ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 895 ใครกล้าพูดคำว่าไม่

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 895 ใครกล้าพูดคำว่าไม่

เสียงดังขึ้นสนั่น!! ชั่วพริบตาเดียวก็ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าดิน! เสียงนั้นสะท้อนเข้าโสตประสาท!

หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านโดยพร้อมเพรียง จึงเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างไม่รู้ตัว!

ทันใดนั้นเองก็เห็นว่าท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด ความว่างเปล่าถูกระลอกคลื่นซัดสาดออกมา!

จากนั้นก็มีเงาขนาดใหญ่เงาหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ!

เงานั้นคล้ายว่าเป็นภาพมายา แต่กลับมีแรงกดดันที่มหาศาล! ทำให้ทุกคนต้องยอมจำนนอย่างไม่รู้ตัว!

บางคนที่ยืนใกล้ๆ เงานั้น ก็ไม่สามารถทนรับแรงกดดันที่ว่านั้นได้ จนทำให้ขาอ่อน และคุกเข่าลงที่พื้น

ตกใจ ประหลาดใจ รู้สึกไม่ปลอดภัย!

ตื่นเต้น ให้ความเคารพ บูชา!

คนผู้นั้นดูเหมือนชายวัยกลางคนที่อายุประมาณสามสิบสี่สิบปี เขาสวมชุดสีปีกอีกา รูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางสง่างาม

ร่างกายของเขาโปร่งแสงคล้ายกับวิญญาณ รอบกายไม่มีความผันผวนของคลื่นพลังดั้งเดิมเลย

เพียงแค่เขาที่ยืนอยู่ที่นั้น ความสูงส่งของเขาราวกับได้แผ่กระจายออกมาจากกระดูก!

คนที่ตอบสนองได้ก่อน ก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ แล้วอุทานขึ้นมาว่า

“องค์ไท่จู่?!”

เสียงนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์สับสนไป!

องค์ไท่จู่…

องค์ปฐมกษัตริย์!?

ซั่งกวนโหยวสามารถเรียกเช่นนี้ได้ ใต้โลกหล้านี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น…ซั่งกวนจิ้ง ผู้ก่อตั้งราชวงศ์เทียนลิ่ง!

แต่ว่า…ท่านกลายเป็นเซียนไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ?

ตามตำนานแล้ว เขาสวรรคตในท่านั่งบำเพ็ญเพียรในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง!

แล้วเหตุใดตอนนี้เขาถึงมาปรากฏกายอยู่ที่นี่ล่ะ!?

องค์ปฐมกษัตริย์หลุบตาลงต่ำ สายตาอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย

“เจ้าคือซั่งกวนโหยวสินะ?”

เมื่อดูจากการปฏิบัติตัวที่เขามีต่อเยว่เอ๋อแล้วนั้น นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว

ตอนแรกองค์ไท่จู่ยังคงตำหนิเล็กน้อยกับเรื่องของซั่งกวนโหยว เพราะเขาคิดว่าเรื่องราวมันวุ่นวายมาถึงทุกวันนี้ก็เพราะเขามีส่วนเกี่ยวข้อง

แต่เหมือนว่าเขาจะรักและปกป้องเยว่เอ๋อจากใจจริง ความไม่พอใจในใจขององค์ไท่จู่จึงลดทอนลงไปมาก

แม้กระทั่งความคิดที่มีต่อซั่งกวนโหยวก็ดีขึ้นไม่น้อย

ในตอนนั้นเองความใกล้ชิดจากสายเลือดทางธรรมชาติ ทำให้ซั่งกวนโหยวนั้นมั่นใจว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นคือองค์ปฐมกษัตริย์อย่างแน่นอน!

เขารู้สึกตื่นเต้นดีใจจนยากจะปิดบัง ทันใดนั้นเองเขาก็คุกเข่าทำความเคารพองค์ไท่จู่ยกใหญ่!

“ผู้น้อยซั่งกวนโหยว คารวะองค์ไท่จู่!”

ในตอนที่ฝ่าบาทคุกเข่าลง คนที่เหลือก็ต้องคุกเข่าตามทันที

คนที่อยู่ด้านหน้าตำหนักหลางคุนรีบคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง!

“คารวะองค์ไท่จู่!”

คนจำนวนมาก เสียงแซ่ซ้องพร้อมเพรียง กึกก้องดังทั่วม่านฟ้า!

“ลุกขึ้นขึ้นเถอะ!”

เสียงทุ้มต่ำขององค์ปฐมกษัตริย์ก็ดังขึ้นทันที ในขณะเดียวกันนั้นเองทุกคนต่างรู้สึกถึงพลังที่อ่อนโยนมาพยุงให้ตนเองลุกขึ้น

นั่นคือ…

พลังขององค์ปฐมกษัตริย์!

คนจำนวนไม่น้อยลอบตกใจ

ตามตำนานแล้วองค์ปฐมกษัตริย์อยู่ในระดับเก้าขั้นสูง อีกเพียงก้าวเดียวเขาจะได้บรรลุแล้ว!

ดูเหมือนว่าตำนานที่ว่านั้นล้วนเป็นเรื่องจริง!

เพียงแค่มือข้างเดียวก็สามารถกดผู้คนทั้งจัตุรัสได้อย่างง่ายดาย!

ผู้อาวุโสเฉินเค่อและคนอื่นๆ ก็ตื้นตันจนน้ำคลอเบ้า

“…องค์ไท่จู่…คาดไม่ถึงว่าจะเป็นองค์ไท่จู่จริงๆ!”

ในฐานะผู้อาวุโสในราชสำนัก พวกเขานับว่าเป็นข้าราชบริพารที่จงรักภักดีที่สุดในราชวงศ์เทียนลิ่ง

ตอนนี้สามารถเห็นการปรากฏกายขององค์ปฐมกษัตริย์ได้ด้วยตาของตนเอง พวกเขาตื่นเต้นแค่ไหนนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการออก

สายตาขององค์ปฐมปฐมกษัตริย์กวาดสายตามอง จากนั้นก็สะดุดที่อวี่เหวินเว่ย เขาจึงถอนหายใจออกมา

“นี่คงเป็นลูกหลานของตระกูลอวี่เหวินสินะ…เจ้าหน้าเหมือนกับหมิงเฉินอย่างมาก”

อวี่เหวินหมิงเฉิน เป็นต้นตระกูลบรรพบุรุษตระกูลอวี่เหวิน

อวี่เหวินเว่ยรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

“อวี่เหวินเว่ยคารวะองค์ไท่จู่!”

มีเพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่อยู่รอดมานับพันปี ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ตระกูลของเขาก็ยังจงรักภักดีอยู่เสมอ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก

องค์ปฐมกษัตริย์พยักหน้า

ทุกคนที่อยู่ในสถานที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชบริพารหรือสมาชิกของสำนักต่างๆ ก็ตาม ความจริงแล้วพวกเขายังไม่ทันได้สติกลับมาเลย

ตอนนี้ทุกอย่างเงียบกริบ เขายืนอยู่ต่อหน้าผู้คนที่อยู่เบื้องสูงด้วยความนิ่ง เงียบ และให้ความเคารพอย่างมาก

ท่ามกลางเรื่องราวเหล่านี้ มีเพียงซั่งกวนหว่านคนเดียวเท่านั้น เบิกตากว้างด้วยความตกใจ และยังนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิม พร้อมมองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความนิ่งค้างไป ในสมองของเขานั้นเป็นสีขาวโพลน

แขนขาด้านชา หัวใจของนางหยุดเต้นไปชั่วขณะ เลือดที่ไหลเวียนทั่วทั้งร่างแข็งตัว

เมื่อครู่…ตอนที่องค์ปฐมกษัตริย์ปรากฏตัวขึ้น เขาได้พูดขึ้นว่า

ใครบอกว่านางไม่เหมาะสม!?

คำพูดนี้…พูดเพื่อฉู่หลิวเยว่หรือไม่?!

หรือว่า…องค์ไท่จู่จะมาช่วยฉู่หลิวเยว่?

ตอนที่นางกำลังเต็มไปด้วยความสงสัยอยู่นั้น นางก็เห็นว่าองค์ปฐมกษัตริย์ไปหยุดยืนอยู่ด้านข้างของคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่ง

แม้ว่าจะมีซั่งกวนโหยวที่อยู่ด้านข้างเช่นนี้ ความสง่างามนั้นผิดกันไปเลย

องค์ปฐมกษัตริย์ เป็นองค์ปฐมกษัตริย์จริงๆ!

ไม่จำเป็นต้องพูดอันใดแล้ว เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าใครก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือราชาที่แท้จริง!

หลังจากที่เขามาถึง เขาก็เหลือบสายตามองคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายหน้าขึ้นมา

“ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว เหตุใดเจ้ายังดูเหมือนเด็กอยู่เลยล่ะ ถึงได้หุนหันพลันแล่นเช่นนี้”

ในตอนที่คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งเพิ่งปรากฏกาย เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

คทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งส่องแสงสว่างเจิดจ้า ราวกับจะแสดงให้เห็นว่าเขามีเหตุผลที่ดีพอ

มันช่วยปกป้องราชวงศ์เทียนลิ่งมาตั้งหลายปี มันเบื่อจะตายอยู่แล้ว!

แล้วยังจะไม่ให้คนออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายบ้างเลยหรือ?

องค์ปฐมกษัตริย์หัวเราะออกมา พร้อมหยิบมันขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนจะหันไปมองฉู่หลิวเยว่ แล้วกวักมือเรียกนาง

“นังหนู มานี่”

ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น สีหน้าของทุกคนก็แตกละเอียดอีกครั้ง!

ที่องค์ปฐมกษัตริย์เพิ่งเรียกเมื่อครู่นี้ เขากำลังเรียกใคร!?

…ฉู่หลิวเยว่!?

อีกทั้งน้ำเสียงนี้ดูสนิทสนมเป็นเป็นกันเองอย่างมาก!

เมื่อเทียบกับการปฏิบัติตัวเมื่อครู่นี้กับซั่งกวนโหยว ก็นับว่าห่างชั้นกันมากทีเดียว!

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ

เดิมทีนางไม่คิดจะสร้างปัญหาให้กับองค์ปฐมกษัตริย์ เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นเรื่องของนาง นางสามารถแก้ไขปัญหานี้ด้วยตนเองได้อย่างแน่นอน

ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนหว่านก็ถูกเปิดโปงจนหมดรูปแล้ว แม้กระทั่งเรี่ยวแรงในการต่อสู้ยังไม่มี

แต่คำพูดเมื่อครู่นี้ของซั่งกวนหว่านได้กระตุ้นองค์ปฐมกษัตริย์เข้าเสียแล้ว

นางเหลือบสายตาไปมองซั่งกวนหว่านที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ใบหน้าของนางซีดขาวเหมือนผี แววตาเหม่อลอย เหมือนได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทั้งพลังงานความความคิดของนางดับวูบไปทั้งหมดแล้ว

ฉู่หลิวเยว่เก็บกระบี่หลงหยวนกลับมา จากนั้นก็สาวเท้าไปด้านหน้า

สายตาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ ราวกับว่ากลัวนางจะทำอันใดบางอย่างพลาดไป

ฉู่หลิวเยว่เดินไปยังบันไดขั้นที่เก้า ก่อนจะทำความเคารพอีกฝ่าย

“องค์ไท่จู่”

องค์ปฐมกษัตริย์หวักมือเรียกอีกครั้ง

“ขึ้นมานี่”

ฉู่หลิวเยว่ลังเลเล็กน้อย บันไดขั้นที่เก้านี้ คนธรรมดาไม่สามารถเดินขึ้นไปได้

หากเป็นในสถานการณ์ปกติแล้ว คนที่จะยืนตรงนั้นได้ มีเพียงแค่จักรพรรดิเท่านั้น

แม้ว่าในตอนนี้นางจะเปิดเผยฐานะของตัวเองแล้ว แต่องค์ปฐมกษัตริย์และเสด็จพ่อต่างยืนอยู่ตรงนั้น หากเดินขึ้นไปละก็…

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็สาวเท้าขึ้นไป

ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ซั่งกวนหว่านเดินขึ้นไปแล้ว ล้วนมีอุปสรรคมากมาย ในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่สามารถขึ้นบันไดได้อย่างง่ายดาย และผ่อนคลายอย่างมาก เหมือนว่านางกำลังขี่เมฆขึ้นไปก็ไม่ปาน ทุกคนล้วนเห็นเสื้อผ้าที่พลิวไสวของนาง ต่อมานางก็ได้มาหยุดยืนที่บันไดขั้นที่เก้าแล้ว!

“แม้ว่าข้าจะไม่ได้ปรากฏกายออกมานับพันปี แต่เมื่อราชวงศ์เทียนลิ่งเกิดเรื่อง ข้าเองก็น่าจะมีอำนาจในการพูดถึงเรื่องนี้อยู่บ้างสินะ?”

องค์ปฐมกษัตริย์หัวเราะแล้วพูดขึ้น ก่อนจะมองไปยังซั่งกวนหว่าน

“เมื่อครู่เจ้าพูดว่า หากรับนังหนูเยว่เออร์ จะต้องทำให้บรรพบุรุษราชวงศ์เทียนลิ่งไม่พอใจสินะ?”

ทั้งร่างกายของซั่งกวนหว่านสั่นเป็นเจ้าเข้า ใบหน้าซีดเผือด

“เช่นนั้นในวันนี้ ข้าขอประกาศว่า! นาง…เป็นลูกหลานของตระกูลซั่งกวนที่โดดเด่นที่สุด! ไม่ใช่แค่ตำแหน่งองค์หญิงรัชทายาทเท่านั้น แต่ตำแหน่งจักรพรรดิก็จะเป็นของนางด้วย!”

“ข้าจะขอดูหน่อยสิว่าจะมีไอ้สารเลวหน้าไหนกล้ากระโดดออกมาแล้วพูดคำว่า “ไม่” อยู่อีก!”

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท