ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 301 เข้าถ้ำใต้ดินอีกครั้ง (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 301 เข้าถ้ำใต้ดินอีกครั้ง (1)

ทางเข้าถ้ำใต้ดิน

ผู้เฝ้าประตูไม่มีมาเพิ่มแล้ว ยังคงเหลือแค่คนเดียว ชายหน้าแผลเป็นไม่กลับมาอีกแล้ว

ฟางผิงเดินมาถึงตรงนี้ก็ลูบกำแพงโลหะผสม ไม่ได้พูดอะไร

เจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่วันนั้นชายหน้าแผลเป็นพูดกับฟางผิงด้วยรอยยิ้มว่า วันใดที่กำราบถ้ำใต้ดินได้แล้ว จะชำแหละห้องโลหะผสมนี้ออกกับฟางผิง ฟางผิงยังคงจำฝังใจ

“น่าเสียดาย คุณไม่มีโอกาสชำแหละห้องโลหะผสมนี้กับผมอีกแล้ว ถึงเวลานั้นผมจะกอบโกยคนเดียวละกัน”

บางครั้งกับคนบางคน แม้จะพบเจอกันเพียงหนึ่งครั้งก็อาจทำให้คุณจดจำไปตลอดชีวิต

ผู้เฝ้าประตูที่เหลือคนเดียวเห็นการกระทำของฟางผิงก็คล้ายกับนึกอะไรได้ แววตาแฝงไปด้วยความคะนึงหา

ไม่พูดอะไร ชายเฝ้าประตูหัวเราะว่า “ฟางผิง เมื่อไหร่จะมีเวลาไปรับถ่ายโฆษณาอีกล่ะ ถ่ายภาพยนตร์ก็ได้ โฆษณาก่อนหน้านี้ของเธอพวกเราดูจนเอียนแล้ว เปลี่ยนรูปแบบใหม่สักหน่อย…”

ฟางผิงทำหน้าจนใจ เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เห็นแล้วครับ เพิ่งจะผ่านห้องโถงใหญ่มา ไม่ใช่ว่าคุณลุงควรเสียค่าโฆษณาให้ผมสักหน่อยเหรอไง?”

“ไม่มีเงิน”

ผู้เฝ้าประตูปัดความรับผิดชอบทันที เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไปเถอะ พวกเธอระวังตัวด้วยละกัน”

ฉินเฟิ่งชิงทำสีหน้าสบายๆ ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย เดินไปก็เอ่ยไปพลาง “อยากรวยก็ต้องพึ่งถ้ำใต้ดิน มีอะไรให้กังวลกัน”

ผู้เฝ้าประตูหัวเราะ ส่ายหัวว่า “ก็ถูก ฉินเฟิ่งชิงเธอแทบจะมองถ้ำใต้ดินเป็นเครื่องกดเงินสดแล้ว”

“แน่อยู่แล้ว เดิมทีก็คือเครื่องกดเงินนั่นแหละ”

ฉินเฟิ่งชิงหัวเราะ เดินเข้าไปในห้องโลหะผสมพร้อมกับฟางผิง

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ทั้งสองคนก็เข้าสู่ลานกว้างของเมืองความหวัง

ครั้งนี้สวี่โม่ฟู่ไม่ได้ปรากฏตัว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สองคนไม่มีคุณสมบัติพอให้สวี่โม่ฟู่มารับด้วยตัวเอง

ด้านนอกห้องโลหะผสม มียอดฝีมือของหน่วยทหารเฝ้าระวังอยู่

เห็นทั้งสองคน ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม สองคนนี้มีชื่อเสียงในเมืองความหวังอยู่บ้าง

คนหนึ่งเข้าถ้ำใต้ดินครั้งแรกก็หนีตายจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกได้

อีกคนเข้าถ้ำใต้ดินอยู่เป็นประจำ ถูกไล่ฆ่าบ่อยๆ

แต่ตอนนี้หลายคนตายจากไป สองคนนี้กลับเข้าสู่ระดับกลางได้ จำต้องพูดว่าดวงแข็งจริงๆ

ฉินเฟิ่งชิงวางท่ารู้จักมักคุ้น เอ่ยว่า “เหล่าจาง ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ลองพูดให้ฉันฟังหน่อยสิ”

ผู้ฝึกยุทธ์ที่เฝ้าระวังคนนั้นมองเขาพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ฉันแซ่หลิว”

“อ้อ เหล่าหลิว ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

ฉินเฟิ่งชิงไม่ใส่ใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย คนเยอะขนาดนี้ ใครจะมีเวลาว่างมาจำชื่อทีละคนกัน

ฟางผิงไม่พูดอะไร เงยหน้ามองดวงอาทิตย์อัปลักษณ์ดวงใหญ่นั่น

แสร้งทำเป็นไม่รู้จักฉินเฟิ่งชิง เขาจะทำขายหน้าก็ปล่อยเขาไป ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน

ผู้ฝึกยุทธ์เฝ้าระวังไม่สนใจเรื่องนี้เช่นกัน หัวเราะว่า “เมืองเทียนเหมินถอนทัพออกไปแล้ว ช่วงนี้ไม่ได้รุกล้ำอีก แต่หน่วยลาดตระเวนรายงานว่าตอนนี้เมืองเทียนเหมินและเมืองตงขุยไปมาหาสู่กันอย่างแน่นแฟ้น จากการคาดคะเนของพวกแม่ทัพสวี่ ทั้งสองเมืองอาจจะร่วมมือกันต่อ ถึงกระทั่งหลอมรวมเข้าด้วยกัน ครั้งนี้เมืองเทียนเหมินสูญเสียอย่างหนัก ระดับสูงถูกฆ่าไปกว่าครึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับล่างบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนเช่นกัน ไม่มีกำลังจะบุกโจมตีเมืองความหวังอีกแล้ว ทั้งระยะห่างของสองเมืองยังใกล้กัน…”

ฉินเฟิ่งชิงฟังอยู่พักหนึ่งค่อยเอ่ยว่า “เมืองซีเฟิ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือมีความเคลื่อนไหวหรือเปล่า?”

“เมืองซีเฟิ่ง?”

ผู้ฝึกยุทธ์เฝ้าระวังครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนส่ายหัวว่า “ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ยังคงเหมือนเดิม คนของพวกเราไม่ค่อยไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้หน่วยทหารต่างให้ความสนใจกับทุกเมือง หากร่วมมือกัน พวกเราต้องสังเกตเห็นแน่”

“อ้อ”

ฉินเฟิ่งชิงไม่ถามต่อแล้ว สาวเท้าเข้าไปในเมืองทันที ฟางผิงรีบตามเข้าไป

“ไปไหน?”

“ไปห้องโถงภารกิจ”

ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างดูแคลน “ไอ้หนู นายยังใหม่กับที่นี่ เรียนรู้จากฉันให้มากๆ หน่อย มาเมืองความหวัง ต้องเข้าไปดูห้องโถงภารกิจสักครั้ง บางทีอาจจะกอบโกยผลประโยชน์นิดๆ หน่อยๆ ได้ บางครั้งหน่วยทหารและบริษัทใหญ่ของโลกข้างนอก รวมถึงบริษัทยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธอาจจะประกาศภารกิจบางอย่าง ล้วนเป็นภารกิจที่ส่งเงินให้ฟรีๆ ทั้งนั้น อย่างเช่นเก็บรวบรวมป้ายสถานะของผู้ฝึกยุทธ์ หรือรวบรวมเสื้อผ้าของมนุษย์ถ้ำ ก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อต้องการเข้าใจพวกถ้ำให้ละเอียดลึกซึ้งหรือเป็นความชอบโง่ๆ ทางด้านนี้ ยังไงก็เป็นเรื่องที่ส่งเงินให้ฟรีๆ อยู่แล้ว”

ฉินเฟิ่งชิงยากที่จะคว้าโอกาสได้ทัน โจมตีฟางผิงไปอย่างจังยกหนึ่ง

ฟางผิงหัวเราะไม่พูดอะไร ฟังไว้ไม่เสียหลาย

แต่…ฉินเฟิ่งชิงคอยดูเถอะ

บัญชีพวกนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกเอาคืนแน่

ห้องโถงภารกิจ

อยู่ที่นี่ไม่มีจอแสดงผล ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำได้แค่ตรวจสอบผ่านกระดานดำเท่านั้น

ตอนนี้ในห้องโถงภารกิจมีคนอยู่ไม่น้อย

ฟางผิงยังเห็นคนคุ้นเคยอยู่บ้าง เป็นอาจารย์หลายคนในมหาวิทยาลัย

เห็นฟางผิงและฉินเฟิ่งชิง อาจารย์พวกนั้นก็ยิ้มทักทาย สอบถามสถานการณ์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เล็กน้อย

ได้ยินว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้สิทธิ์ในการขยายฐานผลิตยาบำรุงและอาวุธภายในมหาวิทยาลัย พวกอาจารย์ก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

เรื่องนี้อันที่จริงยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดที่นั่งรักษาการณ์ในถ้ำคนนั้นรู้แล้วเช่นกัน แต่พวกเขาเพิ่งจะกลับมาจากนอกเมืองความหวัง ตอนนี้เลยไม่รู้เรื่องราวอะไร

พวกเขาแลกเปลี่ยนกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงจะตรวจสอบภารกิจบนกระดานดำ

“รับซื้อสมุนไพรต่างๆ จำนวนมาก ให้ราคาพิเศษ”

“รับซื้อหินพลังงานทุกระดับความบริสุทธิ์”

“รับซื้อหัวใจพลังงาน…”

“รับซื้อซากสัตว์ประหลาดทุกระดับขั้น…”

“รับซื้ออสูรทะเลเป็นๆ…”

ฟางผิงนึกไม่ถึงว่าจะเห็นภารกิจรับซื้อของร้านอาหาร มองอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยอย่างหมดคำพูด “ของพรรค์นี้มีคนกินจริงๆ งั้นเหรอ? ราคารับซื้อไม่ได้ถูกด้วย”

เขายังไม่ลืมเรื่องร้านอาหารของเมืองความหวังครั้งก่อน ราคาสูงลิ่วจนน่ากลัว

“นายไม่มีปัญญากิน ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเหมือนนาย”

ฉินเฟิ่งชิงดูแคลนต่อ ก่อนจะเอ่ยอย่างครุ่นคิด “รสชาติไม่เลวเลย อสูรทะเลให้รสชาติสดใหม่ แต่ไม่ได้จับกันง่ายๆ ในทะเลก็อันตราย ฉันเคยกินไม่เยอะ จะว่าไปแล้วนายรู้หรือเปล่าว่าอะไรในถ้ำใต้ดินอร่อยที่สุด?”

“อะไร?”

ฟางผิงยังไม่เคยกินสิ่งมีชีวิตของถ้ำใต้ดินมาก่อนจริงๆ

ตอนแรกเข้าไปในป่าราชันเจี่ยว เขาก็ไม่ได้กินอะไร พึ่งแต่ปราณเท่านั้น

“หนูแร่”

ฉินเฟิ่งชิงเลียริมฝีปาก ทำสีหน้าฟิน “หนูแร่นุ่มจริงๆ รสชาตินั้น…”

“นายกับหนูแร่มีเรื่องที่ทำให้ลืมไม่ลง?”

“ไสหัวไป!”

เฉินเฟิ่งชิงก่นด่าออกมา เพิ่งอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ด้านข้างก็มีคนแทรกบทสนทนาก่อน “ฉินเฟิ่งชิง นายเคยกินหนูแร่?”

ฉินเฟิ่งชิงทำสีหน้าโอหัง “แน่นอน!”

คนที่ถามเป็นชายวัยกลางคน ฟังจบจึงเลิกคิ้วว่า “หนูแร่จะเจอใกล้ๆ แร่พลังงานเท่านั้น นายไปจับหนูแร่ที่ไหนมา?”

ฉินเฟิ่งชิงมองเขาอย่างดูแคลน แค่นเสียงว่า “คิดว่าฉันโง่หรือไงถึงต้องบอกนาย คนของหน่วยทหารอยากให้ฉันรายงานฉันยังไม่บอกเลย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ได้พูด แต่จะให้บอกนาย? รอฉันทะลวงขั้นเจ็ด ไปขุดแร่ตรงๆ ยังดีกว่า ยังไงตอนนี้ก็มีแค่ฉันที่รู้ ไม่บอกใครหรอก!”

เขาไม่สนใจว่าจะถูกคนอื่นล่วงรู้หรือเปล่า ค้นเจอแร่พลังงานเป็นความสามารถของคุณเอง ประเด็นอยู่ที่ว่ามีความสามารถก็ไปขุดกลับมา

ไม่ขุดกลับมา นั่นก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ทั้งแร่พลังงานยังมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงวนเวียนอยู่ นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ทั่วกัน

อันที่จริงชายวัยกลางคนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉินเฟิ่งชิง นายโม้ไปเถอะ นายไปถึงแหล่งแร่พลังงานยังจะกลับมาได้หรือไง?”

“ช่วยไม่ได้ ดวงดีเกินไป”

ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าภาคภูมิใจ ก่อนจะไอแห้งๆ “พอเถอะ อย่ามาพูดวกไปวกมาหลอกฉันซะให้ยาก สิ่งมีชีวิตระดับสูงต้องมีอยู่แล้ว ฉันไม่กล้าเข้าไปลึก สำรวจรอบๆ ครั้งหนึ่งก็กลับมาแล้ว ยังไงฉันก็เคยกินหนูแร่ละกัน รสชาตินั้นฟินจริงๆ!”

หลายคนในห้องโถงต่างได้ยิน บางคนหลุดขำออกมา บางคนก็จงใจยั่วยุว่า “ฉินเฟิ่งชิงคุยโว พวกนายก็เชื่อ ไม่รู้ว่าไปฟังมาจากไหน แสร้งเหมือนซะจริงๆ”

“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่!”

ฉินเฟิ่งชิงไม่สนใจพวกเขา หันกลับไปมองกระดานภารกิจอีกครั้ง ก่อนจะสาวเท้าไปข้างนอก

รับภารกิจที่นี่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน ตรวจสอบว่าช่วงนี้ต้องการของอะไรเป็นพิเศษ ถือโอกาสพกกลับมาด้วยก็เพียงพอแล้ว

ออกจากห้องโถงภารกิจ ฟางผิงค่อยถามว่า “นายเจอแร่พลังงานจริงๆ เหรอ?”

“ทายดูสิ?”

“ทายปู่แกสิ ฉันรู้ที่ตั้งของแร่พลังงานเหมือนกัน รู้แค่สามแห่ง ประเด็นอยู่ที่ไม่มีความสามารถเอามาได้เท่านั้น”

อันที่จริงฟางผิงไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีแผนที่อยู่จริงๆ

ยอดฝีมือของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ค้นพบแหล่งแร่พลังงานสามแห่ง แต่อันตรายอย่างมาก

สองแห่งในนั้นต่างมีสิ่งมีชีวิตขั้นแปดครอบครองอาณาเขตอยู่ ส่วนสถานที่สุดท้ายถึงกระทั่งสงสัยว่าอาจเป็นระดับเก้า

ทั้งยังอยู่ลึกลงไปในถ้ำ ใกล้กับเทือกเขาใจกลางส่วนลึกทั้งหมด

แม้ฟางผิงจะรู้ก็ไม่เคยคิดรนหาที่ตาย

แต่ว่า…ฉินเฟิ่งชิง เจ้าหมอนี่ตกลงวิ่งโร่ไปที่ไหนมาบ้างแล้วกัน เจอกับแร่พลังงาน ในเมื่อเขามีชีวิตรอดกลับมา นั่นหมายความว่าที่นั่นไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งนักครองอาณาเขตอยู่ใช่หรือเปล่า?

———————

——————————————–

ตอนที่ 297 เจ็บเจียนตาย (2)

“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จ่ายออกไปมากพอแล้ว”

อู๋ขุยซานแค่นยิ้ม “ถ้าขั้นแปดคนหนึ่งตายในสนามรบยังไม่พอ งั้นเพิ่มอีกสักสองสามคนน่าจะพอแล้ว หลายปีมานี้ นอกจากหน่วยทหารก็มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้นี่แหละที่ยอดฝีมือตายในสนามรบมากที่สุด ไม่สิ ยอดฝีมือที่ตายในสงครามของหน่วยทหารพวกนั้น ส่วนมากก็มาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ รัฐมนตรี หลั่งเลือดนั้นได้ แต่จะให้หลั่งน้ำตาอีก ไม่เหมาะสมจริงๆ พวกเราเรียกร้องเกินไปงั้นหรือ? นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้พูดออกมาประโยคหนึ่ง ใช้เลือดเนื้อและชีวิตแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรฝึกวิชาให้ตัวเองยังไม่ได้ งั้นตกลงจะสู้ไปเพื่ออะไรกัน?”

“ประเทศชาติคือครอบครัว…นั่นเลื่อนลอยเกินไป! ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด จะปกป้องประเทศชาติได้ยังไงอีก! บางคนนั่งรักษาการณ์อยู่ข้างหลัง จะรู้ได้ยังไงว่าแนวหน้าเจอกับอาวุธผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำสักเล่ม ยาสมุนไพรฝึกวิชาสักเม็ดมันยากแค่ไหน! นั่นเป็นสิ่งที่ใช้เลือดเนื้อและชีวิตแลกมา พวกคุณกล้ากลืนลงไปอย่างนั้นเหรอ? มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่อยากได้ผลงาน พวกเราแข็งแกร่งแล้ว ผลงานก็ตามมาเอง พวกเราเคยพูดเรื่องหนีสงครามหรือไง? เคยบ่นว่ามีคนตายในสงครามมากไป หลังจากนี้จะไม่ลงถ้ำอีกหรือเปล่า? น่าจะไม่เคยด้วยซ้ำ!”

ท่ามกลางฝูงชนมีคนแค่นเสียงในลำคอ

ผลปรากฏว่าเพิ่งจะแค่นเสียง เถียนมู่ก็โมโหขึ้นมาทันที “เจิ้งหมิงหง อธิการอู๋พูดอยู่ ไอ้เวรอย่างนายแค่นเสียงหาพระแสงอะไร อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ฉันนั้นสงสัยว่านายก็คือหัวหน้าใหญ่ของพวกลัทธินอกรีต! ไม่งั้นพวกนอกรีตจะเอายาบำรุงมาจากไหน? นายควบคุมบริษัทยาบำรุง ถ้ำใต้ดินปกป้องพวกนอกรีตอย่างเข้มงวด รัฐบาลก็จัดการอย่างเด็ดขาด เงินมาได้ยังไง ยาบำรุงซื้อมาจากไหน…”

“เถียนมู่ นายกล้าพูดใส่ร้ายคนอื่นได้ยังไง!”

“ใส่ร้ายปู่นายสิ เจิ้งหมิงหง ฉันยังยืนยันคำเดิม ครั้งนี้ถ้าบริษัทยาบำรุงไม่ชอบมาพากล ฉันจะฆ่านายเป็นคนแรกแล้วค่อยไปจัดการพวกถ้ำอีกสักคน! นายคิดว่าตัวเองขั้นแปดแล้วก็กล้าอวดดีกับฉันสินะ ฉันฆ่ามาเยอะกว่าคนที่นายเคยเจออีก นายมันแค่ขั้นแปดที่อัดยาบำรุง ฉันต่อยหมัดเดียวนายก็ตายได้แล้ว!”

“ฉันอัดยาบำรุง?” เจิ้งหมิงหงที่อยู่ตรงข้ามปะทุโทสะขึ้นมา เดือดดาลอย่างยิ่ง “นายลองอัดยาบำรุงจนทะลวงขั้นแปดให้ฉันดูสิ? วันนั้นฉันสังหารศัตรูในถ้ำของปักกิ่งนับไม่ถ้วน วันนี้กลายเป็นหัวหน้าลัทธินอกรีตตามลมปากนายซะแล้ว คนไร้ค่าที่อัดยาบำรุงงั้นเหรอ?”

“นั่นมันอดีตแล้ว หลังจากทะลวงขั้นเจ็ด นายลงถ้ำใต้ดินกี่ครั้งกัน?”

เถียนมู่เอ่ยอย่างดูแคลน แค่นเสียงว่า “ปีนั้นฉันยกย่องในความกล้าหาญของนาย ตอนนี้นายนับว่าเป็นอะไรล่ะ ไม่ยอมงั้นพวกเรามาลองกันสักตั้ง!”

“พอได้แล้ว!”

จางเทาตะคอกเบาๆ ยอดฝีมือขั้นเก้าปะทุโทสะ ทุกคนต่างเงียบเสียง รวมถึงเถียนมู่ที่ไม่ปริปากอีกแล้ว

น้ำเสียงหยาบกระด้าง ไม่ได้หมายความว่าโง่ คนโง่ทะลวงขั้นแปดไม่ได้อยู่แล้ว

จงใจเปิดประเด็นบางอย่างทิ้งไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวหลังจากนี้

แม้ว่าจางเทาจะเป็นปรมาจารย์ในอันดับที่สอง แต่ตอนนี้ก็ปวดหัวไม่หยุดเช่นกัน

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้…ไม่ใช่เรื่องของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อย่างเดียวอีกแล้ว!

เรื่องนี้ยื่นคำร้องตามปกติคงไม่มีหวัง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ปรมาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ไม่ใช้วิธีปกติ แต่กลับพาปรมาจารย์เข้ามาพร้อมกันถึงสิบคน

แต่เรื่องนี้ไม่อาจรับปากได้

วันนี้รับปากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พรุ่งนี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งก็จะเอาบ้าง ภายหลังมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่นๆ จะเป็นแบบนี้เช่นกัน งั้นบริษัทยาบำรุงและอาวุธก็จะเสียหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ลงถ้ำใต้ดินและไม่เข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้พวกนั้นจะทำยังไง?

เงียบไปพักหนึ่งก่อนจางเทาจะเอ่ยว่า “เรื่องอื่นๆ ยังไม่พูดถึง แต่เรื่องขยายขนาดการผลิตของเซี่ยงไฮ้ แล้วแต่พวกนาย แต่ว่าทุกปีต้องส่งมอบวัตถุดิบมูลค่าหนึ่งหมื่นล้านให้บริษัทยาบำรุงและอาวุธ อธิการอู๋ ทุกคน นี่เป็นขีดจำกัดที่ฉันสามารถทำให้ได้ ไม่งั้นสถานการณ์บ้านเมืองเลวร้าย ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่พวกนั้นคงไม่อาจกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้แล้ว จุดนี้ทุกคนน่าจะเข้าใจดี”

อู๋ขุยซานเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยว่า “ได้ แต่ต้องรับซื้อในราคาเดิม”

จางเทากวาดสายตามองคนด้านหลัง เงียบไปพักหนึ่งแล้วค่อยพยักหน้าเบาๆ ว่า “ฉันรับปากแทนพวกเขา”

เพิ่งจะพูดจบ เจิ้งหมิงหงก็ขมวดคิ้วว่า “หมื่นล้านน้อยเกินไป…”

ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จัดสรรวัตถุดิบให้บริษัทใหญ่สองหมื่นล้านเป็นอย่างต่ำ แม้จะต้องจ่ายเงิน แต่วัตถุดิบก็คือวัตถุดิบ สร้างออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว

ตอนนี้จู่ๆ จะลดไปครึ่งหนึ่ง บริษัทยาบำรุงและผลิตอาวุธย่อมได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า

จางเทาชำเลืองตามองเขาแวบหนึ่ง แก่งแย่งในเวลานี้คิดจะยั่วโทสะปรมาจารย์จากเซี่ยงไฮ้พวกนี้จริงๆ หรือไง?

อู๋ขุยซานกลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ได้รับความยินยอมจากจางเทาแล้วก็กระแอมไอเบาๆ “รัฐมนตรี ทุกท่าน พวกเรายังมีธุระอีก ต้องขอตัวก่อน!”

ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนปรมาจารย์สิบคนจะปลีกตัวไวยิ่งกว่าตอนมา ชั่วพริบตาก็หายไปไม่เห็นเงาแล้ว!

ยอดฝีมือจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้บางส่วนที่ยังอยู่ที่เดิมต่างสบสายตากันอย่างงกเงิ่น

เซี่ยงไฮ้เป็นผู้บุกเบิกแล้ว ทุกคนต่างอยากจะลองทำตามบ้าง

จางเทาสัมผัสบรรยากาศนี้ได้นานแล้ว เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “จ่ายออกไปเท่าไหร่ก็จะได้กลับคืนเท่านั้น อัตราการตายของมหาวิทยาลัยชื่อดัง รวมถึงจำนวนที่ฆ่าศัตรู รางวัลได้มากน้อยเท่าไหร่ ฉันมีคำตอบหมดแล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ครองอันดับสูงมาโดยตลอด ดังนั้นฉันจึงเห็นด้วยกับคำขอของเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่นคิดเอาเองละกัน รวมถึงปักกิ่งด้วย หลายปีนี้ฆ่าศัตรูและได้รางวัลเท่าไหร่ เทียบกับเซี่ยงไฮ้แล้วเป็นยังไง? ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว ทุกอย่างต้องเอาผลคะแนนมาคุยกัน! หากมีคะแนนและผลการรบที่เตะตาย่อมขาดพวกนายไปไม่ได้อยู่แล้ว!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา รวมถึงความเกรงขามของยอดฝีมืออันดับสองของขั้นเก้าผู้นี้ ปรมาจารย์บางส่วนจึงละทิ้งความคิดในใจไป

ยังไม่พูดถึงเรื่องจะรวบรวมทัพที่แข็งแกร่งอย่างเซี่ยงไฮ้ออกมาได้ขนาดนี้หรือเปล่า แม้จะทำได้ แต่ครั้งแรกยังพอว่า ครั้งที่สองนั่นเป็นการจงใจฉีกหน้าแล้ว คิดว่ายอดฝีมือขั้นเก้าพูดคุยได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรือไง?

ส่วนมหาวิทยาลัยปักกิ่งที่แข็งแกร่งพอๆ กับเซี่ยงไฮ้…สถานการณ์นั้นซับซ้อนอยู่บ้าง รวมทั้งช่วงนี้ถูกชื่อเสียงของเซี่ยงไฮ้กลบรัศมี อาจจะไม่โผล่ออกมาเสมอไป

มหาวิทยาลัยปักกิ่งที่ปักหลักในปักกิ่ง สถานการณ์ของเบื้องบนค่อนข้างซับซ้อนเช่นกัน ศิษย์เก่าหลายคนล้วนทำงานในรัฐบาลกลาง

ช่วงเวลาสั้นๆ ไฟยังไม่ทันจุดก็ถูกดับก่อนซะแล้ว

แต่ว่าเรื่องนี้หยั่งรากลึกในใจของทุกคนเช่นกัน เมื่อถึงจังหวะโอกาสที่เหมาะสม เอาออกมาพูดอีกครั้งใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน

วันที่ 16 กันยายน

อธิการบดีทั้งสองคนกลับสู่มหาวิทยาลัย

วันนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ประกาศนโยบายใหม่

นโยบายมีมากมาย สรุปแล้วก็แค่หนึ่งประโยค หลังจากนี้จะได้รับคะแนนง่ายขึ้นแล้ว

ไม่ว่าจะนักศึกษาเก่านักศึกษาใหม่ เมื่อก่อนทำหนึ่งภารกิจจะได้รับห้าคะแนน ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสิบคะแนนแล้ว ทั้งกำลังซื้อยังเหมือนเดิม

ช่วงเวลาสั้นๆ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ร้องเฮกันลั่น บรรยากาศคึกคักอย่างถึงที่สุด!

ด้านสมาคมผิงหยวนก็ใช้ประโยชน์ของตัวเองอีกครั้ง เรื่องทั้งหมดนี้เป็นผลพวงมาจากพวกอธิการบดี รวมถึงฟางผิงที่เป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้นจึงช่วงชิงผลประโยชน์มาให้ทุกคนได้!

ครั้งนี้ฟางผิงไม่กล้าเสนอหน้าอีกแล้ว ครั้งนี้ล่วงเกินคนมากมาย เขาถ่อมตัวไว้จะดีที่สุด

ในระหว่างที่อธิการประกาศข่าวก็ถือโอกาสเพิ่มความเกรงขามให้ตัวเองไปด้วย แน่นอนว่าไม่ได้ออกหน้าออกตาเกินไป ด้านหน้ายังมีปรมาจารย์อีกหลายคนอยู่

ในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์

ฟางผิงรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง มองไปทางเฉินอวิ๋นซีว่า “อันที่จริงนี่เป็นผลงานของฉันคนเดียว ฉันกลายเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เป็นความโชคดีของเซี่ยงไฮ้แล้ว น่าเสียดาย ฉันเป็นคนมักน้อย ไม่อยากเอาความดีความชอบ…”

ฟางผิงถอนหายใจติดต่อกัน ถ้าฉันเป็นปรมาจารย์ ครั้งนี้ต้องประกาศอย่างออกหน้าออกตาสักหน่อย

ตอนนี้ช่างเถอะ ให้พวกอธิการอู๋ได้หน้ากันไป ยังไงพวกตาเฒ่าก็ลำบากเทียวไปรอบหนึ่ง ระยะทางกว่าพันลี้ไม่ใช่เรื่องง่าย อายุปูนนี้กันแล้ว

แต่…ฟางผิงใช่ว่าจะไม่ได้ผลประโยชน์เลย

อย่างน้อยหลังจากนี้ทำภารกิจอีก คะแนนก็จะมากขึ้นหนึ่งเท่าตัวแล้ว

“ไม่สิ…ฉันขาดทุนหนักต่างหาก!”

จู่ๆ ฟางผิงก็ตระหนักอะไรบางอย่างได้ ยกมือทาบหัวใจว่า “ไม่ได้สิ ก่อนหน้านี้ฉันได้คะแนนกว่าหนึ่งหมื่น ไม่ได้หมายความว่า…ฉันขาดทุนคะแนนไปกว่าหมื่นงั้นเหรอ?”

“แม้จะหนึ่งหมื่นคะแนน นั่นก็เป็นเงินสามร้อยล้าน…แม่งเหอะ บัญชีนี้จะคิดกับใครดี?”

ฟางผิงบีบรัดที่หัวใจ ขาดทุนหนักจริงๆ ตั้งหลายร้อยล้าน ไม่เคยขาดทุนขนาดนี้มาก่อน มากสุดก็เรื่องของหวังจินหยาง แต่นั่นไม่ถึงห้าสิบล้านด้วยซ้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ นี้กลับเสียหายไปหลายร้อยล้าน จะคิดบัญชีกับใครดี?

จางอวี่?

ตาเฒ่าหลี่?

หรือใครอีก?

เห็นฟางผิงเจ็บราวกับจะเป็นจะตาย เฉินอวิ๋นซีถึงกับตะลึงงัน

เป็นเรื่องดีชัดๆ แต่ทำไมเขาดูเหมือนเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกชำแหละเนื้ออีกล่ะ?

สำหรับฟางผิงความเจ็บปวดนั้นเกินจะบรรยายได้แล้ว ถูกปรมาจารย์ไล่ฆ่า เขายังไม่เป็นถึงขั้นนี้เลย?

———————-

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์ รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา ฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปี ผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง! หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่ เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้ แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้น แม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตาม เรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท