตอนที่หยางซิ่นเอ๋อร์จะระเบิดตัวเอง ถวนจื่อก็บินเข้าไป แล้วบังร่างของฉู่หลิวเยว่เอาไว้!

เสี้ยววินาทีต่อมา ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าภาพด้านหน้ามืดสนิท ในตอนนั้นนางก็รู้สึกมีพลังบางอย่างดูดเข้ามาในความมืดมิด

แต่ในตอนที่นางกำลังจะโต้ตอบ นางกลับพบว่าพลังที่บ้าคลั่งเหล่านั้นถูกแยกออกไปที่ด้านนอก!

ม่านพลังที่เรืองแสงสายหนึ่งกำลังห่อหุ้มร่างกายของนางเอาไว้

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ

พรมแดนไวฑูรยะ?

นางยังไม่ทันได้ขยับตัวเลย แล้วมันออกมาเองได้อย่างใด?

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท