ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 290-2 ชีวิตมีขึ้นมีลง (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 290 ชีวิตมีขึ้นมีลง (2)

“เรื่องที่สอง ขึ้นชื่อว่าเป็นนักศึกษาใหม่ นอกจากพวกนายต้องฝึกศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังต้องเรียนวิชาทั่วไป รวมถึงต้องทำคุณูปการช่วยเหลือมหาวิทยาลัยด้วย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์และไม่เอาการเอางาน ช่วยเหลือยังไง? ง่ายๆ หลังจากนี้งานทำความสะอาด วิ่งเต้นเรื่องต่างๆ ของมหาวิทยาลัยจะอยู่ในความรับผิดชอบของนักศึกษาใหม่ พนักงานผู้รับหน้าที่ก่อนหน้านี้จะถูกถอดออกเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของมหาวิทยาลัย”

“เรื่องที่สาม ตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไป มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะก่อตั้งคลาสหัวกะทิอย่างเป็นทางการ ไม่เหมือนคลาสฝึกพิเศษเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่เป็นคลาสหัวกะทิจริงๆ จะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไป สมาชิกคลาสหัวกะทิสามารถไม่ทำภารกิจในเรื่องที่สองได้ ทั้งจะได้คะแนนและอภิสิทธิ์ที่มากกว่า สมาชิกคลาสหัวกะทิจำกัดที่หนึ่งร้อยคน! พวกนายสามารถท้าประลอง แลกเปลี่ยนความรู้เพื่อช่วงชิงตำแหน่งของสมาชิกคลาสหัวกะทิได้ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะตั้งการจัดอันดับพลังต่อสู้ของนักศึกษาใหม่ขึ้นมา หนึ่งร้อยอันดับแรกก็คือสมาชิกคลาสหัวกะทิ ง่ายๆ แบบนี้แหละ”

“อีกอย่าง รุ่นนี้มีนักศึกษาทั้งหมดหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบหกคน ฉันไม่ชอบเลขนี้ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะดำเนินการคัดคนรั้งท้ายออก การจัดอันดับจะเปลี่ยนแปลงใหม่ทุกเดือน ผู้ที่ถูกจัดในอันดับสิบคนสุดท้ายสามครั้งติดต่อกัน ไม่ต้องรอถึงปีหน้าแล้ว ปีนี้ก็กลับบ้านไปได้เลย จำนวนเกือบสองพันคน นี่ถือเป็นรุ่นหนึ่งที่เยอะที่สุดในประวัติการณ์ ฉันหวังว่าจะคัดออกไปส่วนหนึ่งเพื่อประหยัดทรัพยากรให้มากขึ้นได้ หวังว่าพวกนายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง แม้ว่าจะคัดออกไม่กี่ครั้ง แต่ฉันคิดว่าตัวเลขหนึ่งพันแปดร้อยแปดสิบแปดนั้นไม่เลวเลย แน่นอนว่าตัวเลขนี้อาจต้องรอถึงปีหน้าเช่นกัน เรื่องที่สี่ ก่อนหน้านี้การเลือกอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นแบบเลือกทั้งสองฝ่าย นายเลือกอาจารย์ อาจารย์เลือกนาย แต่ว่ารุ่นนี้จะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไป ใครไม่ทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จะไม่จัดสรรอาจารย์ให้ เรียนเป็นคลาสรวม รอพวกนายกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ถึงจะมีสิทธิ์ไปเลือกอาจารย์!”

ด้านล่างเวทีมีความโกลาหลอยู่บ้าง

ไม่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ อาจารย์ก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเหมือนกันงั้นเหรอ?

พวกฟู่ชางติ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องนี้ฟางผิงไม่เคยพูดมาก่อน ทั้งไม่ได้แจ้งกับมหาวิทยาลัยด้วย

ฟางผิงกลับไม่สนใจเรื่องนี้ เหตุผลที่เป็นแบบนี้เพราะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

อาจารย์ระดับกลางในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีไม่ถึงสามร้อยคน

อาจารย์พวกนี้มีลูกศิษย์กันทุกคน มากสุดสิบกว่าคน น้อยสุดก็เจ็ดแปดคนแล้ว

นักศึกษาใหม่มีจำนวนเกือบสองพันคน มีอาจารย์ให้ทุกคนเลือกเยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน

“พรุ่งนี้จะทำการแบ่งสาขา เมื่อก่อนเลือกสาขาแล้ว จะมีโอกาสเลือกอาจารย์หนึ่งครั้ง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว แน่นอนว่านักศึกษาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สามารถเลือกอาจารย์ได้ เรื่องนี้จะพูดวันพรุ่งนี้อีกที”

“สุดท้ายอยากจะเตือนทุกคนอีกหนึ่งประโยค เวลาไม่เคยรอใคร พยายามช่วงชิงเวลาและโอกาสทั้งหมด อย่าให้ตัวเองต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”

ฟางผิงสนุกสนานกับการเป็นผู้นำอย่างยิ่ง ร่ำรี้ร่ำไรกว่าครึ่งชั่วโมง เวลานี้ค่อยประกาศแยกย้าย

ด้านพวกนักศึกษาใหม่ต่างเผยสีหน้าหนักอึ้ง

เปิดเทอมวันแรก พวกอาจารย์ยังไม่ปรากฏตัว พวกรุ่นพี่ก็อวดเบ่งอำนาจกับพวกเขาอย่างเต็มที่แล้ว

รอนักศึกษาใหม่ค่อยๆ แยกย้ายออกจากสนามไป ฟางผิงค่อยเอ่ยด้วยรอยยิ้มขึ้นมา “รู้สึกดีจริงๆ!”

ทุกคนพากันกลอกตา

หลิวเมิ่งเหยาอมยิ้มว่า “ประธาน เรื่องคลาสหัวกะทิและเรื่องที่เลือกอาจารย์ นายแจ้งกับมหาวิทยาลัยหรือยัง?”

“เคยพูดไปครั้งหนึ่งแล้ว มหาวิทยาลัยไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องสนใจพวกเขา”

ฟางผิงส่ายหัวว่า “การแข่งขันในเซี่ยงไฮ้ไม่ค่อยมีความกดดัน แม้ว่าฉันไม่อยากทุกคนลงถ้ำไปตาย แต่ความกดดันที่เหมาะสมควรจะมอบให้พวกเขาเหมือนกัน กำจัดพวกรั้งท้าย ต้องบังคับใช้อย่างถึงที่สุดเช่นกัน! เชือดไก่ให้ลิงดู เตะออกไปสอนเป็นบทเรียนให้ทุกคนสักหน่อย ตั้งการจัดอันดับก็เพื่อให้ทุกคนมีแรงกระตุ้นยิ่งขึ้น ส่วนคะแนนรางวัลมาจากไหน ฉันจะยื่นเรื่องขอมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่ง คะแนนที่หักจากนักศึกษาคนอื่นในครั้งนี้จะใช้กับตรงนี้เช่นกัน อีกอย่างหากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มีเหลือ สามารถนำมาสมทบส่วนหนึ่งได้”

“รุ่นของพวกเราปีก่อนพวกนายคงเห็นแล้ว คนจากคลาสฝึกพิเศษก้าวหน้าเร็วกว่าคนอื่น แต่คลาสฝึกพิเศษเป็นการเลือกตายตัว เข้าคลาสฝึกพิเศษแล้ว คนอื่นๆ หลังจากนี้ก็ไม่มีโอกาสอีก แต่คลาสหัวกะทิ ฉันอยากให้โอกาสเข้าร่วมกับทุกคน ขอแค่นายพยายาม นายมีพรสวรรค์ นายก็สามารถตามมาชนะทีหลังได้ ส่วนทรัพยากรฝึกวิชาต้องช่วงชิงเอง ฉันเตรียมเปิดระบบภารกิจให้นักศึกษาทุกคนแล้ว จะง่ายหรือยากให้ทุกคนเลือกได้ตามใจ รวมถึงระบบยืมคะแนน ฉันวางแผนจะไปยื่นขอโควต้ากับมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่งเช่นกัน มอบโอกาสให้ทุกคนแข็งแกร่งขึ้น ถ้าพวกเขายังคว้าโอกาสเองไม่ได้ คงโทษคนอื่นไม่ได้แล้ว”

ทุกคนต่างพยักหน้า อยากแข็งแกร่งขึ้น ทายาทผู้ฝึกยุทธ์รุ่นสองมีโอกาส ผู้ที่มีฐานะทางบ้านธรรมดาก็มีโอกาส ขึ้นอยู่ที่ตัวเองเท่านั้นว่าจะทำหรือไม่ทำ

ภารกิจง่ายๆ บางส่วน รวมถึงระบบกู้ยืม ฟางผิงค่อนข้างลำเอียงให้นักศึกษาที่ฐานะยากจนกว่าอยู่แล้ว

ฟางผิงพูดเรื่องพวกนี้คร่าวๆ ก่อนจะมองไปยังคนอื่น “พวกนายก็อย่าประมาทเหมือนกัน เป็นผู้นำไม่ได้หมายความว่าพวกเราแข็งแกร่งหรือเหนือกว่านักศึกษาใหม่พวกนี้อย่างแท้จริง หากถูกนักศึกษาใหม่ล้ำหน้า นั่นก็เป็นปัญหาของพวกเราแล้ว เหมือนฉัน ปีก่อนเป็นแค่นักศึกษาใหม่ ปีนี้กลับได้เป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์…”

ทุกคนไร้คำพูดจะโต้ตอบ นักศึกษาปีสามปีสี่หลายคนต่างจนใจอยู่บ้าง อย่าเอามาตรฐานของนายมาใช้กับทุกคนได้หรือเปล่า?

วันที่ 2 กันยายน นักศึกษาใหม่เริ่มการแบ่งสาขา

นักศึกษาใหม่ปี 2009 แข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนจริงๆ

ผู้ฝึกยุทธ์มีเกือบหนึ่งร้อยคน

รุ่นของฟางผิงมีแค่หกสิบคนเท่านั้น

ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง รวมถึงคนธรรมดาที่หลอมกระดูกสองครั้งมีทั้งหมดสิบสี่คน เยอะกว่ารุ่นที่แล้วเช่นกัน

ในนั้นนักศึกษาบางคนที่อยู่ในอันดับต้นๆ มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายอยู่หลายคน

แต่ปีก่อนส่วนมากเป็นขั้นหนึ่งตอนกลางเท่านั้น

“แข็งแกร่งขึ้นรุ่นแล้วรุ่นเล่าจริงๆ ตอนนี้พวกหนุ่มสาวนับวันก็เก่งขึ้นเรื่อยๆ!”

ชั้นบนสุดของตึกฝึกซ้อม ตอนที่ฟางผิงทำท่าถอนหายใจเหมือนคนแก่ อาจารย์ที่อยู่ด้านข้างหลายคน รวมถึงปรมาจารย์อีกสองคนต่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง

เจ้าเด็กนี่คิดว่าตัวเองเป็นอธิการบดีไปแล้วหรือไง

นายเพิ่งจะอายุกี่ปีเอง?

พูดแล้วก็แค่ปีสองเท่านั้น นักศึกษาใหม่บางคนยังอายุเยอะกว่าฟางผิงด้วยซ้ำ

ตอนนี้กลับยิ่งแล้วใหญ่ เขาเป็นฝ่ายทอดถอนหายใจซะเอง นี่จะให้อาจารย์ที่อยู่ด้านข้างรับได้ยังไงกัน

ถังเฟิงอดชำเลืองมองฟางผิงไม่ได้ ฟางผิงเอ่ยเบาๆ “ผมได้ยินว่าถังเหวิน นักศึกษาใหม่ที่ได้อันดับหนึ่งคนนั้นเป็นลูกสาวของอาจารย์คนไหนสักคนในมหาวิทยาลัย เพื่อไม่ให้อาจารย์ใช้หน้าที่หาผลโยชน์ให้กับตัวเอง ผมแนะนำให้ถังเหวินเข้าสาขาอื่น อย่าเข้าสาขายุทโธปกรณ์จะดีกว่า!”

“ฟางผิง!”

ถังเฟิงใบหน้าดำคล้ำ!

เจ้าเด็กนี้ยุ่งย่ามมาถึงฉันแล้ว!

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คณบดีถัง ผมไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใคร พูดตามตรง ไม่ให้เข้าสาขายุทโธปกรณ์ก็เพราะหวังดีต่อถังเหวิน สาขาสังคมใช้ได้ทีเดียว แต่ยุทโธปกรณ์นั้นอันตรายเกินไป”

“ไสหัวไปไกลๆ!”

ถังเฟิงด่ากราดออกมา แม่งเหอะ เจ้าเด็กนี้เป็นประธานที่แตกต่างกับจางอวี่อย่างสิ้นเชิง

ตอนแรกจางอวี่เป็นประธานแทบไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอะไรเลย

“เธอไม่ต้องฝึกวิชาหรือไง?”

ถังเฟิงถลึงตามองเขา เด็กนี้เอาแต่เดินเตร็ดเตร่ในมหาวิทยาลัยทั้งวัน ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ไม่รู้ยังจะคิดว่าเขาทะลวงขั้นหกสูงสุดแล้ว ติดอยู่ที่ช่วงคอขวดเท่านั้น

“เรื่องนี้คณบดีถังไม่จำเป็นต้องกังวล การฝึกวิชาขั้นสี่จะสำเร็จเร็วๆ นี้แหละครับ

ฟางผิงไม่รีบแม้แต่น้อย เขาไม่รีบจริงๆ ตอนนี้ความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างฮวบฮาบยังย่อยออกมาไม่หมดเลย ฝึกวิชาต่อได้ที่ไหนกัน รอผ่านไปช่วงหนึ่ง ย่อยความสามารถในตอนนี้แล้ว ค่อยคิดวิธีหลอมหัวใจยังไม่สาย

จงใจยั่วโมโหถังเฟิงแล้ว เวลานี้ฟางผิงค่อยจ้องหน้าจอด้วยใบหน้าสงสัย “อาจารย์ถัง ถังเหวินเป็นลูกสาวของคุณจริงเหรอครับ?”

ถังเฟิงเผยแววตาอันตรายขึ้นมา!

ตาเฒ่าหลี่เตะฟางผิงไปที เจ้าเด็กนี้จะหาเรื่องให้ได้ ไม่กลัวว่าถังเฟิงจะซ้อมตัวเองบ้างหรือไง?

ฟางผิงเอ่ยอย่างแห้งเหี่ยวว่า “ผมไม่ได้มีความหมายแบบนั้น อาจารย์ถังตัวสูงใหญ่น่าเกรงขาม ถังเหวินเพรียวบางร่างเล็ก คงจะเหมือนแม่ของเธอ นี่เป็นเรื่องดี หลังจากนี้ผมจะดูแลรุ่นน้องถังให้มากๆ…”

“ถ้าเธอกล้าแตะลูกสาวฉัน ฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ!”

ถังเฟิงแค่นเสียงออกมา นายวางแผนจะอัดลูกสาวล้างแค้นฉันสินะ?

เรื่องที่ฟางผิงอัดนักศึกษาหญิง ใครไม่รู้บ้าง!

ฟางผิงเผยสีหน้ากระอักกระอ่วน ดูพูดเข้า ผมไปพูดว่าจะอัดเธอตอนไหนกัน?

นี่ไม่ใช่หัวสิงโตกำลังใส่ร้ายฉันหรือไง!

———————

ตอนที่ 287 เป็นประธานเหนื่อยจริงๆ (2)

ผู้ฝึกยุทธ์สามระดับล่าง ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมที่ไม่ถึงขั้นสามตอนปลาย ปกติจะไม่รู้เรื่องของถ้ำใต้ดิน

คนพวกนี้ว่างอย่างกับอะไรดี

“นอกจากสี่ข้อที่พูดมา วิธีหาเงินยังมีอีกเยอะ ต้องดูแค่ว่าพวกเราจะยินดีหรือเปล่า! พวกเราเป็นใคร? สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของเซี่ยงไฮ้! กลุ่มนักศึกษาที่โดดเด่นที่สุดของเซี่ยงไฮ้ กลุ่มนักศึกษาแนวหน้าของทั่วโลก! อัจฉริยะกลุ่มหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะหงุดหงิดแค่เรื่องสวัสดิการนี้ได้? พวกเราไม่ต้องใช้จ่ายมากมาย แม้จะเป็นเรื่องการแข่งขันก็ให้คนอื่นลงมือไป ส่วนพวกเรา ทุกฤดูหาเวลาออกมาสักช่วงหนึ่ง รับหน้าที่ตรวจสอบและตัดสินเท่านั้น สมาชิกขั้นสามขั้นสี่ โลกข้างนอกนั่นใครไม่ถือเป็นผู้มีอำนาจบ้าง? พวกเรารับหน้าที่ตรวจสอบและตัดสิน เทียบกับให้ผู้ฝึกยุทธ์ปราณขั้นหนึ่งขั้นสองในพื้นที่นั้นคงดีกว่าไม่น้อย? ก่อนหน้านี้ฉันเห็นรายจ่ายในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เช่นกัน ทุกปีเรื่องแข่งขันแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยอื่น นึกไม่ถึงว่าจะเยอะขนาดนั้น ช่างน่าขำ ทุกอย่างต้องให้พวกเราเป็นคนตระเตรียมเอง บาดเจ็บยังไม่กล้าจะใช้ยารักษาเลยด้วยซ้ำ ทุกคน ยุคสมัยใหม่มาถึงแล้ว!”

“ผู้ฝึกยุทธ์ก็ต้องปรับตัวก้าวไปให้ทันสถานการณ์ ไม่งั้นพวกเราจะมีอะไรแตกต่างกับสำนัก? การแข่งขันแลกเปลี่ยนเผยแพร่ไปข้างนอกจะมีความหมายยังไง? คิดว่าตัวเองเป็นตัวตลก? น่าขำ! ตอนที่พวกเราเดินเหินบนอากาศ ผ่าเขาแยกทะเล ใครจะกล้ามองเราเป็นตัวตลก? มีเงิน มียาบำรุง ทุกคนถึงจะกล้าต่อสู้แข่งขันอย่างเต็มที่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองเข้าไปในถ้ำไม่ได้ แทนที่จะให้เก็บตัวฝึกวิชา แลกเปลี่ยนความรู้เยอะหน่อยยังจะเป็นประโยชน์กว่า รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าขั้นสามตอนปลายด้วย ไปถ้ำใต้ดินมีโอกาสตายสูง เวลานี้ฝึกปรือกับผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ นี่ถึงจะเป็นทางที่เหมาะสม การแข่งขันแลกเปลี่ยนความรู้หาผู้สนับสนุนสักหน่อย ก็แค่สวมเสื้อผ้ารองเท้าของคนอื่นไม่ใช่หรือไง? ไม่ได้ให้พวกนายทำอย่างอื่นที่น่าอายอะไร? กลัวว่าจะขายหน้า งั้นก็อย่าฝึกวิชาเลย ไม่เห็นความเป็นความตายอยู่ในสายตา กลับมาสนใจเรื่องนี้?”

ด้านล่างเวที

ทุกคนต่างซุบซิบถกประเด็นกัน

เรื่องนี้…ผลลัพธ์แทบไม่ต่างจากที่ฟางผิงไปถ่ายทำโฆษณาเล็กๆ นั่น

แต่จากที่ฟางผิงพูด น่าจะหาเงินได้อยู่แล้ว สวัสดิการของทุกคนจะเพิ่มมากขึ้นด้วย

อย่างต่ำที่สุด เดือนหนึ่งจะได้ยี่สิบคะแนน หนึ่งปีสองร้อยสี่สิบคะแนน เจ็ดล้านสองแสน!

หาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น เงินเจ็ดล้านสองแสน สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองก็ไม่ได้หาง่ายๆ เหมือนกัน

ปีก่อนหวังจินหยางยังไปฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดเพื่อเงินสามแสนอยู่เลย

หนึ่งเดือนยี่สิบคะแนนสามารถแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งเม็ด ในสถานการณ์ปกติ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองฝึกวิชา หนึ่งเดือนใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งเม็ดก็เพียงพอกับการฝึกแล้ว

แน่นอนว่าถ้าคุณอยากก้าวหน้าไวกว่านี้ นั่นคงไม่พอ แต่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ให้เป็นกรณีพิเศษ เท่ากับว่าได้มาฟรีๆ ยังคงดึงดูดใจไม่น้อย

บนเวที

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วิธีหาเงินมีนับไม่ถ้วน ตอนนี้ยังไม่พูดถึง แต่เรื่องสวัสดิการ ผลักดันตามคำพูดของฉันละกัน”

โจวเหยียนกัดฟัน ยังคงเอ่ยว่า “นายคนเดียวได้ห้าร้อยคะแนนต่อเดือน เยอะเกินไปแล้ว!”

ล้อกันเล่นหรือไง!

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง “รอฉันลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าทั้งสองฝ่ายแล้ว ก็เหลือแค่สามร้อยคะแนนเท่านั้น เยอะที่ไหนกัน? คนเก่งต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น จ่ายออกไปก็ต้องมีค่าตอบแทน ฉันควบตำแหน่งหัวหน้าสองฝ่ายต้องเยอะอยู่แล้ว เอาล่ะ ตกลงตามนี้แหละ ส่วนรุ่นพี่โจว ยังไงก็ต้องไปฝึกงานที่บริษัท ฉันคงไม่จัดสรรภารกิจให้เธอ สมาชิกขั้นสามทุกเดือนจะได้ห้าสิบ…”

“ฉันไม่เอา!”

“ดีเลย เธอไม่เอา งั้นก็ประหยัดได้อีกหน่อย”

ฟางผิงไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยังมีคนไม่เอาอีกหรือเปล่า?”

ทุกคนพากันเงียบกริบ

ฉินเฟิ่งชิงไม่พูดอะไรเช่นกัน โจวเหยียนสมองละลายไปกับน้ำแล้วหรือไง!

เขาเป็นรองประธาน เดือนหนึ่งจะได้สองร้อยคะแนน ได้มาฟรีๆ ตั้งหกล้าน ใครจะไปปฏิเสธ!

เงินหกล้าน เขาฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ในถ้ำคนหนึ่งยังหาเงินไม่ได้เยอะเท่านี้เลย ก่อนหน้านี้ที่จางอวี่รับตำแหน่ง ฉินเฟิ่งชิงแทบจำไม่ได้ว่าเขาทำงานฟรีๆ มานานเท่าไหร่แล้ว

“ในเมื่อไม่ใครคัดค้าน ไปกันที่เรื่องต่อไป”

ฟางผิงเอ่ยต่อ “เรื่องทรัพยากรคน สวัสดิการ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นอยู่ที่การพัฒนาความสามารถ! การพัฒนาของสามระดับล่าง พูดตามตรง ทางลัดมีไม่เยอะ อัดยาจะเร็วที่สุด ทั้งยังจำเป็นต้องใช้เงิน อีกอย่างคือการต่อสู้ในสถานการณ์จริงจะเป็นประโยชน์กับการฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ ฝึกฝนยังไง? หนึ่งคือไปประลองในการแข่งขันแลกเปลี่ยนแต่ละมหาวิทยาลัย ได้ทั้งเงินและการฝึกฝน”

“สองคือไปประลองการแข่งขันในแต่ละพื้นที่ เอาชนะทีมรบในพื้นที่พวกนั้น ได้ทั้งชื่อเสียงการฝึกฝนและเงิน สามคือไปปลดป้ายสำนัก ไล่ท้าประลองกับคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ ทำสำเร็จแล้ว พวกเราก็จะเปิดสาขาย่อย หากแพ้ก็เปลี่ยนเป็นที่ใหม่ สี่…”

“ประธานฟาง!”

จางอวี่เอ่ยอย่างปวดหัว “นายทำแบบนี้จะทำลายระเบียบโลกผู้ฝึกยุทธ์ให้วุ่นวายกันไปหมด”

ฟางผิงไม่คิดแบบนั้น “มาถึงเวลานี้แล้ว โลกผู้ฝึกยุทธ์เป็นสระน้ำนิ่ง จะรอให้โชคตรงมาจากฟากฟ้าหรือไง? นอนหลับฝันก็ไปถึงขั้นเก้าได้งั้นเหรอ? ต้องกวนให้เกิดความเคลื่อนไหวสักหน่อย ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร เกรงว่ารัฐบาลคงอยากจะเห็นเหมือนกัน ส่วนถ้ำใต้ดิน ฉันไม่แนะนำให้ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามตอนปลายลงไป มหาวิทยาลัยมีความคิดของมหาวิทยาลัย พวกเราก็มีความคิดของพวกเราเช่นกัน อย่าได้เอาแต่ฟังการจัดการของมหาวิทยาลัยอย่างเดียว ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามตอนปลาย เข้าไปถ้ำมีแต่อันตรายเท่านั้น ประโยชน์แทบมีเพียงเล็กน้อย พยายามฝึกวิชาให้ถึงขั้นสามตอนปลาย นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญของพวกเรา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายไปถ้ำใต้ดิน ฉันสนับสนุน เพราะถ้ำใต้ดินเป็นสถานที่ที่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วที่สุดจริงๆ”

“แน่นอนว่าเรื่องที่ฉันพูดพวกนี้ บางอย่างก็เป็นเรื่องที่ปีสูงมักคุยกัน ทุกคนรู้แก่ใจดี อีกอย่างตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ต้องเข้าร่วมการประเมิน ไม่มีการเข้าร่วมแล้วเป็นสมาชิกตลอดไปได้อีกแล้ว หรือจะให้มองเป็นงานราชการกัน? ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขึ้นไปไม่ต้องร่วมการประเมิน ต่ำกว่าขั้นสามตอนนี้ส่วนมากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตอนปลายและสูงสุด ให้เวลาพวกนายหนึ่งปี ไม่ถึงขั้นสาม ทั้งหมดต้องถูกไล่ออกจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ อย่าได้ขายหน้าให้ที่นี่อีก หลังจากนี้ทุกปีจะมีการประเมินหนึ่งครั้ง มหาวิทยาลัยที่กว้างใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้มีขั้นสามไม่ถึงหนึ่งร้อยคน ขายหน้าหรือเปล่าล่ะ! ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องพูดมาก รอฉันคิดเรื่องอื่นได้ค่อยมาเสริมอีกที”

หลายคนเผยสีหน้าหมดคำพูด สรุปแล้วเรื่องพวกนี้ยังเป็นแค่ส่วนเดียวสินะ?

งั้นหลังจากนี้เกรงว่าสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จะไม่สงบสุขอีกแล้ว

“เอาล่ะ แยกย้ายกันได้ ระดับหัวหน้าและผู้ฝึกยุทธ์สูงกว่าขั้นสามตอนปลายอยู่ก่อน”

ฟางผิงส่งคนออกไปแล้ว

รอคนบางตาลง ฟางผิงมองไปทางฉินเฟิ่งชิงและเซี่ยเหล่ย เอ่ยว่า “เซี่ยเหล่ย ฉินเฟิ่งชิง มีภารกิจหนึ่งให้พวกนายสองคน…”

ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่ลังเลทันที “ไม่ทำ!”

“งั้นก็ออกจากสมาคมไป ฉันไม่เลี้ยงคนที่ใช้การไม่ได้!”

เซี่ยเหล่ยไม่ได้โต้แย้ง เอ่ยว่า “ภารกิจอะไร?”

“ไปหาผู้สนับสนุน ปีนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก่อตั้งครบหกสิบปี เดิมทีฉันคิดจะจัดงาน แต่ตอนนี้อธิการของพวกเราสละชีพคงไม่จัดแล้ว แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ผลิตยอดฝีมือออกไปมากขนาดนี้ สนับสนุนการก่อสร้างมหาวิทยาลัยเล็กน้อยคงไม่เป็นปัญหา พวกนายสองคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ มีคุณสมบัติเป็นตัวแทนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ แยกกันเคลื่อนไหว เกณฑ์ของปรมาจารย์ไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน ระดับกลางไม่ต่ำกว่าสิบล้าน ส่วนต่ำกว่าขั้นสาม…ดูสถานการณ์ละกัน หากมากหน่อยก็สี่ห้าล้าน ไม่ได้ก็แล้วไป รวบรวมได้เยอะ พันล้านหรือหมื่นล้านยังอาจมีหวัง แต่กลัวว่านายสองคนจะเอ่ยปากไม่ออก ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะส่งผู้ช่วยมาให้พวกนาย พวกนายรับหน้าที่ออกหน้าพอ หากรวบรวมได้หมื่นล้านจริงๆ สมาชิกขั้นสามของพวกเรามีเพิ่มขึ้น นี่ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกับอนาคตของมหาวิทยาลัย”

“อีกอย่าง กิจการใหญ่ๆ บางส่วนในสังคมทั่วไป ไม่จำเป็นต้องจบจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พวกนายก็ต้องไปเหมือนกัน ไปแล้วบอกว่าพวกเขาเป็นศิษย์เก่า หากคนเขาไม่เปิดปากโต้แย้งก็แล้วไป แต่ถ้าโต้แย้งออกมา ก็บอกไปว่าจำผิด แล้วค่อยกลับไปมอบใบรับรองการศึกษาของศิษย์เก่ากิตติมศักดิ์ให้ ภารกิจพวกนายสองคนคือเรื่องนี้ หาผู้สนับสนุนได้ไม่ถึงพันล้านก็อย่ากลับมา!”

ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “งั้นพวกเราจะได้ประโยชน์อะไร?”

“กลับมาแล้ว ได้ผู้สนับสนุนเยอะ ต้องมีประโยชน์อยู่แล้ว หากได้น้อยเอาอะไรมาได้ประโยชน์กัน!”

ฟางผิงสบถ ก่อนจะมองไปยังคนอื่นๆ “ภารกิจของพวกนาย อย่างแรกต้อนรับนักศึกษาใหม่ อย่าลืมพูดเรื่องการจัดสรรหอพักที่ฉันบอกก่อนหน้านี้ แพร่เผยทุกอย่างให้ชัดเจน อีกอย่าง ถ่ายรูปด้วย หอพักรวม หาหอพักข้างนอกสักสองสามแห่งแล้วถ่ายรูป ส่วนหอพักส่วนตัวก็ถ่ายของพวกเรา…”

ทุกคนเหนื่อยใจอย่างหนัก นายไม่อายบ้างหรือไง?

“อย่างที่สอง เตรียมพร้อมกับการแข่งขันแลกเปลี่ยนของนักศึกษาใหม่ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น หรือจะไม่เรียกว่าการแข่งขันแลกเปลี่ยนนักศึกษาใหม่ แต่เป็นการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วประเทศ”

“อย่างที่สาม โรงฝึกศิลปะการต่อสู้จะเปิดแล้ว ต้องรับนักเรียนภายนอก”

ฟางผิงถอนหายใจ “เหมือนจะมีแค่นี้แหละ ใช่สิ เฉินอวิ๋นซี ฟู่ชางติ่ง พวกนายสองคนอย่าลืมเรื่องของสมาคมหยวนผิง แบ่งงานให้สมาชิกด้วย อย่างเช่นจะสอนอะไรในคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ รับนักศึกษาใหม่มาบางส่วน ตั้งคลาสส่งของขึ้นมาอีก ไม่ต้องใช้คนเยอะเกินไป เรื่องเยอะอะไรขนาดนี้ แยกย้ายกันเถอะ เป็นประธานนี่เหนื่อยชะมัด”

ได้ยินเขาบ่น ทุกคนยังคิดจะแขวะเขาสักหน่อย!

เขาเหนื่อยอะไร?

จางอวี่เป็นประธาน ไม่เอาเงินสักแดงเดียว นายเป็นประธาน รับตำแหน่งก็ให้เงินเดือนตัวเองสิบห้าล้านแล้ว ไม่กลัวว่าพวกอาจารย์จะมาหาเรื่องนายหรือไง

อาจารย์ในมหาวิทยาลัยบางคน ขั้นสี่ขั้นห้ายังไม่ได้เงินเดือนสูงขนาดนี้เลย!

ไม่สิ ขั้นหกยังอาจจะไม่ได้ด้วยซ้ำ!

ทั้งปีฟางผิงได้เกือบสองร้อยล้าน หากยึดตามเขา อาจารย์นับพัน เงินหลายล้านล้านยังไม่พอด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยคงต้องปิดกิจการแล้ว

——————-

———————————————-

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์ รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา ฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปี ผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง! หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่ เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้ แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้น แม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตาม เรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท