ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 941 เลือกพระชายาเถอะ

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 941 เลือกพระชายาเถอะ

ยามราตรีที่มืดมิดมีแสงดวงดาวดาษดาอยู่บนท้องฟ้าสีดำสนิท

ภายในและนอกเรือนไร้เสียงเคลื่อนไหว มีเพียงสายลมยามค่ำคืนเท่านั้นที่พัดผ่านมา จนทำให้รู้สึกเย็น

ฉู่หลิวเยว่กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในห้องของตัวเอง

ดวงตาของนางปิดสนิท ขาทั้งสองนั่งขัดสมาธิ ลมปราณวนเวียนอยู่รอบร่างกาย

บางครั้งก็สามารถเห็นเปลวไฟสีชาดและเปลวเพลิงสีใสประกายออกมาจากร่างกายของนางอย่างมีชีวิตชีวาด้วย

ในตอนนั้นเองนางก็ยกมือขวาขึ้น

นิ้วเรียวยาวและบอบบาง แตะขึ้นที่กลางอากาศอย่างแผ่วเบา

กระแสพลังสีเงินพวยพุ่งออกมา และกลายเป็นลำแสงจำนวนมาก ก่อนจะร้อยเรียงกลายเป็นสัญลักษณ์รูปหนึ่ง!

หลังจากนั้นนางก็สะบัดมือไปทางซ้ายเบาๆ และพลังดั้งเดิมจำนวนมากก็พุ่งออกมา!

ลำแสงเหล่านี้แปรเป็นสัญลักษณ์รูปประหลาดและสามารถเชื่อมกับสัญลักษณ์ก่อนหน้าได้พอดี!

หากผู้อาวุโสซูจิ่นและคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ในตอนนี้ พวกเขาก็จะสามารถมองออกว่าค่ายกลนี้มีส่วนคล้ายกับค่ายกลระดับเก้าที่พวกเขาเจอที่ชายแดนอย่างมาก!

…เพราะว่านี่คือสิ่งที่ฉู่หลิวเยว่คัดลอกลงมาตามลักษณะเดิม!

สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีพรสวรรค์ปรมาจารย์ค่ายกลแล้ว สำหรับพวกเขานั้นค่ายกลเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์และลายเส้นที่แปลกตาเท่านั้น

ไม่ว่าจะมองอย่างใด ก็ยากที่จะจดจำ

เพราะว่าในค่ายกลก็มีกฎของตัวมันเอง ซึ่งมันไม่ง่ายเหมือนกับการท่องจำหนังสือ

อีกทั้งค่ายกลระดับเก้าก็มีความซับซ้อนอย่างมาก ยากที่จะจินตนาการออกมาได้!

ต่อให้เป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับสูง หากจ้องไปนานๆ ก็จะรู้สึกตาลายได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางจำได้อย่างแน่นอน

แต่ฉู่หลิวเยว่นั้นไม่เหมือนกัน

ชาติที่แล้วนางฝึกฝนจนอยู่ในปรมาจารย์ค่ายกลระดับแปด แม้ว่าตอนนี้นางจะเปลี่ยนร่างกายไปแล้ว และพลังมีจำกัด แต่ความรู้ของนางก็ยังอยู่ในปรมาจารย์ระดับแปด!

กอปรกับนางมีพรสวรรค์ที่น่าประหลาดใจเช่นนี้อยู่แล้ว ดังนั้นการจดจำค่ายกลระดับเก้า จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนางเลย

ตอนนี้สิ่งที่นางต้องทำคือพยายามจำลองรูปแบบค่ายกลนั้นออกมาให้ได้มากที่สุด

เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อย

ฉู่หลิวเยว่สลักรูปแบบที่นางจดจำไว้ในสมองออกมาทีละนิด และค่อยๆ บรรยายออกมาทีละส่วน

ลำแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ตรงหน้านางก็ค่อยๆ ร้อยโยงเป็นรูปแบบที่ลึกซึ้ง

แสงสว่างส่องสะท้อนใบหน้าของนาง ใสสะอาดราวกับกระเบื้องเคลือบและหยก

ห่างออกไปหมื่นลี้

ผืนน้ำสุดลูกหูลูกตาเปล่งประกายสีน้ำเงินแวววับ

เกาะหลายเกาะลอยเหนือน้ำ พลังดั้งเดิมรวมกันหนาทึบกลายเป็นกลุ่มหมอกสีขาว ราวกับแดนสวรรค์

ทันใดนั้นแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นมา!

หลังจากนั้นแสงสีทองที่ว่านั้นก็ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นรัศมีสีทอง!

ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นที่กลางอากาศ!

ทันใดนั้นเงาร่างสูงใหญ่ก็ก้าวออกมา!

คนผู้นั้นคือหรงซิวนั้นเอง!

ในตอนนี้เขากำลังสวมเสื้อคลุมสีดำ รอบกายมีปราณเย็นแผ่กระจายออกมา

เขาหลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ความอ่อนโยนขององค์ชายเจ็ด หลีอ๋องก็ได้หายไปจนหมดสิ้นแล้ว!

มีเพียงความเฉยเมยและเย็นชาจนทำให้หัวใจของคนรู้สึกสั่นสะท้านเข้ามาแทนที่!

แรงกดดันที่อยู่บนร่างกายของเขาหายไป แต่ทันใดนั้นพลังของเขาก็ระเบิดขึ้น!

หากมองดูผิวเผินจะคิดว่าเป็นเทพสงครามที่เพิ่งออกมาจากนรก ดูกระหายเลือดและน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก!

หวูด…

เสียงแตรดังขึ้น!

“ยินดีต้อนรับฝ่าบาทกลับมาพ่ะย่ะค่ะ!”

ในตอนนั้นเองผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนก็หันมามองทางหรงซิว และคุกเข่าทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อหรงซิวสะกิดปลายเท้า ร่างกายของหรงซิวก็พุ่งตรงไปที่เกาะตรงกลางที่ลอยอยู่กลางอากาศแล้ว

เขาเดินข้ามผืนน้ำ แต่ทว่าปลายเท้าของเขากับแผ่นน้ำมีระยะห่างกันอยู่เล็กน้อย

แขนข้างหนึ่งของเขาไพล่เอาไว้ที่ด้านหลัง ราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในสวน

เขาเดินออกมาเพียงแค่ไม่กี่ก้าว คาดไม่ถึงว่าเขาจะออกมาไกลมากแล้ว!

เมื่อเขาถึงด้านหน้าของเกาะนั้น เขาก็ดีดตัวขึ้น ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วตกลงมากลางเกาะ

บนแผ่นหยกสีดำนั้นมีเงาสะท้อนร่างที่สูงเพรียวของเขาปรากฏอยู่

และหรงซิวก็ยังเดินต่อไปด้านหน้า

ทหารรักษาการณ์ที่ยืนอยู่ทั้งสองฝั่งก็รีบทำความเคารพเขา!

ตำแหน่งที่อยู่ด้านหน้านั้นคือวังหลวงของหรงซิว

ที่นี่มีการป้องกันที่แน่นหนา คนธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้ที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอน

ปกติแล้วที่นี่จะเงียบเชียบอย่างมาก

แต่ตอนนี้กลับมีใครบางคนกำลังรอเขาอยู่ที่ท้องพระโรงตั้งแต่เช้าแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขาก็นั่งลงคุกเข่าไปทางที่หรงซิวกำลังเดินเข้ามา

เมื่อหรงซิวเห็นแล้ว ก็หรี่ตามองเล็กน้อย

คนที่มาหานี่เขาค่อนข้างคุ้นตา ราวกับเป็นคนที่รู้จักกันดี

หลังจากเดินเข้าไปใกล้ หรงซิวก็สามารถยืนยันการคาดเดาของตัวเองได้

เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย

คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหมิงเหยา หลานชายคนเดียวของผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกนั่นเอง

และตำแหน่งของเขาในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่ำต้อย ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส เขาเป็นรองแค่หัวหน้าเผ่าเท่านั้น

ปกติแล้วเขาไม่ค่อยจะมาที่นี่เสียเท่าไร ถ้าหากว่าเขามีเรื่องอันใด เขาล้วนจะไปตามหาผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกมากกว่า

การที่จะมาหาหรงซิวโดยตรงเช่นนี้นั้นแทบจะไม่มีเลย

หรงซิวเดินไปหยุดอยู่ตรงด้านหน้าของอีกฝ่าย

“ผู้อาวุโสหมิงเหยา วันนี้ท่านมาที่นี่เหตุใดหรือ?”

“คารวะโอรสสวรรค์”

หมิงเหยารีบทำความเคารพ

องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างคนหนึ่ง ประสานหมัดและรีบรายงานด้วยความลำบากใจเล็กน้อย

“ฝ่าบาท ผู้อาวุโสหมิงเหยามารออยู่ที่นี่ตั้งแต่สามวันที่แล้วแล้วพ่ะย่ะค่ะ เขาบอกว่ามีธุระจำเป็นต้องรายงานให้ท่านทราบด้วยตัวเอง”

หรงซิวเงยหน้าขึ้นมามอง

“ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกล่ะ?”

“ทูลฝ่าบาท ช่วงนี้ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกปิดด่านฝึกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

นี่เป็นการจงใจเลือกช่วงเวลาที่ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกไม่ได้อยู่ใกล้ชิด

ริมฝีปากบางของหรงซิวยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“ผู้อาวุโสหมิงเหยาเชิญลุกขึ้นเถิด มีเรื่องอันใดก็ค่อยๆ พูดมาก็ได้”

หมิงเหยากล่าวขอบคุณ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน

แต่ว่าเมื่อได้เผชิญหน้ากับหรงซิวเช่นนี้ เขาก็อดที่จะประหม่าไม่ได้

เขาพยายามยิ้มออกมา

“ฝ่าบาท ความจริงที่หมิงเหยามาที่นี่ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นตัวแทนการแสดงเจตนารมณ์ของคนจากหลายชนเผ่า”

คิ้วทรงดาบของหรงซิวเลิกขึ้นเล็กน้อย แล้วมองเขาด้วยสายตาราบเรียบ

“หา?”

หมิงเหยากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะอดทนพูดต่อว่า

“คือว่า…ท่านขึ้นครองในตำแหน่งโอรสสวรรค์มาหลายปีแล้ว แต่ตำแหน่งของพระชายานั้น ยังคงว่างเปล่าอยู่ บังเอิญว่าวันคล้ายวันพระราชสมภพของท่านกำลังจะเวียนมาถึงแล้ว ข้ากำลังคิดว่า…หากท่านใช้โอกาสนี้ในการคัดเลือกพระชายา?”

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท