ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 987 ไพ่ใบสุดท้าย

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 987 ไพ่ใบสุดท้าย

ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของเจ้า แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่สนใจข้อเสนอเช่นนี้ อีกอย่าง องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์เป่ยหมิงนั้นเปี่ยมไปด้วยอำนาจและสายข่าวมากมาย เจ้าย่อมรู้ว่าข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้วมิใช่หรือ? การที่เจ้าพูดเช่นนี้ ข้าว่ามันฟังดูไม่เหมาะเท่าใดนัก?”

“เจ้าพูดเองว่าเป็นแค่คู่หมั้น และยังมิได้จัดงานอภิเษกแต่อย่างใด ฉะนั้นแล้วคนอื่นย่อมมีโอกาส แล้วก็… บนโลกนี้มีสามีภรรยาหลายคู่ที่ตบแต่งกันไปแล้ว แต่กลับอยู่กินกันไม่ได้จนจำต้องหย่าร้าง และเจ้าเองก็อาจจะเป็นเช่นนั้นด้วย”

หางตาของจวินจิ่วชิงฉายแววยิ้มเยาะ เสมือนว่าเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปเมื่อครู่นั้นไม่เหมาะสมเพียงใด

“ปกติข้าเป็นคนใจร้อน แต่…ถ้าเป็นเจ้า อย่างใดข้าก็รอได้”

“เช่นนั้นเจ้าคงต้องผิดหวัง”

ฉู่หลิวเยว่ยักคิ้ว พร้อมกระหยิ่มยิ้มเยาะ

“เพราะถ้าเจ้าคิดจะรอ เจ้าคงได้รอจนถึงวันตายแน่ เช่นนั้นแล้วเจ้าดั้นด้นอยู่อีกหรือ?”

แววตาของจวินจิ่วชิงมืดมนลงทันใด! พร้อมลมปราณเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมารอบตัวเขา!

กายบางของฉู่หลิวเยว่เกร็งแน่นในฉับพลัน แล้วกระชับกระบี่หลงหยวนในมือแน่น!

แม้แต่คนธรรมดาที่ได้ฟังอันใดเช่นนี้ก็ยังไม่พอใจ แล้วนับประสาอันใดกับองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์เป่ยหมิงกัน?

แต่พอฉู่หลิวเยว่คิดว่าจวินจิ่วชิงกำลังจะโมโหแล้วโจมตีใส่นาง ไอสังหารบนร่างกายของเขาก็กลับค่อยๆ จางหายไป

ถึงมันจะดูปกติดังเดิม แต่ก็มีบางจุดที่นางมองออกว่าเขาไม่พอใจ

จวินจิ่วชิงถอนสายตากลับมา พลางเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มแสงสีทอง ริมฝีปากบางๆ คู่นั้นเผยร้อยยิ้มเย้ยหยัน

“เช่นนั้นข้าจะไม่ปรานีเจ้า!”

ยามที่นางพูดถึงคนผู้นั้น ทั้งสีหน้าและท่าทางของนาง มักจะทำให้เขามีน้ำโหขึ้นมาได้ง่ายๆ เสียทุกที

ถึงในตอนนี้นางจะสถิตอยู่ในกายใหม่และสูญเสียความทรงจำไปแล้ว แต่นางก็ยังปฏิบัติกับคนผู้นั้นเช่นเดิม…

ช่างไม่สบอารมณ์เสียจริง!

และขณะเดียวกัน ในที่สุดทัณฑ์สวรรค์สายที่เก้าก็ผ่าลงมา!

เปรี้ยง…

ทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมาปะทะกับกลุ่มแสงสีทองอย่างรุนแรง!

เกิดแสงระเบิดสว่างวาบขึ้นทันตา!

พร้อมแรงระเบิดที่พุ่งกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ!

ในยามนี้โลกทั้งใบพลันขาวโพลน!

เสมือนมีมือที่มองไม่เห็นฉีกกระชากผืนฟ้าสีดำทมิฬให้ขาดออกจากกัน จนเกิดเป็นรูกลวงโบ๋ขนาดใหญ่ ที่มีเกลียวคลื่นแสงสีทองพร่างพราวอร่ามตา พวยพุ่งออกมาดุจสายธาราเชี่ยวกรากไม่รู้จบ!

เกลียวคลื่นนั้นถาโถมลงไปทั่วทั้งยอดเขา!

แม้แต่ฉู่หลิวเยว่และจวินจิ่วชิงเองก็โดนคลื่นนั้นกลืนหายไปด้วย!

ทุกคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์นั้นต่างตื่นตระหนกกันให้ทั่ว!

“เมื่อครู่นี้ ชะ…ใช่ฝ่าบาทใช่หรือไม่?”

อวี่เหวินจิงหงถามด้วยความกังวล

ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งหมดถูกพลังอันรุนแรงนั้นดีดออกมาจากยอดเขา แต่ด้วยความช่วยเหลือจาก

ถวนจื่อ พวกเขาถึงประคับประคองกันให้รอดมาได้ และตอนนี้พวกเขาทั้งหมดก็รออยู่จุดพักกลางยอดเขาอีกลูกหนึ่ง

แม้ว่าที่นี่จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการบีบบังคับอันน่ากลัวเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่มันก็ปลอดภัยกว่าอยู่บนเขาลูกเดิมมาก

เดิมที่พวกเขาคิดว่าหมดหวังแล้ว ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับปรากฏตัวขึ้นในวินาทีสุดท้าย!

แต่อย่างใดก็ตาม เมื่อคิดว่าคู่ต่อสู้ของนางคือจวินจิ่วชิงแล้ว พวกเขาก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก

จวินจิ่วชิงแข็งแกร่งมาก และเป็นถึงองค์รัชทายาทของราชวงศ์เป่ยหมิง จะกล่าวได้ว่าเขาเหนือกว่านางก็ว่าได้!

เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว ย่อมเห็นว่าศักยภาพของฉู่หลิวเยว่นั้นสู้เขาไม่ได้เลย

“คงจะ… คงจะไม่มีอันใดเกิดขึ้นหรอกใช่หรือไม่… สายฟ้านั่นคือวิถีสุดท้ายของสามหยวนรวมยอดแล้ว…”

ตำแหน่งที่นั่งสองคนอยู่ก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งแรกที่ต้องปะทะกับความรุนแรงนั่น

ส่วนพวกเขาได้หนีถอยออกมาไกลประมาณหนึ่ง และสัมผัสได้เพียงแค่แรงกดดันที่ตามมาเท่านั้น ทว่าเพียงแรงกดดันพวกเขาก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว

และแทบไม่อยากคิดเลยว่า… คนที่อยู่ตรงใจกลางของมัน จะถูกโจมตีอย่างสาหัสสากันเพียงใด!

“นางจักต้องปลอดภัย!”

มู่หงอวี่จับจ้องไปยังคลื่นแสงสีทองและสีเงินที่หมุนตัวพันกันอยู่ในอากาศ พลางเอ่ยเสียงหนักแน่นจริงจัง

ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น นางย่อมจัดการกับมันได้อยู่

และครั้งนี้ก็เช่นกัน!

“อือ…”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงครางต่ำระคนเจ็บปวดดังขึ้น

เป็นเชียงหว่านโจวที่นอนขดตัวอยู่ข้างๆ เปลือกตาทั้งสองข้างปิดแน่นราวกับว่าเจ้าตัวกำลังเผชิญกับความทรมานอย่างแสนสาหัส

อู๋หมิงตะโกนเรียกเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ตื่น

“เชียง…”

อู๋หมิงเผลอยื่นมือออกไปจับเขาอย่างลืมตัว แต่ทันทีที่สัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย เขาก็พลันอ้าปากค้างแล้วชักมือออกทันที!

“ตัวเย็นมาก!”

ร่างกายของเชียงหว่านโจวเย็นจัดราวกับน้ำแข็ง!

ไม่สิ ความเย็นเช่นนี้ มันเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งเสียอีก!

“พวกเจ้ามาดูเร็ว เขาเป็นอันใดไปก็ไม่รู้?”

ท่าทางตื่นตกใจของอู๋หมิง ทำให้คนอื่นๆ ตกใจตามไปด้วย

เจี่ยนเฟิงฉือก้าวไปข้างหน้าทันที พร้อมสัมผัสชีพจรของเขา

แอ่งชีพจรนั้นเย็นเฉียบและฝังลึกยันกระดูก!

เขาขมวดคิ้วฉับ!

เพียงสัมผัสโดนแค่ครั้งเดียว ก็ดูเหมือนว่าลมปราณเหมันต์ที่ฝังอยู่ในร่างของเขาเหล่านั้น จะทะลักออกมาจากแขนขา แล้วพุ่งเข้าใส่ฝ่ามือของเขาอย่างต่อเนื่อง!

เขารีบใช้ความคิด พลันจุดเปลวไฟขึ้นในมือ!

เขาอาศัยพลังความร้อนของเปลวไฟห่อหุ้มมือตัวเองไว้ แล้วพยุงไหล่เชียงหว่านโจวขึ้นมาเพื่อพลิกตัวอีกฝ่าย

และเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ท่าทีของเจี่ยนเฟิงฉือก็เปลี่ยนไปทันควัน

คนอื่นๆ เองก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ!

เนื่องจากพวกเขาไม่รู้เลยว่าเมื่อใดที่ใบหน้าของเชียงหว่านโจว ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ เช่นนี้!

อีกทั้งยังมีอักขระประหลาดปรากฏอยู่ตรงหว่างคิ้วด้วย

ลมปราณเหมันต์อันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากที่นั่น!

“เขา…เหตุใดเขาถึงเป็นแบบนี้?”

มู่หงอวี่ตกใจพลันเบิกตากว้าง นางมองเขาด้วยสีหน้างุนงงระคนประหลาดใจ

เจี่ยนเฟิงฉือค่อยๆ ผละมือออกมา

“อย่าเพิ่งจับตัวเขา ครั้นลมปราณเหมันต์นี้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะกำจัดมันออกไปได้ยากมาก”

แค่เขาแตะตัวเชียงหว่านโจวไม่กี่ครั้ง ความเย็นนั่นก็แทบจะแช่แข็งฝ่ามือของเขาอยู่แล้ว!

ถ้าก่อนหน้านี้เขาไม่ใช้เปลวไฟหุ้มมือไว้ ก็เกรงว่ามันคง…

“ดูเหมือนว่าจะมีผนึกในร่างกายของเขา ที่กำลังจะแตกอยู่รอมร่อ”

“ผนึกหรือ? เขา… เขาเติบโตมาจากชายแดนทางใต้มิใช่หรือ? แล้วเขาจะมีผนึกได้อย่างใด?” อวี่เหวินจิงหงถามอย่างสงสัย

เจี่ยนเฟิงฉือส่ายหัวช้าๆ ก่อนจะนึกอันใดขึ้นมาได้ แล้วหันกลับไปมองทิวทัศน์อันเจิดจรัสและงดงามบนยอดเขาหลัก

คลื่นวิถีที่ปล่อยออกมาระลอกแล้วระลอกเล่าจากจุดศูนย์กลางนั่น แผ่กระจายออกไปสู่บริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว!

“หรือจะ… เป็นพลังของสามหยวนรวมยอดที่ช่วยเขาไว้…”

ทว่าขณะพูด เจี่ยนเฟิงฉือก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

เพราะ… เขาเองก็ไม่รู้ว่าสรุปแล้วคลื่นวิถีนี่กำลังช่วยเชียงหว่านโจว หรือว่า…

และในตอนนั้นเอง เชียงหว่านโจวก็ขดตัวแน่นขึ้น พลันมีแสงส่องออกมาเหนือหว่างคิ้วเรียวสวยคู่นั้น!

เมื่อคลื่นพลังสีทองอันน่าสะพรึงกลัวถาโถมเข้ามา ก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะทันได้ตอบสนอง นางก็ถูกคลื่นพลังนั่นกระแทกใส่โดยตรงและตกลงบนยอดเขาอย่างแรง!

ตูม!

เกิดความเจ็บแปลบขึ้นตรงแผ่นหลังอย่างรุนแรง! จนแทบจะทำให้สมองของฉู่หลิวเยว่ว่างเปล่าไปชั่วขณะ!

นางหยิบกระบี่หลงหยวนที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา และพยายามพยุงตัวเองให้ยืนขึ้น แต่กลับพบว่าแรงกดดันที่ปะทะเข้ามานั่น แทบจะทำให้นางขยับร่างกายไม่ได้

วิถีสุดท้ายของสามหยวนรวมยอดได้ทิ้งตัวลงมาจากฟากฟ้า พลังปราณดั้งเดิมอันไร้ขีดจำกัดที่สะสมมานับพันปีพลันหลั่งไหลออกมา ตามด้วยแรงกดดันและการบีบบังคับอันแข็งแกร่ง ซึ่งมากกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้เสียอีก!

และยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ที่ผสมอยู่ในนั้น!

กลิ่นคาวเลือดลอยออกมาจากริมฝีปากและซอกไรฟัน จนฉู่หลิวเยว่ต้องกล้ำกลืนมันลงไป

นางเริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ชุดเกราะแข็งแรงถูไถไปกับพื้นจนเกิดเสียงดังก๊องแก๊ง

ฉู่หลิวเยว่กัดฟันแน่น

นางรู้ว่าถ้าไม่มีชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงนี้ล่ะก็ นางคงจะตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนั่นไปแล้ว!

นางเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเห็นจวินจิ่วชิงที่ยังคงยืนอยู่กลางอากาศ รอบตัวเขาห้อมล้อมไปด้วยแสงสว่างเจิดจรัส!

เห็นได้ชัดว่าเขาดูรับมือกับมันได้สบายๆ กว่านางเสียอีก

หรือพูดอีกอย่างก็คือ เป็นเพราะพลังปราณและค่ายกลของนางอ่อนแอเกินไป นางจึงตกอยู่ในสภาพอันน่าอับอายเช่นนี้

“นังหนู เจ้ายังจะสู้ต่ออีกหรือ?” องค์ไท่จู่ถามอย่างเป็นห่วง

ด้วยระดับพลังปราณของนางในตอนนี้แล้ว หากต้องรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ ก็เกรงว่ามันจะยากเกินไป…

“แน่นอน!”

ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอดแล้วตอบกลับอย่างไว

และทันทีที่พูดจบ โล่สีดำก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง!

นางจ้องมองโล่สีดำตรงหน้าอย่างจริงจัง และพึมพำเบาๆ ว่า

“คราวนี้ข้าจะทำได้หรือไม่… ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ส่วนตัว: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

Status: Ongoing
กล่าวได้ว่าชีวิตของ ฉู่หลิวเยว่ นั้นช่างแสนอาภัพ แม้เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลฉู่แต่กลับเป็นผู้ที่มีชีพจรไร้สามารถ ไม่อาจฝึกพลังใดได้จึงทำให้ถูกคนรังแกมาตั้งแต่เล็ก แม้แต่องค์รัชายาทที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่เคยมาดูแลและคิดแต่จะถอนหมั้นกับนาง ชีวิตของฉู่หลิวเยว่คงดำเนินต่อไปเช่นนั้น หากน้องสาวคนดีของนางไม่ส่งนักฆ่ามาเพื่อสังหารนางทำให้ดวงวิญญาณแค้นของ ซั่งกวนเยว่ ได้เข้ามาครอบครองร่างนี้แทน คนไร้ค่าอย่างนั้นรึ นางที่เป็นอดีตองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้แตกฉานด้านการแพทย์และเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งแคว้นย่อมไม่อาจยอมรับคำสบประมาทนี้ได้จริงๆ! ในเมื่อพวกเขาล้วนดูถูกผู้อ่อนแอ นางก็จะแสดงให้เห็นว่าคนอ่อนแอผู้นี้แหละจะเหยียบพวกเขาให้จมดินได้อย่างไร! ควบคุมสัตว์เทพอสูร หลอมรวมพลัง เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาพิษ เพื่อยื้อชีวิตเหล่ามนุษย์และทวยเทพ! นางขอสาบาน นางจะทำให้คนที่เคยทรยศเหยียดหยามนางพวกนั้นได้รับกรรมอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าพันทวี! ตอนแรกทุกคนเตือนเขาว่า “ท่านหลีอ๋อง บุตรสาวที่ตระกูลฉู่ทอดทิ้งผู้นั้นไม่คู่ควรกับพระองค์!” ต่อมาทุกคนกลับเย้ยหยัน “องค์ชายผู้อ่อนแอ ไม่คู่ควรกับองค์หญิงลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท