ตอนที่ 203 ทำลายจนหมดสิ้น โลกมนุษย์ที่สอง
“อ๊าก!”
“ขั้นเจ็ดทัณฑ์ ล้วนเป็นขั้นเจ็ดทัณฑ์!”
“หึ! จะเป็นไปได้เช่นไร สองคนนั้นมิใช่ร่างจำแลงของเขารึ เหตุใดจึงเป็นขั้นเจ็ดทัณฑ์เช่นกัน”
เมื่อเห็นเช่นนั้น เทียนเสียและเหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลก็มีสีหน้าตื่นตระหนก เพราะถูกพลังบ่มเพาะขั้นเจ็ดทัณฑ์ของหนิงฝานทั้งสามคนที่ปะทุออกมาทำให้ตื่นตกใจ
แล้วเพียงชั่วอึดใจ ปราณกระบี่ทั้งสามดวงที่ออกมาจากร่างทั้งสามร่างของหนิงฝานก็ระเบิดออกอย่างแรง
ตู้มมมม!
หนิงฝานทั้งสามคนถือกระบี่เซียนเอาไว้ เมื่อกระบี่เซียนสับฟันออกไปก็กลายเป็นปราณกระบี่สามสายพุ่งตรงเข้าไปหาผู้นำเผ่าบรรพกาลทั้งสาม
ปัง! ปัง! ปัง!
ด้วยเสียงระเบิดทั้งสามเสียงนี้ แม้แต่เสียงอันน่าเวทนาของผู้นำเผ่าบรรพกาลทั้งสามคนยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงร้อง ก็ถูกปราณกระบี่ของหนิงฝานตัดออกจนเลือดสาดกระเซ็นไปในอากาศ
“อ๊าก!”
“รีบลงมือ!”
“ฆ่าพวกมัน!”
เมื่อเห็นภาพฉากนี้แล้ว เทียนเสียและเหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นเหล่ากองกำลังทหารเซียนก็ใช้ออกด้วยสุดยอดพลัง เคล็ดวิชาระดมโจมตีเข้าใส่หนิงฝานทั้งสามคน
ทว่าท่าทีของหนิงฝานทั้งสามกลับเย็นชามากขึ้น กระบี่เซียนทั้งสามตวัดฟันออกไป บังเกิดพลังทำลายล้างพุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้คนอย่างอุกอาจ!
ปัง! ปัง! อ๊าก! อ๊าก!
ชั่วพริบตา หนิงฝานทั้งสามคนก็พุ่งทะยานเข้าใส่เหล่าเผ่าบรรพกาลราวกับหมาป่าไล่ล่าฝูงแกะ ตรงเข้าไปสังหารทันที แล้วเมื่อปราณกระบี่กวาดออกไปก็เกิดเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถ เหล่าเซียนธุลีสีชาดเริ่มล้มลงราวกับใบไม้ร่วง
นอกจากเทียนเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นขั้นหนึ่งทัณฑ์หรือหกทัณฑ์ก็มิอาจหลีกพ้นกระบี่แห่งการฆ่าฟันได้
เวลานี้เซียนธุลีสีชาดที่แข็งแกร่งมาตลอดในสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนก็ถูกจัดการราวกับถูกถอนวัชพืช แขนขาหัก ตัวขาดครึ่ง เลือดสาดกระเซ็น และกลิ่นคาวสนิมก็โชยคลุ้งไปทั่วทุกสารทิศ
“อ๊าก!”
“บัดซบ!”
“ไม่! เป็นไปไม่ได้!”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!”
เมื่อมองเห็นผู้คนรอบตัวค่อย ๆ ล้มลงทีละคน เหล่าผู้นำและเทียนเสียต่างก็มีสีหน้าที่เต็มไปความหวาดกลัวและสิ้นหวัง
หากมีเพียงร่างหลักของหนิงฝานเพียงแค่ร่างเดียวที่เป็นขั้นเจ็ดทัณฑ์ เหล่าเซียนธุลีสีชาดที่อยู่ที่นี่กว่าสิบคนก็คงไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด
แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่า หนิงฝานจะสามารถจำแลงออกมาได้ถึงสองร่าง ซ้ำแล้วร่างจำแลงยังมีพลังเหมือนกับร่างหลักอีก ขั้นเจ็ดทัณฑ์หนึ่งคนกลายเป็นขั้นเจ็ดทัณฑ์สามคน สถานการณ์เช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่มีวิธีที่จะต้านทานได้
อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!
เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ และเพียงชั่วพริบตาเดียว เหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลก็ล้มลงไปมากกว่าครึ่ง
“อ๊าก!”
“รีบหนีเร็ว!”
“คนผู้นี้ต้องเป็นวิญญาณปีศาจแน่ ๆ”
จนถึงตอนนี้ เหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลที่เหลืออยู่ สูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ไปจนหมด ใบหน้าของทุกคนไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งและการดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไป ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวและความมึนงง
ฝูงชนกระจายตัวเพื่อหลบหนี โดยเฉพาะเทียนเสียที่เป็นคนแรกที่หลบหนีออกไปไกลมากที่สุด
แต่หนิงฝานจะสามารถปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้อย่างไร?
พรึ่บ!
ร่างหลักของหนิงฝานและร่างจำแลงทั้งสองกลายเป็นลำแสงกระบี่พุ่งใส่ฝูงชนและตามฆ่าอย่างไร้ความปรานี
อ๊าก!
ผู้นำเผ่าสุนัขสวรรค์ ตาย!
ตู้ม!
ผู้นำเผ่าโลหิตสีเงิน ตาย!
ครืน!
ผู้นำเผ่าสายฟ้าอินทนิล ตาย!
ปัง!
ผู้นำเผ่าปีศาจกระทิงจอมพลัง ล้มลง!
และท้ายที่สุด ผู้นำเผ่าอาชูร่าที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวก็ถูกปราณกระบี่ฟันจนตาย
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
หลังจากฆ่าเหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลจนหมด หนิงฝานกับร่างจำแลงทั้งสองก็หายวับไปไล่ล่าเทียนเสียต่อ
ร่างทั้งสามร่างยืนล้อมรอบตัวเทียนเสียทั้งสามมุม ในมือถือกระบี่อาบเลือดและค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้เทียนเสีย สายตาจับจ้องอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
“ไม่!”
“อย่าฆ่าข้าเลย!”
“เผ่าสวรรค์ก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่มาจากเผ่ามนุษย์ พวกเรายังคงมีต้นกำเนิดและบรรพบุรุษเดียวกัน!”
เมื่อเห็นหนิงฝานก้าวเข้ามาเรื่อย ๆ ใบหน้าของเทียนเสียก็ยิ่งเปี่ยมไปด้วยความหวาดผวา เขาร้องขึ้นพร้อมกับคุกเข่าลง ก้มกราบอย่างร้องขอความเมตตา
“ฮ่า ๆ! ตอนนี้ยอมรับแล้วหรือว่าตัวเองก็เป็นเผ่ามนุษย์?”
เห็นเช่นนั้น ใบหน้าของหนิงฝานเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย แล้วร่างหลักของหนิงฝานก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “น่าเสียดาย เผ่ามนุษย์ของข้ามิอาจยอมรับพวกที่ลืมกำพืดและทอดทิ้งเผ่าพันธุ์เดียวกันได้!”
“ตาย!”
สิ้นเสียงคำว่าตาย หนิงฝานทั้งสามคนก็ตวัดกระบี่ในมือออก คมกระบี่เย็นเยียบปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมา
“อ๊าก! หนิงฝาน เหตุใดเจ้าถึงกล้าฆ่าข้า!?”
“ข้ามาจากโลกมนุษย์ที่สอง เป็นถึงผู้อาวุโสลำดับที่เจ็ดแห่งเผ่าสวรรค์ หากเจ้าฆ่าข้า เผ่าสวรรค์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ และจะไม่มีทางปล่อยเผ่ามนุษย์ทุกคนบนโลกมนุษย์นี้ไปด้วย!”
ท้ายที่สุด เทียนเสียที่แม้ว่าภายในจะอ่อนแอแต่ก็ทำท่าทีเป็นเข้มแข็ง นำเอาเผ่าสวรรค์ออกมาข่มขู่
ทว่าหนิงฝานกลับเหมือนไม่ได้ยินสิ่งใด เขาตวัดฟันกระบี่สามเล่มลงไปอย่างแรง
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อกระบี่ทั้งสามเล่มสับฟันลงไป เนื้อหนังมังสาและจิตวิญญาณเซียนของเทียนเสียแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ด้วยการตกลงครั้งสุดท้ายของเทียนเสีย ภายในอากาศอันว่างเปล่าอย่างไรที่สิ้นสุดนี้ หลังจากนั้นความเงียบสงัดก็กลับคืนมา
ตู้ม!
แม้ท่ามกลางความว่างเปล่านี้จะเงียบสงัด แต่ภายในด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากลับระเบิดออกด้วยแรงอารมณ์
“ตายแล้ว! ตายหมดแล้ว!”
“เซียนธุลีสีชาดผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่าบรรพกาลทั้งหมดถูกท่านหนิงฝานทำลายหมดแล้ว!”
“ฮ่า ๆ! ดีจริง ๆ ในที่สุดโลกมนุษย์ของข้าก็มีวันที่สงบสุขได้แล้ว!”
“นี่ล้วนเป็นเพราะท่านหนิงฝาน ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับท่านหนิงฝานได้อีกแล้ว!”
“ขอบพระคุณท่านหนิงฝานที่ฆ่าเผ่าบรรพกาลเพื่อโลกมนุษย์ของเรา!”
“…”
ภายในด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้าส่งเสียงร้องดังกึกก้องไปทั่ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เอ่ยนามของหนิงฝาน แม้ว่าข่าวนี้จะถูกส่งไปยังโลกมนุษย์แล้ว แต่เหล่าผู้คนก็ยังคงพูดกันไม่รู้จบ
แต่ยามนี้หนิงฝานกลับไม่ได้สนใจเสียงดังภายในด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้า กลับกัน เขามองไปยังเทียนเสียที่ตายตกไปแล้ว ก่อนจะหวนนึกถึงคำพูดสุดท้ายของอีกฝ่ายก่อนที่จะตาย
โลกมนุษย์ที่สอง…
เผ่าสวรรค์!
เทียนเสียกล่าวเช่นนั้น เผ่าสวรรค์จะต้องเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่!
พรึ่บ!
นึกถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ยื่นมือออกไปเพื่อหลอมรวมร่างกายและจิตวิญญาณเซียนของเทียนเสีย เพราะต้องการทำความเข้าใจถึงเผ่าสวรรค์และโลกมนุษย์ที่สองที่อีกฝ่ายพูดถึง
พรึ่บ!
เมื่อร่างกายและจิตวิญญาณเซียนของเทียนเสียถูกหลอมรวม ความทรงจำและข้อมูลต่าง ๆ ในตอนที่เขามีชีวิตอยู่ ภาพพวกนั้นปรากฏขึ้นในหัวของหนิงฝานราวกับเขานั่งอยู่บนหลังม้าและรับชมอย่างเพลิดเพลิน
จากความทรงจำทั้งหมดของเทียนเสีย
ย้อนกลับไปยังสมัยโบราณเมื่อล้านปีก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงจากทัณฑ์พิบัติเซียน เผ่าราชันบรรพกาลทั้งสิบเผ่าใหญ่ร่วมมือกันตัดขาดดินแดนโลกมนุษย์ออกไปถึงครึ่งหนึ่ง และหนีมายังโลกมนุษย์
ทว่าเผ่าราชันบรรพกาลทั้งสิบเผ่าใหญ่นี้มิได้เพียงเร่ร่อนไปทั่วเหมือนกับเหล่าเผ่าบรรพกาลเผ่าอื่น ๆ แต่กลับสร้างโลกมนุษย์ที่สองขึ้นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากดินแดนของโลกมนุษย์มากนัก
และล้านปีมานี้ก็มีเผ่าบรรพกาลเผ่าเล็ก ๆ มากมายที่ยอมเข้าร่วมกับโลกมนุษย์ที่สอง ในวันนี้จากการพัฒนามาตลอดล้านปี โลกมนุษย์ที่สองแข็งแกร่งมากกว่าโลกมนุษย์เดิมเป็นอย่างมาก
ถึงขั้นว่าเหล่าผู้นำเผ่าบรรพกาลยอมจ่ายให้เทียนเสียไปมาก เพื่อเชิญอีกฝ่ายมาจากโลกมนุษย์ที่สองนี้
“โลกมนุษย์ที่สอง”
“เผ่าสวรรค์”
“เผ่าราชันบรรพกาลทั้งสิบเผ่าใหญ่”
เวลานี้ สีหน้าของหนิงฝานหนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้ง
ในความทรงจำของเทียนเสีย แม้ว่าพลังฟ้าดินของโลกมนุษย์ที่สองนั้นจะแข็งแกร่งมาก แต่โดยเนื้อแท้แล้ว กลับเป็นเหมือนโลกใบเล็ก ๆ ของเหล่าเผ่าบรรพกาล พลังต้นกำเนิดไม่อาจอุบัติขึ้นมาใหม่ได้ แม้ล้านปีมานี้ โลกมนุษย์ที่สองจะไม่ได้หยุดควบรวมเหล่าเผ่าพันธุ์อื่นจากโลกใบเล็กอื่น ๆ เพื่อเพิ่มพลังต้นกำเนิด แต่พลังต้นกำเนิดเดิมก็ยังคงลดลงทุกวัน
แน่นอนว่าก่อนที่ทัณฑ์พิบัติเซียนจะมาถึง โลกมนุษย์ที่สองย่อมต้องมาแย่งชิงพลังต้นกำเนิดของโลกมนุษย์เดิมไปแน่!
“โลกมนุษย์ที่สอง”
หลังจากคิดทบทวนอีกครั้ง เขาก็ตัดสินใจได้ในทันที
ตอนนี้เขามีทักษะปราณผันไตรวิสุทธ์แล้ว ร่างจำแลงทั้งสองล้วนเป็นเหมือนร่างหลักอย่างมิต้องสงสัย ร่างหลักจะต้องอยู่ที่โลกมนุษย์เพื่อฝึกฝน หนึ่งในร่างจำแลงจะต้องคอยปกป้องดูแลด่านสวรรค์เก้าชั้นฟ้า และร่างจำแลงอีกร่างก็สามารถไปยังโลกมนุษย์ที่สองได้
หากเขาสามารถจัดการกับอันตรายที่ซ่อนอยู่ได้คงจะดีที่สุด พอตัดสินใจได้แล้ว ชายหนุ่มก็ไม่คิดรีรออีก
หนิงฝานร่างหลักหันมองไปยังหนิงฝานที่อยู่ในชุดคลุมสีดำ
หนิงฝานในชุดคลุมสีดำพยักหน้า เขาใช้เคล็ดแปลงร่างเทพปีศาจ แปลงร่างเป็นเทียนเสีย และเก็บเตาหลอมสวรรค์ของเทียนเสียไป จากนั้นก็นั่งรถม้าเก้ามังกรที่อีกฝ่ายนั่งมาในตอนแรกตามความทรงจำของเทียนเสียและตรงไปยังโลกมนุษย์ที่สอง
