ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 294 การคาดคะเนของถ้ำใต้ดิน (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 294 การคาดคะเนของถ้ำใต้ดิน (1)

หลังจากเข้าคลาสสอนภาษาถ้ำใต้ดิน ฟางผิงก็เข้าใจเกี่ยวกับถ้ำใต้ดินอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง

“จากการประเมินและตรวจสอบหลายปีของพวกเรา โลกถ้ำใต้ดินน่าจะมองเป็นโลกระนาบวงกลมแห่งหนึ่งได้”

แม้ศาสตราจารย์เฒ่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา แต่ศึกษาภาษานั่นก็หมายความว่าต้องศึกษาทุกเรื่องของถ้ำใต้ดินถึงจะอ้างอิงสถานการณ์ของพวกเขาเพื่อหาความหมายแฝงของภาษาออกมาได้

ระหว่างที่พูดศาสตราจารย์เฒ่าก็วาดวงกลมบนกระดานดำ ก่อนจะวาดเงาภายนอกวงกลมบางส่วน

“ข้างนอกแผ่นดินวงกลมนี้เป็นทะเล ทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาไม่มีที่สิ้นสุด”

“ส่วนแผ่นดินวงกลมนี้ พื้นที่ขนาดใหญ่เท่าไหร่ไม่อาจประเมินค่าได้ เพราะทางเข้าถ้ำใต้ดินมีการเกิดขึ้นอย่างกระจัดกระจาย ไม่มีจุดอ้างอิงเท่าไหร่”

“แผ่นดินวงกลมวงด้านนอกกลับถูกแบ่งเป็นอีกพื้นที่หนึ่ง!”

ศาสตราจารย์เฒ่าวาดวงกลมขึ้นมาตรงกลางอีกวง เอ่ยด้วยแววตาลุกโชน “พื้นที่พวกนี้ อันที่จริงก็คือถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ ถ้ำใต้ดินปักกิ่ง ถ้ำใต้ดินเทียนหนาน…ที่พวกเราแบ่งกันตอนนี้ พวกเขาเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน ทั้งไม่เชื่อมต่อด้วยเช่นกัน หรือจะพูดว่าระหว่างพวกเขานั้นอาจจะมีช่วงว่างบางอย่างกั้นอยู่ แต่ว่าตรงกลางแผ่นดินยังมีพื้นที่ขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง พวกเราสมมติมันเป็นพื้นที่ส่วนกลาง เส้นทางที่เกี่ยวข้องกับถ้ำใต้ดินแต่ละแห่งอาจมีความเป็นไปได้ที่ปรากฏขึ้นมาจากพื้นที่ส่วนกลาง ก็หมายความว่าหากพวกเราคิดจะเดินจากอีกถ้ำใต้ดินหนึ่งไปยังอีกถ้ำใต้ดินหนึ่งโดยเดินจากทั้งสองทางนั้นทำไม่ได้ ทำได้แค่เดินเข้าไปในส่วนลึกจนถึงพื้นที่ส่วนกลาง เวลานี้บางทีพวกเราอาจจะสามารถผ่านพื้นที่ใจกลางไปยังทางเดินของถ้ำใต้ดินแห่งอื่นได้”

“พวกเรามักพูดว่ายอดฝีมือมาจากส่วนลึกของถ้ำใต้ดิน บางทีอาจมีโอกาสสูงที่เป็นยอดฝีมือของพื้นที่ส่วนกลาง”

ทุกคนฟังกันอย่างตั้งใจ เรื่องพวกนี้พวกเขาไม่ได้เข้าใจชัดเจนเท่าไหร่จริงๆ

เพราะถ้ำใต้ดินอันตรายเกินไป ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ใช่ปรมาจารย์ ทำได้เพียงเคลื่อนไหวอยู่รอบนอก เข้าไปลึกในถ้ำใต้ดินหมายความว่ามีโอกาสตายสูง แม้ว่าจะเป็นปรมาจารย์ยอดฝีมือ เข้าไปลึกในถ้ำหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน

หลายปีมานี้ไม่ใช่ว่ามนุษยชาติไม่เคยคิดจะเข้าไปลึกในถ้ำ แต่ทุกครั้งที่ลงไปลึกมักจะเผชิญกับอันตรายอย่างใหญ่หลวง

แม้จะเป็นยอดฝีมือขั้นเก้าเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำก็มีโอกาสสูงที่ไปไม่กลับเช่นกัน

ฟางผิงยกมือขึ้น รอศาสตราจารย์เฒ่าพยักหน้าจึงเอ่ยถามทันที “อาจารย์ครับ ผมสามารถเข้าใจได้ว่ามนุษย์ถ้ำที่พวกเราเจอในตอนนี้ ความจริงแล้วเป็นกลุ่มยากไร้ที่อยู่รอบนอกสุดของโลกถ้ำใต้ดินได้หรือเปล่าครับ? พวกเขาจู่โจมโลกเพราะอยากจะเปิดทางเดิน เนื่องจากไม่อาจเข้าสู่พื้นที่ส่วนกลางได้ ทั้งไม่ได้ยินยอมที่จะถูกปกครองจากส่วนกลางเลยหวังจะบุกเบิกโลกใหม่เพื่อเป็นทางหนีทีไล่หรือตั้งอาณานิคมของตัวเอง?”

ศาสตราจารย์เฒ่าเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “เป็นผู้ยากไร้หรือเปล่า เรื่องนี้ยังไม่มั่นใจ พื้นที่ส่วนกลางจะเจริญรุ่งเรืองกว่าและอุดมสมบูรณ์กว่าหรือไม่ เรื่องนี้ก็ยังไม่อาจยืนยันได้เช่นกัน รอยเท้าของมนุษย์ ตอนนี้ยังไม่สามารถเข้าไปลึกถึงพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งระหว่างรอบนอกและพื้นที่ส่วนกลาง อันที่จริงมีสิ่งที่กั้นกลางอยู่ นั่นเป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา วงด้านในที่ฉันวาด บางทีก็อาจจะเป็นเขตแดนที่แท้จริงของเทือกเขาลูกนี้ ปิดกั้นการเชื่อมต่อนอกและในออกจากกัน!”

“ภายในภูเขาลูกใหญ่เป็นที่อยู่ของสัตว์อสูรถ้ำที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน พวกเราคาดเดาว่าระหว่างด้านในและด้านนอกน่าจะมีเส้นทางปลอดภัยอยู่แห่งหนึ่ง แต่เส้นทางปลอดภัยนี้ถูกควมคุมโดยยอดฝีมือจากส่วนกลางอยู่ ยอดฝีมือขั้นเก้ามีไม่ใช่น้อยๆ ส่วนสาเหตุที่มนุษย์ถ้ำจู่โจมโลก หลายปีมานี้พวกเรามีการคาดการณ์หลายอย่าง ข้อแรกเหมือนที่เธอพูด พวกเขาหวังจะบุกเบิกโลกใหม่ขึ้นอีกแห่ง โลกใหม่ที่ปลอดภัย เทียบกับถ้ำใต้ดินแล้ว อันที่จริงโลกปลอดภัยกว่าเยอะ”

“อยู่ที่นี่ไม่มีสัตว์อสูรออกอาละวาด ไม่มีสถานที่อันตรายน่าหวาดกลัว อยู่ที่นี่ไม่ต้องกังวลจะถูกสัตว์อสูรโจมตีตลอดเวลา ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด แต่ว่า…เรื่องนี้ไม่เข้ากับสมมุติฐานเรื่องหลอมรวมถ้ำอยู่บ้าง เพราะยึดตามการคาดคะเนแล้ว หากทางเดินมีมากเกินไป ผลลัพธ์สุดท้ายนั้นอาจจะหลอมรวมซึ่งกันและกัน หากหลอมรวมแล้ว เรื่องความปลอดภัยก็คงฟังไม่ขึ้นอีก ข้อสอง เป็นการรุกรานทั่วไปเท่านั้น ค้นพบโลกใหม่ เห็นว่ามนุษย์ที่มาจากโลกอ่อนแอจึงคิดรุกรานก็เป็นความคิดปกติเช่นกัน ยังไงหลายปีก่อนหน้านี้ มนุษยชาติก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากจริงๆ ปรมาจารย์มีน้อยยิ่ง เวลานั้นหากสามารถเปิดทางเดินได้ โลกคงจะตกเป็นของพวกเขา ข้อสาม บนโลกอาจจะมีของบางอย่างที่มีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อพวกเขาอยู่”

ศาสตราจารย์เฒ่าเอ่ยอย่างลังเลเล็กน้อย “ใช่หรือไม่ใช่ ฉันไม่อาจวินิจฉัยออกมาได้ แต่ในความคิดของฉันสามข้อนี้มีโอกาสสูงมากกว่า เพราะถ้าเพื่อรุกรานหรือขยับขยาย ไม่มีความจำเป็นต้องเห็นคนแล้วฆ่าทันที แต่ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำฝ่าเข้ามาในโลกมนุษย์ได้แทบไม่มีความลังเล เห็นคนก็ฆ่าทันที พวกเขาแทบไม่มีกระทั่งความคิดจะจับเชลยศึก ฉันและเพื่อนที่อาวุโสพวกนั้นเคยมีการคาดคะเนที่ไม่มั่นใจนักเช่นกัน นั่นก็คือบนโลกมีของบางอย่างอยู่ เป็นของที่พวกเขามุ่งมั่นที่จะไขว่คว้าให้ได้ ฆ่าคนบางทีอาจเพื่อสังเวย ล้างบางชนพื้นเมืองจำนวนมากอาจเพราะเป็นเรื่องจำเป็น แน่นอนว่าตอนแรกอาจเห็นว่ามนุษยชาติฝีมือ่อนด้อย พวกเขาไม่เคยคิดเจรจาต่อรองกับพวกเรามาก่อน เป้าหมายก็คงเพื่อทำลายล้างมนุษยชาติ แต่พวกเขาประเมินความสามารถและฝีมือของมนุษย์ต่ำเกินไป รวมกับการพัฒนาอาวุธสมัยใหม่ ตอนแรกผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำบางส่วนบุกทะลวงทางเดิน อันที่จริงไม่ได้ถูกผู้ฝึกยุทธ์ฆ่า แต่ตายด้วยน้ำมือของเทคโนโลยี หลังจากนั้นมา…”

ศาสตราจารย์เฒ่าลังเลอีกครั้ง ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “หลังจากนั้นบางทีมนุษย์ถ้ำอาจเคยคิดวางแผนโจมตีแนวป้องกันมนุษยชาติจากภายใน ฉันคิดมาตลอดว่าผู้บุกเบิกลัทธินอกรีตในปัจจุบัน เวลานั้นอาจจะเป็นยอดฝีมือบางส่วนที่เคยเข้าไปในถ้ำใต้ดิน คนพวกนี้อาจจะอยู่ในถ้ำเมื่อปีนั้น เคยติดต่อกับเบื้องสูงของพวกถ้ำมาก่อน ถึงกระทั่งอาจเคยเจรจากัน บางทีพวกเขานั่นแหละถึงจะเป็นคนที่รู้เป้าหมายของพวกถ้ำใต้ดินอย่างแท้จริง แต่ผู้บุกเบิกลัทธินอกรีตพวกนี้ซ่อนตัวอยู่ลึกมาก”

ศาสตราจารย์เฒ่าเผยสีหน้าแทบดูไม่ได้ “ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตและผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ ตอนที่ยังไม่เปิดเผยความจริงอาจจะเป็นเหมือนกัน ไม่สามารถแยกแยะได้ คนพวกนี้บางทีอาจจะซ่อนตัวอยู่ข้างกายพวกเรา ถึงกระทั่งครองอยู่ในตำแหน่งสูง แต่เพราะฝีมืออ่อนด้อยเลยไม่กล้าโผล่ออกมา หรืออาจจะวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตที่พวกเราสังหาร รวมถึงพวกเบื้องบนของลัทธินอกรีต อันที่จริงเป็นพวกที่ไม่เคยเข้าถ้ำใต้ดิน เพิ่งมาเข้าลัทธินอกรีตตอนหลัง หรืออาจจะเป็นหมากที่ถูกพวกลัทธินอกรีตล้างสมองมา ตัวกลางที่แท้จริงพวกเราหาไม่เจอมาโดยตลอด”

เห็นว่าคำพูดนี้ทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน ศาสตราจารย์เฒ่าจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป แม้จะเป็นอย่างที่ฉันคาดเดาจริงๆ คนพวกนี้ก็มีจำนวนน้อย ทั้งไม่อาจเป็นผู้นำระดับสูงของมนุษย์ได้ เพราะผู้นำระดับสูงของมนุษย์นั้นผ่านการตรวจสอบมานับครั้งไม่ถ้วน ลัทธินอกรีตก็เกิดมาหลายปีแล้ว ผู้บุกเบิกในปีนั้นน่าจะอายุมากแล้ว ผู้นำของมนุษย์มักจะเลือกอายุช่วงวัยกลางคนซะส่วนมาก”

ศาสตราจารย์เฒ่าเห็นแบบนี้จึงหัวเราะอีกครั้ง เบี่ยงไปประเด็นอื่น “นอกจากสามข้อข้างบนแล้ว อันที่จริงยังมีอีกการคาดเดา นั่นก็คือตัวของโลกเอง!”

“ตัวของโลก?”

“ใช่ จักรวาลกว้างใหญ่ ดวงดาวมีมากมาย ดาวบริวาร ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์แทบจะนับไม่หวาดไม่ไหว แต่หลายปีนี้มีเพียงโลกเท่านั้นที่ตรวจสอบได้ว่ามีพลังงานหมุนเวียนอยู่ อันที่จริงเพียงพอที่จะอธิบายความพิเศษของโลกแล้ว แต่โลกของถ้ำใต้ดิน พวกเธอน่าจะเห็นแล้ว พวกเขาไม่มีดาวเคราะห์ ไม่มีดาวฤกษ์อะไรพวกนี้ โลกถ้ำใต้ดินมีโอกาสสูงที่ไม่จัดอยู่ในประเภทดวงดาว เพราะถ้ำใต้ดินกว้างเกินไป หากเป็นดาวจริงๆ มนุษยชาติเข้าไปอาจจะอาศัยอยู่ไม่ได้เพราะความแตกต่างของแรงโน้มถ่วง โลกสำหรับพวกถ้ำใต้ดินแล้ว บางทีอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่แตกต่างโดดเด่นออกไป”

———————

ตอนที่ 291 ยุ่งตัวเป็นเกลียว (1)

สุดท้ายก็ได้แค่แซวเล่นเท่านั้น การแบ่งสาขาที่ตึกฝึกซ้อมใกล้จะสิ้นสุดแล้ว

ถังเหวิน หลัวเซิง กู้หลงเฟย คนพวกนี้ฝีมือแข็งแกร่งจริงๆ ทั้งสามคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายทั้งสิ้น การแบ่งสาขาเป็นแค่เรื่องเล็ก ไม่มีใครกล้าหาเรื่องพวกเขาอยู่แล้ว

แน่นอนว่าคึกคักน้อยกว่าปีก่อนอยู่บ้าง

ปีก่อนฟางผิงและฟู่ชางติ่งเสียสละตัวเองเล่นละครเสียยกใหญ่

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลาย ฟางผิงไม่ได้สนใจมากมาย มองอยู่สักพักก็หันไปหาอู๋ขุยซาน “อธิการ ก่อนหน้านี้ผมยื่นคำร้องยกเลิกคำสั่งห้ามไป มหาวิทยาลัยยังไม่ อาจารย์หลู่เฟิ่งโหรวเป็นอาจารย์ของผม ทั้งถือเป็นกำลังหลักของมหาวิทยาลัยในตอนนี้ด้วย ถูกห้ามไม่ให้เข้าห้องคุมอานุภาพ ในสถานการณ์ที่ไม่มีความผิดแบบนี้ ผมคิดว่าพวกเราน่าจะพูดคุยกันสักหน่อย”

หลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ด้านข้างไม่ปริปากพูดอะไร ราวกับว่าไม่ได้ยินที่เขาพูด

อู๋ขุยซานไม่มากความเช่นกัน เอ่ยว่า “ใช้โอกาสที่ทุกคนอยู่ตรงนี้พูดคุยสักหน่อยแล้วกัน”

“เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ให้ตัดสินโดยการยกมือ ขั้นหกและสูงกว่าขั้นหกรวมถึงประธานสมาคมมีสิทธิ์โหวตได้”

ฟางผิงเผยรอยยิ้มเอ่ยรับบทสนทนาว่า “ผมว่าโหวตในกระดาษดีกว่า อธิการ ผมเตรียมอุปกรณ์มาเรียบร้อยแล้ว เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยแค่เขียนเครื่องหมายถูกก็พอแล้ว”

ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็ยกกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา ก่อนจะเริ่มแจกบัตรลงคะแนนให้พวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก

“ลำบากอาจารย์ทุกคนแล้ว แค่เขียนเครื่องหมายถูกก็พอครับ รบกวนด้วย”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม อู๋ขุยซานเห็นแบบนั้นก็ไม่พูดอีก

พวกหวงจิ่งไร้คำพูดอยู่บ้าง ฟางผิงเจ้าเด็กคนนี้เตรียมพร้อมอย่างไม่มีตกหล่น

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์สามคน ตอนนี้อยู่ในมหาวิทยาลัยสองคน

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดเจ็ดคน ตอนนี้อยู่ในมหาวิทยาลัยหกคน อีกหนึ่งคนนั่งรักษาการณ์ในถ้ำใต้ดิน

ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นหกสูงสุดลงไปมียี่สิบสองคน อยู่ตรงนี้สิบสี่คน รวมฟางผิงแล้ว มีทั้งหมดยี่สิบสามโหวต

นับฟางผิงกับหลู่เฟิ่งโหรว นี่เป็นสองโหวตแล้ว หากได้รับอีกสิบโหวต การยกเลิกก็จะถูกอนุมัติ

ทุกคนไม่ลังเลเช่นกัน รีบเขียนโหวตในบัตรลงคะแนนก่อนจะหย่อนลงไปในกล่อง ไม่นานก็สิ้นสุดลง

รอทุกคนเขียนกันเสร็จแล้ว ฟางผิงก็แกะกล่องออก ตรวจสอบดูเล็กน้อย หัวเราะว่า “เห็นด้วยสิบหกโหวต อธิการ จะตรวจสอบหรือเปล่าครับ?”

“ไม่จำเป็น”

อู๋ขุยซานไม่แปลกใจเช่นกัน ตอนนี้เกรงว่าคนส่วนใหญ่ต่างหวังให้เซี่ยงไฮ้สามารถมีปรมาจารย์อีกคนได้

ส่วนหลู่เฟิ่งโหรวจะบ้าคลั่งขึ้นมาหรือเปล่า ทุกคนคิดว่าตอนนี้มีความเป็นไปได้ไม่สูงเท่าไหร่

หากเมืองเทียนเหมินและเมืองตงขุยรวมเข้าด้วยกัน นั่นก็เท่ากับว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าสองคนแล้ว

แม้หลู่เฟิ่งโหรวจะบ้าคลั่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าโง่ เธอที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคิดจะล้างแค้นขั้นเก้าสองคน นอกจากตายแล้วก็คงไม่มีอย่างอื่นอีก

“ห้องคุมอานุภาพอนุมัติให้เข้าได้”

อู๋ขุยซานพูดขึ้นหนึ่งประโยค จู่ๆ ก็มองไปทางฟางผิง “ชั้นสองของห้องฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้มีข้อมูลความลับบางอย่างของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ รวมถึงแผนที่การกระจายแหล่งแร่ของถ้ำใต้ดินบางส่วน ฟางผิง ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ เธอเข้าไปดูได้ แต่ห้ามเผยแพร่ให้ใครทั้งนั้น! ไม่งั้นต้องใคร่ครวญให้ดี ยอดฝีมือระดับสูงสามคน เธอต้านไหวหรือเปล่า? อีกอย่าง ตำแหน่งแร่พลังงานนั้นมีอยู่แล้ว แต่อย่าไปดีกว่า ไปก็มีแต่ตาย! แหล่งแร่พลังงานมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงครองอาณาเขตอยู่ ขั้นหกสูงสุดไปก็มีแต่ตาย ขั้นหกสูงสุดบางคนอาจจะไม่คำนึงถึงสิ่งใด ดึงดันฝ่าเข้าไปรนทางที่ตายเอง ฟางผิง เข้าใจความหมายของฉันหรือเปล่า?”

ฟางผิงเข้าใจความหมายของเขาทันที เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “อธิการ ไม่อยู่แล้ว แม้ผมจะเห็นก็ไม่แพร่งพรายอย่างแน่นอน ปรมาจารย์ใหญ่สามคน ผมไม่กล้าทำเรื่องผิดต่อมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว”

หลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ด้านข้างเผยแววตาลึกล้ำ ชำเลืองมองทุกคน ไม่พูดอะไรอีก

“นอกจากนี้เรื่องของคลาสหัวกะทิและการจัดอันดับของนักศึกษาใหม่สามารถดำเนินการได้”

อู๋ขุยซานทราบเรื่องพวกนี้เช่นกัน ตอนนี้นับว่าให้คำตอบที่แน่นอนแล้ว ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “คัดพวกรั้งท้ายออกนั้น…ฉันคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้เวลาสามเดือน ทุกเดือนสิบคนสุดท้ายให้คัดออกไปเลย!”

หวงจิ่งเอ่ยทันที “สามเดือนนั้นเพราะมอบโอกาสให้พวกนักศึกษา เป้าหมายของพวกเราไม่ใช่เพื่อการคัดออก อธิการ สามเดือนฉันคิดว่าเหมาะสมแล้ว”

“ใช่แล้ว อธิการ อันที่จริงคัดคนรั้งท้ายออกไม่ได้สอดคล้องกับเกณฑ์การสอนของมหาวิทยาลัย หากไม่มอบโอกาสให้แม้แต่น้อย นั่นก็โหดร้ายเกินไปแล้ว”

“ฉันคิดว่าควรคัดออกไปเลย นักศึกษาใหม่รุ่นนี้เพิ่มขึ้นมากว่าร้อยคน แม้ว่าจะได้รับทุนบางส่วนจากปักกิ่งมา แต่ตอนนี้คนยังเยอะไปจริงๆ คัดออกหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”

“…”

พวกอาจารย์และคณบดีต่างทยอยพูดขึ้น

เวลานี้ฟางผิงไม่แทรกบทสนทนาอีกแล้ว มองอย่างเงียบๆ แทน

ตอนนี้สถานการณ์ของมหาวิทยาลัยวุ่นวายอยู่บ้าง

แม้อู๋ขุยซานจะเป็นยอดฝีมือร่างทองขั้นแปด แต่ตอนนี้ดูแล้ว ไม่มีความน่าเกรงขามเท่ากับอธิการเฒ่า คนที่สนับสนุนหวงจิ่งก็มีจำนวนไม่น้อย

ฟางผิงทำท่าราวกับเรื่องไม่เกี่ยวกับตัวเอง จ้องมองจอขนาดใหญ่ต่อ

ผ่านไปสักพัก จู่ๆ ฟางผิงก็หยิบไมโครโฟนขึ้นพูดว่า “นักศึกษาทั้งหมดฟังให้ดี โจมตีถังเหวิน กู้หลงเฟยและหลัวเซิง เอาชนะสามคนนี้ได้ ผู้ที่เข้าร่วมทุกคนจะได้รับรางวัลหนึ่งถึงสิบคะแนน พวกถังเหวินทั้งสามคนยืนหยัดไม่แพ้ในสามชั่วโมง จะได้รางวัลหนึ่งร้อยคะแนน! ผู้ที่แสดงความสามารถโดดเด่นจะได้สิทธิ์เลือกอาจารย์ขั้นหกก่อน รวมถึงคนที่ยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ด้วย! ตอนนี้เริ่มได้!”

สิ้นเสียงของฟางผิง ตึกฝึกซ้อมชั้นล่างๆ ก็วุ่นวายขึ้นมาทันที

ถังเฟิงใบหน้าดำคล้ำ ไม่สนใจจะโต้แย้งอะไรกับอธิการทั้งสองคนแล้ว กัดฟันว่า “ฟางผิง ทำเกินหน้าที่ไปแล้ว!”

พวกอธิการอยู่ที่นี่กันหมด ฟางผิงเห็นตัวเองเป็นผู้นำไปจริงๆ แล้วหรือไง?

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ถัง คุณไม่รู้สึกว่าการแบ่งสาขาปีนี้น่าเบื่อหรือไง? ปีก่อนพวกเราไม่ได้น่าเบื่อขนาดนี้ พวกนักศึกษาก็สงบสุขกันเกินไป เป็นเรื่องดีจริงๆ เหรอครับ? ตั้งคู่ต่อสู้ให้ทุกคนสักหน่อย มีเป้าหมาย นี่เป็นเรื่องดี คุณลองคิดดู รุ่นก่อนนั้นใครไม่อยากเอาชนะผมบ้าง? ไม่มีผม พวกจ้าวเหล่ยอาจจะไม่สามารถทะลวงขั้นสามได้เร็วขนาดนี้ เรื่องนี้อาจารย์ถังคงไม่ปฏิเสธหรอกนะครับ? ยิ่งไปกว่านั้นผมก็ช่วงชิงสิทธิพิเศษให้พวกรุ่นน้องถังเหมือนกัน หนึ่งร้อยคะแนน บางทีอาจารย์ถังอาจไม่สนใจ แค่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ตัวเองช่วงชิงมาได้จะให้ความรู้สึกประสบความสำเร็จมากกว่า หรืออาจารย์ถังคิดจะให้รุ่นน้องถังพึ่งพาอาศัยพ่อตลอด?”

หวงจิ่งเห็นถังเฟิงยังจะพูดอะไรสักอย่างเลยเอ่ยว่า “ทำตามความคิดของฟางผิงละกัน”

อู๋ขุยซานไม่ปฏิเสธเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วย

ฟางผิงส่งสายตาโอ้อวดให้ถังเฟิง ปรากฏว่าถังเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ตบเข้าที่ไหล่ของฟางผิงอย่างแรง

ยิ้มอย่างน่ากลัวว่า “พูดได้ดี แต่ครั้งหน้าฉันแนะนำให้เธอปรึกษามหาวิทยาลัยก่อนแล้วค่อยตัดสินใจจะดีที่สุด! ฟางผิง โทสะของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดนั้นน่ากลัวมากๆ เหมือนกัน!”

ฟางผิงทำหน้าจนใจ ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางหลู่เฟิ่งโหรวและหลี่ฉางเซิง ปรากฏว่าทั้งสองต่างไม่มีใครสนใจเขา

หลัวอี้ชวนที่เพิ่งจะรับตำแหน่งคณบดีสาขายุทธศาตร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ถังเฟิงพูดมีเหตุผลอยู่บ้าง ฟางผิง ครั้งนี้ควรจะปรึกษากันสักหน่อย…”

เจ้าเด็กนี่หรือไม่รู้ว่าหลัวเซิงเป็นลูกชายของเขากัน!

เมื่อก่อนอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ชอบส่งลูกๆ ไปเรียนต่างมหาวิทยาลัยมากกว่า

แต่ตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายลงแล้ว แทนที่จะส่งไปที่อื่น ให้รั้งตัวอยู่ที่มหาวิทยาลัยตัวเองจะดีกว่า

ฟางผิงไม่ทันได้ตระหนักถึงจุดนี้จริงๆ รู้ตัวตนที่แท้จริงของถังเหวินเพราะจ้าวเหล่ยเป็นคนบอกว่าเขารู้จัก

ส่วนหลัวเซิง เจ้าฟู่ชางติ่งแทบไม่สนใจเรื่องอะไร ไม่เคยเจอกับหลัวเซิงมาก่อนจริงๆ

ชั้นบนสุดของตึกฝึกซ้อม ฟางผิงถูกถังเฟิงตบไหล่แทบจะหลุด

ด้านล่างพวกถังเหวินก็หมดเรี่ยวหมดแรง ถูกไล่ตามจนไร้ทางหนีแล้วเช่นกัน

เรื่องแบ่งสาขาและแบ่งอาจารยของนักศึกษาใหม่ หลังจากนั้นฟางผิงก็ไม่ได้สอดมือยุ่งอีกแล้ว

วันแรกเพลิดเพลินอย่างเต็มที่แล้ว เขามีเวลาว่างมาสนใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน

การแบ่งสาขาสิ้นสุดลง ฟางผิงก็ส่งมอบเรื่องให้คนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จัดการ ก่อนจะเริ่มการฝึกวิชาของตัวเอง

จะฝึกวิชาต้องมีเงินเป็นอันดับแรก

ฟางผิงนั้นมีรางวัลหลายอย่างรอให้เขาเก็บเกี่ยวเช่นกัน

————————-

ตอนที่ 288 เหิมเกริมทำให้คนตายได้ (1)

การปฏิรูปของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ บอกว่าจะเริ่มก็เริ่มทันที!

ไม่นาน นักศึกษาปี 2009 ทั้งหมดก็ได้รับประกาศจากมหาวิทยาลัย…(แผนการแบ่งหอพักนักศึกษาใหม่ปี 2009)

ตอนที่แผนฉบับนี้ถูกเด็กนักศึกษาใหม่บางส่วนเผยแพร่ออกมาก็เกิดประเด็นร้อนขึ้นมาในสังคมชั่วพริบตา!

“หนึ่งปีห้าแสน นี่เซี่ยงไฮ้จะปล้นกันหรือไง!”

“ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสองมหาวิทยาลัยชื่อดัง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พยายามอย่างหนักที่จะขูดรีดขูดเนื้อจากการแบ่งหอพัก แทนที่จะทำแบบนั้น ให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนไม่ดีกว่าเหรอ!”

“อย่าหลงกลจ่ายเงินเข้าพักเลย คนโง่เท่านั้นที่จะเสียเงินห้าแสนเช่าหอพักหนึ่งปี!”

ในสังคมหลายคนต่างเรียกร้องนักศึกษาใหม่พวกนั้น อย่าได้เป็นคนโง่เด็ดขาด

เงินห้าแสนสามารถซื้อห้องในเมืองระดับที่สองได้ด้วยซ้ำ

แต่คนพวกนี้ประเมินกำลังใช้จ่ายของผู้ฝึกยุทธ์ต่ำเกินไป

ตอนที่คนบางส่วนเห็นหอพักรวมที่สกปรกพวกนั้น…ในความเป็นจริงศิษย์เก่าบางคนที่จบการศึกษาไปแล้วต่างออกมาตำหนิคนในอินเทอร์เน็ตว่าสร้างข่าวลือ หอพักรวมของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีสภาพแวดล้อมที่ดีเหมือนกัน เป็นเตียงเดี่ยวทั้งนั้น ไม่ได้เอาเตียงมาต่อกันอย่างที่เห็น!

แน่นอนว่านักศึกษาใหม่จะเชื่อหรือไม่เชื่อนั่นเป็นเรื่องของพวกเขา รูปภาพที่มหาวิทยาลัยส่งมา ยังจะเป็นเรื่องโกหกได้หรือไง?

ดังนั้นยังไม่ทันเปิดเรียน ฝ่ายรับนักศึกษาก็ได้รับคำถามมากมายจากผู้ปกครองแล้ว

นักศึกษาปี 2009 สองพันคน มาจากครอบครัวผู้ฝึกยุทธ์และนักธุรกิจกว่าครึ่งใหญ่

เงินห้าแสนจะว่าเยอะก็เยอะ แต่เพื่อให้ลูกหลานของตัวเองมีสภาพแวดล้อมที่พักดีๆ เหมาะสมกับการฝึกวิชา คนที่จ่ายเงินจึงมีจำนวนไม่น้อย

ไม่นานโควต้าสองร้อยห้องก็เต็มหมด!

แน่นอนว่าเต็มก็ไม่เป็นไร

ฟางผิงไม่คิดปฏิเสธใครอยู่แล้ว ไม่นานจึงให้คนไปเก็บกวาดหอพักบางส่วนที่ปิดไว้ เปิดให้ข้างนอกเช่าต่อ

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะขาดแคลนเรื่องไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องสถานที่อย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ที่ให้คนพวกนั้นอยู่หอพักรวม อันที่จริงเพราะอยากกระตุ้นทุกคน

แน่นอนว่าภายหลังก็ไม่ควบคุมเข้มงวดแล้ว

พวกอาจารย์ไม่ได้มีเป้าหมายในเรื่องนี้ พวกนักศึกษาไม่มีใจจะพัฒนา ก็จะเป็นแค่สระน้ำเรียบนิ่ง

บนอินเทอร์เน็ตหลายคนไม่ค่อยพอใจกับสถานการณ์ของเซี่ยงไฮ้ กรมสามัญศึกษาและกระทรวงการศึกษาของเซี่ยงไฮ้ต่างได้รับการร้องเรียน

แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ฟางผิงไม่สนใจแม้แต่น้อย

พวกอู๋ขุยซานและหวงจิ่งต่างก็ปิดปากเงียบ ปล่อยให้ฟางผิงทำตามเรื่องตามราวไป

ฟางผิงเพิ่งรับตำแหน่ง ตอนนี้เข้าไปแทรกแซงเรื่องของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

รอฟางผิงทำเละเทะจนไม่อาจเก็บกวาดได้แล้ว มีปรมาจารย์ออกหน้า ต่อให้ภายในมหาวิทยาลัยจะมีปัญหาแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ฟางผิงต้องถูกไล่ออกไปเช่นกัน กำลังจะเปิดภาคเรียน ทุกคนต่างมีเรื่องมากมายต้องจัดการ สมาคมผู้ฝึกยุทธ์แทบจะตกเป็นสิทธิ์ของฟางผิงคนเดียว

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้

“ฟางผิง หอพักมหาวิทยาลัยพวกนายแพงขนาดนี้เลยเหรอ น่าตกใจชะมัด!”

ในโทรศัพท์มีเสียงของน้องสาวลอบชมออกมา ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว แผนนโยบายนี้พี่เธอเป็นคนตั้งขึ้นเอง”

ฟางหยวนเงียบกริบไปทันที

ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยอย่างยากจะเชื่ออยู่บ้าง “นายเป็นคนตั้ง?”

“ใช่ ตอนนี้พี่เธอเป็นผู้นำของนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว รู้จักความหมายของผู้นำหรือเปล่า? สมาคมหยวนผิงอะไรนั่นของเธอแทบไม่มีอนาคตแม้แต่น้อย ตอนนี้ฉันกำลังควบคุมนักศึกษากว่าเจ็ดพัน ทั้งยังเกือบจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมด เทียบกับฉัน เธอจะอ่อนเกินไปแล้ว!”

ฟางผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงโอ้อวด เธอจะรวมเด็กผู้หญิงที่เป็นวรยุทธ์สามพันคนไม่ใช่หรือไง?

ดูเอาไว้ซะ!

อย่าพูดว่าไม่เป็นวรยุทธ์เลย ถ้าเป็นแล้วจะยังไง ตอนนี้พี่เธอควบคุมผู้ฝึกยุทธ์ตั้งเจ็ดพันคน ตกใจแล้วล่ะสิ!

“นาย…เพิ่งจะปีสองไม่ใช่หรือไง?”

“ปีสองแล้วทำไม?”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปีนี้มองที่ความสามารถเป็นหลัก พี่เธอแข็งแกร่ง ฉันเลยได้เป็นผู้ตัดสินใจ”

“งั้นนายเก็บค่าสมาชิกหรือเปล่า?” ฟางหยวนละล่ำละลักถาม “พี่ ผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกนายมีเงินขนาดนั้น คนหนึ่งเก็บหนึ่งหมื่น นั่นก็เป็นเจ็ดสิบล้านแล้ว หากเก็บหนึ่งแสน…”

ฟางหยวนราวกับตกตะลึงไป พึมพำว่า “เจ็ดร้อยล้าน! พี่ งั้นนายก็เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของหยางเฉิงแล้ว!”

“ปีหนึ่งเก็บหนึ่งครั้ง ผ่านไปหลายปีนายก็จะเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของรุ่ยหยาง ถึงกระทั่งหนานเจียงเลยด้วยซ้ำ!”

“พี่ นายจะหาเงินเก่งไปแล้ว!”

“เจ๋งจริงๆ”

“ฉันเก็บคนหนึ่งแค่สิบหยวนเท่านั้น หนึ่งปีได้แค่ห้าหมื่น…”

“เดี๋ยวก่อน!”

ฟางผิงตัดบท “เด็กน้อย ต้องเป็นสามหมื่นไม่ใช่หรือไง?”

“ฮ่าๆ อะไรล่ะ ก็แค่ประมาณไป…”

ฟางหยวนเอ่ยอย่างไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ รีบเบี่ยงไปประเด็นอื่น “พี่ งั้นค่าหอพัก นายได้ส่วนแบ่งคนเดียวเหรอ?”

“คิดอะไรอยู่ เงินก็เป็นของมหาวิทยาลัยสิ”

ฟางผิงเอ่ยอย่างขำขัน “แต่ตอนนี้พี่เธอได้บริหารคนแล้ว เดือนหนึ่งได้เงินเดือนสิบห้าล้าน…จุๆ นึกไม่ถึงล่ะสิ”

แบ่งปันเรื่องน่ายินดีกับน้องสาวแล้ว ไม่นานฟางผิงก็ถามว่า “เธอล่ะ หลอมกระดูกครั้งแรกหรือยัง?”

“ยังเลย” ฟางหยวนเสียงแผ่วลง “แต่ใกล้แล้ว ฉันรู้สึกอีกเดือนสองเดือนน่าจะได้แล้ว…”

“ยัยบื้อ!”

ฟางผิงด่าราวกับเจ็บใจที่น้องสาวไม่เป็นไปตามที่หวัง “ทำไมฉันถึงมีน้องสาวซื้อบื้ออย่างเธอนะ ตอนนี้ฉันอยู่ขั้นสี่ตอนกลาง ใกล้จะทะลวงขั้นห้าแล้ว เธอยังหลอมกระดูกครั้งแรกไม่สำเร็จเลย งั้นเดือนไหนปีไหนถึงจะหลอมกระดูกครั้งที่สองสำเร็จกัน? เมื่อไหร่ถึงจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์? เดี๋ยวฉันจะให้คนไปส่งยาบำรุงกับเธอ ครั้งหน้าฉันกลับไป ถ้าเธอยังไม่หลอมกระดูกครั้งแรก ฉันจะตัดขาเธอซะ!”

ฟางหยวนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง ฉันคิดว่าฉันเก่งมากแล้วเถอะ!

ตอนนี้กวาดเรียบทั่วหยางเฉิงจนไร้คู่ต่อสู้แล้ว

แต่พี่ก็เก่งจริงๆ ปีนขึ้นไปถึงตำแหน่งลูกพี่ใหญ่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว

หากเก็บค่าสมาชิกก็จะได้ไม่กี่สิบล้าน เทียบกับพี่แล้ว ตัวเองนั้นน่าอนาถจริงๆ

สองพี่น้องต่างแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นลูกพี่ใหญ่กัน ฟางผิงสั่งสอนน้องสาวอย่างใจเย็นอยู่ค่อนวัน

มีพี่ชายที่ยอดเยี่ยมอย่างเขา คนเป็นน้องไม่อาจทำขายหน้าได้

ไม่พูดถึงหนึ่งปีทะลวงสามสี่ขั้น ยังมีเวลาอีกตั้งสามปี ก่อนสอบเกาเข่าต้องหลอมกระดูกสองครั้งสำเร็จ ทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ให้ได้

หลานสาวของครอบครัวปรมาจารย์ ลูกของครอบครัวผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่ อันที่จริงไม่ได้มีความแตกต่างมากมาย ยังไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ทุกคนดูดซับยาบำรุงได้พอๆ กันเท่านั้น

ฟางผิงจัดสรรทรัพยากรให้ตลอด ฟางหยวนควรจะเป็นเหมือนลูกหลานของขั้นเจ็ดขั้นแปดขั้นเก้าพวกนั้นได้เช่นกัน ความเร็วเดียวกันถึงจะถูก

แน่นอนว่ายกเว้นยอดฝีมือที่ใช้หินพลังงานสร้างห้องเอาให้ทายาทฝึกวิชา คนประเภทที่มีหินพลังงานในบ้านนั้น ฟางผิงยังเทียบไม่ได้จริงๆ

หลายวันต่อมา หน้าที่ของประธานอย่างฟางผิงยุ่งวุ่นวายไม่น้อย

ด้านหนึ่งต้องดูแลสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ อีกด้านหนึ่งต้องจัดการสมาคมผิงหยวน

ทั้งเหล่าหวังยังโทรศัพท์มา มหาวิทยาลัยหนานเจียงสามารถร่วมมือบนแพลตฟอร์มได้ ทั้งสามารถมอบให้บริษัทฟางผิงมาให้บริการ แต่ว่าหนานเจียงต้องเข้ามาจัดการด้วย รวมถึงติดตามอำนาจความรับผิดชอบของฟางผิง

สำหรับเรื่องนี้ฟางผิงตอบรับอย่างว่องไว ถือโอกาสแจ้งด้วยว่า “พี่หวัง ผมขั้นสี่ตอนกลางแล้ว แต่ช่วงนี้พบว่าทะลวงขั้นสี่ตอนปลาย การหลอมหัวใจเป็นปัญหาอยู่บ้าง มีอะไรดีๆ แนะนำหรือเปล่า?”

หวังจินหยางที่อยู่ปลายสายเงียบไปเจ็ดแปดวินาที สุดท้ายค่อยเอ่ยอย่างแฝงไปด้วยความหมายว่า “ระดับขั้นสูงต่ำ อันที่จริงไม่ได้สำคัญอะไร พยายามให้มาก กลายเป็นยอดฝีมือในระดับเดียวกันดีกว่า!”

ฟางผิงเอ่ยไปตรงๆ “น่าจะพอได้ ตอนประลองกับจางอวี่ ผมคิดว่าใช้ห้าหกกระบวนท่าก็เพียงพอแล้ว”

“อืม ไม่เลว ก่อนหน้าฉันเคยเจอเขาครั้งหนึ่ง ใช้ไปสามกระบวนท่า”

“พี่หวังเก่งจริงๆ!”

ฟางผิงเอ่ยประจบ ก่อนจะพูดว่า “อันที่จริงผมใช้สามกระบวนท่าได้เหมือนกัน แต่อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ต้องไว้หน้าบ้าง…”

เหล่าหวังเอ่ยราวกับครุ่นคิดว่า “ฉันเพิ่งจะขั้นสี่สูงสุดเหมือนกัน ไม่อาจจะคิดเล็กคิดน้อยกับจางอวี่ได้ ฟางผิง มีเวลามาแลกเปลี่ยนความรู้กันหน่อยสิ?”

“ขั้นสี่สูงสุด งั้นรออีกหน่อยละกัน”

ฟางผิงตัดสายโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม วางแล้วก็ถุ้ยน้ำลาย เหล่าหวังหน้าไม่อายจริงๆ ขั้นสี่สูงสุดยังมีหน้ามาแลกเปลี่ยนความรู้กับตัวเอง ?

หารู้ไม่ว่าปลายสายอีกฝั่ง หวังจินหยางก็ด่าออกมาอย่างหาได้ยากเหมือนกัน!

ไอ้เด็กเวรนี้ ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแล้วสินะ แต่จะว่าไปแล้ว เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ของเขายังเป็นตัวเองที่ชี้แนะให้ ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะตามทันแล้ว แม่งน่าอายจริงๆ!

เหล่าหวังคิดว่าตัวเองขายหน้าเหลือเกิน หากถูกไล่ทันจริงๆ หน้าตาคงไม่มีเหลือแล้ว!

ลอบเปรียบเทียบตัวเองกับเหล่าหวังแล้ว ฟางผิงก็ไม่คิดถ่วงรั้งการฝึกวิชาของตัวเองอีก

หากเป็นคนอื่น ควบตำแหน่งประธานสองสมาคมรวมถึงบริษัทอีกแห่ง เกรงว่าคงไม่มีเวลาฝึกวิชาแล้ว แต่ฟางผิงกลับไม่มีความสะทกสะท้านแม้แต่น้อย

รอถึงวันที่ 31 สิงหาคม ความสามารถของฟางผิงก็พัฒนาขึ้นทุกวัน ระดับกลางนั้นมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

ทรัพย์สิน : 37,000,000

ปราณ : 1500 แคล (1620 แคล+)

จิตใจ : 400 เฮิรตซ์ (629 เฮิรตซ์+)

หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 29 ชิ้น (30%+)

ในห้องทำงานประธาน

ฟางผิงตรวจดูค่าปราณและจิตใจของตัวเอง

พึมพำว่า “ยังไม่ได้หลอมกะโหลก ตอนนี้ทิ้งไว้ก่อน ยังไม่มีเงินจริงๆ เรื่องปราณฉันคิดว่าแตะสองพันแคลคงไม่มีปัญหา อันที่จริงยังคงคุ้มค่า สามสิบแปดล้านก็เพียงพอแล้ว พลังจิตใจ…ไม่เคยเพิ่ม ไม่รู้ว่าจะเหมือนปราณหรือเปล่า ใช้ค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่นเพิ่มขึ้นแค่เล็กน้อย”

การเพิ่มพลังจิตใจยากกว่าการเพิ่มปราณเยอะเลย

ตอนแรกพลังจิตใจและปราณของฟางผิงไล่ตามกันมา แต่ตอนนี้ความแตกต่างมากขึ้นแล้ว

การเพิ่มปราณ สามารถเสริมสร้างด้วยพื้นฐานร่างกายได้

งั้นพลังจิตใจ ต้องเสริมสร้างอะไรกันแน่?

แกนสมอง?

จากที่หลู่เฟิ่งโหรวพูด แกนสมองของระดับสูงควบคู่กับหัวใจสามารถจำลองการถูกกดดันของพลังจิตใจจากระดับสูงได้ งั้นพลังจิตใจมาจากแกนสมองใช่หรือเปล่า?

แต่พวกนักวิทยาศาสตร์เคยทำการทดลอง ฝืนใจชำแหละแกนสมองและหัวใจของยอดฝีมือระดับสูง กลับไม่พบความพิเศษอะไร

ยังคงเป็นการรวมกลุ่มของพลังงาน!

แต่สองอย่างรวมเข้าด้วยกัน กลับจำลองการกดดันของพลังจิตใจออกมาได้

ตอนนี้ประเทศจีนยังวิจัยลึกลงไปอย่างไม่หยุดหย่อน แต่สถานการณ์ของยอดฝีมือระดับสูง ยากที่จะวิจัยผลลัพธ์ออกมาจริงๆ

——————-

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์ รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา ฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปี ผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง! หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่ เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้ แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้น แม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตาม เรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท