ตอนที่ 286 สถานการณ์ของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ (1)
ในเวลาเดียวกัน
หน้าประตูมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
หลิวต้าลี่เอ่ยเสียงดัง “ฉันเป็นเพื่อนของฟางผิงจริงๆ พี่ชาย ให้ฉันเข้าไปเถอะ”
“งั้นนายให้ฟางผิงออกมารับ หรือจะต่อสายหาป้อมยาม…”
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องรบกวนเขาหรอก…”
ระหว่างที่พูดก็มีนักศึกษาบางส่วนเดินออกมา ลุงยามเห็นแบบนั้นจึงเอ่ยว่า “ตอนนี้พากันแยกย้ายออกมาแล้ว นายโทรหาฟางผิงได้เลย เขาน่าจะมีเวลาแล้ว”
“ฉัน…”
แม่งเหอะ!
แยกย้ายแล้ว ฉันยังต้องเข้าไปอีกทำไม
ยิ่งไปกว่านั้นโทรหาฟางผิง เจ้าหมอนั่นเรียกคนมาอัดเขาจะทำยังไง?
หลิวต้าลี่เสียใจอยู่บ้าง ไม่คิดยุ่งวุ่นวายอีก หันหลังเดินไป ครั้งนี้พลาดแล้ว ครั้งหน้ามีโอกาสค่อยมาใหม่
น่าเสียดายที่มาไม่ทัน
—
หลิวต้าลี่จากไปอย่างเสียดาย กลับไม่รู้ว่าฟางผิงที่ไม่รู้ว่าเขามาอาจจะเสียดายยิ่งกว่า
หมอนี่ใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วหรือไง นึกไม่ถึงว่าจะกล้าส่งตัวเองมาถึงหน้าประตู!
น่าเสียดายที่ไม่ได้เจอ
ตอนนี้ฟางผิงเข้าสู่ขั้นสี่แล้ว ขาดแคลนเงินอย่างหนัก เห็นใครก็แทบจะใช้ดาบจี้ ฉินเฟิ่งชิงที่บริสุทธิ์ยังเป็นแพะรับบาปไปด้วยเลย หลิวต้าลี่เป็นคนที่ฉวยผลประโยชน์ไปจากฟางผิงอย่างแท้จริงกลับไม่ได้เจอกัน หากเจอก็คงต้องตายสถานเดียวเท่านั้น
—
การประชุมใหญ่ของทั้งมหาวิทยาลัยสิ้นสุดลง
ฟางผิงไม่ได้รีบไปที่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ในทันที อย่าได้แสดงท่าทีเหมือนรอคอยไม่ไหวจะดีกว่า ยังไงก็เป็นช่วงเวลาที่ทิ้งบาดแผลให้กับพวกจางอวี่
เขาไปถึงสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ในช่วงบ่าย
ตอนนี้จางอวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย สภาพสะบักสะบอมก่อนหน้านี้หายไปแล้ว
พูดถึงเรื่องการวางตัว จางอวี่ยังคงเผยท่าทีเช่นเดิม
เห็นฟางผิง จางอวี่ก็พยักหน้าเล็กน้อย พวกคนที่อยู่ด้านข้างเผยแววตาซับซ้อนอยู่บ้าง
ไม่ได้พิธีรีตองมากมาย จางอวี่เอ่ยขึ้นทันที “นายไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เท่าไหร่ ฉันจะเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้นายฟังก่อน นายจะได้พอเข้าใจ”
“รบกวนประธานแล้ว”
“ไม่เป็นไร สมาคมผู้ฝึกยุทธ์…หลังจากนี้ต้องรบกวนนายแล้ว”
น้ำเสียงของจางอวี่ซับซ้อนอยู่บ้าง ก่อนจะฟื้นฟูรอยยิ้มขึ้นมา “สมาคมผู้ฝึกยุทธ์เซี่ยงไฮ้มีประธานหนึ่งคน รองประธานสี่คน รวมเป็นห้าคน ตอนนี้รองประธานทั้งสี่คือฉินเฟิ่งชิง เซี่ยเหล่ย เฉินเหวินหลง เหลียงเฟิงหวา”
“รุ่นพี่เหลียงก็เป็นรองประธาน?”
ฟางผิงแปลกใจอยู่บ้าง จางอวี่พยักหน้า “ก่อนหน้านี้มีรองประธานหลายคน เป็นนักศึกษารุ่นก่อนทั้งหมด หลังเรียนจบก็ออกจากตำแหน่งไป เหลียงเฟิงหวาทะลวงขั้นสี่แล้ว ดังนั้นจึงรับตำแหน่งรองประธาน ตอนนี้รองประธานทั้งสี่อยู่ขั้นสี่ทั้งหมด ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้รวมฉันและนายแล้วมีทั้งหมดเก้าคน…”
“น้อยขนาดนี้เลย?”
ฟางผิงตะลึงไปเล็กน้อย รองประธานสี่คน รวมกับเขาและจางอวี่ นี่เป็นหกคนแล้ว นั่นหมายความว่าที่เหลืออยู่มีอีกสามคน?
จางอวี่ถอนหายใจเบาๆ “ตอนนี้รุ่นของเซี่ยเหล่ย มีแค่เขาคนเดียวที่ทะลวงถึงขั้นสี่ รุ่นของพวกนายก็มีแค่นาย รุ่นของพวกฉันมีเจ็ดคน อันที่จริงไม่นับว่าน้อยจนเกินไป แต่ก่อนหน้านี้ยังมีหลายคน…น่าเสียดายที่การเดินทางเข้าถ้ำครั้งก่อน…”
การเดินทางเข้าถ้ำครั้งก่อน นักศึกษาขั้นสี่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ตายในสนามรบไปสองสามคน รุ่นของจางอวี่เสียไปสองคน
ไม่งั้นเปิดเทอมใหม่ นับรวมขั้นสี่อีกสองคนก็ไม่ถือว่าน้อยแล้ว
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปอย่างหนานเจียงนั้น หวังจินหยางเป็นกรณีพิเศษ หลายมหาวิทยาลัยไม่มีแม้แต่นักศึกษาขั้นสี่ด้วยซ้ำ
จางอวี่ไม่พูดมากอีก เอ่ยต่อว่า “นอกจากรองประธานพวกนั้น สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ยังแบ่งเป็นหกฝ่าย ฝ่ายสำนักงาน ฝ่ายกิจการภายนอก ฝ่ายกิจการภายใน ฝ่ายการเงิน ฝ่ายตรวจสอบ ฝ่ายรับนักศึกษา…”
“เดี๋ยวก่อน!”
ฟางผิงแทรกบทสนทนา “ฝ่ายรับนักศึกษา?”
จางอวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อืม เรื่องรับนักศึกษา อันที่จริงเป็นความรับผิดชอบของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ร่วมกับอาจารย์ของมหาวิทยาลัย รวมถึงการกำหนดมาตรฐานด้วย เป็นหน้าที่ของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ที่กำหนดมาตรฐานแล้วส่งต่อให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบ หลังจากนั้นเรื่องการรับนักศึกษาก็จะอยู่ในความรับผิดชอบของสมาคม”
ฟางผิงตกตะลึง เรื่องรับนักศึกษายังปล่อยให้สมาคมรับผิดชอบ?
เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ฉินเฟิ่งชิงเคยบอกว่าเซี่ยเหล่ยวิ่งวุ่นอยู่กับการรับนักศึกษา ฟางผิงยังคิดว่าเซี่ยเหล่ยไปช่วยพวกอาจารย์ ตอนนี้มาคิดดูแล้ว อาจารย์น่าจะจัดการร่วมกับสมาคมผู้ฝึกยุทธ์สินะ!
งั้นผู้มีอำนาจของมหาวิทยาลัยรับผิดชอบอะไรกัน?
ครุ่นคิดอย่างละเอียดดู เหมือนว่าจะรับผิดชอบทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!
แน่นอนว่าเรื่องใหญ่ต้องเป็นการตัดสินใจของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว แม้จะพูดว่าสมาคมผู้ฝึกยุทธ์รับหน้าที่กำหนดมาตรฐานรับนักศึกษา แต่ก็ต้องได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยก่อนอยู่ดี
จางอวี่เอ่ยต่อ “โจวเหยียนเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการภายนอก ทั้งรับตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานด้วยเหมือนกัน”
โจวเหยียนที่อยู่ด้านข้างไม่พูดไม่จา พอได้ยินจางอวี่แนะนำตัวเองค่อยเอ่ยขึ้นว่า “ฉันขึ้นปีสี่แล้ว ฉันจะลาออกจากตำแหน่งในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์”
ฟางผิงเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รุ่นพี่โจวจำเป็นด้วยหรือไง? ผมเพิ่งจะมา พี่ก็จะไปซะแล้ว…”
“ฉันจะไปฝึกประสบการณ์ในบริษัท กลัวว่าจะไม่มีเวลาอยู่ในสมาคมและจัดการเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ” โจวเหยียน
ฟางผิงแค่นยิ้ม “งั้นขอให้รุ่นพี่โจวโชคดี”
จางอวี่ถอนหายใจเบาๆ เปลี่ยนตัวนายก็ต้องเปลี่ยนลูกน้องเป็นธรรมดา โจวเหยียนรับหลายตำแหน่งจึงมีข่าวลือว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว…กับจางอวี่
ตอนนี้ลาออกจากตำแหน่งไม่ใช่เพราะโมโหเพียงอย่างเดียว แต่ยังดีกว่าการที่ถูกฟางผิงเตะออกมาเป็นไหนๆ
ฟางผิงเห็นเธอยืนกรานแบบนั้นก็ผลักเรือตามน้ำ อวยพรออกไปตรงๆ
จางอวี่ไม่สนใจเรื่องนี้ เอ่ยต่อว่า “สำนักงานรับผิบชอบภาระงานภายในของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ รวมถึงการเปิดสมาคม การประชุมในวันปกติ…ฝ่ายกิจการภายนอกรับผิดชอบภาระงานภายนอกของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ อย่างเช่นจัดการแข่งขันบางอย่าง จัดการแลกเปลี่ยนความรู้ จัดการแลกเปลี่ยนนักศึกษา รวมถึงติดต่อกับนักศึกษาที่จบการศึกษาไปแล้วของเซี่ยงไฮ้ รวมถึงมอบโอกาสให้นักศึกษาฝึกงาน…”
“ฝ่ายรับนักศึกษาฉันคงไม่จำเป็นต้องพูดมาก ฝ่ายการเงินหลักๆ จะรับผิดชอบบริหารกิจการบางส่วนที่อยู่ภายใต้ความดูแลของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อันที่จริงมหาวิทยาลัยก็มีฝ่ายรับผิดชอบเรื่องนี้เช่นกัน หลักๆ พวกเราจะดูแลร่วมกัน อีกอย่างก็คือการมอบสวัสดิการให้สมาชิกสมาคมบางส่วน ฝ่ายตรวจสอบรับผิดชอบปรับปรุงแก้ไขบรรยากาศของมหาวิทยาลัย รวมถึงส่งคนไปลาดตระเวนในวันปกติ เรื่องเฝ้ายามก็อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายตรวจสอบเช่นกัน ส่วนฝ่ายกิจการภายใน…”
พูดถึงฝ่ายกิจการภายใน จางอวี่ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “ฝ่ายกิจการภายในเป็นแค่คำเรียกอย่างหนึ่ง อันที่จริงควรจะเรียกว่าฝ่ายภารกิจถ้ำใต้ดิน ฝ่ายกิจการภายในมีสมาชิกน้อย ฉันและรองประธานไม่กี่คนรวมอยู่ในนี้ด้วย ออกไปทำภารกิจบางอย่างในถ้ำใต้ดิน พามือใหม่เข้าไปในถ้ำใต้ดิน…นายจะเข้าใจว่าเป็นกองกำลังของสมาคมก็ได้”
ฟางผิงเข้าใจ ถามว่า “เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทั้งหมด?”
“ไม่เสมอไป ขั้นสามตอนปลายสามารถยื่นคำร้องเข้าร่วมได้ บางครั้งออกทำภารกิจเป็นทีม สามารถรวมทีมนักศึกษาที่แข็งแกร่งปฏิบัติร่วมกันได้”
จางอวี่พูดจบก็ลังเลเล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยต่อ “ฝ่ายกิจการภายในของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ประธานสามารถบังคับสมาชิกให้เข้าร่วมภารกิจบางอย่างได้ แน่นอนว่าต้องได้รับความยินยอมจากคนส่วนใหญ่ด้วย ฟางผิง นายควบคุมสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ฉันหวังว่านายจะไม่ส่งทุกคนไปตาย”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รุ่นพี่จางกังวลเกินไปแล้ว ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
“นั่นย่อมดีที่สุด ยังไงเป้าหมายสุดท้ายของทุกคนก็คือกำจัดปัญหาของถ้ำใต้ดิน”
แนะนำองค์ประกอบหลักๆ ของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์แล้ว จางอวี่ก็เริ่มพาฟางผิงขึ้นตึกไปสำรวจ
ระหว่างทางเดินผ่านสมาชิกสมาคมบางส่วน พวกเขาต่างจมดิ่งในความเงียบ มองทั้งสองส่งมอบงานด้วยแววตาที่ซับซ้อน
—
รอจนมาถึงห้องทำงานของประธาน ฟางผิงจำต้องตกตะลึง หรูหราชะมัด!
บอกว่าเป็นห้องทำงาน แต่ขนาดนั้นใหญ่กว่าที่คิดอยู่บ้าง
โซนทำงาน โซนรับแขก ห้องนอน ห้องฝึกวิชา ห้องน้ำ มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งสถานที่ยังกว้างขวางอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าจางอวี่อยู่ที่นี่เป็นประจำ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันมีอย่างครบครัน
ห้องทำงานถูกจัดเก็บอย่างสะอาดสะอ้าน เห็นโจวเหยียนเผยท่าทีอาลัยอาวรณ์ ฟางผิงเดาว่าผู้หญิงคนนี้อาจเป็นคนช่วยเก็บกวาด ผู้ชายแมนๆ อย่างจางอวี่ ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จะมีเวลาว่างมาเก็บกวาดทำเรื่องพวกนี้ได้ยังไง
สำรวจห้องทำงานคร่าวๆ แล้ว จางอวี่ก็พาฟางผิงมาเดินเล่นที่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ต่อ
สมาคมผู้ฝึกยุทธ์นั้นใหญ่อย่างมาก!
ที่นี่ไม่ใช่ตึกเดี่ยวๆ แต่เป็นกลุ่มอาคารใหญ่
รวมถึงสนามประลอง ห้องฝึกวิชา และห้องทำงานหลายแห่ง
เดินดูรอบๆ ก็ใช้เวลาไปไม่น้อยแล้ว หากพูดให้เห็นภาพหน่อย สำนักงานของสมาคมผิงหยวนก็อยู่ในอาณาเขตของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เช่นกัน
เดินดูสิ่งเหล่านี้แล้ว โจวเหยียนจึงมอบเอกสารจำนวนหนึ่งให้ฟางผิง
เป็นเอกสารง่ายๆ มีทั้งหมดสามฉบับ
———————–
ตอนที่ 282 เด็กที่ร้องไห้เป็นถึงจะมีนมกิน (2)
ฟางผิงเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “ผมแค่ถามไปเท่านั้น”
“คิดเรื่องพวกนี้ให้น้อยๆ หน่อย เธอสนใจชิงตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หรือเปล่า?”
“ต้องทิ้งสมาคมผิงหยวนใช่ไหมครับ?”
“ไม่จำเป็น”
“งั้นต้องสนใจอยู่แล้ว”
ฟางผิงหัวเราะว่า “แค่เอาชนะจางอวี่ได้ก็เพียงพอแล้วใช่หรือเปล่า?”
“เอาชนะจางอวี่ต้องหาจังหวะที่เหมาะสมก่อน ฉันจะให้หลี่ฉางเซิงเสนอกับมหาวิทยาลัย”
“แล้วทางเฉินเหวินหลง…”
“เฉินเหวินหลงใกล้ขึ้นปีสี่แล้ว ตอนนี้ก็ฝึกอยู่ในหน่วยทหาร เขาคงไม่เข้ามาข้องเกี่ยวหรอก”
ฟางผิงพยักหน้า เอ่ยอย่างฮึกเหิมว่า “งั้นไม่มีปัญหา รอผมปรับตัวสักสองวัน ผมจะไปท้าประลองจางอวี่”
“ยังไม่ต้องรีบ รอพวกอู๋ขุยซานกลับมาก่อน เรียกนักศึกษาให้กลับมาล่วงหน้า รอเขารับช่วงต่องานของอธิการแล้ว เธอค่อยไปประกาศต่อหน้านักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยว่าจะท้าประลองกับจางอวี่!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยใบหน้าขื่นขม “แบบนั้นจะหักหน้าไปหรือเปล่าครับ? ปรมาจารย์หลายคนอยู่ตรงนั้น ผม…”
หลู่เฟิ่งโหรวตำหนิว่า “กลัวอะไร พวกเขาลงมือกับเธอได้หรือไง? ขอแค่เธอได้รับการยอมรับจากพวกนักศึกษา ทำให้พวกอาจารย์ได้เห็นถึงความสามารถ อู๋ขุยซานก็ไม่กล้าต่อต้านเสียงส่วนใหญ่เช่นกัน เขาคุมอำนาจในเซี่ยงไฮ้ครั้งแรก สิ่งที่ต้องการก็คือการสนับสนุนจากทุกคน”
พูดจบ หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อว่า “เธอเข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลางสามารถฝึกเคล็ดวิชาระดับสูงได้แล้ว อีกอย่างจนถึงตอนนี้จวงกงก็สามารถฝึกลึกลงไปอีกได้ จะฝึกวิชาเคลื่อนที่ในอากาศหรือจะวิชาเสริมสร้างร่างกาย เธอคิดเอาเอง…”
“เคลื่อนที่ในอากาศ!”
ฟางผิงไม่ลังเลสักนิด หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมล่ะ? ฝึกวิชาเสริมสร้างร่างกายจะมีประโยชน์กับพลังต่อสู้เธอมากกว่า”
หากเป็นก่อนหน้านี้ฟางผิงคงคิดว่าวิชาเสริมสร้างร่างกายนั้นดีกว่า
แต่ตอนนี้เขาสามารถเพิ่มปราณได้ ปราณเพิ่มขึ้น พื้นฐานร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น งั้นฝึกฝนด้านร่างกายจึงกลายเป็นสิ่งที่จะมีหรือไม่มีก็ได้
ขอแค่ค่าทรัพย์สินเพียงพอ ฟางผิงคิดว่าพื้นฐานร่างกายของเขานั้นทำถึงขั้นแข็งแกร่งเทียบกับร่างทองได้
เวลานี้ต้องเลือกฝึกเคลื่อนที่ในอากาศที่เท่ระเบิดมากกว่า
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องที่เท่อย่างเดียว
ฝึกเคลื่อนที่ในอากาศ แม้จะวิ่งก็สะดวกเช่นกัน
ตอนนี้ถึงฟางผิงจะแตะเท้าในอากาศได้ แต่ก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เหยียบได้ไม่สูงมาก แรงโน้มถ่วงของโลกยังส่งผลกระทบค่อนข้างมาก ไม่นานก็ทำให้เขาร่วงลงพื้น
แต่ถ้าฝึกเคลื่อนไหวในอากาศสำเร็จ ปราณของเขาเพียงพอ นั่นก็สามารถเหาะเหินในอากาศได้จริงๆ แล้ว
ถึงเวลานั้นยอดฝีมือที่ไม่ได้ฝึกเคลื่อนไหวในอากาศแทบไม่อาจต่อยตีเขาได้
แม้จะฝึกฝนมา วิ่งหนีกลางอากาศได้ หากปราณอีกฝ่ายไม่เข้มข้นพอ โอกาสไล่ตามฟางผิงทันก็มีน้อยเช่นกัน
เดินเหินบนอากาศไม่ได้เร็วกว่าบนพื้นโลกเสมอไป แต่ประเด็นหลักอยู่ที่ความสะดวก
หากตอนแรกฟางผิงฝึกฝนการเคลื่อนที่ในอากาศ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกที่ไล่ตามฆ่าเขาคนนั้นก็อาจจะไล่ตามเขาไม่ทันเสมอไป
แม้บนพื้นโลกจะวิ่งไล่ทัน ฟางผิงก็สามารถเลือกหนีไปในที่ที่มีสิ่งกีดขวางได้ หรือจะเหมือนก่อนหน้านี้ ในสถานการณ์ที่ค่าทรัพย์สินมากพอ เขาสามารถทำให้ขั้นหกคนนั้นปราณหมดเกลี้ยงได้เช่นกัน
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดมากอะไร เอ่ยว่า “งั้นเธอไว้ค่อยไปหาฉันละกัน วิชาเคลื่อนที่ในอากาศฉันสอนเธอได้ อีกอย่างเลือกเคล็ดวิชาระดับสูงมาสักอย่างสองอย่างด้วย…”
“อาจารย์ครับ เคล็ดวิชาระดับสูงและระดับกลางมีความแตกต่างเยอะหรือเปล่า?”
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกแล้วว่าการฝึกเคล็ดวิชาอยู่ที่ความสามารถในการควบคุม ไม่ใช่อยู่ที่ระดับขั้นสูงหรือต่ำ”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อ “แน่นอนว่าระดับสูงและระดับกลางมีความแตกต่างอยู่แล้ว อันที่จริงสรุปออกมาก็มีลักษณะพิเศษสองอย่าง อย่างแรก โจมตีโดยการปลดปล่อยปราณ!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยแววตาวูบไหวเล็กน้อย “เทียบได้กับการโจมตีระยะไกล ไม่ใช่การต่อสู้ประชิดตัวเพียงอย่างเดียวแล้ว?”
“เธอจะเข้าใจแบบนั้นก็ได้”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อ “อย่างที่สอง พลังทะลวง!”
“พลังทะลวง?”
ฟางผิงเผยสีหน้าสงสัย หลู่เฟิ่งโหรวเดินไปพลางเอ่ยไปพลาง “ตอนที่เธอประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามสัมผัสไม่ได้หรือยังไง? พวกเธอต่อสู้กัน ส่วนมากจะเป็นการโจมตีภายนอก บางคนทะลวงผิวหนังของเธอไม่ได้ แต่ใช้หมัดสั่นสะเทือนบดขยี้หัวใจเธอได้? เคล็ดวิชาระดับสูง ส่วนมากจะเป็นการใช้พลังทะลวงพวกนี้ แน่นอน เธอสามารถเข้าใจว่าเป็นพลังสั่นสะเทือนได้ หรือจะให้ชัดเจนอีกหน่อย เธอสามารถมองเป็นวิชาตีวัวข้ามภูเขา[1]ได้ เวลานั้นผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถปล่อยปราณออกมาข้างนอก ทะลวงจนแตะถึงเงื่อนไขพื้นฐาน เธอชกออกไปหนึ่งหมัด พลังปราณจะทะลวงผ่านผิวเข้าไประเบิดภายในร่างกายของเขา…”
“งั้นก่อนหน้านี้ผมเจอกับผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำขั้นสี่ ทำไมไม่เห็นมีผู้ฝึกยุทธ์ประเภทนี้…”
“อย่างแรกที่เธอเจอเป็นผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำระดับกลาง ปกติไม่ได้ฝึกเคล็ดวิชาขั้นสูง ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไม่ได้มีสิทธิ์ฝึกวิชาทุกคน อย่างที่สอง ฝึกฝนยังไม่ถึงขั้นชำนาญ จึงไม่สามารถก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บจากพลังทะลวงได้ อย่างที่สามตอนแรกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกที่ไล่ฆ่าเธอคนนั้น อันที่จริงเคยฝึกเคล็ดวิชาระดับสูงมาแล้ว แต่เธอมีเกราะหนังป้องกัน รวมทั้งอวัยวะภายในแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ทั้งเขาฝึกฝนไม่ลึกล้ำพอ ดังนั้นจึงไม่ได้สั่นสะเทือนอวัยวะภายในของเธอจนแตกกระจุย แต่เธอไม่รู้สึกเลยหรือไง ครั้งนั้นอวัยวะภายในของเธอบาดเจ็บอย่างหนัก? แต่เขาใช้พลังปราณไม่สูงพอ อาจจะอยู่ในช่วงที่ปิดผนึกประตูซานเจียว ไม่สะดวกที่จะลงมือเต็มกำลัง”
ฟางผิงเผยสีหน้างุนงง “ช่วงปิดผนึกประตูซานเจียว?”
“ใช่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกจะค้นพบว่าภายในร่างกายมีประตูสามบาน อันที่จริงจิงชี่เฉินของพวกเราไหลออกไปอย่างไม่ขาดสาย เวลานี้สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือปิดผนึกประตูสามบาน ให้จิงชี่เฉินเข้าได้แต่ออกไม่ได้ เพิ่มความแข็งแกร่งร่างกายด้วยตัวเอง แต่ว่าช่วงที่เธอปิดผนึกประตูสามบาน เมื่อลงมือเต็มกำลัง ประตูที่ปิดผนึกจะมีช่องโหว่ทันที แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับฝีมือของเธอด้วย ในสถานการณ์ปกติ แม้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกจะอยู่ในช่วงที่ปิดผนึกประตูสามบาน แต่ขั้นหกฆ่าขั้นสามก็ทำได้ง่ายๆ อยู่ดี ทำได้แค่พูดว่าอีกฝ่ายไร้ฝีมือ แน่นอนก็ไม่ขจัดความคิดที่ว่าเขายังห่างไกลจากการปิดผนึกอีกเล็กน้อยเท่านั้น ไม่อยากให้เธอมาถ่วงรั้งการฝึกวิชาของเขา…”
ฟางผิงแย้งทันที “ผมคิดว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย ประเด็นอยู่ที่ฝีมือผมก็ไม่อ่อนด้อยเหมือนกัน…”
ปฏิเสธความแข็งแกร่งของศัตรู นั่นเท่ากับปฏิเสธตัวเอง
ฟางผิงคิดว่าชายคิ้วบากคนนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าเขาแข็งแกร่งเหมือนกัน
หลู่เฟิ่งโหรวคร้านจะสนใจเขา เวลานี้เดินออกมาจากเขตทางใต้แล้ว เห็นฟางผิงยังตามตัวเอง หลู่เฟิ่งโหรวจึงโบกไม้โบกมือ “ยังตามฉันมาทำไมอีก? กลับไปปรับตัวให้คุ้นชินกับระดับใหม่ก่อน อาบน้ำอาบท่า กลิ่นเหม็นโชยออกมาแล้ว ค่อยมาวันหลัง!”
ฟางผิงรีบดมกลิ่นตัวเองทันที ไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไร!
เห็นหลู่เฟิ่งโหรวเดินตัวปลิว ฟางผิงรีบตะโกนทันที “อาจารย์ ผมทะลวงระดับกลางแล้ว คุณไม่ให้รางวัลหน่อยหรือไง?”
“ไปรับรางวัลหนึ่งพันคะแนนสำหรับระดับกลางที่มหาวิทยาลัย!”
“แล้วของอาจารย์ล่ะ?”
“ฉันไม่มีเงิน!”
ฟางผิงหงุดหงิดแทบตาย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดอย่างคุณมาพูดกับผมว่าจนไม่อายบ้างหรือไง?
“ให้สักหน่อยก็ยังดี!”
ฟางผิงวิ่งเหยาะๆ ไล่ตามตลอดทาง หากไม่จี้เอาจากหลู่เฟิ่งโหรว เขามักรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบยังไงไม่รู้ เหล่าหลู่ขี้เหนียวเกินไปแล้ว
ไล่ตามกว่าค่อนวัน แทบจะตามไปถึงหน้าประตูบ้านพักของหลู่เฟิ่งโหรว น่าจะทนฟางผิงไม่ได้แล้วจริงๆ หลู่เฟิ่งโหรวโยนขวดยาใบหนึ่งออกมา ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง ‘ปัง’ อย่างรวดเร็ว เป็นการบอกให้ฟางผิงรีบไสหัวไปเร็วๆ อย่างชัดเจน
ฟางผิงเปิดดู ชั่วขณะนั้นก็ดีใจจนแทบร้องไห้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ ในที่สุดก็ถอนขนมาจากเหล่าหลู่ได้!
“ยาฟื้นคืนชีวิต!”
แม้ว่าขวดใหญ่จะมีแค่เม็ดเดียว แต่ฟางผิงก็แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เด็กที่ร้องไห้เป็นถึงจะมีนมกินจริงๆ
หากตัวเองไม่ไล่ตามถึงหน้าประตู คงไม่ได้ยาเม็ดนี้กลับมาแล้ว?
ยาฟื้นคืนชีวิต ต้องใช้สองร้อยคะแนนถึงแลกได้
ทั้งของสิ่งนี้ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในได้แบบเห็นผลทันตา ให้ประสิทธิภาพสูง
ก่อนหน้านี้ฟางผิงได้มาหลายเม็ดเช่นกัน ปรากฏว่าในถ้ำใต้ดินได้รับบาดเจ็บติดต่อกัน สุดท้ายจึงใช้ไปหมดเกลี้ยง
“ของดีชัดๆ วันหลังต้องตามมาถึงหน้าประตูบ่อยๆ แล้ว”
ฟางผิงถือยาบำรุงด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
ค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากว่าสี่ล้านเช่นกัน รวมเป็นยี่สิบกว่าล้าน
“ใช่สิ มหาวิทยาลัยยังมีรางวัลให้หนึ่งพันคะแนน นี่เป็นเรื่องสำคัญ ลืมไม่ได้เชียว!”
ฟางผิงกลัวว่าตัวเองจะลืม ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร หมุนตัววิ่งไปทางฝ่ายบริการทันที
———————
[1]วิชาตีวัวข้ามภูเขา เป็นเคล็ดวิชาที่ใช้ฝ่ามือโจมตีในระยะไกลได้