ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 310-2 ราชาปีศาจหวนกลับ (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 310 ราชาปีศาจหวนกลับ (2)

ฟางผิงอธิบายว่า “เพื่อเตรียมความพร้อมขุดแร่พลังงานหลังจากนี้ไง ความเร็วต้องไว การเคลื่อนไหวก็ต้องคล่องแคล่ว รอหลายปีต่อจากนั้น ทุกคนต้องซาบซึ้งในตัวฉันแน่”

เฉินอวิ๋นซีเอ่ยอย่างไม่มั่นใจอยู่บ้าง “จะซาบซึ้งนายจริงๆ เหรอ?”

“แน่นอน ถึงเวลานั้นทุกคนจะเข้าใจเอง ทุกอย่างที่ฉันทำในวันนี้ก็เพื่อพวกเขาทั้งหมด เพื่ออนาคตของพวกเขา ถึงเวลานั้นพวกเขาจะรู้เองว่ามีฉันเป็นประธาน เป็นความโชคดีของพวกเขาขนาดไหน พวกหลี่หานซงจากปักกิ่งนั้นเคยตระหนักถึงจุดนี้หรือเปล่า? นักศึกษาที่ขุดแร่ไม่เป็น ภายหลังเข้าไปในถ้ำ เจอกับพลังงานแร่ จะใช้ความเร็วช่วงชิงและวิ่งหนีสิ่งมีชีวิตระดับสูงพวกนั้นได้ยังไง?”

เฉินอวิ๋นซียังคงงุนงง

ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่สามารถเข้าใจได้สินะ? ไม่สามารถเข้าใจได้ก็ถูกแล้ว อัจฉริยะไม่อาจถูกคนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ หรอก แต่ไม่เป็นไร ตอบแทนออกไปบ้าง ตัวเองเข้าใจคนเดียวก็พอแล้ว”

“อ่อ”

“ใช่สิ ปู่ของเธอตอบรับเรื่องสนับสนุนพวกเราหรือยัง?” ฟางผิงนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ ถามออกไป

เฉินอวิ๋นซีเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “ปู่เขา…”

“เขาว่ายังไง?”

“เขา…”

“พูดมา”

“เขาบอกว่าครั้งหน้าเจอนาย เขาจะ…เขาจะอัดนายจมเข้าไปในดิน ให้ติดอยู่ในนั้นหนึ่งเดือน”

ฟางผิงใบหน้าดำคล้ำ แค่นเสียงว่า “ให้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์รวบรวมสมาชิกขั้นสามไปจัดการแข่งขันแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยจิงหนาน บอกพวกเขาว่าไม่ชนะไม่ต้องกลับมา!”

อำนาจอยู่ในมือจะให้เสียประโยชน์เปล่าไม่ได้

พูดจบ ฟางผิงค่อยมองไปทางเฉินอวิ๋นซี “เธอก็ไปด้วย เธอเป็นคนนำทีม ครั้งนี้เธอต้องชนะ ชนะให้ขาดลอย ถ้าเธอแพ้ นั่นหมายความว่าเธอจงใจอ่อนข้อให้”

เฉินอวิ๋นซีแทบจะร้องไห้ออกมา นี่เหมาะสมงั้นเหรอ?

ให้ฉันไปสู้กับลูกศิษย์ของปู่?

“อืม ตามนั้นแหละ ไปเถอะ เตรียมตัวสักหน่อย สั่งการให้ดี ฉันเชื่อมั่นในตัวเธออวิ๋นซี พยายามเข้าล่ะ รีบทะลวงขั้นสี่ให้ได้ไวๆ”

ฟางผิงดูเวลา ก่อนจะเอ่ยว่า “ช่วงนี้ฉันต้องฝึกวิชา ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอย่ามารบกวน ครั้งนี้ฝึกฝนสำเร็จแล้ว ฉันคงจะเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลาย”

เฉินอวิ๋นซีสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าว่า “เข้าใจแล้ว งั้นมหาวิทยาลัยจิงหนาน…”

“เธอไม่อยากไป?”

“ไป!”

เฉินอวิ๋นซีขบริมฝีปาก ไปก็ไป ใครกลัวกัน ปู่ก็จริงๆ เลย ทุกคนต่างให้ความสนับสนุน ปู่สนับสนุนให้นิดหน่อยจะเป็นไรไป

ในเวลาเดียวกัน

“ฮัดชิ้ว!”

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จิงหนาน ผู้เฒ่าเฉินจามออกมา ขมวดคิ้วว่า “ใครพูดถึงฉันกัน?”

ขึ้นชื่อว่าปรมาจารย์ โรคภัยไม่กล้ำกรายอยู่แล้ว ไอ้ลูกหมาตัวไหนลอบด่าตัวเองกัน?

บ้านพักหมายเลขแปด

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม “หลอมหัวใจเป็นด่านที่ยากที่สุดในอวัยวะตันทั้งห้าแล้ว ผ่านด่านหลอมหัวใจ การหลอมอวัยวะภายในอื่นๆ ล้วนสบายกว่าแล้ว หลอมหัวใจ อันที่จริงเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลังงานหัวใจอย่างหนึ่ง”

ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ เอ่ยว่า “เรื่องนี้ผมรู้ แต่ก่อนหน้านี้คุณบอกว่ามนุษย์ชาติและผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไม่เหมือนกัน จุดที่ไม่เหมือนนี้อยู่ตรงไหนเหรอครับ?”

“ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำใช้พลังงานมาแทนที่เลือดเนื้อ มนุษยชาติกลับไม่ใช่แบบนั้น”

หลู่เฟิ่งโหรวอธิบาย “สิ่งที่พวกเราเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงพลังงาน ไม่ใช่เปลี่ยนจากหัวใจเป็นหินพลังงาน แต่เป็นการติดเครื่องยนต์อย่างหนึ่ง นี่เกี่ยวพันไปถึงทิศทางเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนกัน ทิศทางเปลี่ยนแปลงของพวกเขาเป็นการเปลี่ยนแปลงของพลังงานทั้งหมด ส่วนทิศทางเปลี่ยนแปลงของพวกเราคือให้หัวใจเปลี่ยนเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่ง”

ฟางผิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “หมายความว่าสามารถให้หัวใจดูดซับพลังงานนอกโลกอย่างรวดเร็ว จากนั้นดำเนินการแลกเปลี่ยนให้เป็นพลังปราณที่พวกเราต้องการแล้วฟื้นฟูอย่างรวดเร็วให้พวกเราอีกครั้ง…”

“ใช่ นี่เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง หรือก็คือกระบวนการหลอม หัวใจค่อนข้างซับซ้อน เธอเคยเรียนองค์ประกอบร่างกายมนุษย์มาแล้ว น่าจะรู้ว่าอันที่จริงหัวใจแบ่งเป็นหลายห้อง ห้องบนซ้ายขวาและห้องล่างซ้ายขวา สิ่งที่พวกเราเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงหลอมรวมก็คือทำให้ห้องหัวใจพวกนี้เป็นหนึ่งเดียวกัน!”

ฟางผิงขมวดคิ้วขึ้นทันที “หัวใจมีความซับซ้อน ทั้งยังเป็นจุดเด่นของวิวัฒนาการของมนุษย์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์เลื้อยคลานต่างมีหัวใจห้องบนสองห้องและห้องล่างสองห้อง สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมีหัวใจห้องบนสองห้อง ห้องล่างหนึ่งห้อง สัตว์จำพวกปลามีแค่หัวใจห้องบนหนึ่งห้อง ห้องล่างหนึ่งห้อง ตอนนี้จะหลอมหัวใจบนและล่างทั้งสี่ห้องรวมเป็นหนึ่ง นี่ไม่ได้ล้าหลังลงหรอกเหรอครับ?”

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เธอรู้ได้ยังไงงว่าความซับซ้อนถึงเป็นวิวัฒนาการ? หลักการอันยิ่งใหญ่จะเรียบง่ายที่สุด จากง่ายๆ ไปถึงซับซ้อน ทั้งจากซับซ้อนไปถึงง่ายๆ อีกครั้ง นี่ไม่ใช่วิวัฒนาการหรือไง? หัวใจมีความซับซ้อน สำหรับมนุษย์ทั่วไปเหมาะสมอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกเรา สำหรับยอดฝีมือที่ไล่ตามการฝ่าขีดจำกัดของร่างกาย นั่นไม่เหมาะอีกต่อไปแล้ว ทั้งการหลอมรวมเธอคิดว่าเป็นเรื่องง่าย? ภายในหัวใจมีหลอดเลือดและเส้นประสาทกระจายอยู่มากมาย เปลี่ยนแปลงหัวใจ อันที่จริงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนอย่างมาก เธอต้องหลอมเส้นประสาทและหลอดเลือดพวกนี้ทีละเส้นทั้งยังต้องแยกออกจากกัน จัดระเบียบใหม่อีกครั้ง ให้หลอดเลือดพวกนั้นไม่คดเคี้ยวซับซ้อนอีก จัดเรียงสี่ห้องหัวใจให้รวมเป็นหนึ่ง จากนั้นเธอก็ต้องใช้สะพานหัวใจสร้างทางเดินลำเลียงใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง เข้าใจความหมายของฉันหรือเปล่า?”

ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย “หมายความว่าลิ้นหัวใจและหลอดเลือดที่อยู่ในหัวใจต้องแบ่งแยกโพรงผนังรอบๆ สร้างหลอดเลือดพลังงานตรงกลางขึ้นมาใหม่?”

“จะเข้าใจแบบนี้ก็ได้”

“นี่ก็อันตรายเกินไปแล้วมั้งครับ” ฟางผิงเอ่ยอย่างมืดหม่น “อาจารย์ วิธีฝึกฝนแบบนี้ใครเป็นคนคิดกัน? นี่หากตัดหลอดเลือดหัวใจผิดไปหลายเส้นคงไม่ลาโลกนี้ไปหรอกเหรอครับ?”

“ไม่ถึงขนาดนั้น อันตรายมีอยู่แล้ว แต่คงไม่ถึงตาย” หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้ม “ส่วนใครเป็นคนคิด ฉันจะไปรู้ได้ยังไง เธอมีโอกาสลองไปถามดูเอง ได้ยินว่าผู้ฝึกยุทธ์รุ่นแรกนั้นสามารถทลายมิติได้”

ฟางผิงเบ้ปาก ฉันตายแล้วจะลองไปถามดูละกัน

“ไม่น่าล่ะทุกคนถึงหยุดอยู่ในขั้นสี่ตอนกลางซะนาน นี่ใช้เวลาไม่น้อยเลยจริงๆ อวัยวะตันทั้งสี่ที่เหลือไม่ได้ซับซ้อนขนาดนี้สินะครับ?”

“ใช่แล้ว หัวใจนั้นเป็นต้นกำเนิด อวัยวะอื่นๆ ไม่ได้ยากขนาดนั้นแล้ว”

“ค่อยยังดีหน่อย”

หลู่เฟิ่งโหรวครุ่นคิดเล็กน้อย “ปราณเธอใช้ได้ไม่ขาดสาย อันที่จริงกระบวนการหลอมรวมเปลี่ยนแปลงจะง่ายอยูบ้าง หลอมติดต่อกันจะดีกว่าเปลี่ยนแปลงทีละครั้งอยู่บ้าง หลายครั้งที่อันตรายเกิดขึ้นตอนที่ปราณขาดระหว่างกระบวนการหลอม เธอพยายามหน่อยละกัน เพิ่งย้ายหลอดเลือดจากตำแหน่งเดิม จู่ๆ ปราณก็ขาดระหว่างการหลอมนั้นแทบไม่ต้องคิดก็น่าจะรู้ว่าเวลานี้เจ็บปวดขนาดไหน สำหรับเธอแล้วน่าจะลดความเจ็บปวดได้บ้าง”

“อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ”

ฟางผิงพยักหน้า ก่อนจะถามข้อสงสัยบางอย่างอีกเล็กน้อยจึงรู้ขั้นตอนหลอมหัวใจและข้อควรระวังปลีกย่อยคร่าวๆ ขึ้นมา

นี่เป็นข้อแตกต่างระหว่างการมีอาจารย์กับไม่มีอาจารย์ ทั้งยังเป็นข้อแตกต่างของการมีอาจารย์เป็นยอดฝีมือและผู้อ่อนแอด้วยเช่นกัน

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป อาจารย์ขั้นสามยังมาไม่ถึงจุดนี้ด้วยซ้ำ จะรู้ได้ยังไงว่าฝึกแบบไหน ทั้งไม่สามารถพูดละเอียดยิบย่อยได้

หลอมอวัยวะตันทั้งห้า ไม่ใช่หลอมมั่วซั่วก็สำเร็จได้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่รู้รายละเอียดยิบย่อยหลอมมั่วซั่วนั้นอันตรายอย่างมาก

พูดคุยเรื่องฝึกวิชาแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวก็ถามว่า “เข้าถ้ำใต้ดินเจอเบาะแสพ่อฉันบ้างหรือเปล่า?”

“ไม่เลยครับ”

หลู่เฟิ่งโหรวถอนหายใจเบาๆ ไม่ถามต่ออีก

ครั้งก่อนสงครามใหญ่ดุเดือดขนาดนั้น พ่อของตัวเองยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย หากไม่ได้อยู่รอบนอก ก็คง…ตายไปแล้ว

โอกาสอย่างหลังสูงมากกว่า

ไม่อยู่รอบนอก หมายความว่าต้องเข้าสู่เขตส่วนกลาง?

หรืออยู่ภูเขาส่วนกลางกัน?

แต่ที่นั่นมีปีศาจระดับสูงอยู่นับไม่ถ้วน โอกาสมีชีวิตรอดนั้นน้อยมาก

“ไปฝึกวิชาเถอะ”

หลู่เฟิ่งโหรวซึมลงอยู่บ้าง ลูกสาวตายแล้ว พ่อ…ก็มาจากตัวเองไปอีกงั้นเหรอ?

ฟางผิงเงียบลงเช่นกัน ก้าวเท้าจากไปเบาๆ โอกาสที่พ่อของหลู่เฟิ่งโหรวจะมีชีวิตอยู่นั้นมีไม่มากเลยจริงๆ

——————-

ตอนที่ 303 ไม่ทันไรก็แยกกันซะแล้ว (2)

ฟางผิงยังไม่ทันร่วงสู่พื้น ดาบของฉินเฟิ่งชิงก็ฟันลงมาแล้ว

ยอดฝีมือระดับกลางกำลังจะถอนตัวกลับ พลังจิตใจฟางผิงกลับระเบิดอานุภาพขึ้นอีกครั้ง แช่ค้างฝีเท้าเขาไว้ครู่หนึ่ง

ในชั่วพริบตานี้ ดาบของฉินเฟิ่งชิงก็วาดผ่านลำคออีกฝ่ายทันที!

เสียงใบมีดตัดผ่านดังขึ้นอย่างแผ่วเบา คล้ายว่าดาบยาวไม่ได้ให้ผลนัก อีกฝ่ายยังคงถอยหลังต่อหลายก้าว ความเร็วกลับค่อยๆ ลดลงแล้ว

ฉินเฟิ่งชิงไม่ตามโจมตีต่อ ตกสู่พื้นแล้วก็วิ่งไปทางฟางผิงทันที

ยอดฝีมือวัยกลางคนไม่ได้ไล่ตามมา แววตาคล้ายเผยความสับสนงุนงง

หลังจากนั้นไม่นานจู่ๆ ลำคอก็มีน้ำพุเลือดพวยพุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย

หัวที่ยังประกบติดกันเมื่อครู่ ตอนนี้ถูกน้ำพุเลือดดันกระเด็นออกไปตกสู่พื้น

ฉินเฟิ่งชิงหอบหายใจอย่างหนัก ฟางผิงใช้พลังปราณฟื้นฟูบาดแผลแขนขวาตัวเองไม่ขาดสาย แค่นเสียงว่า “ครั้งหน้าพวกเราร่วมมือกัน นายสกัดบ้าง ฉันจะระเบิดพลัง!”

ทุกครั้งล้วนเป็นฉินเฟิ่งชิงที่ระเบิดพลัง ส่วนคนที่บาดเจ็บก็เป็นเขาตลอด

ปะทะกับยอดฝีมือขั้นห้าซึ่งๆ หน้า ฟางผิงยังด้อยไปกว่าเล็กน้อย แม้ว่าพื้นฐานร่างกายของเขาจะแตะถึงขั้นสี่สูงสุดแล้ว แต่ไม่ได้หลอมอวัยวะตันทั้งห้า หากไม่ระวังจะถูกยอดฝีมือขั้นห้าสั่นสะเทือนอวัยวะภายในได้ง่าย

ฉินเฟิ่งชิงหอบหายใจ “นาย…นายฆ่า…เขาด้วยกระบวนท่าเดียวได้หรือไง?”

“ถ้าฉันไม่สกัดให้ นายจะฆ่าเขาได้งั้นเหรอ?”

ฉินเฟิ่งชิงออกดาบว่องไว อานุภาพก็ไม่ได้อ่อนด้อย แต่ไม่มีฟางผิง เขาไม่สามารถหาโอกาสออกกระบวนท่าได้อยู่แล้ว

“ถ้าฉันไม่ฆ่าเขา นายจะทนไหวหรือไง?”

“ไม่มีฉันต้านเขาไว้ นายจะฆ่าเขาได้ยังไง?”

“ฉันไม่ฆ่าเขา คนที่ตายก็ต้องเป็นนาย”

“ฉันวิ่งเร็วกว่าเขา พลังอึดกว่าเขา หากจะมีคนตายก็ต้องเป็นนาย!”

“…”

ฉินเฟิ่งชิงชำเลืองตามองเขา แม่งเหอะ คนตายไปแล้วมาแข่งเรื่องพวกนี้กันมีประโยชน์หรือไง?

เขากำลังคิดเรื่องพวกนี้ ฟางผิงกลับเอ่ยว่า “หัวใจเขาเป็นของฉัน”

“แม่แกสิ!”

ฉินเฟิ่งชิงหลุดด่าออกไป สรุปแล้วที่ร่ายมายืดยาวเพราะเรื่องนี้?

“เป็นของนายก็ได้…”

ครั้งนี้ฉินเฟิ่งชิงพูดง่ายเป็นพิเศษ ก่อนจะเอ่ยอย่างรวดเร็ว “พวกข้างหลังนั่นก็ของนายเหมือนกัน รีบหน่อย ฉันต้องทำเวลา!”

สาเหตุที่ตัดสินใจฉับไวเพราะข้างหลังยังมีขั้นสี่พวกนั้นไล่ตามมาอีก

ตอนนี้เขาระเบิดพลังไปเต็มที่แล้ว หนึ่งดาบใช้ปราณไปครึ่งใหญ่ กำลังกายแทบจะหมดเกลี้ยง

ฟางผิงไม่ลงมือ เขาทำได้เพียงวิ่งหนีเท่านั้น ทั้งยังต้องระวังถูกไล่ตามอีก

ฟางผิงมองแขนขวาที่เลือดเนื้อผสมปนเปกันไปหมดแวบหนึ่ง อดด่าออกมาไม่ได้ หากเป็นคนธรรมดา แขนขวาน่าจะพิการไปแล้ว

ไอ้เวรฉินเฟิ่งชิง นอกจากดาบที่ออกเมื่อครู่ดาบเดียวแล้ว แทบจะเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

“แบ่งกำไรกับนาย ทุกครั้งล้วนเอาเปรียบฉัน ช่วยชีวิตไร้ค่าของนาย ดาบนั่นของนายต้องยกให้ฉัน!”

ฟางผิงไม่สนใจว่าเขาจะตอบรับหรือไม่ ดาบนั่นเป็นเงินกว่าห้าสิบล้าน ไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นของฉัน!

ฉินเฟิ่งชิงเผลอจับดาบแน่นทันที แม่งเหอะ ฉันยังไม่วางแผนกับนายเลย เขากลับจับจ้องสมบัติล้ำค่าเพียงชิ้นเดียวของฉันได้?

ตอนนี้ฟางผิงถลาตัวออกไปแล้ว มือซ้ายกำหมัด ระเบิดเสียงคำราม บนหมัดก็ประกายแสงสีแดงจ้า

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สี่คนที่ไล่ตามมามีตั้งแต่ขั้นตอนต้นถึงตอนปลาย

แต่เทียบกับฟางผิงแล้ว คนพวกนี้ยังคงฝึกเคล็ดวิชาระดับกลาง พื้นฐานร่างกายและปราณต่างสู้ฟางผิงไม่ได้ รวมกับพลังจิตใจที่ข่มขวัญคนอื่นได้ของฟางผิง แทบจะฆ่าพวกเขาได้ง่ายๆ ราวกับหั่นแตงโม ไม่ถึงสามสิบวินาทีก็สังหารเรียบทั้งสี่คน

“กระจอก!”

ฟางผิงทุบหมัดที่หัวคนสุดท้าย ถ่มน้ำลายออกมา เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ยังสู้สหายหลิงไม่ได้!”

ตอนนี้พลังของฉินเฟิ่งชิงฟื้นฟูขึ้นมาบ้างแล้ว คลำร่างของยอดฝีมือขั้นห้าพร้อมเอ่ยไปพลาง “ใครคือสหายหลิง?”

“หลิงอีอี”

“หา?”

ฉินเฟิ่งชิงชะงักไปเล็กน้อย ฟางผิงกลับไม่สนใจเขาอีก เริ่มลงมือเก็บสินสงคราม

ไม่ถึงหนึ่งนาที

สินสงครามทั้งหมดก็วางกองตรงหน้าทั้งสองคน

“อาวุธระดับ D สามเล่ม ไม่ถึงสามสิบจิน”

“หัวใจพลังงานห้าดวง ขั้นสี่สี่คน ขั้นห้าหนึ่งคน”

ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะทำสีหน้าจนใจ มีแค่นี้!

ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยเสียงเบาว่า “กลางคืนของพวกเขาเพิ่งเริ่ม ของน่าจะอยู่ในตำหนักนั้นแน่”

ฟางผิงพยักหน้าก่อนจะเก็บของทุกอย่างใส่กระสอบของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ

ฉินเฟิ่งชิงเห็นก็กัดฟันว่า “เกินไปแล้ว!”

“ฉันเป็นคนฆ่าขั้นสี่ทั้งหมด ส่วนขั้นห้านายบอกแล้วว่าจะเอาหัวใจให้ฉัน หรือของทั้งหมดจะไม่ใช่ของฉันอีก?”

ฉินเฟิ่งชิงอายจนโมโหอยู่บ้าง “ถึงยังไงก็ควรให้ฉันสักหน่อย ตอนแรกฉันคิดว่าขั้นห้าจะมีของดีบ้างซะอีก!”

เขานึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะไม่พกอะไรมาเลย

ผลปรากฏว่าทั้งสองคนหมดแรงไปเกือบครึ่งเพราะฆ่าอีกฝ่าย กลับแทบไม่ได้อะไรเลย

ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่ง โยนป้ายสถานะห้าอันนั้นให้เขา “ให้อันนี้นายละกัน เอาไปขายได้ มีป้ายของขั้นห้าอีกน่าจะมีมูลค่า”

ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำอาจจะไม่พกอะไรเลย แต่ป้ายสถานะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ในถ้ำใต้ดินนี่คือเครื่องหมายของฐานะ ตำแหน่งและเกียรติยศ

ผู้ฝึกยุทธ์ต้องพกป้ายสถานะติดตัว

“ฉัน@#%…”

ฉินเฟิ่งชิงด่ากราดออกมา สรุปแล้วฉันได้แค่ของพวกนี้?

อันที่จริงป้ายสถานะนับว่ามีประโยชน์ไม่น้อย สามารถนำไปแลกแต้มสะสมจากหน่วยทหารได้หรือบางคนก็ชอบเก็บสะสมเหมือนกัน

แต่เทียบกับผลประโยชน์ทั้งหมดแล้ว ของสิ่งนี้ไม่เพียงพอให้หยิบยกมาพูดถึงด้วยซ้ำ

ฉินเฟิ่งชิงกัดฟันว่า “อย่างน้อยควรจะแบ่งหัวใจขั้นสี่ให้ฉันสักหน่อย ไม่งั้นก็แยกทางกัน!”

“งั้นก็แยกทาง”

ฟางผิงทำหน้าไม่แยแส ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียงในลำคอ ไม่มากความอีก สาวเท้าเดินไปทันที

เช่นเดียวกัน ฟางผิงก็ไม่ร่ำรี้ร่ำไร สาวเท้าเดินต่อ

ทั้งสองคนเดินไปทิศทางเดียวกัน

ฉินเฟิ่งชิงเดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “อย่าตามฉันมา!”

“นายสิตามฉัน!”

ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็พึมพำ “นายไม่กลัวว่าในนั้นจะมียอดฝีมือขั้นหกบ้างหรือไง?”

ทิศทางที่ทั้งสองเดินไปก็คือหุบเขาเมื่อครู่

ในนั้นยังมีสมุนไพรที่เก็บไม่หมด ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขั้นห้าพวกนี้แทบไม่ได้เอาอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าในตำหนักคงจะมีของดีไม่น้อย

ทั้งสองคนแยกทางกัน เห็นได้ชัดว่าอยากอุบของไว้คนเดียว

ฉินเฟิ่งชิงเดินไปก็เอ่ยไปพลาง “ฉันว่าไม่มี”

“ฉันว่ามี”

“งั้นนายไม่ต้องไป”

“ฉันจะปกป้องนาย”

“ไม่จำเป็น!”

“…”

ทั้งสองคนหยุดฝีเท้า ฉินเฟิ่งชิงทำหน้ากลัดกลุ้ม เอ่ยอย่างจนใจว่า “ไปด้วยกัน”

“ได้”

ฟางผิงหัวเราะขึ้นมา เวลานี้ค่อยเอ่ยว่า “ฉันเดาว่าข้างในน่าจะไม่มีขั้นหกแล้วเหมือนกัน ไม่งั้นคงไล่ตามพวกเรามาแล้ว ยังไงอุปกรณ์เตือนภัยก็ถูกทำลายไปเรียบร้อย ลองคิดในมุมมองคนอื่น ไม่รู้ว่าศัตรูแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ เวลานี้มีขั้นหกจะนั่งอยู่กับที่ได้งั้นเหรอ? หากเป็นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มีคนบุกเข้ามาในเขตทางใต้ ยอดฝีมือคงไปรวมตัวกันทันที มียอดฝีมือขั้นหกขั้นเจ็ดอยู่ แต่ให้ขั้นห้าไปไล่ฆ่า นี่ฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่”

ฉินเฟิ่งชิงพึมพำว่า “บางทีอาจจะมีขั้นเจ็ด คนเขาอยู่ขั้นเจ็ดต้องวางมาดใหญ่โต พวกเราเป็นแค่หัวขโมยตัวเล็กๆ ขั้นเจ็ดไม่ไล่ตามมาก็มีเหตุผลเหมือนกัน”

เมื่อครู่คนหนึ่งบอกว่ามี อีกคนบอกว่าไม่มี ตอนนี้มากลับตาลปัตรกันอีกแล้ว

แต่ทั้งสองคนต่างไม่สนใจว่าจะมีหรือไม่มี มีผลประโยชน์ก็เพียงพอแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นเขาหัวหมาป่ายังไม่นับว่าเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ พลังงานไม่เข้มข้นจนเกินไป อันที่จริงทั้งสองคนต่างคาดเดาว่ายอดฝีมือขั้นเจ็ดคงไม่มาอยู่ที่นี่

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ขั้นห้าที่ไล่ฆ่าพวกเขาก่อนหน้านั้นอาจจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว

หากโชคร้ายจริงๆ เจอกับขั้นหกก็แค่หนีเท่านั้น

สถานการณ์ของทั้งสองคนในตอนนี้ แม้จะร่วมมือกันก็ฆ่าขั้นหกไม่ได้อยู่ดี

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าสูงสุด อาจจะฆ่าไม่ได้เช่นกัน แต่ยังพอตอบโต้ได้บ้าง

คนเมื่อตะกี้อาจจะเป็นขั้นห้าตอนต้นหรือตอนกลาง แต่ไม่ถึงตอนปลายอย่างแน่นอน ไม่งั้นฟางผิงคงไม่ได้สกัดง่ายๆ ขนาดนั้น

———————-

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์ รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา ฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปี ผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง! หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่ เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้ แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้น แม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตาม เรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท