ตอนที่ 964 รนหาที่ตาย
หลังจากพูดจบแล้ว ร่างกายฉู่หลิวเยว่ก็เคลื่อนไหว และหลบเข้าไปในรอยแยกของทางเข้าออก!
ตอนที่นางเดินเข้าไปจนสุดทาง นางก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา ประกายเพลิงกลุ่มหนึ่งก็ลุกพรึ่บ!
พลังของม่านพลังก็ค่อยๆ ประสานกัน จนมันสามารถปิดลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคืนสู่สภาพเดิมในที่สุด!
“นี่มัน…”
กงซุนเซียวเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ในแววตามีประกายความผิดหวัง
เดิมทีเขาเองก็อยากจะลองดูว่าพอจะมีโอกาสเข้าไปข้างในนั้นได้หรือไม่?
คิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะไร้น้ำใจขนาดนี้ แม้กระทั่งที่ว่างก็ยังไม่เหลือทิ้งไว้ให้เขา!
ถานไถเฉินแค่นหัวเราะเสียงเย็น
“พี่กงซุน ซั่งกวนเยว่คนนั้นใจแคบอย่างมาก ไม่สามารถพึ่งพานางได้เลย!”
กงซุนเซียวมีสีหน้าย่ำแย่
“นางเปิดม่านพลังขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ว่านางจะว่าอย่างใด นั่นก็เป็นสิทธิ์ของนางไม่ใช่หรือ?”
หนิงหยวนพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน น้ำเสียงเย็นชา
“เมื่อครู่พวกเราล้วนนั่งอยู่ตรงนี้ แต่กลับไม่มีใครเดินเข้าไปช่วยเหลือนางเลย นางจะไม่ช่วยเหลือพวกเรา ก็เป็นเรื่องปกติแล้ว”
กงซุนเซียวกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ
หนิงหยวนผู้นี้เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ เรื่องส่วนใหญ่แล้ว มักคิดเห็นไม่ตรงกัน
แต่ฝีมือของเขาแข็งแกร่งมาก อีกทั้งราชวงศ์ตงหนิงก็เป็นรองเพียงราชวงศ์เป่ยหมิงเท่านั้น กงซุนเซียวจึงต้องจำใจไม่คิดล่วงเกิน
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องการไปโต้เถียงอันใดอีก เพื่อไม่ให้ไปล่วงเกินใครเข้าอีก
ถานไถเฉินเห็นว่าตนเองไม่สามารถยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดได้อีก ในตอนนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก
แต่เขาก็เหมือนกับกงซุนเซียว ที่ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับหนิงหยวน ดังนั้นจึงต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ
ทั่วทั้งสนามตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
แต่ว่าภายในจิตใจของทุกคนไม่ได้สงบนิ่งเหมือนหน้าตา
เดิมทีแต่ละราชวงศ์สามารถเข้าไปได้ราชวงศ์ละห้าคน ตอนนี้ซั่งกวนเยว่เข้าไปแล้ว ดังนั้นคนของราชวงศ์เทียนลิ่งจึงมีคนเพิ่มอีกหนึ่งคน!
แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ฝีมือของนางนั้นแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาประเมินเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด!
หากเข้าร่วมไปแล้ว อาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของราชวงศ์เทียนลิ่งยกระดับขึ้นมากเลยทีเดียว!
ถานไถเฉินหลับตาลง
ตอนนี้เขาหวังเพียงแค่ว่าคนของราชวงศ์เทียนลิ่งจะถูกกำจัดจนหมดแล้ว…เมื่อเป็นเช่นนั้น ต่อให้ฉู่หลิวเยว่เข้าไปเพิ่มอีกคนหนึ่ง ก็สามารถช่วยเหลืออันใดได้ทัน!
…
ฉู่หลิวเยว่เดินผ่านม่านพลังเข้าไปในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง
ทันทีที่นางเข้ามาที่นี่ นางก็รู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่าที่นี่มีปราณฟ้าดินเข้มข้นอย่างมาก! เข้มข้นมากกว่าข้างนอกเกือบสามเท่า!
เมื่อนางกวาดสายตามองไปโดยรอบ ก็จะพบเทือกเขาสลับซับซ้อน แม่น้ำสายยาวสีเขียวทอดผ่าน คดเคี้ยวเลี้ยวผ่านระหว่างกลางหุบเขา
เขาสวยน้ำใส สะกดสายตา
นอกจากนี้นางยังสามารถได้ยินแว่วเสียงนกร้องจากในป่า หรือบางครั้งก็เห็นเงาของสัตว์อสูรเดินผ่าน
ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะมองอย่างใดก็ดูเป็นทิวทัศน์ที่มีชีวิตชีวาอย่างมาก
มิน่าล่ะหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวงถึงได้รับการยกย่องจากราชวงศ์เป่ยหมิงว่าเป็นหุบเขาศักดิ์สิทธิ์
สภาพแวดล้อมที่ดีต่อการบำเพ็ญเพียรเช่นนี้ หาได้ยากจริงๆ
แต่ในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้มีใจมาชื่นชมกับสิ่งสวยงามเหล่านี้
นางยกมือขึ้น แล้วมองไปยังกระดิ่งทองคำ ก่อนจะเริ่มค้นหาลมปราณของพวกเขาทั้งหลาย
ต่อมานางก็พบว่าลมปราณเหล่านั้นแยกเป็นสองทาง!
นั่นก็หมายความว่าพวกเขาทั้งห้าคนถูกแยกออกจากกันแล้ว!
ในใจของฉู่หลิวเยว่ยิ่งรู้สึกกังวลมากกว่าเดิม คิ้วขมวดพันกันแน่นขึ้น
ก่อนที่จะเข้ามา นางได้บอกกับพวกเขาไว้แล้วว่า ถ้าเป็นไปได้จะต้องอยู่กันเป็นกลุ่ม
ตอนนี้กระดิ่งทองคำทั้งห้าเม็ดได้แตกสลายออกหมดแล้ว และพวกเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันอีกด้วย!
เกรงว่าสถานการณ์ของพวกเขาจะย่ำแย่กว่าที่นางคิดเอาไว้!
ถ้านางไม่ได้คาดเดาผิดละก็ เจี่ยนเฟิงฉือและเชียงหว่านโจวจะอยู่ทางซ้าย ส่วนสามคนที่เหลือจะต้องอยู่ทางด้านขวา
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลือกไปทางขวา!
นอกจากเชียงหว่านโจว จะมีกระดิ่งทองคำติดตัวแล้ว เขายังมีนกหวีดสีทองที่อาจารย์เคยมอบไว้ให้ก่อนหน้านี้ด้วย ในตอนนี้เขายังไม่ได้เป่ามัน หมายความว่าบางทีเขาอาจจะยังรับมือมันได้อยู่
ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือของเขากับเจี่ยนเฟิงฉือก็ไม่ได้อ่อนแอ ฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกวางใจเล็กน้อย
สถานการณ์ของมู่หงอวี่และอีกสองคนนั้นอาจจะเลวร้ายมากยิ่งกว่า!
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง
“ถวนจื่อ!”
แกว๊ก…
เงาร่างสีแดงปรากฏที่ตรงหน้าของนาง!
ปีกขนาดใหญ่สยายออก แรงกดดันท่วมท้น!
ฉู่หลิวเยว่กระโดดขึ้นบนหลังของถวนจื่อทันที
“ไป!”
…
กองหินรกๆ แห่งหนึ่งภายในหุบเขาบรรพกาลเฟิ่งหวง
มู่หงอวี่และอีกสองคนกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ที่กองหินขนาดใหญ่เพื่อพักผ่อน
เพราะว่าตอนนี้สภาพของพวกเขาทั้งสามคนย่ำแย่อย่างมาก
อู๋หมิงบาดเจ็บสาหัสจนสลบไสลไปไม่ได้สติ อวี่เหวินจิงหงเลือดท่วมเต็มตัว มู่หงอวี่บาดเจ็บน้อยที่สุด ต้องขอบคุณร่างกายที่พิเศษของนาง สามารถหลบได้อย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นนางก็จะมีสภาพเหมือนกับอู๋หมิง
“โอสถก่อนหน้านี้ยังมีอยู่หรือไม่?”
มู่หงอวี่เช็ดเลือดที่มุมปากแล้วถามขึ้น
อวี่เหวินจิงหงพิงหลังกับโขดหินใหญ่ แล้วส่ายหน้าด้วยใบหน้าซีดขาว
“ไม่…ไม่มีแล้ว…ก่อนที่จะมาที่นี่ ข้าได้เตรียมเอาไว้ตั้งมากมาย…แต่ว่าตอนนี้ใช้หมดแล้ว…”
มู่หงอวี่กัดริมฝีปากแน่น
“แต่ว่าอู๋หมิงจะทนไม่ไหวแล้ว…”
ถ้าไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือพวกเขาทั้งสองคน อู๋หมิงคงจะไม่บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้
หลายวันที่ผ่านมานี้พวกเขาใช้โอสถเพื่อยื้อชีวิตของอีกฝ่ายมาโดยตลอด แต่ว่าตอนนี้โอสถเหล่านั้นหมดแล้ว
อีกทั้งพวกเขาสองคน ไม่มีใครเป็นหมอเทวดาเลย พวกเขาทำได้เพียงมองลมหายใจของอู่หมิงค่อยๆ แผ่วเบาลงไป
สำหรับพวกเขาทั้งสองคนแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ทรมานอย่างมาก
อวี่เหวินจิงหงหัวเราะอย่างขมขื่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและจนปัญญา
“กระดิ่งทองคำของพวกเราทั้งสามคนถูกบดขยี้ไปอย่างต่อเนื่อง แต่แม้กระทั่งตอนนี้ พวกเขาทั้งสองคนก็ยังไม่มา ฝ่ายของพวกเขาเองก็น่าจะต้องเจอปัญหา…”
เพราะว่าพวกเขาบีบกระดิ่งทองคำไปก่อน ดังนั้นสถานการณ์ของฝั่งเจี่ยนเฟิงฉือ พวกเขาจึงไม่มีทางรู้ได้เลย
และพวกเขายิ่งไม่มีทางรู้ว่า ความจริงแล้วทั้งสองคนนั้นได้บีบกระดิ่งทองคำไปแล้วเช่นกัน
คำพูดนี้ทำให้ทั้งสองคนเงียบเสียงไป
ถ้ายังไม่มีใครมาละก็ ร่างกายของอู๋หมิงยืนหยัดได้อีกไม่นานแน่นอน สำหรับพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะหลบไปไหนได้อีก…
“พวกเราเข้ามาที่นี่กี่วันแล้วหรือ? เหมือนว่าจะเพิ่งหกวันเองสินะ?”
มู่หงอวี่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน บ่นพึมพำ ใบหน้างุนงง
“…หากฉู่หลิวเยว่มาด้วยก็คงจะดี…”
หากนางอยู่ จะต้องมีทางออกอย่างแน่นอน
อวี่เหวินจิงหงหัวเราะอย่างขมขื่นอีกครั้ง
ต้องใช้เวลาอีกเก้าวันกว่าหุบเขาบรรพกาลเฟิงหวงจะเปิดขึ้นอีกครั้ง ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ด้านนอก จะเข้ามาด้านในได้อย่างใด?
พวกเขาจะยืนหยัดได้ถึงตอนนั้นหรือไม่ ก็ยังไม่แน่ใจ
“หากฉู่หลิวเยว่อยู่ นางจะต้องจัดการคนเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน!”
ในใจของมู่หงอวี่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและไม่ยินยอม
“เฮ้ย นั่นเจ้ากำลังพูดถึงใครน่ะ?”
ทันใดนั้นเองเสียงหัวเราะเยาะเย้ยก็ดังขึ้นมา
มู่หงอวี่และอวี่เหวินจิงหงสะดุ้งด้วยความตกใจพร้อมกัน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมอง!
จากนั้นก็เห็นว่าด้านหน้าของเขาไม่ไกลนั้นคือ คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากในป่า!
นั่นคือกลุ่มของถานไถรั่วหลี!
หลังจากการต่อสู้เป็นระยะเวลาหลายวัน อีกทั้งได้รับบาดเจ็บสาหัส ระดับการระมัดระวังภัยของมู่หงอวี่และอวี่เหวินจิงหงลดลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว กว่าพวกเขาจะรู้ตัวอีกฝ่ายก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว!
“รังควานไม่เลิก!”
มู่หงอวี่ลุกขึ้นยืนบังที่ด้านหน้า
“พวกเจ้าไล่ฆ่าพวกเรามาหลายวันแล้ว นี่คิดจะทำอันใดกันแน่?”
“เจ้าก็พูดออกมาหมดแล้วไม่ใช่หรือ ก็ไล่ฆ่าอย่างใดเล่า”
ถานไถรั่วหลีหัวเราะเสียงเบา แววตาประกายเย็นชา
“ก่อนหน้านี้ข้าดูไม่ออกเลยจริงๆ คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นร่างซวี่หยวนที่หายากในรอบพันปี…แต่น่าเสียดายที่ต้องถูกทำลายให้สูญพันธุ์เช่นนี้! ถ้าจะโทษก็ไปโทษซั่งกวนเยว่ที่มายั่วโมโหคนที่ไม่ควรยั่วโมโหเสียดีกว่า!”
เมื่อพูดจบ นางก็ผลักฝ่ามือไปด้านหน้า!
“ตาย!”
**********************************
