บทที่ 550 ชิงผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม
บทที่ 550 ชิงผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม
เพียงไม่กี่อึดใจ ลู่หยวนกับซ่งชิงที่อยู่ในซากปรักหักพังก็ประมือกันนับร้อยครั้ง พวกเขาทั้งสองพลันดึงศักยภาพทั้งหมดออกมา!
เสียงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่องในซากปรักหักพังขณะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทั่วทุกแห่งหน!
ฟ้าดินสั่นไหว ไม่มีใครสามารถยืนอยู่บนพื้นดินได้อย่างปลอดภัย!
ซากปรักหักพังแห่งนี้ได้รับผลกระทบมากเช่นกัน มันเริ่มโดนบีบอัดอยู่เรื่อย ๆ ทางเข้าของมันเดิมทีถูกปิดเอาไว้ก็ถูกบังคับให้เปิดออก!
ผู้คนทั้งหลายใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อหลบหนีออกจากทางเข้าโดยไม่สนว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการจากซากปรักหักพังในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหรือไม่ก็ตาม!
ยังไงตอนนี้ชีวิตก็สำคัญที่สุด!
ลู่หยวนทำการโจมตีอย่างดุเดือดอีกครั้งจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น มันกระแทกเข้าใส่ดาบยาวของซ่งชิงจนกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว!
ซ่งชิงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นลู่หยวน เขารู้เพียงว่ามือของตนเองเกิดอาการชา
ตอนนี้ดูเหมือนว่าในด้านพละกำลังบริสุทธิ์ระหว่างทั้งสอง นอกจากการเสริมพลังจากระบบแล้ว ซ่งชิงยังนับว่าด้อยกว่าลู่หยวนเล็กน้อย!
ลู่หยวนทราบเช่นกันว่าวันนี้ไม่มีทางจะสังหารซ่งชิงได้ นี่ยังไม่รวมเรื่องที่ทั้งสองทรงพลังจนไม่มีทางหาผู้แพ้ผู้ชนะได้
หากซ่งชิงอยากหนีจริง ๆ เขาก็สามารถออกจากที่นี่ด้วยการใช้พลังของระบบได้ ต่อให้ลู่หยวนใช้ค่าโชคชะตาของระบบไล่ตามมาอย่างต่อเนื่องก็ไม่อาจรู้ว่าจะไล่ตามได้ทันเมื่อไหร่
ในเมื่อลู่หยวนมีค่าโชคชะตาของดินแดนหนึ่งซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ ดังนั้นซ่งชิงก็ใช่ว่าจะไม่มีเหมือนกัน!
ขณะวิตกกังวล ลำแสงสีทองก็รวมตัวในท้องนภาประหนึ่งถังพลิกคว่ำ แล้วกลิ่นอายก็เคลื่อนเข้าสู่ด้านใน! หมู่เมฆรวมตัวกันหนาทึบ!
พลังที่ไม่ได้เป็นของโลกใบนี้เริ่มรวมตัวอย่างแข็งขัน!
ลู่หยวนและซ่งชิงต่างใจสั่นไหว!
“เหอะ ลู่หยวน ความพ่ายแพ้ของเจ้ามาถึงแล้ว!”
ซ่งชิงพอจะคาดเดาได้ว่าเหตุใดพลังนี้ถึงปรากฏ!
สีหน้าของลู่หยวนไม่แปรเปลี่ยน เขายังคงจับจ้องไปทางซ่งชิง!
“ไม่ต้องรีบร้อน ข้าฆ่าเจ้าแน่ แม้วันนี้ข้าไม่มีเวลาที่จะทำแบบนั้น แต่ข้าก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะชิงผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม!”
ลู่หยวนถือง้าวไว้ในมือด้วยแววตามืดมน!
“ลู่หยวน หากเจ้ามีของดีอะไรก็คงงัดออกมาแล้ว! เจ้าเข้าใกล้ข้าไม่ได้นานขนาดนั้น เหตุใดถึงมาพูดเรื่องผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมเล่า? ช่างเพ้อฝันนัก!”
ดาบยาวของซ่งชิงสั่นไหวขณะพลังพลันเพิ่มขึ้น!
มุมปากของลู่หยวนค่อย ๆ ยกยิ้ม เขาหมุนง้าวเล็กน้อยแล้วพลันเอ่ยว่า “ซ่งชิง หากข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้ายังไม่รู้จักเคล็ดกายาสินะ”
ซ่งชิงไม่เข้าใจว่าเหตุใดลู่หยวนถึงพูดเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักเคล็ดกายาจริง
ประการแรก เขาไม่เคยประสบกับเคล็ดกายาลับที่ดีเลยสักครั้ง ประการที่สอง ตนเองไม่เคยตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงกับความสำคัญของมันในช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้นซ่งชิงจึงแทบไม่เคยสัมผัสเคล็ดกายา!
ลู่หยวนกวาดสายตาขึ้นไป แล้วมุมปากของเขาก็ยิ่งยกยิ้มจนดูน่าขยะแขยง “คงไม่สินะ ไม่เป็นไร”
“ชิ้ง!”
กลิ่นอายแห่งความเป็นความตายก็ปกคลุมอากาศธาตุขณะห้อมล้อมบริเวณที่ทั้งสองอยู่เอาไว้!
ปราณวิญญาณเริ่มหยุดนิ่งและไม่ไหลเวียนอีกต่อไป
กลิ่นอายที่ไหลเวียนไปมาอย่างรวดเร็วบนร่างของซ่งชิงคล้ายกับถูกบางสิ่งสกัดกั้นไว้ ทำให้เขาไม่สามารถขยับได้อีก!
“นี่มันโลกปรภพหรือ?!”
ซ่งชิงเคยเห็นอุบายของลู่หยวนในโลกปรภพมาก่อน ทันทีที่โลกนี้ปรากฏ มันจะกลืนกินอาณาเขตของชายชราเข้าไป
แต่คาดไม่ถึงว่าลู่หยวนจะใช้กลิ่นอายโลกปรภพเพื่อกลืนกินปราณวิญญาณรอบข้าง!
ซ่งชิงขัดขืนสักพักขณะตะโกนเรียกระบบในใจ ตอนนี้เองที่ลู่หยวนใกล้เข้ามา!
แม้ไม่มีความผันผวนปราณวิญญาณอยู่บนง้าว แต่มันยังกวาดเข้ามาพร้อมกับพลังมหาศาล พร้อมกับกระแทกตรงไปที่หน้าอกของซ่งชิงทันที
“โครม!”
ทันทีที่ง้าวแทงเข้าใส่ ลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาปกป้องหน้าอกของซ่งชิงเอาไว้ แล้วเสียงอันแหบพร่าก็ดังขึ้น “เจ้าหนู ข้าเคยเป็นคนแดนเซียนมาก่อน เห็นแก่ข้าเถอะ เจ้าช่วยไว้ชีวิตเจ้าหนูซ่งชิงได้หรือไม่?”
เงาร่างหนึ่งกำลังรวมตัวขึ้นทางฝั่งของซ่งชิง
ลู่หยวนทราบนานแล้วว่าซ่งชิงผู้มีระบบจะไม่มีความรู้และอุบายได้อย่างไร ขนาดเขายังมีเศษเสี้ยววิญญาณจำนวนมากที่ยังไม่มีกายเนื้อตามติด แล้วเหตุใดอีกฝ่ายจะไม่มีเล่า!
ตอนนี้เศษเสี้ยววิญญาณปรากฏแล้ว อีกฝ่ายอาจจะไม่เหลือไพ่ตายอีกก็เป็นได้ ลู่หยวนจึงดึงมือกลับมาพร้อมกับเก็บง้าว แล้วเขาก็หยิบแหวนเก็บของจากร่างของซ่งชิงทันที!
ซ่งชิงตอบสนองเช่นกันก่อนจะตะโกนออกมา “ชางเหล่า เอาปราณวิญญาณมาให้ข้า!”
“ขอรับ!”
ชางเหล่าเอ่ยตกลง แล้วกลุ่มปราณวิญญาณก็มาจากที่ใดไม่ทราบในพื้นที่ห่างไกลขณะทะลวงเข้าสู่ร่างของซ่งชิง!
“ชิ้ง!”
ดาบยาวในมือของซ่งชิงส่งเสียงร้องออกมา แล้วแสงสีทองก็ระเบิดออกมาก่อนจะฟันตรงไปข้างหน้า!
แสงสว่างวูบไหวด้วยความเร็วมหาศาล ลู่หยวนทำการขัดขืนการโจมตีของซ่งชิงด้วยพลังสามสั่นสะเทือน!
“โครม!”
สิ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แหวนเก็บของที่ตกอยู่ระหว่างลู่หยวนกับซ่งชิงก็ถูกฟัน!
ทุกสิ่งในแหวนเก็บของพุ่งออกมาทันทีประหนึ่งแม่น้ำรั่วสามพันลี้!
ลู่หยวนกับซ่งชิงจับจ้องไปที่คัมภีร์ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมทันที!
ทั้งสองลงมือพร้อมกัน!
“ชางเหล่า ช่วยข้า!”
“อูโจ้ว เจิ้งชิงเทียน อู๋เต้า สือจิ่ว!”
เสียงตอบรับจำนวนมากดังขึ้นพร้อมกัน นอกจากพวกเขาทั้งสองแล้ว ยังมีอีกห้าคนที่ปรากฏตัวขึ้น!
อูโจ้วไม่ก้าวไปข้างหน้าแต่กลับควบคุมทางเข้าโลกปรภพไปอยู่ข้างซ่งชิงเพื่อกลืนกินปราณวิญญาณที่เพิ่งก่อตัวขึ้นจนสิ้น!
เจิ้งชิงเทียนร่วมมือกับอู๋เต้า ถึงอย่างไรทั้งพวกเขากับคนที่ชื่อ “ชางเหล่า” ต่างก็เป็นเศษเสี้ยววิญญาณ!
แล้วการต่อสู้ก็อุบัติขึ้น!
สือจิ่วยังหลงเหลือปราณวิญญาณอยู่ในร่างกายก่อนจะค้นพบหนทางทะลวงในทันที นางจึงเข้าต่อสู้ขณะตรงเข้าหาผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม!
แต่ชางเหล่าคาดการณ์ไว้อยู่ก่อนแล้ว จึงลงมือหยุดยั้งสือจิ่วไว้! นั่นหมายความว่า เขาจะไม่สามารถไปช่วยอีกคนได้แล้ว!
ในเมื่อทั้งห้าพัวพันกันไปมา จึงเหลือเพียงลู่หยวนกับซ่งชิงที่มีสิทธิ์จะคว้ามันมาได้!
ลู่หยวนหรี่ตาขณะเอ่ยคำสี่พยางค์ “ตี้อู่เหอซ่าน!”
“น้อมรับ!”
ตี้อู่เหอซ่านตอบรับทันที แล้วบางสิ่งที่เหมือนกับเงาก็ปรากฏที่ด้านหลังของลู่หยวนก่อนร่างกายจะมีแสงสว่างวาบ แม้กระทั่งในสถานที่ที่ไม่มีร่องรอยของปราณวิญญาณ แต่เขาคล้ายกับได้รับการค้ำจุนด้วยปราณวิญญาณ!
ในที่สุดลู่หยวนก็ลงมือเร็วกว่าหนึ่งขั้นก่อนจะชิงผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมมาได้!
จากนั้นเขาเก็บมันไว้ แล้วหันหลังกลับมาพร้อมกำหมัด โดยพละกำลังของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
“ซ่งชิง มาดูกันว่าเจ้าจะตายด้วยหมัดของข้าหรือไม่!”
“ตู้ม!”
ลู่หยวนพลันปล่อยหมัดกระแทกใส่บริเวณหัวใจของซ่งชิงทันที ซ่งชิงตอบสนองทันควัน เขาเรียกระบบก่อนจะหายไปทันที
ลู่หยวนคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าร่างกายของอีกฝ่ายจะหายไป หลังจากนั้นเขาก็ปรากฏตัวตรงหน้าซ่งชิงอีกครั้ง!
“หนีหรือ? จะหนีไปไหน?!”
ลู่หยวนซัดหมัดออกไปอย่างแรง แรงกระแทกมหาศาลได้ระเบิดพื้นที่โดยรอบในพริบตา!
บทที่ 543 บ้านร้าง
บทที่ 543 บ้านร้าง
พวกลู่หยวนมองตัวอักขระบิดเบี้ยวสีแดงเข้มโดยไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
ลู่หยวนเป็นคนเดินนำเข้าสู่ทางขึ้นเขา!
วิ้ง!
หลังจากลู่หยวนก้าวเข้าไป คลื่นอากาศที่มองไม่เห็นก็กระจายออกจากลู่หยวน
จากนั้น การบ่มเพาะทั้งหมดของร่างกายลู่หยวนจางหายไปในทันที!
คนที่เหลือเข้าสู่ทางขึ้นเขาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นซวี่รั่วหลิงหรือกู้ชิงหรัน พวกนางต่างสัมผัสได้ว่าระดับการบ่มเพาะลดลงจนถึงศูนย์ในทันที
กระบี่หักที่อยู่ข้างกายกู้ชิงหรันไร้การสนับสนุนก่อนจะตกลงพื้นในทันที
กระบี่ยาวของซวี่รั่วหลิงที่กำลังลากร่างของเฉินจงก็ตกลงสู่พื้นเช่นกัน
ร่างของเฉินจงกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง!
ตอนนี้ลู่หยวนจำคำพูดที่เพิ่งเห็นใต้เขาได้ “ไม่มีการฝึกฝนที่นี่ ไม่มีการฝึกฝนในโลกใบนี้ ไม่มีการฝึกฝนในอาณาจักรนี้”
ลู่หยวนเข้าใจความหมายของประโยคนี้แล้ว
การเข้าสู่เทือกเขานี้จะส่งผลให้เกิดการสะกดการบ่มเพาะทั้งหมด
“ช่างน่าสนใจเสียจริง!”
ลู่หยวนยิ้มหยันขณะดวงตาทอประกายด้วยเจตจำนงการต่อสู้
แผ่นดินหยวนหงคือแผ่นดินที่พึ่งพาปราณวิญญาณในการค้ำจุน สรรพสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับการบ่มเพาะและพละกำลัง
ในแผ่นดินแห่งนี้ที่ปราณวิญญาณนับว่าเป็นกฎเกณฑ์ แต่ถึงกับมีพรมแดนที่สามารถตัดขาดการบ่มเพาะของทุกคนได้!
ซึ่งพรมแดนที่นี่คือซากปรักหักพังโบราณ!
ลู่หยวนอยากทราบว่าซากปรักหักพังแห่งนี้เป็นสถานที่แบบใด!
ท่ามกลางซากปรักหักพังเหล่านี้ถึงขั้นมีอุบายเกี่ยวกับแดนเซียน
เหอะ… เรื่องราวชักจะน่าสนใจแล้ว!
ลู่หยวนเดินขึ้นไป กู้ชิงหรันหยิบกระบี่หักขณะตามอีกฝ่ายไปจนสุดทาง
ซวี่รั่วหลิงรู้สึกเศร้าหมอง เนื่องจากตอนนี้นางขาดการบ่มเพาะ จึงทำได้เพียงลากเฉินจงตามไปเท่านั้น
โชคยังดีที่แม้รากฐานการบ่มเพาะของซวี่รั่วหลิงล้วนหายไป แต่กำลังกายยังคงอยู่ การลากเฉินจงจึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
โฮก!
ยิ่งพวกลู่หยวนเดินขึ้นเขาไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ยินเสียงสัตว์ร้ายจากทั้งสองฝั่งมากเท่านั้น
แม้กระทั่งเสียงกรอบแกรบก็ดังขึ้นเป็นครั้งคราว เนื่องจากสัตว์ร้ายเหล่านี้คล้ายกับสัมผัสได้ว่าพวกลู่หยวนกำลังใกล้เข้ามา พวกมันจึงพุ่งไปข้างหน้าทีละตัว
แต่ไม่ว่าจะเข้าใกล้มากแค่ไหน พวกมันก็ไม่ได้เข้าใกล้ทางขึ้นเขาสีเขียวนี้แต่อย่างใด
สายตาที่พวกมันมองพวกลู่หยวนเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่เมื่อเผชิญกับถนนหินสีเขียวก็คล้ายกับเกิดความระแวดระวัง!
หลังจากลู่หยวนทราบว่าสัตว์ร้ายเหล่านี้ไม่เข้าใกล้อีกต่อไป เขาก็เดินไปตามทางพลางนึกถึงแผนที่ในใจ
จากแผนที่ดังกล่าว ลู่หยวนควรมองหาถ้ำบนไหล่เขา
ถ้ำแห่งนั้นคือสถานที่ที่ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมตั้งอยู่
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการนำทางจะมีการผิดพลาด ถ้ำบนไหล่เขาน่าจะเป็นสถานที่ซ่อนตัวของสัตว์ร้ายทรงพลังยิ่ง!
สิ่งที่อยู่บนยอดเขาก็ไม่ได้มีการระบุเอาไว้บนแผนที่
แต่เพราะได้รับการนำทางโดยเฝยเฝย พวกเขาจึงมาถึงยอดเขาก่อน!
พวกลู่หยวนเดินไปจนสุดทาง เพียงสองถ้วยชาก็ไปถึงจุดสูงสุด
เมื่อไปถึงจุดสูงสุด พวกเขาพบว่าถนนหินสีเขียวกำลังจะสิ้นสุดเช่นกัน
ลู่หยวนยืนอยู่บนหินสีเขียวแผ่นสุดท้ายแล้วมองย้อนกลับไป สถานที่นี้คล้ายกับไม่ได้รับผลจากหมอกแม้แต่น้อย เมื่อสายตากวาดมองลงไป ภาพของเทือกเขาก็ปรากฏเด่นชัด!
“ช่างเป็นยันต์กระบี่ที่ยาวยิ่งนัก!”
ตี้อู่เหอซั่นพลันถอนหายใจอยู่ภายในจิตเทวะของลู่หยวน แล้วก็กวาดสายตามองเทือกเขาจากด้านข้างไปจนถึงพื้นดิน
เมื่อก้มมองจากที่นี่ ถึงได้รู้ว่าหินสีเขียวที่ไม่ราบเรียบเหล่านั้นเป็นยันต์กระบี่ที่ยาวมาก!
ยันต์กระบี่ทอดยาวออกไปจนปกคลุมทั่วเทือกเขา!
ยันต์กระบี่คล้ายกับเป็นที่พักพิงเรียบง่ายเพื่อปกป้องพวกลู่หยวนไปตลอดทาง
แต่เมื่อมาถึงที่นี่ ยันต์กระบี่ก็มาถึงจุดสิ้นสุดและอาจปกป้องพวกลู่หยวนไม่ได้อีกต่อไป!
โฮก! โฮก! โฮก!
เสียงคำรามของสัตว์ร้ายยังคงดังขึ้นปกคลุมทั่วทั้งเทือกเขา
สัตว์ร้ายเหล่านี้ติดตามพวกลู่หยวนตั้งแต่ขึ้นมา จนกระทั่งมาถึงหินสีเขียวแผ่นสุดท้าย พวกมันก็หยุดนิ่งตัวแล้วตัวเล่า
สัตว์ร้ายเหล่านั้นรายล้อมพวกเขาเอาไว้ทั้งนอกในถึงสามชั้น
ทันทีที่ลู่หยวนก้าวออกจากที่นี่ก็จะถูกฉีกทึ้งในทันที!
ลู่หยวนไม่ให้ความสนใจสัตว์ร้ายเหล่านี้ขณะยังคงมองซ้ายขวา ทันใดนั้น สายตาของเขาก็หยุดนิ่งขณะจับจ้องไปที่หน้าบ้านร้างหลังหนึ่ง
แม้บ้านร้างจะมีสภาพทรุดโทรม แต่มันยังคงตั้งตระหง่านแม้จะอยู่ท่ามกลางสายฝนบนขุนเขา
ซึ่งสัตว์ร้ายเหล่านี้ต่างก็หลีกทางให้บ้านหลังนั้นเช่นกัน
บริเวณนอกบ้านร้างยังแขวนขวดน้ำเต้าแกว่งไกวไปตามสายลม
ตอนนี้เองที่เฝยเฝยปรากฏขึ้นขณะดึงคอเสื้อของลู่หยวนแล้วชี้ไปยังสถานที่หนึ่ง โดยที่มันส่งเสียงร้องแหลมไม่หยุด
ไม่นานหลังจากส่งเสียงร้อง เฝยเฝยก็รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกอีกครั้ง ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องคิดก็ทราบแล้วว่าไอเย็นดังกล่าวมาจากใคร มันจึงมุดกลับเข้าอ้อมแขนของลู่หยวนอีกครั้ง!
“ที่นั่นงั้นรึ?”
ลู่หยวนยิ้มหยัน จากนั้นก็ก้าวออกจากถนนหินสีเขียวเพื่อสังหารสัตว์ร้ายที่ขวางทางตรงหน้า!
ในตอนนี้ เสียงคำรามหนึ่งดังไล่หลัง!
“มนุษย์ เจ้ามีเป้าหมายอะไรถึงได้บุกเข้ามาในเขาอู๋สิงของข้า?”
สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนเสือแต่มีเขามังกรและแปดหางก็เดินออกมาไม่ไกล
หลังจากได้ยินเสียงนี้ สัตว์ร้ายที่เหลือต่างหลีกทางให้ พวกมันทั้งหมดต่างก้มศีรษะด้วยความเคารพ
สัตว์ร้ายที่มีรูปร่างเหมือนเสือแต่มีเขามังกรและแปดหางปรากฏตรงหน้าลู่หยวน เขาหลุบสายตาต่ำลง ทันทีที่พ่นลมหายใจออกมา สายลมแรงกล้าก็กระจายไปทั่วทั้งเทือกเขา!
“มนุษย์ เขาอู๋สิงไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะบุกเข้ามาได้ ข้าขอแนะนำให้เจ้ากลับไปโดยไว!”
“กลับไปรึ? ได้อยู่แล้ว”
ลู่หยวนยิ้ม
สัตว์ร้ายตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ แน่นอนว่ามีมนุษย์จำนวนมากที่เดินผ่านมาถนนสายนี้จนมันต้องคอยเตือนอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่มีคนไหนที่คุยง่ายเหมือนกับคนผู้นี้มาก่อน
สัตว์ร้ายพยักหน้า “ช่างประเสริฐนัก จงไปเสีย”
ลู่หยวนหัวเราะคิกคัก “แต่ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว จะให้กลับไปมือเปล่าก็คงไม่ได้ เพราะงั้นช่วยมอบของดีที่สุดในภูเขาลูกนี้มาก่อนแล้วข้าถึงจะยอมไป”
“โอหัง!”
สัตว์ร้ายคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าคิดว่าสถานที่นี้คืออะไรถึงกล้ามาทำตัวเย่อหยิ่งถึงเพียงนี้?!”
มันฟาดฝ่ามือออกไป สายลมไร้ที่สิ้นสุดตรงเข้าบดขยี้ลู่หยวน
ลู่หยวนไม่กลัวเกรงแต่อย่างใด เขาหันข้างก่อนมือขวาจะกำหมัด
เขาเพิ่งเรียนรู้พลังสามสั่นสะเทือนมา ดังนั้นวันนี้ตนเองจึงอยากลองพลังของมันเสียหน่อย!
เมื่อกำลังจะซัดหมัดออกไปเพื่อหมายจะเข้าปะทะกับสัตว์ร้าย เขาก็ได้ยินเสียงของชายชรา
“โก่วจื่อ ให้เขาเข้ามา”
สัตว์ร้ายพลันหยุดการโจมตีและหุบกรงเล็บ จากนั้นจึงก้มศีรษะไปทางบ้านร้างด้วยความเคารพ
“ข้าน้อยน้อมรับ”
สิ้นคำ มันก็เดินจากไป แล้วสัตว์ร้ายทั้งหลายก็ตามติดเช่นกัน
จากนั้นเส้นทางสายหนึ่งที่นำไปสู่บ้านร้างก็เปิดออก
ลู่หยวนคิ้วขมวด สัตว์ร้ายตัวใหญ่ขนาดนั้นแต่กลับตั้งชื่อว่าโก่วจื่อ (ไอ้ลูกหมา) รสนิยมเลวร้ายเช่นนี้ช่างละม้ายคล้ายกับเขานัก
“ลู่หยวน เจ้ายังไม่เข้ามาอีกรึ? ซ่งชิงผู้นี้ดื่มชากับข้าไปหลายถ้วยแล้ว”
ซ่งชิงก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ?
ลู่หยวนยิ่งบังเกิดความสนใจ ดังนั้นเขาจึงก้าวออกไปแล้วเดินไปยังบ้านร้างทันที
———————————
